<h2>กสิกรไทยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘K+ Go Inter’ บนแอปฯ K PLUS ตั้งเป้าหมายเป็นตัวช่วยเที่ยวต่างประเทศครบวงจร ทั้ง เช็กเรทแลกเงิน, ซื้อประกัน, ติดต่อธนาคาร ฯลฯ พร้อมสแกนจ่ายเงินได้ที่ประเทศจีนผ่าน Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) YunShanFu และ UnionPay QR</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ “K+ Go Inter” โดยรวบรวมบริการเที่ยวต่างประเทศทั้งหมดไว้ในฟีเจอร์นี้ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตลอดการเดินทางครบวงจร ได้แก่ เช็กเรทแลกเงิน ซื้อประกันเดินทาง ใช้ K PLUS โทรฟรีเพื่อติดต่อ K-Contact Center แลก K Point ใช้บริการ K Point KLUB ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จองทริปท่องเที่ยวกับ Gother เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ K PLUS ยังสามารถใช้สแกนจ่ายที่ต่างประเทศได้สะดวก ฟรีค่าธรรมเนียม (ตรวจสอบการให้บริการแต่ละประเภทกับทางธนาคาร) โดยสามารถใช้ K PLUS สแกนจ่ายชำระเงินได้ทันที โดยไม่ต้องผูกบัตรหรือเติมเงิน และไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด K PLUS พร้อมให้บริการในสาธารณรัฐประชาชนจีน ลูกค้าสามารถใช้ K PLUS สแกนจ่าย QR ได้ทั่วประเทศจีน เพียงมองหาสัญลักษณ์ Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) YunShanFu (หยุนฉานฟู) และ UnionPay QR ครอบคลุมร้านค้าทั่วจีน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) ยังครอบคลุมไปถึงร้านค้าสตรีทฟู้ด และการเดินทางขนส่งสาธารณะ ทำให้ลูกค้า K PLUS สแกนจ่าย QR ได้สะดวก เหมือนสแกนจ่ายในประเทศไทย โดยระบบจะแสดงอัตราแลกเปลี่ยนบนหน้าจอให้อัตโนมัติก่อนยืนยันชำระเงินด้วย ภาพ: กสิกรไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/travel/traveloka-survey-travel-redefined-apac-travellers-trend" alt="ผลสำรวจ Traveloka ชี้คนไทยชอบเที่ยวในประเทศ ทะเลและภูเขาคือจุดหมายยอดนิยม"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/it/global/cloudflare-year-in-review-2024-thailand-and-global" alt="Cloudflare เผยรายงานประจำปี 2024 พบทั่วโลก “อินเทอร์เน็ตล่ม” กว่า 220 ครั้ง บ่อยขึ้นกว่าปีก่อนหน้า"></a><a href="https://forbesthailand.com/preview/74566" alt="กสิกรไทยคาดปี 68 'ธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม' ในไทยแตะ 6.5 แสนล้าน เติบโต 4.6% แต่จะแข่งขันแรงขึ้น">กสิกรไทยคาดปี 68 'ธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม' ในไทยแตะ 6.5 แสนล้าน เติบโต 4.6% แต่จะแข่งขันแรงขึ้น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กสิกรไทยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘K+ Go Inter’ บนแอปฯ K PLUS รวมทุกบริการเรื่องเที่ยวในที่เดียว

