<h2>“ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ฉลองครบรอบ 30 ปี ทุ่มงบกว่า 400 ล้าน อวดโฉมใหม่ “ศูนย์กลางธุรกิจ - ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้ง - บ้านพักอาศัย” ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ บนสุดยอดทำเลการค้า “พาหุรัด - ตรีเพชร - เจริญกรุง - บูรพา” ดึงแบรนด์ดังเสริมทัพส่วนพลาซ่า และศูนย์อาหาร เติมสีสันวิถีชีวิต ดันกราฟธุรกิจเติบโตมั่งคั่งและยั่งยืน</h2> อภิชัย สิริดำรงพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอาคารพาณิชย์ บริษัท สยามสินธร จำกัดเปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ให้เป็นศูนย์กลางการค้าและชอปปิ้งของผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัด ที่เดินทางเข้ามาติดต่อธุรกิจกับร้านค้าพันธมิตร ซึ่งภาพความสำเร็จดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี นับตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2536 เป็นต้นมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญกับแผนพัฒนาปรับโฉม ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า ให้เป็นศูนย์กลาง “ธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้ง บ้านพักอาศัย” ให้เต็มไปด้วยสีสันและประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนในย่านนี้ และรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี มิกซ์ยูสที่เป็นมิตรใกล้ชิดย่านการค้า“ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” แหล่งธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ และเจริญมั่นคงมายาวนาน เป็นศูนย์รวมร้านทองส่ง แหล่งผลิตเครื่องประดับ เพชร ปืน ผ้าไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ นำเข้าผ้าลูกไม้จากต่างประเทศ ศูนย์รวมอาหาร ขนมไทยที่ขึ้นชื่อ และบ้านพักอาศัยที่อยู่สบายใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกบนเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นพลาซ่าที่ใหญ่ที่สุดในทำเลนี้ บนที่ดิน 13.61 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นตลาดมิ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านการค้าหลักของกรุงเทพฯ อย่างยาวนาน&nbsp; &nbsp; ด้วยความโดดเด่นของทำเลที่ตั้ง อยู่ติดกับถนนสายการค้าทั้ง 4 ด้าน คือ พาหุรัด ตรีเพชร เจริญกรุง บูรพา ทำให้มีผู้คนไหลเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวชม สถานที่สำคัญใกล้เคียง อาทิ พระบรมมหาราชวังฯ วัดพระแก้ว ชมการแสดงโขนที่ศาลาเฉลิมกรุง แวะทานอาหารและขนมไทยที่ศูนย์การค้าฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากความเป็นเอกลักษณ์ของย่านการค้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลายของสินค้าและบริการ เช่น ผ้าไหม ร้านเพชร และขนมไทยที่หาทานได้ยากจะรวมอยู่ที่นี่แล้ว ในด้านการเดินทางมีความสะดวกสบาย ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งทางศูนย์การค้าฯ มีบริการที่จอดรถมากกว่า 1,100 คัน หรือสะดวกสบายเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT สถานีสามยอด แลนด์มาร์ค "ธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้ง เรสซิเดนซ์"แผนพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม” เดินหน้าปรับพื้นที่ภายในและภายนอกทั้งหมด ทั้งในส่วนพลาซ่า และบ้านพักอาศัย โดยคงเอกลักษณ์ของอาคารในสไตล์โคโลเนียลที่มีความคลาสสิค บนพื้นที่ให้บริการ 98,500 ตารางเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของพลาซ่า พื้นที่รวม 17,945 ตารางเมตร เตรียมออกแบบและตกแต่งให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมปรับพื้นที่ร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B : Business to Business) และ ลูกค้ากลุ่มค้าปลีก (B2C : Business to Consumer)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/QwBMeAw3z1F8kw3NqtAn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="QwBMeAw3z1F8kw3NqtAn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยพื้นที่พลาซ่า