<h2>ผู้คนส่วนใหญ่ชอบช็อกโกแลตไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง บางคนชอบเครื่องดื่ม บางคนชอบขนมรสช็อกโกแลต และบางคนก็ชอบช็อกโกแลตแท่งเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่าการรับประทานช็อกโกแลตอย่างเหมาะสมนั้นดีต่อสุขภาพ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากช็อกโกแลตจะกลายเป็นหนึ่งในขนมหวานยอดนิยมที่สุดในโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด ‘ช็อกโกแลตดูไบ’ กลายเป็นไวรัลบน TikTok ก่อนขยับขยายไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ส่งผลให้เหล่านักชิมทั้งหลายพากันไปตามหามาลิ้มลองแม้จะมีราคาค่อนข้างแพงก็ตาม ส่วนสายทำขนมก็ไม่วายหาสูตรมารังสรรค์ช็อกโกแลตดูไบฉบับของตัวเอง หลายคนก็ใจดีแบ่งปันสูตรให้ชาวเน็ตได้ลองไปทำตามๆ กัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แล้วช็อกโกแลตดูไบคืออะไร? ทำไมต้องดูไบ?&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเริ่มต้นของช็อกโกแลตดูไบมาจากแบรนด์ช็อกโกแลต Fix Dessert Chocolatier ของ Sarah Hamouda ผู้ประกอบการลูกครึ่งอังกฤษ-อียิปต์ที่อาศัยอยู่ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เธอก่อตั้งแบรนด์ Fix ขึ้นในปี 2021 โดยเป็นเพียงแค่งานเสริมเท่านั้น แรงบันดาลใจมาจากตอนที่เธอตั้งครรภ์และอยากลิ้มรสช็อกโกแลตที่แตกต่าง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/veD5xvFhaDG4gyAvtwXa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="veD5xvFhaDG4gyAvtwXa.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>Sarah Hamouda และครอบครัว</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช็อกโกแลตของ Fix เป็นช็อกโกแลตแบบแท่งสอดไส้สุดพิเศษ เช่น แป้งฟิโล คาราเมล ชีสเค้ก ฯลฯ แต่ละแท่งยังมีการประดับลวดลายที่วาดด้วยมือทั้งหมด ซึ่ง Fix มีขายเฉพาะในดูไบเท่านั้น ไม่มีการส่งออกนอกเมืองแต่อย่างใด ทำให้คนเรียกกันว่าช็อกโกแลตดูไบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การทำช็อกโกแลตแท่งเหล่านี้คือความฝันของฉันมาตลอดเลยค่ะ ในฐานะชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในดูไบ รายล้อมด้วยวัฒนธรรมต่างๆ ที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม ฉันอยากจะทำสิ่งที่ผู้คนจากทั่วโลกรู้สึกเข้าถึงได้ สิ่งที่ชวนให้หวนระลึกถึงความทรงจำแสนวิเศษไม่ว่าคุณจะมาจากที่ใดก็ตาม” Hamouda กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับไส้ที่ผู้คนกำลังพูดถึงกันมากที่สุด คือเมนูต้นตำรับซิกเนเจอร์ของ Fix ชื่อว่า “Can’t Get Knafeh of It” ตัวไส้เป็นรสถั่วพิสทาชิโอ คนาเฟห์ (Knafeh) และซอสทาฮินี (Tahini) โดยคนาเฟห์คือขนมหวานดั้งเดิมของอาหรับทำจากแป้งและไซรัป ส่วนทาฮินีเป็นเครื่องปรุงรสจากงาคั่ว เมื่อผสมผสานกับพิสทาชิโอที่หลายคนโปรดปรานจึงได้รสชาติหวานมันมาพร้อมความหอมที่ลงตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Aylin Oney Tan นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารชาวตุรกีมองว่าการจับคู่ช็อกโกแลตกับพิสทาชิโอไม่ใช่เรื่องใหม่ กระนั้นก็ยังคงเป็นรสชาติที่ครองใจคนรักขนมหวานเสมอมา แต่ความสำเร็จของช็อกโกแลตดูไบสุดไวรัลน่าจะมาจากคนาเฟห์ที่ให้สัมผัสกรุบกรอบเพลิดเพลินขณะเคี้ยวเสียมากกว่า <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/jKAbeesLYZL35U2p18Fh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jKAbeesLYZL35U2p18Fh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราทุ่มเททั้งเวลา ความพยายาม และความรักลงในช็อกโกแลตแต่ละแท่ง” Hamouda อธิบายว่า เธอไม่ได้ทำแค่ร้านช็อกโกแลต “เราต้องการสร้างสรรค์ประสบการณ์” ตามชื่อ Fix ที่มาจากคำว่า Freaking Incredible Experience (ประสบการณ์สุดจะเหลือเชื่อ)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Fix เริ่มเป็นที่รู้จักบนโซเชียลเมื่อเดือนธันวาคม 2023 เมื่ออินฟลูเอนเซอร์สาว Maria Vehera เผยแพร่คลิป ASMR รับประทานช็อกโกแลตรสต่างๆ ของแบรนด์ทาง TikTok อย่างเอร็ดอร่อย จุดประกายให้ขนมหวานสุดพิเศษนี้ค่อยๆ โด่งดังจนไปไกลทั่วโลก และกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของผู้มาเยือนดูไบ โดยปัจจุบันคลิปดังกล่าวมียอดเข้าชมกว่า 90 ล้านครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช็อกโกแลตแบรนด์ Fix เป็นช็อกโกแลตโฮมเมด ไม่ได้ผลิตคราวละมากๆ และขายผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรีอย่าง Dileveroo ในเขตดูไบเท่านั้น โดยราคาอยู่ที่ราว 20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแท่งขนาด 200 กรัม เดิมคำสั่งซื้อช็อกโกแลตของ Fix มีเพียงจำนวนน้อย แต่หลังกลายเป็นไวรัลก็พุ่งขึ้นมาเป็น 500 คำสั่งซื้อต่อวัน และขายหมดในไม่กี่นาที นำมาสู่ความท้าทายของ Hamouda เมื่อความต้องการลิ้มรสช็อกโกแลตมีมากกว่ากำลังการผลิตมหาศาล​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/CZdyD7Cm7u71MiQhsCT7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CZdyD7Cm7u71MiQhsCT7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากเสียงบ่นในโลกออนไลน์ว่าช็อกโกแลตดูไบหามารับประทานได้ยากจนเกินไปตลอดจนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าความนิยมมหาศาลนี้เป็นกลการตลาด ยังมีการนำช็อกโกแลตเหล่านี้ไปขายต่อในราคาสูงเกินจริงอีกต่างหาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hamouda รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยืนยันว่าสิ่งสำคัญคือคุณภาพที่ต้องรักษาไว้ให้ดี ขณะเดียวกันเธอก็กำลังค่อยๆ สร้างการเติบโตให้ Fix ด้วยความหวังว่าวันหนึ่งทุกคนจะสามารถเข้าถึงช็อกโกแลตของเธอได้ โดยนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่วิดีโอช็อกโกแลตดูไบเริ่มเป็นไวรัล ผู้ก่อตั้ง Fix ก็ขยายทีมจากเดิมที่มีเพียงเธอและสามีทำงานกันในห้องครัวที่บ้าน มาเป็นทีมที่มีสมาชิก 10 คนและเช่าครัวทำช็อกโกแลตกันอย่างจริงจัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ความหายากของช็อกโกแลตดูไบในปัจจุบันทำให้ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายอื่นหันมาคว้าโอกาสรังสรรค์เมนูที่คล้ายคลึงกันขึ้นมาขายให้ผู้บริโภคที่ไม่สามารถซื้อช็อกโกแลตของ Fix ได้ อีกทั้งยังมีการพิจารณาส่วนผสมและแกะสูตรแบ่งปันกันในโลกโซเชียลสำหรับสายทำขนมกินเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นการสานต่อกระแสของช็อกโกแลตดูไบนี้แล้ว ยังก่อให้เกิดสูตรที่หลากหลายแปรเปลี่ยนไปตามฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนอีกด้วย แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/travel/dubai-viral-chocolate-bar-fix-hnk-spc/index.html" alt="Meet the woman behind Dubai’s viral super-chunky chocolate bar">Meet the woman behind Dubai’s viral super-chunky chocolate bar</a>​ ​<a href="https://www.hurriyetdailynews.com/opinion/aylin-oney-tan/what-is-the-secret-of-dubai-chocolate-201496" alt="What is the secret of Dubai chocolate?">What is the secret of Dubai chocolate?</a>​ ​<a href="https://www.foodandwine.com/viral-dubai-chocolate-bar-fix-dessert-chocolatier-8714704" alt="Are You Being Scammed by the Viral Dubai Chocolate Bar?">Are You Being Scammed by the Viral Dubai Chocolate Bar?</a>​ ​<a href="https://www.thedailymeal.com/1674281/viral-dubai-chocolate-bar-explained/" alt="The Viral Dubai Chocolate Bar, Explained">The Viral Dubai Chocolate Bar, Explained</a>​ ภาพ: Fix Dessert Chocolatier เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/taylor-swift-becomes-worlds-richest-female-musician" alt="สวยและรวยมาก! Taylor Swift ขึ้นแท่นนักดนตรีหญิงมั่งคั่งที่สุดในโลก">สวยและรวยมาก! Taylor Swift ขึ้นแท่นนักดนตรีหญิงมั่งคั่งที่สุดในโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดที่มาปรากฏการณ์ ‘ช็อกโกแลตดูไบ’ ขนมสุดไวรัลจาก TikTok