<h2>ทรูมันนี่ (TrueMoney) ผู้ให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างตัวช่วยการจัดการเงินสำหรับร้านค้ายุคใหม่ ภายใต้ TrueMoney for Business เปิดตัว ‘Money Box กล่องเรียกทรัพย์’ อัปเกรดบริการให้สามารถรับชำระเงินได้หลายช่องทาง ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจเงินเข้าชัวร์ด้วยเสียงแจ้งเตือน ทั้งยังอำนวยความสะดวกในการทำบัญชี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรวุฒิ ปวิตรปก ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเป็นซูเปอร์แอปทางการเงินที่นำเสนอบริการเพื่อผู้บริโภคยุคดิจิทัล ทรูมันนี่ยังตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินดิจิทัลสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย ซึ่งเราได้ขยายบริการภายใต้ TrueMoney for Business อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือบริการรับชำระเงินสำหรับร้านค้า ซึ่งเป็น Touch Point ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อทั้งการช่วยให้ธุรกิจมีพื้นฐานการบริหารจัดการด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันทางการเงินได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/HqycowXcfpoDSHuVxnAH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HqycowXcfpoDSHuVxnAH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>กรวุฒิ ปวิตรปก</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ปริมาณการทำธุรกรรมในรูปแบบของ e-Money ในปี 2566 สูงถึง 3,000 ล้านรายการ เพิ่มจากปี 2563 ที่มีราว 1,200 ล้านรายการ โดยล่าสุด ทรูมันนี่ ได้เปิดตัว มันนี่ บ็อกซ์ (Money Box) กล่องเรียกทรัพย์ กล่องรับชำระเงินที่มีเสียงแจ้งเตือนระบุยอดเงินเมื่อรับชำระ สำหรับร้านค้าขนาดย่อมและขนาดย่อย (Micro &amp; Small Merchants) เพื่ออัปเกรดประสบการณ์การรับชำระเงินที่ดีกว่าให้กับสมาชิกร้านค้าทรูมันนี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มันนี่ บ็อกซ์ (Money Box) กล่องเรียกทรัพย์ ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ร้านค้ามักพบการใช้สลิปปลอม ทำให้ต้องคอยตรวจหรือถ่ายสลิปหลังโอนเงิน โดยจุดเด่นคือฟีเจอร์การแจ้งเตือนด้วยเสียงบอกยอดทันทีที่เงินเข้าแบบเรียลไทม์ อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ให้สามารถสแกนชำระเงินที่ร้านค้าได้ผ่านแอปทรูมันนี่และทุกแอปธนาคารแบบไร้ข้อจำกัด ช่วยให้ดูแลธุรกิจได้ง่ายขึ้นเพราะใช้งานง่าย พร้อมใช้ไม่ต้องติดตั้ง มีรายงานแสดงยอดขาย (Sales Dashboard) ให้สามารถติดตามยอดขายได้แบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน อีกทั้งยังมีบริการส่งสรุปรายการเงินเข้าอีเมลเพื่อใช้ในการทำบัญชี​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/6NSBcBi7ZT4si4fcHuq7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6NSBcBi7ZT4si4fcHuq7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่เปิดให้ทดลองใช้ มันนี่ บ็อกซ์ ในกลุ่มร้านค้าทรูมันนี่ในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มีผลการตอบรับเป็นอย่างดีว่าช่วยเพิ่มความสะดวกมากขึ้นให้กับร้านค้าและผู้บริโภค ยกตัวอย่างกรณีของ มนัญญา ชัยสุขหิรัญโภคิน เจ้าของร้านชาม ก๋วยเตี๋ยวเส้นคลุก กล่าวว่า “มันนี่ บ็อกซ์ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญของร้าน เพราะออกเสียงได้ทันทีว่ามีการจ่ายเงินเท่าไหร่ ทำให้สะดวกขึ้นเยอะ และพอปิดร้านยังมีรายงานรายรับให้ด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน ทิพวรรณ ลิขิตอำนวยพร เจ้าของร้านปิรันย่า@สยาม กล่าวว่า “พอมันนี่ บ็อกซ์ ร้องปุ๊ป ก็เป็นการยืนยันว่าลูกค้าจ่ายแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลาในการที่จะดูสลิปหรือดูหน้าจอโทรศัพท์ สามารถเอาเวลาไปรับออร์เดอร์ และเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มันนี่ บ็อกซ์ (Money Box) กล่องเรียกทรัพย์ จาก TrueMoney for Business เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับร้านค้ายุคใหม่ ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ ช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจว่ามีการโอนชำระเงินเรียบร้อยแล้วผ่านเสียงแจ้งเตือน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/ikano-retail-report-revenue-2024" alt="ปีงบ 67 ‘อิคาโน่ รีเทล’ ผู้ถือแฟรนไชส์ ‘อิเกีย’ กวาดรายได้ในไทยกว่า 1 หมื่นล้าน">ปีงบ 67 ‘อิคาโน่ รีเทล’ ผู้ถือแฟรนไชส์ ‘อิเกีย’ กวาดรายได้ในไทยกว่า 1 หมื่นล้าน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘Money Box กล่องเรียกทรัพย์’ ตัวช่วยร้านค้ายุคใหม่จาก TrueMoney ส่งเสียงแจ้งเตือนเงินเข้า - สรุปรายรับ