ชั้น 1 ยังคงเป็นแหล่งรวม ร้านเพชร ร้านทองส่งชั้นนำ ผ้าลูกไม้นำเข้า ร้านเครื่องประดับ และขนมไทยโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พื้นที่พลาซ่า ชั้น 2 เป็นศูนย์รวมผ้าไหม เครื่องประดับ ห้องเสื้อ ชุดราตรี ชุดแต่งงาน ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พื้นที่พลาซ่า ชั้น 3 พบกับโฉมใหม่ ศูนย์รวมร้านอาหาร และ มาร์เก็ต ที่เตรียมยกระดับให้เป็น Food Experience แห่งใหม่ของย่านนี้ ที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการที่จะอำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/LMtB9Q6xjsMNUdT4Vh5U.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LMtB9Q6xjsMNUdT4Vh5U.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของชั้น 4 เป็นพื้นที่บ้านพักอาศัย (Residence) ประกอบด้วย 128 ยูนิต ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 95 ตารางเมตร แบบ Duplex 2 ห้องนอน ห้องรับแขกขนาดใหญ่ 1 ห้องครัว 2 ห้องน้ำ พื้นที่รวมทั้งหมด 13,000 ตารางเมตร เตรียมปรับโฉมในคอนเซ็ปต์ที่ทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Lobby , Outdoor Living , Meeting Room , Fitness และ Sky Pavilion&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมุ่งไปกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ใกล้เคียง และกลุ่มครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและการเดินทาง ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท ส่งต่อธุรกิจมั่งคั่งสู่เจเนอเรชั่นใหม่“จุดเด่นของดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า คือ ร้านค้ามากกว่า 50% เป็นธุรกิจที่ขายให้กับธุรกิจ หรือ B2B โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการจากรุ่นสู่รุ่น อาทิ ธุรกิจร้านเครื่องประดับ ร้านเพชร หากต้องการเพชรคุณภาพระดับพรีเมี่ยม หรือ ร้านทองส่ง ให้นึกถึง ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแนวทางการพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ในครั้งนี้นอกจากการปรับปรุงอาคารให้มีความทันสมัย สินค้าที่มีเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย รวมถึงบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกช่วงวัย ยังมาพร้อมแนวคิดของการต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการปรับรูปแบบการให้เช่าพื้นที่ ที่ครอบคลุมความต้องการ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความคล่องตัว ทั้งแบบสัญญาเช่าระยะสั้น และสัญญาเช่าระยะยาว เพื่อให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและการพักอาศัย อีกก้าวใหม่ของความสำเร็จ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อภิชัย กล่าวว่า จากประสบการณ์และความมุ่งมั่นของทีมงาน ที่พัฒนาโครงการ “เวลา สินธร วิลเลจ หลังสวน” (Velaa Sindhorn Village Langsuan) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในการบริหารพื้นที่ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเมือง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทีมงานมีความมุ่งหวังที่จะเติมสีสันให้กับผู้คนในย่านนี้ และผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยวางแผนเพิ่มผู้เช่าในกลุ่มร้านค้าและบริการอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการ ในกลุ่ม B2C และเน้นการสร้าง One stop service อีกแห่งใจกลางเมือง พร้อมรับกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ มากยิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA-%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-100-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%B0-51" alt="&quot;อาร์เอส&quot; รุกธุรกิจสัตว์ลี้ยงครบวงจร ทุ่ม 100 ล้าน ถือหุ้น “ฮาโตะ” 51%">"อาร์เอส" รุกธุรกิจสัตว์ลี้ยงครบวงจร ทุ่ม 100 ล้าน ถือหุ้น “ฮาโตะ” 51%</a>​ <hr class="__se__dashed"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ดิ โอลด์ สยาม” ทุ่มงบ 400 ล้าน พลิกโฉมครั้งใหญ่ครบรอบ 30 ปี

