‘สยามคูโบต้า’ ปิดปี 2567 กวาดรายได้ 62,000 ล้านบาท

<h2>สยามคูโบต้า เผยกลยุทธ์หลัก 'Sustainable Vibes' หนุนยอดขายในไทย 3 ไตรมาสแรกปี 67 โต 13% คิดเป็นมูลค่าราว 2.9 หมื่นล้านบาท มั่นใจรายได้รวมตลอดปีทั้งยอดขายในประเทศและส่งออกไปยังอาเซียนจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ราว 6 หมื่นล้านบาท </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด&nbsp;กล่าวว่า สยามคูโบต้าเล็งเห็นความสำคัญของการทำการตลาดที่เน้นสร้างความยั่งยืนให้ลูกค้าและสังคม โดยในปีนี้ได้เน้นทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ 'Sustainable Vibes หรือการตลาดใหม่ที่มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ'&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาทิ&nbsp;แคมเปญ 'No Farmer, No Us : ไม่มีเขา ไม่มีเรา'&nbsp;ที่มุ่งเน้นให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของเกษตรกร ผู้เป็นแรงสำคัญเบื้องหลังการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญ Turn waste to Agri-Wear&nbsp;โดยร่วมมือกับ GREYHOUND ORIGINAL ต่อยอด “ฟางข้าว” เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร จุดประกายการ Upcycling เศษวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์กลายเป็นเครื่องแต่งกายสไตล์สตรีทแฟชั่น เพื่อลดผลกระทบจากการเผา พร้อมสนับสนุนงานวิจัยและงานฝีมือช่างทอผ้าไทย และทำให้แบรนด์คูโบต้าเข้าถึงกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมทั้งล่าสุดเองยังมีการนำเอา Music Marketing มาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสื่อสารสินค้าแทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าว สร้างการจดจำแก่กลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อออนไลน์อีกด้วย&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/M3hrhyfFkvfoLfAkBrse.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="M3hrhyfFkvfoLfAkBrse.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับงานอะไหล่และบริการหลังการขายสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าด้วยช่างมืออาชีพกว่า 1,800 คน จากศูนย์บริการมาตรฐาน 162 แห่งทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันสยามคูโบต้ายังมุ่งมั่นในการขยายฐานลูกค้าผ่านประสบการณ์จริง ด้วยแคมเปญยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับกิจกรรม 'คันที่ใช่ พร้อมลุยทั่วไทย'&nbsp;ตลอด 8 จุดทั่วไทย ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ทางผู้บริหารของคูโบต้ายังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภาคการเกษตรยังคงมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิต ทว่ายังได้รับปัจจัยบวกจากราคาผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดด้านการส่งออก โดยเฉพาะตลาดข้าวและอ้อยที่มีราคาเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรมีกำลังในการซื้อสร้างแรงหนุนให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มรถเกี่ยวนวดข้าว รถขุดขนาดเล็ก และโดรนการเกษตร ส่งผลให้ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ทางคูโบต้ายังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในทุกกลุ่มสินค้า และเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งครองใจเกษตรกรไทย ด้วยยอดขายสินค้าในประเทศที่เพิ่มขึ้น 13%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"ยอดขายในช่วง 8 เดือนที่่ผ่านมา เราสามารถสร้างรายได้ในประเทศไทยแล้วราวๆ 29,000 ล้านบาท และมีรายได้จากการส่งออกเครื่องจักรไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชียประมาณ 11,000 ล้านบาท