<h2>Stripe ผู้ให้ด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลกสำหรับธุรกิจ เปิดตัวฟีเจอร์ Adaptive Pricing เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชำระเงินจากลูกค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่นที่ลูกค้าต้องการ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการศึกษาของ Stripe ในปี 2566 พบว่า ธุรกิจกว่า 66% มีแผนที่จะขยายการขายสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ ภายในปี 2568 แต่อุปสรรคสำคัญที่พบคือ การรับชำระเงินให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ เพื่อแก้ปัญหานี้ Stripe จึงได้นำเสนอฟีเจอร์ Adaptive Pricing ซึ่งช่วยให้ธุรกิจในประเทศต่างๆ เช่น ไทย ออสเตรเลีย อินเดีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ สามารถแสดงราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นให้กับลูกค้าในกว่า 150 ประเทศทั่วโลกได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวยังสามารถเพิ่มตัวเลือกการชำระเงินในท้องถิ่นได้ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้ามีตัวเลือกในการชำระเงินในสกุลเงินของตนเองด้วยวิธีการชำระเงินที่เป็นที่นิยมและลูกค้าใช้อยู่แล้ว จากการศึกษาของ Stripe พบว่า เมื่อมีตัวเลือกดังกล่าว 90% ของลูกค้าจะเลือกชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นของตน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 300px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/uoxaCG68LxGWxYfELCtF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uoxaCG68LxGWxYfELCtF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1000,1024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วาเลอรี วาโกเนอร์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Stripe กล่าวว่า “ผู้บริโภคออนไลน์หันมาซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับธุรกิจที่สามารถปรับรูปแบบการชำระเงินให้สอดคล้องกับความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เราพบว่ารายได้จากการค้าข้ามพรมแดนของธุรกิจที่ใช้ Adaptive Pricing เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 17.8% สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของการให้บริการที่ตอบโจทย์ และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศอย่างแท้จริง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ใช้ Stripe ทั่วโลกที่ใช้แบบฟอร์มชำระเงิน Checkout หรือ ชำระเงินผ่าน Payment Links อยู่แล้ว สามารถเปิดใช้งาน Adaptive Pricing ได้อย่างง่ายดายด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวบนหน้าแดชบอร์ด สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Stripe ภาพ: Freepik และ Stripe เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/hat-yai-wins-the-most-worthwhile-tourist-city-in-thailand" alt="อโกด้าเผย ‘หาดใหญ่’ คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่ห้องพักราคาคุ้มค่าที่สุดในไทย">อโกด้าเผย ‘หาดใหญ่’ คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่ห้องพักราคาคุ้มค่าที่สุดในไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Stripe เปิดตัว Adaptive Pricing ฟีเจอร์ใหม่ให้ชำระเงินสกุลท้องถิ่นได้ หนุนธุรกิจไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์นอินโดฯ บุกไทย พร้อมจับมือพันธมิตรชิงไลเซ่นส์ Virtual Bank

Stripe รุกอาเซียนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ยกระดับการค้าขายยุคดิจิทัล

