<h2>อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คิง เพาเวอร์ จัดงานแถลงนโยบาย และแผนการดำเนินธุรกิจ ประจำปี 2566 ชูแนวคิด "THE POWER OF POSSIBILITIES" ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ ยืนหยัดขับเคลื่อนธุรกิจคนไทยให้ก้าวสู่มิติใหม่ระดับสากล พร้อมผสาน Digital Transformation ด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมสินค้าที่ทันสมัย และเซอร์วิสโซลูชันใหม่ๆ ทั้งในสนามบิน และใจกลางเมือง</h2> <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/zVi1TpK8eXMYdGMbMjAK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zVi1TpK8eXMYdGMbMjAK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับทัพในรอบ 30 ปีนี้ คิง พาวเวอร์ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่จากเดิม 4 เป็น 8 แกนหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร, กลุ่มธุรกิจค้าปลีก, กลุ่มธุรกิจอาหาร, กลุ่มธุรกิจโรงแรม, กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค, กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์, กลุ่มธุรกิจกีฬา และกลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อให้สอดรับกับสถานการณและเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย 2 โปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้แก่ King Power Duty Free ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite Building) และ King Power Downtown Duty Free บนทำเลธุรกิจใจกลาง CBD รวมพื้นที่เชิงพาณิชย์ร่วม 10,000 ตารางเมตร มีมูลค่าการลงทุนกว่าสามพันล้านบาท รับเปิดประเทศเต็มรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp; อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า “ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกระดับเป็นพลังใจที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวผ่านมาได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทำให้เกิดแนวคิด “WE are powerful than I” นำมาต่อยอดเป็น Brand Idea ขององค์กรที่ก่อเกิดจากความมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนในการสร้างพลังแห่งความเป็นไปได้ จนสร้างสรรค์เป็นแนวคิดหลัก THE POWER OF POSSIBILITIES ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ โดย คิง เพาเวอร์ มุ่งเน้นที่จะค้นหาและสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางเพื่อผู้คนทั่วโลก และเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดดิวตี้ ฟรี ใหม่อีกสองแห่งคือ ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite Building) รองรับผู้โดยสารได้ราว 151,000 รายต่อวัน และอีกแห่งบนทำเลธุรกิจใจกลาง CBD ตั้งเป้ารองรับนักท่องเที่ยวราว 50,000 คนต่อวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp; "คิง เพาเวอร์ พร้อมที่จะผนึกกำลังพันธมิตรทุกภาคส่วนและพนักงานทุกระดับเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืนครบทุกมิติ โดยยึดแกนหลัก The Power of Possibilities ผันธุรกิจคิง เพาเวอร์ ให้เป็นมากกว่ากลุ่มสินค้าปลอดภาษี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผ่านกลยุทธ์ 4Es ได้แก่ 1. Enable ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยนำเทคโนโลยี และวัฒนธรรมใหม่ๆ ของโลกดิจิทัลมาบริการ 2. Encourage ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และมุมมองล้ำสมัยของบุคลากร และพันธมิตรทางธุรกิจ 3. Explore ส่งมอบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของประสบการณ์การเดินทาง และการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภค และ 4. Empower จุดประกายให้ผู้คนทั่วโลกได้ออกมาใช้ชีวิตในทุกวันให้พิเศษกว่าเดิม" อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา กล่าว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในปีนี้ คิง เพาเวอร์ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น Multi-Business จากเดิมที่มี 4 แกนหลัก ให้เป็น 8 แกนหลัก เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในรูปแบบต่างๆ อย่างรวดเร็วและครบครัน ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว และการช็อปปิ้ง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เติมเต็มทุกความต้องการของชีวิตที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค และนักท่องเที่ยวทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp; โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการปรับโฉมพื้นที่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 12 ปี โดยหัวใจสำคัญ คือการเป็น "World Junction" ที่รวมแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากกว่า 20 แบรนด์ชั้นนำ ไว้ในที่เดียว เพื่อสร้างปรากฏการณ์ "ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช็อปปิ้ง เดสติเนชั่น" (Duty Free World Class Shopping Destination) ให้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค&nbsp;&nbsp;&nbsp; ด้าน คิง เพาเวอร์ มหานคร ยังชูคอนเซ็ปต์ THE MAHANAKHON OF LIVES มหานคร หนึ่งเดียวของทุกคน สะท้อนสีสัน เสน่ห์ ของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่นักเดินทางทั่วโลกและคนไทยต้องมาเช็คอิน โดยมีโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็น ICONIC WORLD CLASS LANDMARK DESTINATION ระดับโลก ขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล &nbsp;&nbsp; ประกอบกับการมุ่งเน้น Digital Transformation เพื่อให้องค์กรมีความทันสมัย โฟกัสการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และอนาคตมากยิ่งขึ้น (Customer-centric) พัฒนาทั้งในด้านของระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ด้านบริหารงาน ด้านการขายและหลังการขาย ควบคู่กับการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร และบุคลากร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากในส่วนของโครงสร้างธุรกิจแล้ว คิง เพาเวอร์ ยังใส่ใจ และให้ความสำคัญกับพนักงาน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรเสมอมา โดยมีการส่งเสริม และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของพนักงานในมิติต่างๆ รวมทั้งมอบรางวัล Appreciation Recognition ให้กับพนักงานเกษียณ และพนักงานที่ทำงานครบรอบ 30 ปี, 20 ปี และ 10 ปี ตามลำดับ เพื่อเป็นกำลังใจ และขอบคุณในความทุ่มเทของพนักงานทุกระดับอีกด้วย อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-65-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5" alt="กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยผลประกอบการปี 65 เคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและข้อมูล">กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยผลประกอบการปี 65 เคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและข้อมูล</a>​​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ปรับทัพใหม่ คิง เพาเวอร์ ในรอบ 3 ทศวรรษ ผุด 2 โปรเจกต์ยักษ์