แม้ว่าที่ผ่านมากลุ่มเกษตรกรจะต้องประสบกับปัญหาด้านภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็มั่นใจได้ว่าตลอดระยะเวลาจนถึงสิ้นปี 67 นี้ เราจะสร้างรายได้รวมทั้งในไทยและการส่งออกสินค้าเครื่องจักรต่างๆ ไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ราวๆ 60,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 2-3% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 58,000 ล้านบาท" พิษณุกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/zPMa8ikHsg7ysQemGkrQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zPMa8ikHsg7ysQemGkrQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทางคูโบต้ายังได้พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของเกษตรกรไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าแทรกเตอร์ และรถเกี่ยวนวดข้าวรุ่นตู้แอร์ โดรนการเกษตรรุ่น T25 และ T50 และในปีนี้สยามคูโบต้าได้ประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายเครื่องยนต์คูโบต้าได้ถึง 3.5 ล้านเครื่องนับจากตลอด ระยะเวลา 46 ปีที่ผ่านมา&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 498px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/9j58cPJtRkfa5kx3FMiM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="498px,436px" data-align="center" data-file-name="9j58cPJtRkfa5kx3FMiM.jpg" data-file-size="0" origin-size="650,569" data-origin="498px,436px" style="width: 498px; height: 436px;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับปลายปีนี้ สยามคูโบต้าเตรียมวางจำหน่ายแทรกเตอร์ที่ตอบโจทย์การทำงานของเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่รายใหญ่โดยเฉพาะ เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่มาพร้อมฟังก์ชันและห้องโดยสารที่ติดเครื่องปรับอากาศทำให้สะดวกสบายในการทำงานมากกว่าเดิมซึ่งในส่วนของโดรนการเกษตรนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จมากด้วยเช่นกันหลังจากทำการตลาดมาได้เพียงแค่ 3 ปี&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/cQyr3ihrNgvpXS1wo8bH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="cQyr3ihrNgvpXS1wo8bH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ทางสยามคูโบต้ายังพบข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า&nbsp;ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าเกษตรกรไทยแล้วกว่า 570,000 รายมีสัดส่วนของลูกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มคน Gen Y-Z หรือมีช่วงอายุ 20-43 ปี สูงถึง 65% ถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาเปิดใจรับเทคโนโลยีการเกษตรมากขึ้น ดังนั้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทจึงใช้กลยุทธ์หลักมุ่งไปที่การขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรหน้าใหม่ การพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรให้ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า IoT เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับมาเข้าภาคเกษตรเพิ่มมากขึ้น &nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/crc-supersport-rev-edition" alt="หลังเครือเซ็นทรัลถือหุ้น 75% ‘เรฟ อีดิชั่น’ กางแผนลุยตลาดรองเท้าครั้งใหญ่ เล็งเปิดสาขาแรกปีหน้าที่สิงคโปร์">หลังเครือเซ็นทรัลถือหุ้น 75% ‘เรฟ อีดิชั่น’ กางแผนลุยตลาดรองเท้าครั้งใหญ่ เล็งเปิดสาขาแรกปีหน้าที่สิงคโปร์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สยามคูโบต้า มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 6 หมื่นล้านตามเป้า หลังยอดขาย 3 ไตรมาสโต 13% 