<h2>กลุ่ม IHG Hotels &amp; Resorts และ บริษัท สยามสินธร จำกัด ร่วมเปิดตัวโรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ, วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น ในฐานะโรงแรม วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น (Vignette Collection) แห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย ชูเอกลักษณ์ในการออกแบบและบริการเชื่อมต่อย่านหลังสวนสู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ทั้ง สุขุมวิท สีลม สยาม และชิดลม</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-65231" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-Horizon-Pool-Aerial.jpg" alt="" width="650" height="433" />

อุมาพร วงศ์พิพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป สินธร มิดทาวน์ เผยว่านับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จจากโรงแรมที่โดดเด่นด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัวสู่โรงแรมภายใต้แบรนด์ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น จากเครือ IHG แห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย

"เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับทีมงานที่แข็งแกร่ง ร่วมนำพาสินธร มิดทาวน์ ก้าวเข้าสู่รูปโฉมใหม่ของการให้บริการ ชูเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น เติมเต็มประสบการณ์ที่แสนพิเศษ ที่ผสานเข้ากับการถ่ายทอดเรื่องราวและจิตวิญญาณความเป็นกรุงเทพฯ ในทุกมิติของโรงแรม”

จุดเด่นของโรงแรมในกลุ่ม Vignette Collection คือถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการดีไซน์ที่โดดเด่น โดยนำเรื่องราวความเป็นมาและวิถีชีวิตของแต่ละสถานที่ตั้งของโรงแรมให้แขกผู้เข้าพักทุกท่าน ได้มีส่วนร่วมไปกับประสบการณ์การเดินทางแสนพิเศษ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักเดินทาง รุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อสังคมโดยรอบ

โดยการออกแบบของสินธร มิดทาวน์ ได้ Eight Inc บริษัทออกแบบชั้นนำมาร่วมถ่ายทอดความร่วมสมัยที่ผสมผสานด้วยความอบอุ่นและความสง่างามอย่างลงตัว ล็อบบี้โปร่งโล่งสไตล์มินิมอล ดึงดูดสายตาด้วยงานศิลปะผ้าทอมือด้วยเทคนิคผสมผสานมาสเตอร์พีซ โดยศิลปินชาวไทยอย่าง กาชามาศ เปเรซ หลังจากที่ใช้เวลาเรียนรู้งานหัตถกรรมพื้นบ้านร่วมกับชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงทางภาคเหนือของประเทศไทย กาชามาศ จึงนำเทคนิคการย้อมและถักทอผ้าแฝงด้วยรายละเอียดจากวัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิลแวววาวส่องกระทบแสงที่กระจายอยู่บนผ้าทอสีฟ้าคราม เสมือนท้องทะเลแสนสวยที่เต็มไปด้วยขยะลอยล่องอยู่ สะท้อนแง่คิดและสร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นของการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติจากน้ำมือมนุษย์

<img class="alignnone size-full wp-image-65227" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-The-Black-Cat-Interior.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ด้านการออกแบบภายใน P49 Deesign มาร่วมถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของกรุงเทพฯ ในวันวานจากรถราง ที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้ใช้บริการในช่วงปี 1920 จนถึง 1968 วิ่งบนถนนราชดำริไม่ไกลจากที่ตั้งของโรงแรมในปัจจุบัน ก่อนจะสิ้นสุดที่สถานีปลายทางที่แยกประตูน้ำ P49 Deesign จึงได้หยิบเอาโลหะสีเข้มมาใช้สื่อความหมายถึงรางรถราง โดยนำมาใช้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งพื้นที่บริเวณเคาน์เตอร์ต้อนรับ

ห้องพักให้บริการ 393 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยภายในตอบสนองความต้องการของนักเดินทางรุ่นใหม่ นอกจากการตกแต่งในโทนหรูเรียบนำเอกลักษณ์การให้อารมณ์จากสีพื้นที่ใช้พื้นโทนสว่างตัดกับสีของฝาผนังในโทนเข้ม อีกหนึ่งไฮไลต์คือ เก้าอี้ Drop&#x2122; ผลงานเลื่องชื่อจาก Fritz Hansen สำหรับห้องน้ำทางโรงแรมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก Karl Lagerfeld และจะมีเพียงห้องพักแบบ 2  bedroom เท่านั้นจะมีอ่างอาบน้ำในห้องนอนหลัก

<img class="alignnone size-full wp-image-65224" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-Standard-Room.jpg" alt="" width="650" height="488" />

<img class="alignnone size-full wp-image-65223" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-Guestroom-Bathroom.jpg" alt="" width="605" height="454" />

โดยในห้องนอนแบบสวีทขึ้นไปจะมีเครื่องซักผ้ารวมถึงไปส่วนประกอบอาหารให้บริการซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้เข้าพักของ สินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ ที่มีการจองห้องพักมากกว่า 1 คืน จากกลุ่มผู้เข้าพักต่างชาติ อาทิ ผู้เข้าพักชาวญี่ปุ่น ผู้เข้าพักคนไทย ทั้งนี้ที่เดินทางแบบครอบครัวและผู้เดินทางเพื่อมาประชุม