<h2>Dubai มหานครแห่งทะเลทรายที่ร้อนระอุในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประเทศที่อุดมไปด้วยน้ำมันดิบหรือ “ทองคำดำ” ที่แปรเป็นเงินตรามาบันดาลความสะดวกสบายสิ่งปลูกสร้างสุดหรูหราทั้งศูนย์การค้าที่เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลกไปจนถึงคอนโดมิเนียมสำหรับอภิมหาเศรษฐีและยนตรกรรมจากทุกมุมโลกที่อวดโฉมประชันความแรงอยู่บนท้องถนน</h2>
อาณาจักรของมหาเศรษฐีแห่งนี้ถูกเลือกจาก Maserati S.p.A. ให้ใช้เป็นสถานที่ทดสอบรถหรูและแรงหลากรุ่นสัญชาติอิตาลีสำหรับสื่อมวลชนจากทั่วโลกเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ในโอกาสครบรอบ 1 ศตวรรษด้วยเป้าหมายของการเพิ่มยอดขายทั่วโลกกว่า 3 เท่าให้เป็น 50,000 คันในปี 2558จากไม่ถึง 15,000 คันในปี 2556

Maserati เจ้าของโลโก้ “ตรีศูล” หรือสามง่ามอาวุธของ Poseidon เทพเจ้าแห่งท้องทะเลถูกสร้างขึ้นมาจากพี่น้องตระกูลMaserati เมื่อ 100 ปีที่แล้วด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ความแคล่วคล่องในการขับขี่ความแม่นยำของช่วงล่างที่ถ่ายทอดจากสนามแข่งทำให้ชื่อของ Maserati สะท้อนออกมาในรูปแบบสปอร์ตคาร์

แต่ในช่วงหลังนี้ Maserati ให้ความสนใจกับรถซีดาน 4 ประตูมากขึ้นเพราะความต้องการในตลาดทั่วโลกมีมากกว่ารถสปอร์ต 2 ประตูทำให้ Maserati ตัดสินใจเดินหน้าพัฒนารถยนต์ซีดานหรูที่เต็มไปด้วยพละกำลังเจาะกลุ่มลูกค้าเงินถุงเงินถังอย่างเต็มที่และรถซีดานบ้าพลังนั่นคือ Maserati Quattroporteที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2554 และทำให้ยอดขาย Maserati ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 6,000 คันเป็น 12,000 คันในเวลาปีเดียว