<h2>สยามคูโบต้า จับมือ เกรฮาวด์ ออริจินัล เปิดตัวคอลเล็กชันเสื้อผ้ารักษ์โลกจากเส้นใยฟางข้าว เปลี่ยนเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร สู่ตรีทแฟชั่นสุดเท่ ผลักดันอุตสาหกรรมเกษตรและแฟชั่นสู่ความยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สยามคูโบต้า ผนึกกำลัง เกรฮาวด์ ออริจินัล เปิดตัวแคมเปญ KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL PRESENT “Turn waste to Agri-Wear” ต่อยอด ‘ฟางข้าว’ เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มุ่งสนับสนุนงานวิจัยและงานฝีมือช่างทอผ้าไทย สู่การเป็นเสื้อผ้าสุดเท่สไตล์สตรีทแฟชั่น หวังจุดประกายการ Upcycling เศษวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ตั้งเป้าปลุกกระแส Sustainable Fashion ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโลกที่ดีกว่าเดิม เดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมวงการแฟชั่นไทย​จุดประกายจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ย้ำเตือนว่าปัจจุบันโลกกำลังเผชิญวิกฤตทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษทางอากาศ หรือแม้แต่ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงผลกระทบจากการเผาในภาคการเกษตร ดังนั้นปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญของคนทั่วโลกที่ต้องหันกลับมาตระหนักถึงแนวทางในการแก้ไข <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/iNmdFXETrmomSQN4A7nX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="iNmdFXETrmomSQN4A7nX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"><figcaption><div>พิษณุ มิลินทานุช และภาคิน เพ็ญภาคกุล</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากการอยู่เคียงข้างคนไทยตลอดระยะเวลา 46 ปี คอยส่งมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยตลอดจนองค์ความรู้ ไปพร้อมๆ กับการสร้างโอกาสทางอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนบนพื้นฐานของความยั่งยืน สยามคูโบต้ายังมุ่งเป็น Essential Innovator For Supporting Life สนับสนุนภาคเกษตรไทยให้เป็น Net Zero และ Carbon neutrality ในทุกมิติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศที่ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด จึงทำให้มี ‘ฟางข้าว’ ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดผลกระทบจากการจัดการด้วยวิธีการเผา จากแนวคิดนี้สยามคูโบต้าจึงได้หาแนวทางบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ฯ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม” พิษณุเล่า ซึ่งโดยปกติแล้วฟางข้าวเหลือใช้จะถูกนำไปใช้ในงานปศุสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก รวมถึงทำเชื้อเพลิงชีวมวล​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/nKPi7rA1QSDB2QXg67KR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nKPi7rA1QSDB2QXg67KR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สยามคูโบต้าได้พบงานวิจัย ‘นวัตกรรมเส้นใยฟางข้าวผสมเส้นใยจากรังไหม สู่การพัฒนาสิ่งทอเพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ กรณีศึกษาตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์’ ซึ่งมาจากการบูรณาการของทีมคณาจารย์ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและเลี้ยงไหม ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ และกลุ่มสตรีทอผ้าฝ้าย ตำบลทับน้อย อำเภอรัตนบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรทอผ้า จังหวัดสุรินทร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สยามคูโบต้าเกิดแรงบันดาลใจที่ต้องการให้แนวคิดนี้เกิดเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน จึงได้มองหาพันธมิตรที่มีมุมมองเดียวกัน โดยมีการแชร์ไอเดียกับ เกรฮาวด์ ออริจินัล แบรนด์คนไทยที่ออกแบบเสื้อผ้าสไตล์สตรีทแวร์ ได้อย่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นแคมเปญ KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL PRESENT “Turn waste to Agri-Wear” ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ผนึกเอาภาคการเกษตรผนวกเข้ากับวงการแฟชั่น” พิษณุกล่าว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/v9MATgNmvSnHrvjL2SEQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="v9MATgNmvSnHrvjL2SEQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แฟชั่นรักษ์โลก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาคิน เพ็ญภาคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มัด แอนด์ ฮาวด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างขยะและมลภาวะเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากการผลิตเสื้อผ้านั้น ใช้ทรัพยากรอย่างมาก มีการใช้สารเคมีทั้งกระบวนการฟอกและการย้อม รวมถึงมีเศษผ้าเหลือทิ้งจากการตัดเย็บเป็นจำนวนมาก เกรฮาวด์ ออริจินัล จึงมุ่งส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสินค้าแฟชั่นเพื่อเป็น Eco Fashion หรือแฟชั่นที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญตลอดช่วงวงจรชีวิตของสินค้าตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบ ผลิต จำหน่าย สวมใส่ ไปจนถึงการทิ้งทำลาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพื่อมุ่งสร้าง Sustainable Fashion หรือความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น เราจึงเพิ่มกลุ่มไลน์สินค้า Green Label โดยสังเกตได้จากป้ายแท็กเสื้อสีเขียวซึ่งจะติดบนเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้ารีไซเคิล อาทิ ผ้ารีไซเคิลที่ผลิตจากขวดน้ำพลาสติก ผ้าคอตตอนออแกนิก หรือการใช้ผ้าในสต็อกเพื่อลดการผลิตผ้าใหม่ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะ และลดการใช้สารเคมีเท่านั้น แต่ยังเกิดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด” ภาคินอธิบาย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/RffUzVvwtkzc2aUxJRpo.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="RffUzVvwtkzc2aUxJRpo.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความร่วมมือกับสยามคูโบต้าในการทำคอลเลกชัน KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL PRESENT “Turn waste to Agri-Wear นั้น เป็นการจับมือของสองบริษัทที่ทำธุรกิจอุตสาหกรรมแตกต่างกัน แต่มองเห็นเป้าหมายที่ทำเพื่อสังคมเช่นเดียวกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความพิเศษของโปรเจกต์นี้ เราได้ออกแบบและผลิตเป็นสินค้าเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมในสไตล์สตรีทแฟชั่นและมีความเป็น Unisex เสริมความโดดเด่นของลวดลาย Freehand และ Silhouette ที่ปักสไตล์ Handicraft บนตัวผ้าที่ตัดเย็บแบบ Modern Craft เพิ่มมิติด้วยการนำมาออกแบบผสมผสานกับเนื้อผ้าคอตตอนออแกนิก และผ้าร่มรีไซเคิล” นายภาคิน กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/o7jzKBwWPX7JL4bcBkuL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="o7jzKBwWPX7JL4bcBkuL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับในอนาคตสยามคูโบต้าจะยังต่อยอดแนวคิดที่ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน และส่งเสริมการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทั้งฟางข้าว หรือในกลุ่มพืชชนิดอื่นๆ มาสร้างไอเดียด้วยวิธี upcycling ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในหลากหลายสินค้าเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากการกำจัดเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรด้วยวิธีการเผา ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ Circular Economy พร้อมมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ตอบแทนสังคมและสานต่อความยั่งยืน” พิษณุกล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/csr-sustainability/5-steps-to-send-pet-bottles-for-recycling" alt="ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย บอกเล่า 5 ขั้นตอนรักษ์โลก ส่งขวด PET ไปรีไซเคิล">ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย บอกเล่า 5 ขั้นตอนรักษ์โลก ส่งขวด PET ไปรีไซเคิล</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL พลิกโฉม ‘ฟางข้าว’ สู่สตรีทแฟชั่นรักษ์โลก

