<h2>ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล ศรีราชา ปักหมุด Lifestyle Destination ที่ครบครันที่สุดในภาคตะวันออก ล่าสุด NITORI (นิโตริ) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชั้นนำ อันดับ 1 ของญี่ปุ่น เดินหน้าขยายสาขานอกกรุงเทพฯครั้งแรกในไทย! บุกตลาดภาคตะวันออก อัดแน่นสินค้ากว่า 4,300 รายการ ตอบไลฟ์สไตล์ชาวไทย-นักท่องเที่ยว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า จังหวัดชลบุรี และพัทยาเป็นเมืองภาคตะวันออกที่เต็มไปด้วยศักยภาพ* ทั้งด้านเศรษฐกิจ สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ-เอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านภาพรวมการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าในปี 2568 การท่องเที่ยวของ จ.ชลบุรี จะเติบโตมากกว่าปี 2567 มากถึง 25% จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ตลอดทั้งปี 2567 จำนวน 35.54 ล้านคน* สร้างรายได้รวม 1.67 ล้านล้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก คาดการณ์แนวโน้มท่องเที่ยวของพัทยาตลอดปี 2568 ว่า จากปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เข้าพัทยามากขึ้น จะหนุนให้อัตราการเข้าพักในพัทยาช่วงไฮซีซันอยู่ในระดับสูงถึง 80-85%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดระบุว่ามีชาวญี่ปุ่นกลุ่ม Expat อาศัยและทำงานในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีกว่า 10,000 คน โดยพื้นที่นี้มีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 10 แห่ง และโรงงานมากกว่า 1,300 แห่ง ทำให้อำเภอศรีราชาได้รับการขนานนามว่า “Little Osaka” เนื่องจากมีชุมชนชาวญี่ปุ่นขนาดใหญ่ รวมถึงการพำนักอาศัยในคอนโดมิเนียมในพื้นที่ดังกล่าวของกลุ่ม Expat ชาวญี่ปุ่น ทำให้เกิดความต้องการ (Demand) ในเรื่องของแต่งบ้านเพิ่มมากขึ้น”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/97bzwm5ofUmjLogGgqcU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="97bzwm5ofUmjLogGgqcU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า เซ็นทรัลพัฒนา สร้างความสำเร็จเป็น Trusted Partner ที่พร้อมผลักดันให้พันธมิตรเติบโตไปพร้อมกันด้วยศูนย์การค้ากว่า 41 สาขาใน Strategic Prime Locations ทั่วประเทศ หลังจากความสำเร็จในการเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ และขยายสาขาไปบุกตลาดฝั่งตะวันตกที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ล่าสุดได้ต้อนรับ NITORI (นิโตริ) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชั้นนำ อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่ เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล ศรีราชา เพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวชลบุรี-พัทยา และนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การขยายสาขาของ NITORI ออกนอกกรุงเทพฯ สู่ภาคตะวันออกในครั้งนี้ จะเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน รวมถึงรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว และการขยายตัวของพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ NITORI ที่เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล ศรีราชานี้ จัดเต็มสินค้ากว่า 4,300 รายการ เน้นกลุ่มสินค้าของตกแต่งบ้าน (Home Décor) เป็นหลัก สะท้อนผ่านทุกผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความงามแบบมินิมอล ด้วยดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันครบครัน ในราคาที่จับต้องได้ โดยมัดรวมไอเท็มเด็ดคุณภาพดี ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ชาวไทย จาก NITORI ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นวัตกรรมเย็นฉ่ำ ที่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย ด้วยคอลเลคชั่น N-Cool เทคโนโลยีความเย็นที่นิโตริพัฒนาขึ้น มีระดับความเย็นให้เลือกถึง 3 ระดับ เหมาะกับอากาศเมืองไทย โดยซีรีส์ N-Cool มีสินค้าหลายชนิด เช่น ท็อปเปอร์ที่นอน หมอน ผ้าห่ม แผ่นรองรถเข็นเด็ก ตุ๊กตา หมอนอิง และที่นอนสัตว์เลี้ยง พร้อมสินค้าใหม่ล่าสุด ชุดลำลองสำหรับอยู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่น มีให้เลือกทั้งแบบชิ้นเดี่ยวและแบบเซต เนื้อผ้า N-Cool เย็นสบายผิว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผู้ช่วยดีเด่นสำหรับคุณแม่บ้าน เช่น ถาดกันลื่น ตัวช่วยที่เหมาะกับคนซุ่มซ่าม ผลิตจากแผ่นลามิเนตต้นหลิวเคลือบยูรีเทนเพื่อการเกาะยึดติดกับวัสดุบนถาดให้ไม่หล่น และถ้วยชามดินเผาเบาพิเศษ สินค้าเมดอินเจแปนที่มีเทคโนโลยีเฉพาะตัวที่ทำให้ดินเผามีน้ำหนักเบาพิเศษ เบากว่าเครื่องดินเผาปกติถึง 25% สามารถถือและเสิร์ฟได้อย่างสะดวก วางซ้อนกันได้ดี ง่ายต่อการล้างและใช้งาน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/s6RCbBLuvvF1YD6RvKmM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="s6RCbBLuvvF1YD6RvKmM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ชุดเครื่องนอนสุดน่ารักสำหรับลูกน้อย ซึ่งอยู่ใน N-Cool Series หมอนมินิ/ขนาดกลาง/ขนาดใหญ่ รวมถึงแผ่นรองนอนที่จะช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับสบายทั้งกลางวันและกลางคืน ผลิตภัณฑ์มาพร้อมลวดลายน่ารัก อาทิ โพล่าแบร์, น้องยูนิคอร์น, ไดโนเสาร์, ดอกไม้, ม้าหมุน, ดาวน้อย และประการัง ที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความสุขให้กับเด็กๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ไอเท็มสำหรับคนที่รักการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดัดขนตาไฟฟ้า, เครื่องแต่งเล็บไฟฟ้า ที่ตะไบเล็บและขัดเงาเล็บได้ด้วย, เครื่องโกนขนจมูก และลูกกลิ้งกระตุ้นเพื่อผิวหน้าที่เปล่งปลั่ง แบบไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ของใช้ที่คนมีสัตว์เลี้ยงต้องมี เช่น ที่นอนสัตว์เลี้ยง N-Cool, โซฟาไฟฟ้า รุ่น N-Believa หนัง N-Shield ที่ทนทานต่อการขีดข่วน มีออปชั่นให้เลือกได้อย่างหลากหลายทั้งจำนวนที่นั่ง วัสดุหุ้มด้านนอกและฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/85miSWZkPitszAzeJw3z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="85miSWZkPitszAzeJw3z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;*ข้อมูลจาก ททท. สำนักงานพัทยา, สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ภาพ: เซ็นทรัลพัฒนา เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/pop-mart-new-store-in-thailand-central-westgate" alt="POP MART เปิดสาขาที่ 9 ในไทยแล้ว ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต">POP MART เปิดสาขาที่ 9 ในไทยแล้ว ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เซ็นทรัลพัฒนา พา NITORI รุกภาคตะวันออก! เปิด 2 สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัล พัทยา และศรีราชา รองรับเมืองท่องเที่ยวขยายตัว

