<h2>ยูโอบี ประเทศไทย จัดงานสัมมนาการลงทุนประจำปีเพื่อเผยกลยุทธ์และข้อมูลด้านการลงทุน เชิงลึกประจำปี 2566 ให้แก่ลูกค้า ภายในงานสัมมนายังกล่าวถึงการที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเริ่มที่จะไม่ต้องพึ่งพาประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp; ยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า "ในปี 2565 เราประสบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั่วโลก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตลาดจะต้องปรับฐาน และในปี 2566 นี้ เราคาดว่าความผันผวนจะยังคงดำเนินต่อไป ธนาคารยูโอบี มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าของเราให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ ด้วยการให้ข้อมูลและกลยุทธ์การลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจในอนาคตทางการเงินอย่างชาญฉลาด"&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐยังคงเป็นทางเลือกในการลงทุนที่แข็งแกร่งแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายระยะสั้น อุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐยังคงเป็นตัวเลือกการลงทุนที่แข็งแกร่ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้กลุ่มธนาคารได้เปรียบในส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิและรายได้โดยรวมของธนาคาร แม้ว่าจะมีโอกาสเติบโตในระยะยาว แต่ธนาคารยังคงเป็นธุรกิจหลักที่มีความท้าทาย เนื่องจากธนาคารดิจิทัลค่อยๆ เข้ามามีบทบาทในการแข่งขันกับสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความท้าทายในระยะสั้น ได้แก่ การตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายกองทุนที่ลดลงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ การตั้งสำรองหนี้สูญก็จะถูกลดลงเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนสำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารในปี 2566​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/kt7VoZC4awhxn5ifVTyW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="kt7VoZC4awhxn5ifVTyW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-percentage="auto,auto"></figure></div> เศรษฐกิจอาเซียนยังคงเติบโตและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ดี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าเศรษฐกิจในอาเซียน อาจได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เศรษฐกิจในอาเชียนมีโอกาสเติบโตจากการขยายตัวของชนชั้นกลางในเอเชีย ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้อาเซียนมีการพึ่งพาประเทศในตลาดพัฒนาแล้วน้อยลง ระดับมูลค่าหุ้นในอาเซียนมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ทั้งนี้การเปิดเศรษฐกิจสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วยังคงสร้างความท้าทายให้กับบริษัทที่ต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออก อุตสาหกรรมด้านสุขภาพทั่วโลกยังคงเป็นโอกาสแก่นักลงทุน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่เราเข้าสู่ปีที่สี่ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ภาคส่วนการดูแลสุขภาพทั่วโลกยังคงสร้างโอกาสสำหรับนักลงทุน อุตสาหกรรมด้านสุขภาพยังคงส่งผลดีต่อวงจรเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีพื้นฐานแข็งแกร่งมากที่สุด นอกจากนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ช่วยให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางไกลด้วยต้นทุนที่ลดลง เป็นสิ่งที่หนุนการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “นักลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และกระจายพอร์ตการลงทุนให้หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของธนาคารยูโอบี สามารถให้คำแนะนำด้วยความใส่ใจในทุกเรื่องที่สำคัญสำหรับนักลงทุน ก่อนการตัดสินใจลงทุนใดๆ นักลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าพวกเขามีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนและได้พิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว”อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ylg-%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95" alt="YLG ชี้ทองคำแรงต่อเนื่องรับข่าวเฟดหลังแบงก์สหรัฐฯ ส่อเค้าวิกฤต">YLG ชี้ทองคำแรงต่อเนื่องรับข่าวเฟดหลังแบงก์สหรัฐฯ ส่อเค้าวิกฤต</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

"ยูโอบี" เผยกลยุทธ์การลงทุนรับมือกับความผันผวนของตลาดในปี 2566

<h2>หลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด ก็มีทีท่าว่าจะคืบหน้าไปได้ด้วยดี ทั่วโลกต่างเฝ้ารอเวลาที่จะได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ จะไม่เป็นภัยคุมคามของโลกอีกต่อไป แล้ว การลงทุนหลังโควิด-19</h2>
&nbsp;

การกระจายของวัคซีนโควิด-19

นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างจับตาดูอย่างใกล้ชิด และคาดการณ์ถึงช่วงเวลาที่จะมีการกระจายวัคซีนทั่วโลก ในขณะที่ตลาดคาดหวังว่าจะมีวัคซีนจำหน่ายออกมาอย่างทั่วถึงในช่วงกลางปี ​​2564 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการพัฒนาวัคซีนก็ยังมีความเสี่ยงด้านการลงทุน การผลิตและจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19 อาจมีอุปสรรคระหว่างทางที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากต่างๆ ยังคงต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส

หากมองการฉีดวัคซีนที่จะมาถึงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ในแง่ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้นตามมา รัฐบาลในประเทศต่างๆ จะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการการเฝ้าระวังโควิด-19 และเมื่ออัตราการติดเชื้อลดลง ก็จะเร่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้ทุกกลุ่มธุรกิจเริ่มฟื้นกลับมา ยกเว้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่อาจต้องใช้เวลานานกว่าในการฟื้นตัว