Junji Ota - วราภรณ์ โอสถาพันธุ์ ภารกิจ "คูโบต้า" เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก

<h2>นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2566 พบกับบุคคลบนปก Junji Ota ภารกิจ “คูโบต้า” เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Junji Ota และ วราภรณ์ โอสถาพันธุ์ ภารกิจ “คูโบต้า” เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก – เกษตรสมัยใหม่และสมาร์ทฟาร์มมิ่งไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แม้ภาคเกษตรของไทยส่วนใหญ่ยังคงทำเกษตรแบบดั้งเดิม แต่อุปกรณ์และเครื่องจักรกลการเกษตรได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากเครื่องจักรกลการเกษตรแบรนด์ดังที่อยู่คู่ไทยมามากกว่า 4 ทศวรรษ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/AL2VxWBV1Aw8D9AFMmVS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AL2VxWBV1Aw8D9AFMmVS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สินนท์ ว่องกุศลกิจ “บ้านปู เน็กซ์” ปักธงผู้นำพลังงานสะอาด - เมื่อพลังงานฟอสซิลมีจำกัด แต่ความต้องการใช้พลังงานมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปี พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานจึงเป็นอีกทางเลือกที่สำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กิตติวรรณ อนุเวชสกุล เปิดสูตรลับปรับสปีด แมคโดนัลด์ – ผลงานการแจ้งเกิดหลากหลายแบรนด์ในประเทศได้สะท้อนชัดถึงความสามารถด้านการตลาด การสื่อสาร และโฆษณา พร้อมก้าวต่อในฐานะซีอีโอหญิงคนแรกของแมคโดนัลด์ไทย ด้วยความรักในแบรนด์เป็นพลังให้ทัพหน้าแมคไทยแสดงฝีมือสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปักหมุดการเติบโตแบบติดปีก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/jiLg1tNYadtCZrm6b75h.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jiLg1tNYadtCZrm6b75h.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.มัลลิกา แก่กล้า เสริมแกร่งเทคขั้นสูง DEXON – โอกาสในธุรกิจตรวจสอบทางวิศวกรรม พลังงาน และปิโตรเคมีที่เล็งเห็นจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สู่การวางรากฐานด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบและการประเมินความสมบูรณ์ของระบบท่อส่งรายเดียวในไทย และเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ได้รับการยอมรับระดับโลก พร้อมพัฒนานวัตกรรมตอบดีมานด์ตลาดอเมริกาและยุโรป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร เพิ่มแสงสว่างให้ TMI ด้วยโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ – การเข้ามาของหลอดไฟ LED ในประเทศไทยในปี 2557 ทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าแสงสว่างในไทยได้รับผลสะเทือนไม่น้อย โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างบัลลาสต์ซึ่งตลาดส่วนใหญ่เป็นของผู้ผลิตในประเทศ ทำให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป กระทั่งมาลงตัวที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นนทกร จิตตมานนท์กุล ต่อยอด พี.อี. เทคนิคสร้างแบรนด์ อะไหล่รองรับ “EV” – นักธุรกิจหนุ่มวัย 29 ปี เป็นทายาทธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์แบรนด์ดังจากจีน สร้างการยอมรับด้วยการพัฒนาระบบและเป็นโซลูชันใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการชิ้นส่วนหรือระบบไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ทั้งรถสันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า นับเป็นเทรนด์อะไหล่รถยนต์ที่น่าจับตา ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/U662qcNiL17AmA9pFXbb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="U662qcNiL17AmA9pFXbb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Zuckerberg ในวันที่เติบใหญ่ – เด็กหนุ่มผู้เป็นตัวแทนแห่งสื่อสังคมออนไลน์ กำลังจะก้าวเข้าสู่วัย 40 ปี เขาชวนให้นึกถึงยุคของ Bill Gates ทั้งความละมุนเล็กๆ ความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย จับบริษัทตัวเองกลับหัวกลับหางด้วยความมั่นใจจนน่าตกใจ นับเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับชีวิตประจำวันของพวกเราในอนาคต รวมถึงมรดกตกทอดของตัวเขาเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พบกับการจัดอันดับ Forbes 400 บุคคลที่รวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่ในปีนี้ Elon Musk ครองแชมป์บุคคลที่รวยที่สุดในสหรัฐฯ และในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมไปถึงคอลัมน์ Dine with the Boss ฉบับนี้ พบกับ ดิษทัต ปันยารชุน ซีอีโอลูกหม้อ ปตท. เสริมแกร่งบริหารต้นทุน “OR” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร่วมอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจรวมถึงเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2566 และ<a target="_blank" href="https://www.ookbee.com/shop/magazines/publisher/1113/Forbes%20Thailand%20Magazine" alt="อ่านในรูปแบบ e-magazine">อ่านในรูปแบบ e-magazine</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/vBJSutehf71HZBE23C7L.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="vBJSutehf71HZBE23C7L.jpg" data-file-size="0" origin-size="686,900" data-origin="686px,900px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="3"></figure></div>​