<h2>Zipmex จับมือกับกลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป และบริษัทในเครือ ชำระสินค้าด้วยคริปโตฯ อัครพล คลังอัครทรัพย์ กลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป เผยการจับมือเพื่อเป็นการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของกลุ่ม ด้าน เอกลาภ ยิ้มวิไล การร่วมมือกันครั้งนี้ช่วยเสริมให้ประสบการณ์การชำระเงินแห่งโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-56070" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/zipmex_1205.jpg" alt="" width="600" height="400" />

อัครพล คลังอัครทรัพย์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป และบริษัทในเครือ ผู้ผลิตและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ที่นอน ชุดเครื่องนอนคุณภาพเยี่ยมครบวงจร เปิดเผยว่า ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้ต่อยอดคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอด้วยนวัตกรรมเพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพและถูกสุขอนามัย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งตัวเองและคนในครอบครัวในยุคนิวนอร์มอลกันมากขึ้น

ในวันนี้ เมื่อกลไกการตลาดเกิดการต่อยอดอย่างไม่รู้จบในโลกยุคดิจิทัล กลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป ได้เล็งเห็นการเติบโตและเป็นที่ยอมรับของสกุลเงินดิจิทัล จึงผนึกกำลังร่วมกับ Zipmex ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อพัฒนาระบบช่องการชำระเงินให้สามารถชำระสินค้าผ่านสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) สกุล BTC, ETH ZMT, USDT และ USDC สำหรับทุกบริษัทในเครือ เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการชำระเงิน และการตลาดแห่งโลกยุคใหม่

<img class="alignnone size-full wp-image-56072" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/zipmex_1206.jpg" alt="" width="600" height="463" />

เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex ประเทศไทย กล่าวว่า "ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ได้มองว่าการร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้ลูกค้าคนไทยได้สัมผัส และเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการชำระเงินตามไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และเปิดประสบการณ์สู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล การขยายพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจในครั้งนี้ยังส่งผลให้อีโคซิสเท็มของ Zipmex แข็งแกร่งมากขึ้น"

นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีของบริษัทฯ เพื่อเข้าถึงช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงนักลงทุนในโลก Digital หรือ Trade Online ที่มีกำลังซื้อสูง ไม่เท่านั้น เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

<img class="alignnone size-full wp-image-56065" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/zipmex_1201.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ทางบริษัทจึงมอบข้อเสนอพิเศษให้แก่ลูกค้า เมื่อซื้อสินค้าที่นอนในกลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป ด้วยคริปโตเคอร์เรนซี จะได้รับส่วนลด On top เพิ่ม 5 เปอร์เซ็นต์ พร้อมได้รับเงินคืน (Cashback)  500 บาท จากทางZipmex และเมื่อลูกค้ามียอดใช้จ่ายอย่างต่ำ 100,000 บาท ลูกค้าจะได้รับคูปองทำความสะอาดมูลค่า 3,590 บาท จากบริษัท De Hygeniques จำนวน 1 ใบ

สำหรับการซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์กับ Seasons ทุกรายการผ่านสกุลเงินดิจิทัล เรามอบส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ให้กับลูกค้าของZipmex พร้อมกันนี้ Dermaster คลินิกและโรงพยาบาลดูแลสุขภาพและเสริมความงามมาตรฐานระดับสากลภายใต้คอนเซ็ปต์ "Boutique Beauty  Hospital" เสนอส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเลเซอร์และทรีทเม้นท์ และส่วนลด On Top 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับศัลยกรรม โดยข้อเสนอดังกล่าวจะสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2022

อ่านเพิ่มเติม:<a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%99-%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b8%ac%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%9b%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95-%e0%b8%8a%e0%b8%b4.html">“ไทย” หนุน “กีฬาอีสปอร์ต” ชิงตลาดโลก 6 หมื่นล้าน</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"Zipmex" จับมือกับ "กลุ่มบริษัทโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป และบริษัทในเครือ" ชำระสินค้าด้วยคริปโตฯ