&nbsp;

ความเร็วของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกในปี 2564 ที่ร้อยละ 5.2 โดยมีเอเชียนำโดยจีนเป็นผู้นำในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและคาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่ร้อยละ 8.2 ในปีนี้ ซึ่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้รับแรงหนุนจากมาตรการขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลจีนในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาด

รวมถึงนโยบายการเงินและการคลังโดยธนาคารกลางของจีน ในการลดอัตราดอกเบี้ยและเพื่อให้ธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นและมาตรการจูงใจของรัฐบาลในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs ) ให้นำดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจ

นอกจากนี้ปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาเพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ และการเปิดเสรีของตลาดการเงินจะทำให้สินทรัพย์ที่เน้นการเติบโตจากภายในประเทศของจีนเป็นที่น่าจับตามองของนักลงทุนมากขึ้น สำหรับเศรษฐกิจของเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ จากมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวด การตอบสนองรับนโยบายจากภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยรัฐบาลในแต่ละประเทศ

รัฐบาลในประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงให้การสนับสนุนเพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2564 เช่น การใช้จ่ายทางการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นภายใต้การบริหารของนายไบเดน ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในทวีปยุโรป ธนาคารกลางยุโรปยังคงอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

&nbsp;

ลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ตราบใดที่การแพร่ระบาดยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เราคาดว่าเศรษฐกิจจะเกิดการฟื้นตัวในรูปแบบ K-shaped (รูปที่ 1) เราเริ่มมองเห็นอุตสาหกรรมและภูมิภาคที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ยังคงต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ และธุรกิจอย่างอีคอมเมิร์ซ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการผลิตซอฟต์แวร์ รวมถึงยา ได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของดิจิทัล การช้อปปิ้งออนไลน์ และความใส่ใจด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมและภูมิภาคเหล่านี้จะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากโควิด-19 อย่างอินเดีย และละตินอเมริกา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางการท่องเที่ยวและการบริการ

<figure><img class="wp-image-42704 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/F.jpg" alt="" width="400" height="313" /><figcaption> รูปที่ 1: เศรษฐกิจจะเกิดการฟื้นตัวในรูปแบบ K-shaped</figcaption></figure>

ยูโอบีแนะนำลงทุนหุ้น Asia ex-Japan 

เมื่อเศรษฐกิจของจีนเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลในเอเชียในการสนับสนุนทางการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจด้านการส่งออกและรายได้น่าจะเพิ่มมากขึ้นในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

หุ้น Asia ex-Japan เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2563 ในกลุ่มที่เราแนะนำให้ลงทุน เนื่องจากภูมิภาคนี้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากจีนที่ฟื้นตัว หุ้นโลกที่มีคุณภาพสูงสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากโควิด-19 หุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็นในสหรัฐฯ ยังคงเป็นกลุ่มหุ้นเชิงรับ (defensive) เนื่องจากนักลงทุนมองหาหุ้นที่สามารถทนรับความผันผวนในตลาดได้ในขณะที่ยังได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงการล็อกดาวน์

<img class="alignnone size-full wp-image-42700" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/การลงทุนหลังโควิด_.jpg" alt="" width="600" height="424" />

ลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนในระยะยาวท่ามกลางความผันผวนของตลาด

เนื่องจากนักลงทุนมองไปยังโอกาสด้านการลงทุนที่อาจเกิดขึ้นในปี 2564 จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะต้องจัดพอร์ตลงทุนให้มีความหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด เราแนะนำให้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการจับจังหวะตลาด

ธนาคารยูโอบี เป็นธนาคารที่มุ่งเน้นให้นักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงในการลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุนสร้างสมดุลของพอร์ตการลงทุน และกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนักลงทุนควรลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ประเมินระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ และพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนก่อนผลตอบแทน

<img class="alignnone wp-image-42695" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/ยุทธชัย-เตยะราชกุล_001.jpg" alt="" width="200" height="200" />
บทความโดย
ยุทธชัย เตยะราชกุล
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บุคคลธนกิจ
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

ส่องเทรนด์การลงทุน: การลงทุนหลังโควิด-19

<h2>ยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เผยการจัดงานสัมมนาระดับโลกให้กับกลุ่มลูกค้าทั้ง UOB Wealth Banking และ UOB Private Banking เพื่อมอบประสบการณ์จากหลักสูตรเทรนด์นิ่งระดับโลกที่หาไม่ได้ ด้าน David Covey เผยถึงความกลกับดับความสำเร็จ 7 ประการ ให้ตระหนักคุณจากหลุมพรางทางด้านธุรกิจ</h2>
“จากเสียงตอบรับจากหลักสูตรสัมมนาโดย Dan Roam นักเขียนชื่อดังระดับโลก เจ้าของผลงาน The Back of the napkin หรือ “ปิ๊งด้วยภาพ” ที่มาถ่ายทอดเทคนิคการคิดเป็นภาพ ได้รับคะแนนตอบรับความพอใจจากลูกค้าทะลุ 90 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงหลักสูตรของ เบน ทิกเกลาร์ MBA ในหนึ่งวัน (MBA in one day) ผ่านวิทยากรชั้นของไทย จึงงานสัมมนา 7 Trap Tales ปลดล็อค “กับดักธุรกิจ” ที่ทำให้ธุรกิจไปไม่ถึงฝั่งฝัน” ยุทธชัย เตยะราชกุล กล่าวและเสริมว่า