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2566 – Junji Ota ภารกิจ “คูโบต้า” เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก

<h2>นวัตกรรมเกษตรมาแรง คาดตลาดโลกแตะมูลค่า 1 ล้านล้านบาท เอสซีจี จับมือ สยามคูโบต้า, คูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัท เกษตรอินโน ทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท ชูแพลตฟอร์มนวัตกรรมเกษตรครบวงจร ยกระดับวิถีเกษตรของไทยทัดเทียมระดับโลก</h2>
<img class="size-full wp-image-62022 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/คูโบต้า_0405.jpg" alt="" width="650" height="447" />

นันทภรณ์ อังศุกุลธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษตรอินโน จำกัด กล่าวว่า โลกปัจจุบัน มีปัจจัยสนับสนุนหลายด้านที่ส่งเสริมให้ภาคเกษตรต้องพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด สงครามที่เกิดขึ้น รวมถึงภาวะโลกร้อน ส่งต่อการเปลี่ยนแปลงซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเกษตรอย่างมาก รวมทั้งแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารปลอดภัย เป็นปัจจัยที่ต้องพัฒนานวัตกรรมอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2030 จะมีการลงทุนด้านนวัตกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 4.3 แสนล้านบาท ในปี 2021 ที่ผ่านมา ขณะที่ในประเทศไทยนวัตกรรมการเกษตรมีมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สดใสมาก

นอกจากนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งตัดสินใจที่จะกลับภูมิลำเนาเพื่อมาทำการเกษตร และกลุ่มคนเมืองที่หันมาสนใจทำการเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะการทำเกษตรรูปแบบใหม่ Smart Farming จึงได้จัดตั้ง บริษัท เกษตรอินโน จำกัด ขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือครองหุ้น คือ เอสซีจี ร้อยละ 51 สยามคูโบต้า ร้อยละ 25 และคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร้อยละ 24

“เราให้ความสำคัญในเรื่องการบริการ และการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการเกษตร เน้นวางแผน และนำเครื่องมือมาใช้ในการบริหารธุรกิจการเกษตรด้วยบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจการเกษตร รวมไปถึงผู้คนทุกกลุ่มที่มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในโลกการเกษตร ขยายขีดความสามารถในการเป็นเกษตรกรมืออาชีพ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Smart Farming ภายใต้แนวคิดออกแบบโลกเกษตรเพื่อทุกความเป็นไปได้” นันทภรณ์กล่าว

<img class="size-full wp-image-62020 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/คูโบต้า_0403.jpg" alt="" width="650" height="366" />
<h3>ชูบริการนวัตกรรมเกษตรครบวงจร</h3>
สำหรับสินค้าและบริการของเกษตรอินโน จะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก คือ เกษตรอินโน โซลูชั่น (KasetInno Solutions) ประกอบด้วย Farm Design, Farm Development และ Farm Care บริการออกแบบ พัฒนา และดูแลฟาร์มเกษตรครบวงจร เพื่อช่วยวางแผนในการทำเกษตร ให้แก่กลุ่มคนที่สนใจการทำเกษตรแต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเริ่มต้น รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีพื้นที่ว่างเปล่าหรือกลุ่มองค์กรธุรกิจการเกษตรที่ต้องการองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้บริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และกลุ่มเกษตรกรมืออาชีพที่มีพื้นที่ทำเกษตรเดิมอยู่แล้ว แต่ต้องการระบบการจัดการรวมถึงเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ไปช่วยให้การทำเกษตรง่ายขึ้น

ส่วนที่สอง คือ Farm &amp; Machinery Management Platform ระบบบริหารจัดการฟาร์มและเครื่องจักร ด้วยแอปพลิเคชันที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มและเครื่องจักรกลฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ K-iField Application ระบบบริหารจัดการฟาร์ม บันทึกข้อมูลสำคัญของฟาร์ม การเพาะปลูก การจัดการรายได้ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันระหว่างเกษตรกร และการประเมินสุขภาพพืช

K-iQ Application ระบบบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร ตัวช่วยสำหรับธุรกิจรับจ้างที่ต้องการจัดคิวงาน และบริหารจัดการค่าใช้จ่าย KIN RENT บริการเช่าใช้เครื่องจักรกลการเกษตร เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำการเกษตรแต่ยังไม่พร้อมลงทุนเครื่องจักรฯ และ KIN MATCH  บริการเช่าเครื่องจักรกลการเกษตรพร้อมคนขับ เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มและการใช้เครื่องจักรฯ อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