Maserati Quattroporte คือ รถซีดานที่หรูหราที่สุดเครื่องใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดของ Maserati ได้รับการตอบรับอย่างดีจากมหาเศรษฐีทั่วโลกที่ต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงแต่เต็มไปด้วยความหรูหราสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันไม่ใช่รถที่มีแต่กำลังขับได้แรงสุดใจแต่ใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้

เมื่อเดินมาถูกทางในปีที่ผ่านมา Maserati จึงตัดสินใจผลิตรถสปอร์ตซีดานระดับหรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นภายใต้ชื่อ Maserati Ghibliเป็นรถสปอร์ตซีดานระดับหรูขนาดเล็กลง

ชื่อนี้สร้างความฮือฮาให้สาวก Maserati และสื่อมวลชนทั่วโลกเพราะชื่อของGhibliนั้นถูกลบเลือนไปนานกว่า 1 ทศวรรษแล้วและเป็นครั้งแรกของ Maserati ที่นำชื่อGhibliมาใช้กับรถ 4 ประตูหลังจากใช้กับรถสปอร์ต 2 ประตูมาก่อนโดยครั้งแรกเป็นGhibliในยุค 50s ส่วนยุคที่ 2 Maserati Ghibli II ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1992

Forbes Thailand ได้รับคำเชิญจากบริษัทเอ็มไพร์มอเตอร์สปอร์ตจำกัดตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Maserati ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการให้ไป “ลองขับ” Maserati หลากรุ่นที่ Dubai ท่ามกลางแสงแดดและลมของทะเลทรายในเดือนกุมภาพันธ์โดยทางทีมงาน Maserati S.p.A. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับรุ่นGhibliซึ่งเป็นคำภาษาอาหรับที่หมายถึงลมร้อนระอุในทะเลทรายทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา

ภายหลังจากเครื่องบินลงจอดพาหนะที่พาคณะของเรามายังโรงแรม 5 ดาวกลางเมือง Dubai ก็คือ Maserati Quattroporte S เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3,000 ซีซี 410 แรงม้าซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสความแรงของยนตรกรรมความเร็วรุ่นนี้แบบ “หลังติดเบาะ” ด้วยฝีเท้าของโชเฟอร์ประจำ

ผมเองมีประสบการณ์การขับGhibli II, 222 และShamalเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนที่ยังอยู่ในความทรงจำและผมไม่เคยลืมความดุดันของเครื่องยนต์และช่วงล่างที่กระด้างของรถยนต์แบรนด์นี้

มาในครั้งนี้ทำให้ผมไม่รีรอที่จะกระโดดเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย Maserati Ghibliทันทีหลังจากที่ในช่วงเช้าเรานั่งฟังทีมงานของ Maserati S.p.Aสรุปเส้นทางการทดลองขับแบบคร่าวๆ

ในตลาดต่างประเทศรูปลักษณ์ภายนอกของ Maserati Ghibliทำให้คู่แข่งอย่างเป็นทางการเช่น BMW Series 5, Mercedes Benz E-Class, Audi A6 ต้องมองเหลียวหลังแต่หากเป็นในเมืองไทยที่มีกำแพงภาษีสูงสำหรับรถยนต์นำเข้าเครื่องยนต์ใหญ่มากแรงม้าคู่แข่งของ Maserati Ghibliสมน้ำสมเนื้อกันจึงกลายเป็น Aston Martin, Mercedes Benz CLS, BMW 640 Coupe

ผมค่อนข้างชอบกับหน้าตาของ Maserati Ghibliที่ดูปราดเปรียวทะมัดทะแมงไม่ใช่น้อยแถมสุดเท่จากกระจังหน้าขนาดใหญ่กับโลโก้ตรีศูลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Maserati ไฟหน้า Bi-Xenon พร้อมไฟ LED ที่ทำหน้าที่เป็นไฟ day light ดูดุดันดีครับซึ่งรูปทรงของGhibliถูกออกแบบมาให้เป็นรถซีดานคูเป้ทำให้เป็นรถ 4 ประตูที่ดูเพรียวลมไม่น้อยทีเดียวดูแล้วไม่เหมือนกับรถซีดานแต่เหมือนกับรถคูเป้ 2 ประตู