<h2>“สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” ทุ่ม 500 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนขยาย “เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ” เฟส 2  ชูเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ตอบรับวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น ดึง “ดองกิ” เปิดสาขาแรกโซนภาคตะวันออก รับมอเตอร์เวย์ กทม.-ศรีราชา-พัทยา</h2>
วิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการ “เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ” คอมมูนิตี้ มอลล์ สไตล์ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมงบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการเฟส 2 โดยมีแผนเปิดโซนใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชนในพื้นที่ อ.ศรีราชา ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น

“การจับมือกับพันธมิตร บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้ทั้งสองฝ่าย โดยร้านดอง ดอง ดองกิจะเข้ามาเปิดสาขาใหม่ที่เจพาร์ค ศรีราชา เพื่อเติมเต็มให้เจพาร์ค ศรีราชา เป็นแหล่งรวมร้านค้าญี่ปุ่นแบบครบครันและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ก้าวสู่ผู้นำคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง” วิชัยกล่าว

ทั้งนี้ การที่เจพาร์ค ศรีราชา มีดองกิเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร นับว่ามีส่วนช่วยทำให้คนในพื้นที่ศรีราชาได้เข้าถึงสินค้า และบริการที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ความเป็นคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่นของเจพาร์ค ศรีราชา ให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับจุดเริ่มต้นของ เจพาร์ค ศรีราชา ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนไทยสัมผัสวัฒนธรรมที่งดงามของญี่ปุ่นผ่านการออกแบบและตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร ทางเดิน สะพานที่จำลองมาจากสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หมู่บ้านญี่ปุ่น สวนญี่ปุ่น และมุมสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูปมากมาย

นอกจากร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการแล้ว ในช่วงเทศกาลวันสำคัญของญี่ปุ่น ทางเจพาร์ค ศรีราชา ยังมีการจัดอีเว้นท์และกิจกรรมร่วมฉลองตามฤดูกาลต่างๆ เช่น ในเทศกาลชมดอกซากุระ เจพาร์คก็จะมีการประดับและตกแต่งสถานที่ จำลองความงดงามในช่วงซากุระบาน ให้ความรู้สึกเสมือนกับที่ญี่ปุ่นจริง ๆ อีกด้วย