<h2>ดิจิทัลไลฟ์ไทยส่งสัญญาณเติบโตก้าวกระโดดหลังโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งสร้างความคุ้นชินการจ่ายเงินไร้สัมผัส NTT DATA แนะเร่งปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเงินสู่ e-Payment สอดรับความต้องการผู้บริโภคควบคู่การอัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ พร้อมสนับสนุนสร้าง e-Payment eco-system นวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลปลอดภัย</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-55695" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Hironari-Tomioka_CEO_NDTH-5.jpg" alt="" width="600" height="400" />

Hironari Tomioka ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NTT DATA (Thailand) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่รูปแบบการใช้ชีวิตดิจิทัลไลฟ์อย่างก้าวกระโดด โดยมีโควิด-19 เข้ามาเป็นปัจจัยเร่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ทำให้เกิดการใช้จ่ายด้วยระบบการชำระเงินที่ไร้การสัมผัส หรือ Contactless Payment สำหรับการทำธุรกรรม ซื้อ จ่าย โอน ผ่าน แอปพลิเคชันต่างๆ รวมทั้ง Mobile payment, และ Prompt Pay แทนเงินสด ตลอดจน Cross-border QR Payment หรือการชำระเงินระหว่างประเทศ

นอกจากนั้น ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่มีการพัฒนามาตรฐานกลาง Thai QR payment ที่สามารถรองรับการชำระเงินได้หลายประเภทจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) บ่งชี้ว่ามีการใช้ e-Payment ของคนไทยในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากธุรกรรมอินเตอร์เน็ตและโมบายแบงก์กิ้งที่ขยายตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 72 ขณะที่มีการชำระเงินผ่านพร้อมเพย์สูงสุดถึง 28.6 ล้านรายการต่อวัน ณ เดือนเมษายน 2564

ขณะที่คาดการณ์ปริมาณการใช้งาน e-Payment ในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาเป็นผลจากความคุ้นชินในการใช้ e-Payment ภายใต้บริบทใหม่ของคนไทยกระจายตัวออกไปมากขึ้น  ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลระดับสากลจาก Digital Global Overview Report ประจำปี 2564 ที่พบว่าคนไทยมีการทำธุรกรรมผ่าน Mobile banking เป็นประเทศแรกๆ ของโลก โดยมีปริมาณทีเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปี 2562

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวนับเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นในภาวะวิกฤติที่ภาคธุรกิจสามารถพลิกเกมสร้างโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการนำเสนอบริการที่สอดรับพฤติกรรมดิจิทัลไลฟ์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน และยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างประสบการณ์ที่รวดเร็วปลอดภัย อันมีผลต่อการส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปัจจุบัน

“การลงทุนพัฒนาระบบ e-Payment เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ควรทำทั้ง eco-system เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างนวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยควรให้ความสำคัญตั้งแต่การวางโครงสร้างระบบ แผนการพัฒนาระบบ จนถึงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการใช้งาน ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง รวมไปถึงความยืดหยุ่นในการอัพเกรดระบบด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตและการสร้างประสบการณ์จับจ่ายที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง“

Hironari กล่าวถึงความสนใจของกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคาร สถาบันการเงิน ประกันภัย ค้าปลีก โทรคมนาคม รวมทั้งบริการ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน น้ำและไฟฟ้าต่างให้ความสำคัญและเร่งลงทุนระบบ e-Payment รองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสหรือไร้เงินสด เพื่อเสริมความคล่องตัวในการทำธุรกรรมมากยิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

“สิ่งสำคัญคือการเชื่อมต่อระหว่างระบบหน้าบ้านและหลังบ้านแบบไร้รอยต่อ รวมถึงสามารถการคาดการณ์ปริมาณรองรับผู้ใช้บริการที่เหมาะสม การรักษาความปลอดภัยในข้อมูลของลูกค้าและความปลอดภัยสูงสุดของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและบริการ รวมทั้งความปลอดภัยในด้านข้อมูลของลูกค้า เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบและความสูญเสียมูลค่ามหาศาลด้านภาพลักษณ์รวมถึงธุรกิจและบริการได้”

