'Joseph Stiglitz' ชี้อนาคตธุรกิจโลก  ต้องยั่งยืนด้วยเสรีควบคู่มนุษยธรรม 

<h2>David Julius และ Ardem Patapoutian นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2021 สำหรับ "การค้นพบตัวรับอุณหภูมิและการสัมผัส"</h2>
<figure><img class="wp-image-52017" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/julius-2_3-464x696.jpg" alt="David Julius และ Ardem Patapoutian" width="543" height="815" /><figcaption> David Julius</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-52018" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Patapoutian-2_3-464x696.jpg" alt="David Julius และ Ardem Patapoutian" width="543" height="815" /><figcaption> Ardem Patapoutian</figcaption></figure>

ในการแถลงข่าว <a style="color: #008000;" href="https://www.nobelprize.org/prizes/medicine/2021/summary/">Nobel Assembly ระบุ</a>ว่า การค้นพบของ Julius และ Patapoutian ได้จุดประกายการวิจัยอื่นๆ ที่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใน "ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับวิธีที่ระบบประสาทของมนุษย์สัมผัสได้ถึงความร้อน ความเย็น และสิ่งเร้า"

ในที่นี้ David Julius ใช้แคปไซซินซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมีในพริกที่ทำให้รู้สึกแสบร้อนเพื่อระบุเซ็นเซอร์ที่ปลายประสาทของผิวหนังที่ทำปฏิกิริยากับความร้อน

ด้าน Patapoutian ค้นพบเซนเซอร์ที่ไวต่อแรงกดในเซลล์ที่ตอบสนองต่อการกระตุ้นทางกลในผิวหนังและอวัยวะภายใน

รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เป็นรางวัลแรกจาก 6 รางวัลที่จะประกาศในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านฟิสิกส์ เคมี วรรณกรรม สันติภาพ และเศรษฐศาสตร์

ทั้งนี้ ผู้ชนะรางวัลโนเบลปี 2021 จะได้รับเหรียญทองและ 10 ล้านโครนสวีเดน (1.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งเงินรางวัลมาจากเงินของ Alfred Nobel นักประดิษฐ์ชาวสวีเดนผู้สร้างสรรค์รางวัล ซึ่งเสียชีวิตในปี 1895

โดยในปีที่แล้ว รางวัลนี้มอบให้กับนักวิจัยชาวอเมริกัน Harvey J. Alter และ Charles M. Rice และนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ Michael Houghton สำหรับการค้นพบไวรัสตับอักเสบซี

ขณะที่ในปี 1944 Joseph Erlanger และ Herbert Gasser ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์จากการค้นพบเซลล์ประสาทรับความรู้สึกประเภทต่างๆ ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกัน เช่น การตอบสนองต่อการสัมผัสที่เจ็บปวดและไม่เจ็บปวด ซึ่งสมัชชาโนเบลตั้งข้อสังเกตว่าก่อนการค้นพบของ Julius และ Patapoutian ไม่มีใครทราบโดยพื้นฐานว่าอุณหภูมิและสิ่งเร้าถูกแปลงเป็นแรงกระตุ้นไฟฟ้าในระบบประสาทอย่างไร

แปลและเรียบเรียงจากบทความ 2021 Nobel Prize In Medicine Awarded To Scientists Who Discovered Temperature And Touch Receptors โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/5-บุคคลผู้ทรงเกียรติที่พ.html">5 บุคคลผู้ทรงเกียรติที่พิชิตรางวัล “ROLEX AWARDS FOR ENTERPRISE” ประจำปี 2021</a>

David Julius และ Ardem Patapoutian คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ ประจำปี 2021

<h2 class="p3">3 นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้น “แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน” นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยุคใหม่ ชนะรางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปี 2019</h2>
M. Stanley Whittingham ชาวอังกฤษจาก Binghamton University, John Goodenough ชาวอเมริกันจาก University of Texas at Austin และ Akira Yoshino ชาวญี่ปุ่นจาก Meijo University คือ 3 นักวิทยาศาสตร์ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาเคมีจากการประดิษฐ์คิดค้น แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน โดยพวกเขาจะได้รางวัลเป็นเงินจำนวน 9 ล้านโครเนอร์สวีเดน (ประมาณ 27.5 ล้านบาท)
แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออนซึ่งสามารถนำมาชาร์จไฟซ้ำได้ของพวกเขา ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1985 ก่อนที่บริษัท Sony จะเป็นบริษัทแรกที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เมื่อปี 1991 โดยติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ คุณสมบัติของแบตฯ ลิเทียม-ไอออนซึ่งมีน้ำหนักเบาทำให้สิ่งนี้กลายเป็นประดิษฐกรรมครั้งสำคัญ และมีการนำไปใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ที่เคลื่อนที่ได้กันอย่างแพร่หลาย เช่น สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก และรถยนต์ไฟฟ้า