โถงทางเดินในทุกชั้นจะได้พบกับผลงานภาพถ่ายปลากัดอันเลื่องชื่อประดับฝาผนังและยังรวมไปถึงพรมให้ห้องพักที่ถักทอลวดลายจากความสวยงามและสีสันของปลากัดที่ทาง วิศรุต อังคทะวานิช เจ้าของผลงานภาพปลากัดไทยบนการเปิดตัว iPhone 6s ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อปี 2015 มารวมออกแบบ

<img class="alignnone size-full wp-image-65225" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-Bangkok78-Interior-02.jpg" alt="" width="650" height="433" />

<img class="alignnone size-full wp-image-65230" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Sindhorn-Midtown-Hotel-Bangkok-Fitness.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ห้องอาหาร โรงแรมนำเสนอประสบการณ์แห่งรสชาติอาหารและเครื่องดื่มจากบาร์ ห้องอาหาร และคาเฟ่ อาทิ The Black Cat วิสกี้บาร์ Bangkok’78 ลิ้มรสอาหารไทย และ Sip &amp; Co. แคชชวลคาเฟ่ เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารที่เรียบง่าย ขณะที่ไม่ไกลจากอาคารโรงแรมยังมี Harbor land สวนสนุกในบริการ

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/technology/global-technology/mercer-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%9e%e0%b9%81.html">การจัดอันดับ “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” ประจำปี 2022</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

IHG เปิดตัว "โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ, วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น" แห่งแรกในเอเชีย

<h2 class="p1">บริษัท สยามสินธร จำกัด ได้จัดงาน Exclusive Launch ของ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok โครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ บริหารโดยเชนโรงแรมระดับโลก "Sindhorn kempinski Hotel Bangkok" เมื่อวันที่ 2-3 มีนาคม ที่ผ่านมา โครงการอยู่บนทำเลใจกลางเมืองบนถนนหลังสวน ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย โดยลูกค้ามั่นใจได้ว่า จะได้รับการบริการที่มีคุณภาพ มาตรฐานเดียวกันกับการให้บริการของเคมปินสกี้ ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน</h2>
The Residences at Sindhorn Kempinski เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโครงการที่ 4 และเป็นโครงการเรือธงของ Sindhorn Village ซึ่งประกอบด้วยที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ได้แก่ Sindhorn Residence, Sindhorn Tonson และ Sindhorn Lumpini รวมถึงโรงแรมชั้นนำระดับโลก คือ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok และ Kimpton Hotel Bangkok
<img class="alignnone size-full wp-image-5387" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/1DX_2873-4-e1551948227453.jpg" alt="" width="525" height="800" />
เมื่อทำเลคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะความสะดวกสบายในการเดินทาง The Residences at Sindhorn Kempinski จึงตั้งอยู่ในย่านหลังสวน ซึ่งเป็นย่านที่สงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย ขณะเดียวกันก็สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้ากับย่านสำคัญอื่นๆ ที่อยู่รายรอบได้อย่างฉับไว ไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิท ราชดำริ วิทยุ สาทร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและย่านช้อปปิ้งชั้นนำของกรุงเทพฯ ทั้งยังอยู่ติดกับสวนลุมพินี ที่เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังไม่ไกลจากโรงเรียน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลหลายแห่งอีกด้วย
The Residences at Sindhorn Kempinski อาคารสูง 33 ชั้น มีห้องพัก 231 ยูนิต มีตั้งแต่ 1-4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 50-500 ตารางเมตร พื้นที่จอดรถชั้นใต้ดิน 3 ชั้น สามารถรองรับรถยนต์ได้ถึง 495 คัน หรือกว่า 200% ของจำนวนยูนิต ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอยู่บนชั้น 30 ประกอบด้วยเรสซิเดนซ์เลาจน์, สระว่ายน้ำ, สปา และฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน
<img class="alignnone size-full wp-image-5388" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/1DX_3077-9-e1551948253438.jpg" alt="" width="800" height="533" />
โครงการ The Residences at Sindhorn Kempinski มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2562 ซึ่งหลังจากเปิดตัวโครงการไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่มองหาที่พักอาศัยใจกลางเมืองท่ามกลางความร่มรื่น มีความเป็นส่วนตัว แต่ก็สามารถเดินทางสู่ศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำได้อย่างรวดเร็ว 
สามารถเยี่ยมชมโครงการได้ที่ Sales Gallery ถนนหลังสวน เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมที่โทร. 02-650-9899
<img class="alignnone size-full wp-image-5389" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/1DX_2941-7-e1551948275802.jpg" alt="" width="800" height="533" />