ผมเชื่อมั่นว่า กิจกรรมดีๆ ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้านี้ จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่ช่วยเต็มเติมประสบการณ์ให้ลูกค้าในแบบที่ลูกค้าไม่เคยได้สัมผัส จากที่ผ่านมาเรามีการจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านการลงทุน มีนักวิเคราะห์ระดับมืออาชีพคอยประเมินภาพรวมการลงทุนเพื่อให้คำแนะนำด้านการลงทุนที่ได้มาตรฐานการยอมรับในระดับสากลกับลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ลูกค้า

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f84572c72eb98c8a071a1b92034889d4.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

ด้าน David Covey หนึ่งใน 100 วิทยากรผู้ทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2018 ผู้เขียนหนังสือ Trap Tales : Outsmarting the 7 Hidden Obstacles to Success และยังเป็นบุตรชายของ Steven Covey ผู้เขียนหนังสือชื่อดัง The 7 Habits of Highly Effective People ที่โด่งดังทั่วโลก

ภายในการบรรยาย David สรุปรวมถึงแนวทางผ่านการแก้ปัญหาจากกับดัก 7 ชนิด ที่แบ่งเป็น 3 กลุ่มสำคัญ กับดักที่เกิดด้วยตนเอง กับดักที่เกิดกับทีมงาน และ กับดักที่เกี่ยวกับบริหารจัดการ

โดยกลุ่มกับดักที่เกิดด้วยตนเองคือ กับดักโฟกัส, กับดักการเปลี่ยนแปลง, กับดักการเรียนรู้ กลุ่มกับดักที่เกิดจากการทำงาน คือ กับดักการมีสติ สงบ, กับดักการประสานงาน, กับดักหน้าที่การงาน และ กับดักทางด้านองค์กร ที่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย เดวิทกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าขั้นตอนการหลุดจากกับดักทั้ง 7 ประการนี้จำเป็นต้องใช้ 6 กระบวนการคิดวิเคราะห์เข้ามาบริหารจัดการ

โดยเริ่มต้นที่กระบวนการคิดวิเคราะห์แรกคือ การล่วงรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นกับดักหรือหลุมพราง กระบวนการที่สอง การประเมินมูลค่า ส่วนที่สามคือ ขั้นตอนของการพิจารณาวิเคราะห์การปฏิบัติและพฤติกรรมต่างๆ ว่าเป็นวิธีที่ยังเหมาะสมซึ่งไม่เป็นที่นิยมและล้าสมัย โดยขั้นตอนต่อไปคือการคบคิดเพื่อหาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา การหาไอเดียที่สดใหม่ในการทำงาน และขั้นตอนต่อไปคือการลงมือทำ ส่วนขั้นตอนสุดท้ายคือการทบทวนเพื่อหาข้อสรุป

“หากนำทั้ง 6 ขั้นตอนมาผสมผสานในการเข้าใจกับดักต่างๆ จะทำให้เรามองเห็นกับดักถ้าเราตกลงไปในหลุมพรางกับดักแล้วนั้น ขึ้นตอนต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณหลุดพ้นการหลุมพรางออกมา” David Covey กล่าว

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/901e42f8c0230ff666ebfb62116bd639.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> David Covey ผู้เขียน Trap Tales : Outsmarting the 7 Hidden Obstacles to Success</figcaption></figure>

ทั้งนี้จาก 7 กับดักทั้งหมด ในมุมมองของ David Covey นั้น กับดักที่คนตกลงไปมากที่สุดคือการยึดมั่นคือมั่นในตัวตน แน่นอนว่าการเห็นกับดักนี้การประครองสติปัญญามีความสำคัญที่อย่างยิ่ง และรวมไปถึงอารมณ์ฉุนเฉียวจะมีส่วนทำให้มองไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น

“ระหว่างการทำงานมักเกิดปัญหาซึ่งผู้คนจะเลือกระหว่างการระเบิดอารมณ์ไปกับปัญหาหรือไม่ก็หลีกเลี่ยงกับปัญหาซึ่งทั้งสองทางเลือกเป็นทางไม่ทำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่เป็นทางแก้เมื่อเกิดปัญหาคือการพูดคุยเผชิญแบบต่อหน้าอย่างมีสติจะช่วยให้ผ่านกับในเรื่องการมีสติ สงบได้”

David Covey กล่าวด้วยว่างานเขียนของพ่อที่ว่าถึง 7 ลักษณะนิสัยที่ทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ แต่งานเขียนของเขาจะพูดถึง 7 หลุมพรางกับดักที่ไม่สามารถทำให้เราไปให้ถึงความสำเร็จได้ และหวังว่าการสัมมนาโดย UOB เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนางาน “7 Trap Tales ปลดล็อค “กับดักธุรกิจ” ที่ทำให้ธุรกิจไปไม่ถึงฝั่งฝัน” ในครั้งนี้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events