"คิง เพาเวอร์" ฉีกโมเดลสู้ COVID-19 ขายออนไลน์เฉพาะกิจ ไม่บินก็ซื้อได้

<h2>Accor Hotels จับมือคิง เพาเวอร์ เซ็นสัญญาเปิดตัว โรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร นำความคลาสสิคจากบริการและการตกแต่งระบบตำนานรุกตลาดโรงแรมซูเปอร์ลักชัวรี คาดเปิดตัวไตรมาส 4 ปี 2562</h2>
Michael Issenberg ซีอีโอ เอเชีย-แปซิฟิค Accor Hotels กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมากในการรื้อฟื้นตำนานขบวนรถไฟโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส อันเป็นตำนาน เรามารวมตัวกันที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร ที่อาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ และมอบหมายให้ Accor Hotels บริหารและจัดการโรงแรม เมื่อปี 2560 เราและคิง เพาเวอร์ ร่วมกันเปิดตัว พูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกภายใต้การบริหารของคุณวิชัยที่ล่วงลับ

<figure><img class="wp-image-2889 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/Michael-Issenberg.jpg" alt="" width="638" height="450" /><figcaption> Michael Issenberg ซีอีโอ เอเชีย-แปซิฟิค Accor Hotels</figcaption></figure>

โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ได้เปิดตัวในปี 1900 บนขบวนรถไฟแบบตู้นอน ที่เชื่อมโลกตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันผ่านการบริการหรูหราและสะดวกสบาย โดยที่ผ่านมามีเซเลบริตี้ ดารา และ ผู้มีชื่อเสียงใช้บริการ

“ขบวนรถไฟเดินทางสู่ปารีสเป็นเส้นทางแรก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่ผู้เดินทางมาเยี่ยมเยียนจำนวนมาก อย่างปีที่ผ่านมาจำนวนผู้เดินทางมากกว่า 20 ล้านคน แซงหน้ากรุงปารีส ลอนดอน และดูไบเป็นที่เรียบร้อย กรุงเทพมหานครจึงเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดที่เราเลือกเป็นสถานที่ในการเปิดตัวโรงแรม” Michael Issenberg ซีอีโอ เอเชีย-แปซิฟิค Accor Hotels กล่าวและเสริมว่า