มาดูภายในของ Maserati Ghibliกันบ้างดีกว่าเพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้องโดยสารก็ต้องร้องว้าวกับความเนี้ยบและความหรูหราของวัสดุที่ใช้แล้วครับไม่เสียแรงที่ใช้โรงงานในเมืองGrugliascoใกล้กับเมือง Turin ที่เป็นโรงงานผลิตเดียวกันกับรุ่นพี่อย่างQuattroporteไม่ว่าจะเป็นแผงคาร์บอนไฟเบอร์และลายไม้ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในรถได้รอบคันอย่างลงตัว

แผงหน้าปัดที่ถูกออกแบบมาให้มีความทันสมัยแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรารวมถึงหน้าจอแบบ touch screen ขนาด 8.4 นิ้วกลางคอนโซลโดยมีโลโก้ตรีศูลประดับอย่างเด่นอยู่ด้านล่างของจอ

เจ้าหน้าจอขนาดยักษ์นี้จะทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลและควบคุมการทำงานของสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบต่างๆภายในรถซึ่งเรียกระบบนี้ว่า MTC (Maserati Touch Control) MTC นี้สามารถควบคุมได้แม้กระทั่งการสั่งอุ่นเบาะนั่งรวมไปถึงพวงมาลัยเมื่อต้องขับรถในสภาวะอากาศหนาวและยังเป็นจอแสดงภาพกล้องมองหลังอีกด้วย

แต่ที่ผมชอบใน option หนึ่งของ Maserati Ghibliคือมีช่องให้เสียบซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อให้ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi Hotspot ให้กับผู้โดยสารภายในรถให้สามารถติดต่อกับโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในรถคันนี้โดย Wi-Fi Hotspot นี้สามารถเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์สื่อสารได้มากถึง 3 ชิ้นด้วยกัน

ไม่ต้องห่วงกับระบบเสียงของ Maserati Ghibliนะครับเพราะเขาใช้เครื่องเสียงระดับที่เรียกว่า “หูเทพ” ต้องหันมามองด้วยลำโพง Bowers &amp; Wilkins มากถึง 15 ตัวรอบคันที่มีขนาดตั้งแต่ 25-165 มิลลิเมตรโดยลำโพงทั้งหมดนั้นใช้ดอกลำโพงที่ทำจาก Kevlar ที่เสียงใสเหลือเกินและลำโพงทั้ง 15 ตัวนี้ประกอบไปด้วยลำโพง Tweeter ที่ให้เสียงแหลมลำโพง Woofer และลำโพง Sub-woofer ให้เสียงทุ้มและยังมี Amplifier ขนาด 1,280 วัตต์ซึ่งผมว่าเครื่องเสียงใน Maserati Ghibliนี้ดีกว่าเครื่องเสียงในบ้านเสียอีกและเมื่อลองฟังเพลงจาก thumb drive ที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้บอกได้เลยว่าสุดยอดดดดดถ้ามีแผ่น CD หรือ DVD คอนเสิร์ตระดับโลกล่ะก็เหมือนกับเราไปนั่งอยู่ในคอนเสิร์ต

ตื่นตาตื่นหูกับระบบเครื่องเสียงชั้นยอดแล้วก็ต้องมาตื่นเต้นกับสัมผัสภายในตัวรถผ่านเบาะหนังแท้ตลอดทั้งคันที่ได้รับการออกแบบตัดเย็บจากPoltrona Frau ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของอิตาลีที่มีประวัติอันยาวนานเกือบ 100 ปีโดยบริษัทนี้ได้รับความไว้วางใจจากค่ายรถยนต์ระดับหรูทั้ง Rolls-Royce และ Ferrari ให้ออกแบบและตัดเย็บหนังให้กับเบาะนั่งของรถยนต์เหล่านี้

แม้ว่ารูปร่างของ Maserati Ghibliดูเหมือนรถ 2 ประตูแต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารกลับกว้างขวางทีเดียวทั้งพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่สามารถยืดขาได้สบายๆขณะที่ความสูงของห้องโดยสารก็เพียงพอที่ทำให้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events