<img class="size-full wp-image-62021 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/คูโบต้า_0404.jpg" alt="" width="650" height="366" />

นอกจากนี้ ยังมีเกษตรอินโน มาร์เก็ต (KasetInno Market) แพลตฟอร์มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และผลผลิตทางการเกษตร โดยจะมี 2 ส่วน ประกอบด้วย แพลตฟอร์ม  e-Commerce “เกษตรอินโน มาร์เก็ต” จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในเครือข่าย ภายใต้ชื่อสินค้าแบรนด์เกษตรสุข (KasetSook)  และส่วนที่สอง คือ แพลตฟอร์ม KUBOTA Store จำหน่ายอะไหล่แท้คูโบต้าและอุปกรณ์การเกษตร

นันทภรณ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายของบริษัท แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. Agri Starter กลุ่มที่ไม่เคยทำเกษตรมาก่อน 2. Agri Business ผู้ที่ทำเกษตรอยู่แล้ว แต่ต้องการยกระดับให้ดียิ่งขึ้น 3. Smart Farmer ที่ต้องการเพิ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำการเกษตรเพิ่มขึ้น และ 4. Urban หรือคนเมืองที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์เกษตรที่ปลอดภัยและต้องการสนับสนุนเกษตรกร

“เป้าหมายและแผนธุรกิจในอนาคตนั้น เราต้องการเติบโต 10 เท่าใน 5 ปี ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้นวัตกรรมในภาคเกษตรไทย โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในด้านการเกษตร

ตลอดจนประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ผลักดันให้เกษตรกรมีโอกาสในการแข่งขันมากขึ้น ยกระดับเกษตรไทยให้เข้าสู่ตลาดพรีเมียม ต้องการเห็นอาชีพเกษตรกรมีรายได้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นันทภรณ์กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%88%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-s.html">ไขความลับความสำเร็จของ Summer Fridays</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“เอสซีจี” จับมือ “คูโบต้า” ปั้น แพลตฟอร์มทางการเกษตร

สยามคูโบต้า แสดงวิสัยทัศน์ ก้าวสู่ทศวรรษใหม่

<h2 class="p1">สยามคูโบต้า ประกาศความสำเร็จปี 62 ด้วยยอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 63 โตขึ้น 5-10% พร้อมเร่งนำนวัตกรรมเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์, GPS Telematics และโดรนเพื่อการเกษตร มาบริหารจัดการผลผลิตในภาคเกษตรกรรม</h2>
Takanobu Azuma กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา แนวโน้มการเกษตรทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องเกษตรอัจฉริยะและเกษตรอัตโนมัติ คูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่น ได้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยบริหารจัดการฟาร์ม ซึ่งสยามคูโบต้าได้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ส่งให้ผลประกอบการในปี 2562 มียอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนในประเทศ : ต่างประเทศ เท่ากับ 3.3 หมื่นล้านบาท : 2.1 หมื่นล้านบาท ด้วยมูลค่ายอดขายในประเทศเติบโตเกือบ 10% จากปีก่อนหน้า สำหรับปี 2563 สยามคูโบต้าตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 5-10% 
ทั้งนี้ นโยบายของคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะทำให้แบรนด์คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ “Global Major Brand (GMB)” ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและอะกริโซลูชั่นให้กับลูกค้าที่มีทั่วโลก พร้อมเป็นองค์กรที่ตอบแทนสังคม ไม่เพียงแต่จะมุ่งพัฒนาภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมของไทยและอาเซียน แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบที่จะส่งมอบสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า