<img class="alignnone size-full wp-image-5390" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/1DX_2993-8-e1551948297532.jpg" alt="" width="800" height="533" />

<img class="alignnone size-full wp-image-5391" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/MG_0901-3-e1551948315158.jpg" alt="" width="800" height="533" />

สยามสินธรจัดงาน Exclusive Launch ของ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok

<h2>สยามสินธร จับมือ พันธมิตร เคมปินสกี้ เปิดตัวโครงการ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้” คาดพร้อมเข้าอยู่ปลายปีหน้า เฉลี่ยราคาที่ 2.5 แสนบาทต่อ ตร.ม. พื้นที่ตั้งแต่ 50 – 500 ตร.ม. ถือเป็นโครงการที่ 4 ที่เปิดตัวภายใต้โครงการ “สินธร วิลเลจ”</h2>
ชลาลักษณ์ บุนนาค กรรมผู้จัดการ บริษัท สยามสินธร จำกัด เผย บริษัทลงนามความร่วมกับ Kempinski แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก เพื่อนำบริการระดับเวิลด์ของแบรนด์มาให้บริการผู้อยู่อาศัยทั้งในส่วนของของโรงแรมระดับ 5 ดาว ชื่อ “โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ และ ในส่วนที่พักอาศัย “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้” โดยทั้งสองโครงการมูลค่ากว่า 3.9 หมื่นล้านบาท

“เรามุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้อยู่อาศัย เมื่อเราพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพบนทำเลที่มีศักยภาพ สิ่งหนึ่งที่ต้องมาคู่กันกับที่พักอาศัย นั่นก็คือ การบริการอาหารอาคารเราจึงเลือกเคมปินสกี้ เพื่อมั่นใจได้ว่า การบริการลูกค้าของเราจะเป็นระดับชั้นนำตามมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของแบรนด์เคมปินสกี้ที่มีมาอย่างยาวนาน” ชลาลักษณ์ บุนนาค กรรมผู้จัดการ บริษัท สยามสินธร จำกัด

<img class="alignnone size-full wp-image-1717" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้.jpg" alt="" width="680" height="453" />

ด้าน Michael Henssler Chief Operating Officer Asia บินตรงจากประเทศจีนร่วมแถลงข่าวเผยภูมิใจกับผลงานการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานพร้อมนำความภูมิใจของแบรนด์สู่ประเทศไทย “ในประเทศไทยเคมปินสกี้ถือเป็นโรงแรมแห่งที่สองที่เรามาเปิด ที่ผ่านมานโยบายของเราไม่ต้องการโตด้วยจำนวนสาขา แต่เราโตด้วยคุณภาพกับสิ่งที่เราลงทุน ตลอด 120 ปีของบริษัทเรานำเสนอคุณภาพที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า รวมไปถึงการการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจที่มีมาตรฐานสูง”

ขณะที่ สืบพงษ์ เกียรติวิศาลชัย ผู้อำนวยการพัฒนาโครงการ สยามสินธร เผยภาพรวมโครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้ ตลอดปีที่ผ่านมาสร้างชั้นใต้ดินเพื่อรับรองที่จอดรถและในปีนี้เราเดินหน้าสร้างโครงสร้างอาคาร โดยมีพันธมิตรระดับโลกอย่าง Thai Obayashi เป็นผู้ก่อสร้าง โดยจุดเด่นที่ทำให้โครงการของเราแตกต่างจากโครงการระดับเดียวกัน คือ องค์ประกอบ 5 อย่างได้แก่ สะดวก สงบ รื่นรมย์ ปลอดภัย ทำเลกลางเมือง ซึ่งย่านหลังสวนถือเป็นทำเลเดียวในกรุงเทพที่มีครบทั้ง 5 สิ่งนี้