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88.html">แบตเตอรี่ : “THE NEXT BIG THING”</a></li>
</ul>
โดย The Royal Swedish Academy of Sciences ผู้มอบรางวัลโนเบลได้ให้เครดิตกับทีมวิจัยนี้ว่า พวกเขาได้ช่วยสร้าง “โลกที่ยั่งยืนขึ้น” เพราะแบตเตอรี่นี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้จริง และยังใช้ในการเก็บพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนได้ด้วย
“แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออนถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ได้ทั่วโลก ทำให้เราสามารถสื่อสาร ทำงาน ศึกษาหาความรู้ หรือฟังเพลงได้จากทุกที่ แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนยังเป็นบ่อเกิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ในระยะไกล และเป็นเครื่องกักเก็บพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม” The Royal Swedish Academy of Sciences ระบุในแถลงการณ์การมอบรางวัลครั้งนี้


<figure><img class="wp-image-22541 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/M.-Stanley-Whittingham-แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน.jpg" alt="M.-Stanley-Whittingham-แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน" width="800" height="533" /><figcaption> M. Stanley Whittingham ผู้วางรากฐานสู่การประดิษฐ์แบตเตอรี่ชาร์จไฟซ้ำได้ในยุคทศวรรษ 1970s (PHOTO CREDIT: SEBASTIAN GOLLNOW / AFP)</figcaption></figure>
สำหรับเรื่องราวการค้นพบ เริ่มต้นจาก Whittingham ผู้เริ่มศึกษางานอันเป็นรากฐานของแบตเตอรี่ในทศวรรษ 1970s และเป็นคนแรกที่ทดลองประดิษฐ์แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟซ้ำได้ ขณะที่ Goodenough ค้นพบการพัฒนาศักยภาพของแบตเตอรี่ให้ดียิ่งขึ้นในปี 1980


<figure><img class="wp-image-22542 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/John-Goodenough-แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน.jpg" alt="John-Goodenough-แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน" width="800" height="533" /><figcaption> John Goodenough ผู้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลที่สูงอายุที่สุดในประวัติศาสตร์ (PHOTO CREDIT: University of Texas at Austin)</figcaption></figure>
ปิดท้ายด้วย Yoshino ผู้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนให้เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์เมื่อปี 1985 โดยเขาพัฒนาจนแบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟซ้ำได้หลายร้อยครั้ง 30 ปีหลังจากการค้นพบของพวกเขา ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ชนิดอื่นที่สามารถเอาชนะลิเทียม-ไอออนได้
Goodenough หนึ่งในผู้พัฒนาให้แบตเตอรี่ชาร์จซ้ำเป็นจริง เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Times ว่า เขาเพียงแต่จินตนาการว่าการใช้พลังงานของเราจะเป็นอย่างไร หากเรามีแบตเตอรี่ที่เล็ก เบา และชาร์จซ้ำได้ไว้ใช้งาน และการพัฒนาของเขาในขณะนั้นก็เป็นเพียง “การหาอะไรทำ” โดยไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งประดิษฐ์นี้จะแพร่หลายได้มากแค่ไหน
ทั้งนี้ Goodenough ยังถือเป็นบุคคลที่อายุมากที่สุดในโลกที่ได้รับรางวัลโนเบล (รวมทุกสาขา) โดยปีนี้เขาอายุ 97 ปี
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/isabeltogoh/2019/10/09/scientists-behind-the-revolutionary-lithium-ion-battery-win-nobel-prize/?utm_source=newsletter&amp;utm_medium=email&amp;utm_campaign=daily-dozen&amp;cdlcid=5d1670e71802c8c524d6a517#187535769905">Scientists Behind The Revolutionary Lithium-Ion Battery Win Nobel Prize</a></li>
</ul>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events