โอเรียนท์ เอ๊กซ์เพรส มหานคร ให้บริการห้องพักรวม 154 ห้อง มีห้องสวีท 9 ห้อง และ เพนท์เฮ้าส์ 2 ห้อง รวบรวมยอดฝีมือในการออกแบบ อาทิ ดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Tristan Auer ที่รับหน้าที่ออกแบบและตกแต่ง นำเอาการตกแต่งของ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส มาผสานให้เข้ากับความทันสมัยบนตึกระฟ้าแห่งนี้ นอกจากนี้ ยังเชิญเชฟ David Thompson จากร้านอาหาร Nahm เป็นผู้คิดค้นเมนูอาหารไทยให้กับโรงแรมและเตรียมให้บริการราวไตรมาส 4 ของปี 2562

<figure><img class="wp-image-2890 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/อัยยวัฒน์-ศรีวัฒนประภา.jpg" alt="" width="638" height="450" /><figcaption> อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์</figcaption></figure>

ด้าน อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่านที่มาร่วมกันสัมผัสประสบการณ์ที่ตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร แห่งนี้ เพราะตึกนี้รอคนทั่วโลกมาเยือน เช่นเดียวกับที่ซีอีโอ Accor Hotels กล่าว คิง เพาเวอร์เองมีประสบการณ์และรู้ถึงความต้องการของนักท่องเที่ยว คิง เพาเวอร์และ Accor Hotels มีวิสัยทัศน์เดียวกัน

“การแถลงความร่วมมือกันระหว่าง คิง เพาเวอร์ และ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ถือเป็นความภูมิใจของเราเป็นอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะกล่าว คือการขอบคุณพ่อของผม วิชัย ศรีวัฒนประภา คุณพ่อเป็นผู้ที่ให้วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะสร้างประเทศไทยแห่งนี้ให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งตลอดชีวิตของท่าน ท่านได้ทำสิ่งนี้มาโดยตลอด ซึ่งตำนานที่ท่านได้สร้างไว้ผมจะเป็นผู้สานต่อเอง โครงการโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส นี้เป็นหนึ่งโครงการที่คุณพ่อรัก ผมในฐานะผู้สานต่อได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่ดีเพื่อแสดงให้โลกได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของตึกแห่งนี้ โรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส แห่งนี้ สู่วงการท่องเที่ยว”

“ต้องขอขอบคุณAccor Hotels ในฐานะพันธมิตร เมื่อครั้งที่เปิดตัวโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ก็เป็นการเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกของโลก และในวันนี้เราได้เปิดตัวโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส เป็นแห่งแรกของโลกอีกครั้ง ผมมองว่า นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นโชคชะตาเพื่อสร้างความสำเร็จและเติมเต็มความฝันของคุณพ่อให้เป็นจริง”

ทั้งนี้ Accor Hotels และกลุ่มบริษัทเอสเอ็นซีเอฟ ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจเมื่อปี 2560 เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์โรงแรมโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส หลังจากที่Accor Hotels เข้าถือหุ้น 50% ของแบรนด์ดังกล่าว โดยกลุ่มบริษัทเอสเอ็นซีเอฟยังคงเป็นเจ้าของขบวนรถไฟ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ดั้งเดิมจำนวน 7 ขบวนโดยสมบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดล้วนได้รับการบูรณะและตกแต่งใหม่อย่างดีเยี่ยมเพื่อนำมาใช้ในการจัดอีเว้นท์ภายใต้ความร่วมมือกับ โพเทล แอนด์ ชาโบ โดยทั้งสองฝ่ายต่างมีความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่มรดกอันทรงคุณค่าของแบรนด์อันเป็นตำนานนี้สืบไป

<img class="alignnone size-full wp-image-2891" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/คิง-เพาเวอร์-มหานคร.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<img class="alignnone size-full wp-image-2892" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/คิง-เพาเวอร์-มหานคร-02.jpg" alt="" width="638" height="425" />

135 ปี ขบวนรถไฟระดับตำนาน ORIENT EXPRESS เปิดโรงแรมหรูแห่งแรกของโลกที่ คิง เพาเวอร์ มหานคร