“กลุ่มเป้าหมายหลักของเราคือกลุ่ม Real Demand ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย ทั้งนี้โครงการของเรายังเป็นที่ต้องการของกลุ่มซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าเนื่องจากสัญญาเช่าซื้อระยะยาวทำให้ได้ราคาถูกกว่า 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันนี้ได้เปิดตัว Sale Gallery เป็นที่เรียบร้อย เราตั้งเป้าในสิ้นปีน่าจะมียอดขายราว 30 เปอร์เซ็นต์ และปลายปีหน้าที่ราว 70 เปอร์เซ็นต์” สืบพงษ์ กล่าวและเสริมว่า

“เรสซิเดนซ์ของเรามีราคาเฉลี่ยที่ราว 250,000 บาทต่อ ตร.ม. เริ่มต้นที่ 50 ตร.ม. และพื้นที่สูงสุดที่ 500 ตร.ม. โดย มีห้อง Penthouse เพียงสองห้องเท่านั้น ปัจจุบันโครงสร้างของอาคารเสร็จสิ้นแล้ว ลูกค้าที่สนใจสามารถขึ้นไปดูทำเลและวิวของห้องเพื่อชมบรรยากาศได้ สำหรับห้องชุดที่ราคาสูงราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราว 12-15 ล้านบาทต่อ ตร.ม.”

<img class="alignnone size-full wp-image-1718" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้3.jpg" alt="" width="680" height="453" />

ด้าน ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัด เผยภาพรวมโครง สินธร วิลเลจ ว่า เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้ ถือเป็นโครงการที่ 4 ที่เปิดตัวหลังการเปิดตัว 3 โครงการที่พักอาศัยระดับซุปเปอร์ลักชัวรี ได้แก่ สินธร เรสซิเดนซ์, สินธร ต้น สน และสินธร ลุมพินี โดยทั้งสามโครงการกลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นคนไทยและอยู่อาศัยเอง ซึ่งมีจำนวนมากที่ซื้อด้วยเงินสด

“ภาพรวมโครงการเรายังมีพื้นที่ว่างอีก 10 ไร่ เพื่อรอดูสถานการณ์ของบริษัทอสังหาฯ ใกล้เคียง” ขจรเดช แสงสุพรรณ กล่าว
<h2>ห้องตัวอย่างจาก Sale Gallery</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-1721" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้1.jpg" alt="" width="680" height="453" />

<img class="alignnone size-full wp-image-1719" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้4.jpg" alt="" width="680" height="453" />

<img class="alignnone size-full wp-image-1720" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้5.jpg" alt="" width="680" height="453" />

<img class="alignnone size-full wp-image-1726" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/เดอะ-เรสซิเดนซ์-แอท-สินธร-เคมปินสกี้6.jpg" alt="" width="680" height="453" />

พร้อมขาย The Residences at Sindhorn Kempinski ราคาเฉลี่ย 2.5 แสนต่อ ตร.ม.