ที่ผ่านมา เจพาร์ค ศรีราชา ได้เปิดโซน Yokocho ซึ่งเป็นโซนตรอกถนนแบบญี่ปุ่น ที่รวบรวมร้านขนมหวานแห่งใหม่เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เพิ่มเติม นับว่าเป็นอีกหนึ่งโซนที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า

วิชัย กล่าวว่า การขยายพื้นที่เจพาร์ค ศรีราชา ในเฟส 2 หลังจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะเชิญชวนพันธมิตรแบรนด์คู่ค้าต่างๆ ที่มาพร้อมด้วยจุดเด่นของสินค้าและบริการที่จะมาร่วมสร้างความเป็นผู้นำคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่นของเจพาร์คให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการในเจพาร์ค ศรีราชา มากขึ้น

ด้าน โยซูเกะ ชิมานุกิ ประธานกรรมการ บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ดองกิ และ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ในครั้งนี้ นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจซึ่งกันและกัน  โดยเจพาร์ค ศรีราชา ตอบโจทย์ทั้งในด้านภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้านคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่น ศูนย์รวมร้านค้าญี่ปุ่นแบบครบครันในศรีราชา  ซึ่งดองกิ สาขา เจพาร์ค ศรีราชา แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสาขาที่ 6 และสาขาแรกของร้านดอง ดอง ดองกิโซนภาคตะวันออกแล้ว ทางดองกิยังชูจุดแข็งผู้นำด้านการจำหน่ายสินค้าของใช้ และอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว ร้านซูชิของดองกิแห่งแรกในไทยที่เจพาร์ค  โดยตั้งชื่อว่า “Sensensushi (鮮選寿司)” โดยตั้งเป้านำเสนอสินค้าและบริการที่ครบครันสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างตรงใจ

สำหรับศรีราชาเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เข้าถึงหลากหลาย อาทิ ท่าเรือแหลมฉบัง กำลังพัฒนาระยะที่ 3 มอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุด 32 กิโลเมตร ช่วยให้การเดินทาง รวดเร็วมากขึ้น สนามบินอู่ตะเภา กำลังพัฒนาให้เป็น Hub การขนส่งทางอากาศ และศูนย์ซ่อมอากาศยานของไทยทันสมัยที่สุดในภูมิภาค

นอกจากนี้ โรงงานส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในนิคมฯอมตะ และ ปิ่นทอง เป็นโรงงานสัญชาติญี่ปุ่น 60 – 70% ทำให้พื้นที่อ.ศรีราชา เป็นศูนย์รวมชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทย และอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น โดยมีจำนวนมากกว่า 8,000 คน จนศรีราชาได้รับการขนานนามว่าเป็น Little Osaka

อ่านเพิ่มเติม: แม็คโครปั้น ‘maknet’ สร้างการเติบโตใหม่

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
&nbsp;

สหพัฒน์ฯ ทุ่ม 500 ล้าน ผุดเจพาร์ค เฟส 2

<h2 class="p1">พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ EEC พบเริ่มน่าสนใจ ชูทำเลศรีราชาน่าสนใจที่สุด เหตุเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง และมีสถานศึกษาชื่อดัง</h2>
สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นทำเลที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทั้งโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว และสถาบันการศึกษาชั้นนำ มีประชากรรวมทั้งหมดใน EEC 3.4 ล้านคน
นอกจากนี้ ภายหลังการเปิด EEC ในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้มีทั้งแรงงานในประเทศและต่างประเทศเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อต้นปี 2563 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ลดผู้มีรายได้น้อยให้หมดไปภายใน 3 ปี ด้วยการบูรณาการการลงทุนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันงบการลงทุนและดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนอย่างเต็มตัว จึงทำให้พื้นที่ EEC มีโอกาสที่จะเป็นทำเลศักยภาพของตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตคู่กับการผลักดันเศรษฐกิจอย่างน่าสนใจ 
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ EEC นั้น ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา บางแสน ศรีราชา พัทยา สัตหีบ และระยอง โดยพื้นที่ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกอยู่ในทำเลของมหาวิทยาลัยและการท่องเที่ยว ได้แก่ บางแสน ศรีราชา และพัทยา กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่อยู่ในทำเลของโรงงาน คือ ฉะเชิงเทรา สัตหีบ และระยอง