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%84%e0%b8%b3-%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%87-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9f%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b2.html">“ดอยคำ” ส่ง “สารสกัดฟ้าทะลายโจร”  นำร่องก้าวเข้าสู่ตลาดสมุนไพรเต็มรูปแบบในปี 2565</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

NTT DATA หนุนสร้างระบบนิเวศน์ e-Payment ยกระดับความปลอดภัยชำระเงินดิจิทัล

<h2>ตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีในอินเดียส่วนใหญ่ตกเป็นของบรรดานักอุตสาหกรรมมือฉมังทั้งหลาย จึงไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นนักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างสองพี่น้อง Divyank (อายุ 34 ปี) และ Bhavin Turakhia (อายุ 36 ปี) มีโอกาสเข้ามาครองตำแหน่งในอันดับบุคคลที่รวยที่สุดในอินเดีย ทั้งคู่สร้างสถานะมหาเศรษฐีเข้าใกล้ระดับพันล้านด้วยการ “เกาะกระแสแบบฉับไว” ในหลากหลายอุตสาหกรรมด้านเว็บไซต์</h2>
“เราไม่เคยทำอะไรก่อนใครเขา แต่มันหาได้สำคัญไม่” Divyank Turakhia กล่าวอย่างมั่นใจ “เอาเป็นว่าบอกผมมาละกันว่ามีอุตสาหกรรมไหนที่จะทำเงินได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เชื่อเถอะว่าผมจะทำได้ดีกว่าทุกคน” ด้วยทัศนคติแบบนั้น เขาและ Bhavin พี่ชายทำเงินได้ 1.3 พันล้านเหรียญ ติดอันดับที่ 95 ของอันดับอภิมหาเศรษฐีอินเดีย

ตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งบริษัทไอทีจำนวนมาก รวมทั้งบริษัทที่ให้บริการด้านเว็บโฮสติ้งและจัดทำระบบชำระเงินดิจิทัล ฯลฯ Divyankขายบริษัทโฆษณาออนไลน์ที่เป็นความสำเร็จที่งดงามที่สุดของเขาอย่างบริษัท Media.net ให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวจีนเมื่อเดือนสิงหาคมในปีที่ผ่านมาเป็นเงิน 900 ล้านเหรียญ แต่เขาจะยังทำหน้าที่ซีอีโอของบริษัทต่อไป ด้าน Bhavin กำลังทุ่มเทความสนใจกับบริษัทไอทีเปิดใหม่อีกสามแห่ง ทั้งคู่ยังเป็นโสด “เรายุ่งกับงานมากจนไม่มีเวลา” Divyank กล่าว

5 อันดับอภิมหาเศรษฐีอินเดีย (ติดตามอันดับ อภิมหาเศรษฐีอินเดียทั้ง 100 อันดับได้ที่ forbes.com/india-billionaires)
1. Mukesh Ambani
2.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: น้ำมัน ก๊าซ ปิโตรเคมี อายุ: 59 ปี/สมรส/บุตร 3 คน
เมืองพักอาศัย: Mumbai

2. Dilip Shanghvi
1.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: เวชภัณฑ์ อายุ: 61 ปี/สมรส/บุตร 2 คน
เมืองพักอาศัย: Mumbai

3. Hinduja brothers
1.52 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: หลากหลายอุตสาหกรรม เมืองพักอาศัย: London

4. Azim Premji
1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: ข้อมูลสารสนเทศ อายุ: 71 ปี/สมรส/บุตร 2 คน
เมืองพักอาศัย: Bangalore

5. Pallonji Mistry
1.39 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: ก่อสร้าง อายุ 87 ปี/สมรส/บุตร 4 คน
เมืองพักอาศัย: Mumbai

<hr />

<a href="http://goo.gl/V6NfWh">คลิ๊กอ่านการจัดอับมหาเศรษฐีและเรื่องราวทางด้านธุรกิจที่น่าสนใจ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มกราคม 2560</a>
<a href="https://goo.gl/V6NfWh"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1a9acb06eb9ce498d8300db402f5dc25.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events