ไม่ถึง 200 เมตร จากปากซอยหลังสวน 6 ที่เชื่อมต่อกับซอยต้นสน เคยเป็นที่ตั้งของ Paesano ร้านอาหารอิตาเลียนอายุเกือบ 4 ทศวรรษ เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย ถูกใช้เป็นสถานที่นัดประชุม 6 หัวหน้าพรรคการเมือง เพื่อหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในปี 2551 จนกลายเป็นชนวนให้มวลชนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ก่อเป็นวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน 
&nbsp; 
แต่ปัจจุบัน ร้านในตำนานแห่งนี้กลายเป็นซากอิฐ กองปูน เช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนที่มีประวัติศาสตร์เฉพาะตัวจำนวนไม่น้อยในซอยต้นสนและบางส่วนของถนนหลังสวน ภายหลัง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เจ้าของที่ดินเข้าขอคืนพื้นที่ แล้วมอบหมายให้ บริษัท สยามสินธร จำกัด บริษัทลูกที่สำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 100% เข้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และโรงแรม บนพื้นที่ 52+4 ไร่ ใช้ชื่อว่า &ldquo;หลังสวน วิลเลจ&rdquo; ที่มีมูลค่าโครงการไม่รวมที่ดินและค่าก่อสร้างโรงแรม 2.3 หมื่นล้านบาท เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ สำนักงานทรัพย์สินฯ ที่เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเจ้าที่ดินให้เช่ามาเป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เอง 
&nbsp; 
หลังสวน วิลเลจ วางแนวคิดในการพัฒนาให้เป็น &ldquo;โครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดกลางใจเมืองมีคุณภาพสูงในทุกมิติของการพัฒนาอย่างมีคุณธรรม&rdquo; ไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นประโยชน์ส่วนรวม มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 1,700 หน่วย ประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียมสัญญาเช่า 30 ปี 6 อาคาร (2 ใน 6 อาคาร ความสูง 29 ชั้น และ 6 ชั้น จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ หลังโรงเรียนมาแตเดอี) และ เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 3 อาคาร โรงแรม 1 อาคาร ศูนย์บริการสุขภาพ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ สลับกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ในลักษณะเปิดโล่ง ตลอดจนมีถนนคนเดินขนานไปกับถนนหลังสวน โดยการก่อสร้างจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 2559-2562 
&nbsp; 
&ldquo;เราไม่ใช่เถ้าแก่ เราเป็นลูกจ้างมาทำโครงการดีๆ&rdquo; ชลาลักษณ์ บุนนาค CEO ของ บริษัท สยามสินธร จำกัด และวิศวกรวัย 65 ปี ลูกหม้อ SCG ที่มีสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กล่าวกับ Forbes Thailand เขาชวนลูกหม้อที่ SCG อีก 2 คน มาร่วมงานด้วยในตำแหน่ง กรรมการบริหาร คือ ขจรเดช แสงสุพรรณ และ ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล 
&nbsp; 
&ldquo;จุดบวกของโครงการคือ เราไม่ต้องการ maximize profit เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของการออกแบบ ก่อสร้าง ใจกว้างให้สังคม เป็นมิตรกับชุมชน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม&rdquo; ชลาลักษณ์เสริมระหว่างการสนทนาบนชั้น x ของอาคารสินธร ทาวเวอร์ บนถนนวิทยุ ไม่ไกลจากโครงการหลังสวน วิลเลจ 
&nbsp; 
หลังแถลงข่าวเปิดตัวโครงการไปเมื่อกลางปีที่แล้ว งานก่อสร้างโดยบริษัท นันทวัน จำกัด (ซึ่งบริษัทลูกของสำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 10%) เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว รั้วสังกะสีสูง 3-5 เมตร กั้นเป็นทางยาวกว่า 400 เมตร ตั้งแต่ซอยหลังสวน 2 จนถึงซอยหลังสวน 6 มีรถบรรทุกและรถขนปูนวิ่งสวนกันไปมาอย่างคึกคัก โดยเครนยักษ์ 3 ตัวทำงานตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะซอยหลังสวน 1 ฝั่งซอยต้นสน ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของอาคาร &ldquo;สินธร เรสซิเดนซ์&rdquo; คอนโดมิเนียม นำร่องของหลังสวน วิลเลจที่ประกอบไปด้วยอาคาร ความสูง 34 ชั้น และ อาคาร 10 ชั้น ด้วยขนาดห้องพัก 35-345 ตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้น ณ ปัจจุบันที่ 220,000 บาท/ตร.ม.สำหรับสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี และสิทธิที่จะต่อสัญญาเช่าไปอีกทีละ 10 ปี รวม 30 ปี มียอดขายแล้ว 60% มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ-พร้อมเข้าอยู่ ในปลายปี 2559 