<figure><img class="size-full wp-image-26521" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/Plus_Suwannee_01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> สุวรรณี มหณรงค์ชัย</figcaption></figure>
โดยกลุ่มมหาวิทยาลัยและการท่องเที่ยวมีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะศรีราชา เพราะเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นถึง 8,000 คน และยังเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีนักศึกษาใหม่ทุกปี จึงทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในศรีราชาค่อนข้างโดดเด่น 
จากการสำรวจพบว่าที่อยู่อาศัยในโซนศรีราชา ณ ต้นปี 2562 มีทั้งสิ้น 7,072 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า 17,721 ล้านบาท คอนโดมิเนียมมีสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่ง หรือคิดเป็น 49% มียูนิตเสนอขายอยู่ 3,470 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า 10,059 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากการปรับตัวของผู้ประกอบการที่ระบายโครงการเก่า
ด้านระยะเวลาการขายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมในโซนนี้อยู่ที่ 2.97 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน และคาดว่าจะขายหมดในราว 16 เดือน ระดับราคาที่เสนอขายอยู่ที่ 3.5-6 ล้านบาท และ 6-15 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่ตอบโจทย์นักธุรกิจชาวต่างชาติที่มาทำงานในโรงงานในพื้นที่ EEC รวมถึงกลุ่มพนักงานชาวไทย และกลุ่มผู้ปกครองที่ซื้อให้บุตรหลานที่มาศึกษาเล่าเรียน
ทางด้านปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมพื้นที่ศรีราชา พบว่า ในด้านของโรงงานอุตสาหกรรมนั้น อยู่ใกล้ทั้งนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ทั้งสองนิคมฯนี้มีชาวญี่ปุ่นทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยนิคมฯอมตะนคร มีโรงงานอุตสาหกรรม 514 โรงงาน มีโรงงานสัญชาติญี่ปุ่น 60.46% นิคมฯปิ่นทอง มีโรงงานอุตสาหกรรม 307 โรงงาน มีโรงงานสัญชาติญี่ปุ่น 74% ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมอาศัยอยู่ในศรีราชา จนทำให้ศรีราชาได้รับการขนานนามว่า “Little Osaka”
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และ 4 อีกทั้ง บมจ.ไทยออยล์ ได้ทำการต่อสัญญาเช่าที่ดินเพื่อลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดไปอีก 30 ปี ซึ่ง บมจ.ไทยออยล์ มีพนักงานถึง 1,200 คน ซึ่งพนักงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง
<img class="alignnone size-full wp-image-26520" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/sriracha01.jpg" alt="" width="720" height="405" />
ส่วนปัจจัยสนับสนุนจากด้านของสถานศึกษานั้น พบว่าจำนวนนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา เมื่อปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ในอัตรา 7.5% ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสในการขยายตัวของอุปสงค์ที่ในที่อยู่อาศัยเช่นกัน โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนทำเลที่ผู้ซื้อให้ความสนใจจะอยู่บนเส้นถนนสุขุมวิท บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตร-ศรีราชา หรือบริเวณโรงงานไทยออยล์ เพราะสะดวกในการเดินทาง โดยมีโครงการที่เปิดขายมากกว่า 10 โครงการและหลายระดับราคาอีกด้วย
สำหรับการประกาศปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการกำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV (Loan to value) นั้น พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ประเมินว่าจะช่วยให้ผู้ที่ซื้อบ้านได้ประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะบ้านหลังแรกที่นอกจากจะสามารถกู้ได้เต็มมูลค่าบ้านแล้ว ยังสามารถกู้เพิ่มได้อีก 10% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัยจริง น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้
ส่วนบ้านหลังแรกที่ราคามากกว่า 10 ล้านบาท มีการปรับปรุงคือการวางดาวน์ 10% จากเดิม 20% น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนได้ดีขึ้น ในส่วนของการผ่อนปรนเกณฑ์กู้บ้านหลังที่ 2 นั้น ในมุมมองของพลัสฯ มองว่าปัจจุบันบ้านหลังที่สองเป็นกลุ่ม Real Demand ค่อนข้างสูง ดังนั้นหากสามารถปรับเงื่อนไขให้เหมือนบ้านหลังแรกได้จะสามารถปลดล็อคสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/5-%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%ae%e0%b8%ad%e0%b8%95-%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b9%83.html">5 ทำเลฮอต ติดอันดับคนสนใจค้นหามากที่สุดประจำปี 2019</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99.html">“เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง” ทุนไทยร่วมสิงคโปร์ ลุยพัฒนาคอนโดฯ บางแสน</a></li>
</ul>
&nbsp;

*หมายเหตุ ภาพปกคือพื้นที่พัทยา ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ศรีราชาแต่อย่างใด

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events