<figure><img class="size-full wp-image-26485" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/kubota02.jpg" alt="" width="720" height="481" /><figcaption> Takanobu Azuma</figcaption></figure>
ด้าน สมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง น้ำท่วม ประกอบกับสงครามทางการค้าส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรและราคาผลผลิตปรับตัวลดลง ส่งผลให้ภาพรวมของภาคการเกษตรของไทยมีการผันผวนเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตร (GDP ภาคเกษตร) เติบโตขึ้น 0.5% จากปีที่ผ่านมา โดยมีพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้แก้ไขปัญหาโดยการออกนโยบายด้านสินเชื่อ มาตรการประกันรายได้และให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการซื้อเครื่องจักรเพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน สำหรับสยามคูโบต้าก็ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
จากปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า แนวโน้มตลาดเกษตรอัจฉริยะจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 19% ต่อปี สยามคูโบต้าจึงได้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนภาคการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์ นวัตกรรมการถ่ายภาพที่ส่งให้เกษตรกรได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ติดตามความเปลี่ยนแปลงของพืชที่ปลูก ทำให้รับทราบปัญหาเพื่อแก้ไขได้ทันการณ์
นอกจากนี้ยังมีระบบบริหารจัดการเครื่องจักร อาทิ ระบบ KIS (Kubota Intelligence Solutions) ที่นำ GPS Telematics มาช่วยบริหารจัดการเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำเกษตรได้อย่างแม่นยำ (Precision Agriculture) และยังมีการนำโดรนมาใช้ฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์ทางการเกษตรแทนแรงงานคน รวมทั้งการจัดการเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในฟาร์มด้วย นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมการเกษตรระดับนานาชาติ (Global AgTech Acceleration Program) เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ
“ขณะเดียวกัน สยามคูโบต้าเดินหน้าจัดทำโครงการเกษตรปลอดการเผา Zero Burn ที่ร่วมมือกับภาครัฐลดปัญหาที่เกิดจากการเผาของภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โครงการเกษตรปลอดนาหว่าน Zero Broadcast ที่ส่งเสริมกลุ่มเกษตรนาแปลงใหญ่ทำเกษตรประณีตด้วยวิธีดำนาและหยอดเมล็ด เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนอีกด้วย และในปีนี้สยามคูโบต้าจะเปิดให้บริการ KUBOTA Farm อย่างเต็มรูปแบบ โดยนำแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS ซึ่งเป็นการจัดการเกษตรกรรมครบวงจรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคูโบต้ามาประยุกต์ใช้จริง เพื่อเป็นฟาร์มสร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียน” สมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ พิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้จะมุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้วยการมองผ่านมุมมองของลูกค้า รวมถึงการใช้ Big Data สร้างเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 400 แห่ง ให้มีความแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์คูโบต้าเสมือนเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง (On Your Side) 
“นอกจากนี้ได้นำแนวคิด Omni Channel มาใช้ในระบบการจัดจำหน่าย มีการเชื่อมโยงลูกค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยผนวกสื่อออนไลน์เข้ากับออฟไลน์ เน้นการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เน้นช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Smart Farmer ตลอดจนพัฒนาแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่ KUBOTA Smart Application สามารถดูข้อมูลสินค้าและกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆ KAS Crop Calendar ปฏิทินเพาะปลูกที่ครอบคลุมทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด นอกจากนี้ยังมีบริการซื้ออะไหล่ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เพื่อสอดรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคเกษตร 4.0 อย่างแท้จริง”
พิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า รวมถึงยังนำข้อมูลที่ได้กลับมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ที่แม่นยำตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และนำเสนอนวัตกรรมเกษตรใหม่ๆ ที่ครอบคลุมการทำเกษตรในกลุ่มพืชที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว พร้อมออกแคมเปญการตลาด ภายใต้แนวคิด “Best Companion” ที่จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของเกษตรกรได้สบายใจยิ่งขึ้น
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%95%e0%b8%a3-%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%b5.html">เทคโนโลยีสมัยใหม่กับอนาคต ‘การเกษตร’ ไทย</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events