&nbsp; 
อีกความภูมิใจของผู้บริหารสยามสินธรต่อโครงการนี้ คือวิธีการ &ldquo;ขอคืนพื้นที่&rdquo; ที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เคยมีข้อพิพาทกับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เช่ารายเดิมในหลายพื้นที่ แต่สำหรับ &ldquo;หลังสวน วิลเลจ&rdquo; ผู้บริหารโครงการบอกว่า การส่งสัญญาณขอคืนพื้นที่จากผู้เช่า 239 แปลงที่จ่ายค่าเช่ารวม 52 ไร่เป็นเงิน 1 แสนบาทต่อปี (ตารางวาละ 5 บาท) เริ่มตั้งแต่ปี 2543 โดยสำนักงานทรัพย์สินฯเปลี่ยนการต่อสัญญาเช่าจากทีละ 3 ปี&nbsp; เป็นปีต่อปี แล้วเริ่มเจรจาขอพื้นที่คืนในปี 2553 ผู้เช่าส่วนใหญ่ต่างทยอยส่งมอบพื้นที่คืนหลังหมดสัญญา ไม่มีการไล่ที่ ขณะที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้เสนอความช่วยเหลือในหลายรูปแบบ เช่น จ่ายเงินช่วยเหลือเป็นค่าขนย้ายในอัตรา 40,800 บาท/ตารางวา หากเป็นผู้เช่าแบบพักอาศัยจะได้รับข้อเสนอให้ย้ายไปอยู่ต้นสน คอร์ท ในสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี หรือสามารถใช้สิทธิจองโครงการที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในราคาพิเศษก่อนประชาชนทั่วไป 
&nbsp; 
เวลานี้ยังเหลือผู้เช่าบางรายที่ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่คืน เช่น อาคารหลังสวน บัลโคนี เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บริเวณปากซอยหลังสวน 7 ที่อยู่ระหว่างแจ้งให้ผู้ประกอบการบางรายย้ายออก ก่อนส่งคืนพื้นที่ราวต้นปีหน้า เช่นเดียวกับบ้านพัก คอนโดฯ และอาคารสำนักงานหลายหลัง ระหว่างซอยหลังสวน 7 จนถึงถนนสารสินที่กำลังทยอยส่งคืนพื้นที่ให้สำนักงานทรัพย์สินฯ 
&nbsp; 
&ldquo;ที่ 200 กว่าแปลง ถ้าไม่รวบรวมเป็นผืนใหญ่ผืนเดียว ก็จะไม่สามารถสร้าง mass impact ได้&rdquo; ขจรเดชกล่าวเสริม สำหรับที่ดินที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของสถานทูต สวนลุมพินี และนับเป็นย่านที่มีราคาแพงที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ โดย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ประเมินเมื่อปีที่แล้วว่า ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 1.65 ล้านบาท หรือไร่ละ 660 ล้านบาท เพราะมีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านและอยู่ในย่านศูนย์การค้า และมีโอกาสที่จะเพิ่มเป็นตารางวาละ 2 ล้านบาท หรือไร่ละ 800 ล้านบาท ก่อนสิ้นปีนี้ และจะพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้บริหารของ สยามสินธรมองว่าพื้นที่รอบวิทยุ หลังสวน สวนลุมพินี จะกลายเป็น ย่านพักหรู ร่มรื่นของมหานคร ไม่ต่างจาก Central Park ใน New York หรือ Hyde Park ใน London 
&nbsp; 
&ldquo;หลังสวน วิลเลจ&rdquo; จึงเป็นโครงการระดับเพชรยอดมงกุฎ ที่ไม่เพียงน่าจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯ ยังอาจช่วยปรับภาพลักษณ์จากเหตุขัดแย้งกับชาวบ้าน หลังเข้าขอคืนพื้นที่เพื่อส่งมอบให้เอกชนเข้าพัฒนา ในหลายกรณีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา 
<hr />
อ่าน LEADERBOARD: ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (คลิ๊กที่ภาพ) 
 
<a href="http://www.forbesthailand.com/leader_inside.php?leaderboard_id=13"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="390" src="/uploads/userfiles/images/april%202015/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/41000%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88-edit-4.jpg" width="760" /></a> 
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">
	ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์</div>
<hr />
<a href="http://goo.gl/htNnWW">อ่าน Forbes Thailand ฉบับ APRIL 2015 ในรูปแบบ E-Magazine และฉบับย้อนหลังได้ที่นี่</a>

“หลังสวน วิลเลจ” แนวทางใหม่ของการพัฒนาที่ดินแบบสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

41,000 ไร่ คือที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยที่ดินส่วนใหญ่ถูกกระจายออกไปสู่กับ ผู้เช่าเชิงพาณิชย์, หน่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และ ผู้เช่ารายย่อย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events