<h2 class="p3">คิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดตัว ‘มหานคร สกายวอล์ค’ (Mahanakhon Skywalk) แลนด์มาร์คท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูงถึง 314 เมตร พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันนี้</h2>
มหานคร สกายวอล์ค ตั้งอยู่บนชั้น 74, 75 และ 78 ของอาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร โดยมีไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ตื่นตาตื่นใจไปกับหนึ่งในพื้นกระจกลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ รูฟ ท็อปบาร์ (Rooftop Bar)  ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
พร้อมโดยสารลิฟท์ความเร็วสูงที่มาพร้อมจอแอนิเมชั่นขนาดใหญ่ ที่จะพาทุกท่านขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้น 74 ภายในระยะเวลาเพียง 50 วินาที โดยตั้งเป้าสร้างปรากฎการณ์จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับสากลแห่งใหม่ และเป็น Global Landmark Destination 
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คิง เพาเวอร์ มหานคร กล่าวว่า มหานคร สกายวอล์ค เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจของ คิง เพาเวอร์ บริษัทของคนไทย ที่พร้อมยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้านเดสติเนชั่นแห่งการท่องเที่ยวระดับโลก กับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงเทพมหานคร จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา และ Rooftop Bar ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูง 314 เมตร เหนือพื้นดิน
โดยตั้งเป้าให้มหานคร สกายวอล์ค เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายภายในประเทศในระยะยาว พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และธุรกิจค้าปลีกในประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มหานคร สกายวอล์ค ประกอบด้วย

<ul class="ul1">
 	<li class="li3">ชั้น 1: ล็อบบี้ ทางเข้าหลัก และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค ตกแต่งด้วยเรื่องราวของกรุงเทพมหานครตลอดทางเดินก่อนถึงลิฟท์ความเร็วสูงที่จะนำท่านขึ้นไปยังชั้น 74 ภายใน 50 วินาที</li>
 	<li class="li3">ชั้น 74: จุดชมวิวภายในอาคาร (Indoor Observation Deck) เพลิดเพลินไปกับความงามของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพมหานครผ่านระบบเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) กับมุมมองกรุงเทพมหานคร แบบ 360 องศา พร้อมส่งโปสการ์ดจากตู้ไปรษณีย์ ที่สูงที่สุดในประเทศไทย</li>
 	<li class="li3">ชั้น 75: บริเวณชั้นลอย ห้องน้ำ และจุดขึ้นลิฟท์แก้ว</li>
 	<li class="li3">ชั้น 78:  ชั้นดาดฟ้า (Rooftop) และจุดชมวิวภายนอกอาคาร (Outdoor Observation Deck) โดยมีไฮไลท์คือ พื้นกระจกลอยฟ้า (Glass Tray) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นกระจกลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงเหนือพื้น 310 เมตร, จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา, รูฟท็อปบาร์ (Rooftop Bar) ที่สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมเครื่องดื่มและค็อกเทลสูตรพิเศษ</li>
</ul>
มหานคร สกายวอล์ค ตั้งอยู่บนตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร สถานีบีทีเอสช่องนนทรี เปิดให้บริการในเวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้าย 23.00 น.)
บัตรเข้าชมแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

<ul class="ul1">
 	<li class="li3">บัตรสำหรับจุดชมวิวภายในอาคาร ชั้น 74
บัตรผู้ใหญ่ราคา 850 บาท และบัตรเด็กต่ำกว่า 12 ปี/ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราคา 250 บาท</li>
 	<li class="li3">บัตรสำหรับจุดชมวิวภายในและภายนอกอาคาร ชั้น 74 และ 78
บัตรผู้ใหญ่ราคา 1,050 บาท และบัตรเด็กต่ำกว่า 12 ปี/ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราคา 450 บาท</li>
</ul>
พบกับโปรโมชั่นพิเศษฉลองช่วงเปิดตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2561 – 31 มกราคม 2562 ซื้อบัตรเข้าชมจุดชมวิวภายใน และภายนอกอาคารในราคา *765 บาทเท่านั้น (จากราคา 1,050 บาท) ที่จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค ชั้น 1
*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

คิง เพาเวอร์ มหานคร เผยโฉม ‘มหานคร สกายวอล์ค’ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา และรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในไทย

เราผิดหวังมากตอนแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2012-2013 เราแพ้วัตฟอร์ด แพ้เพลย์ออฟ ความฝันเราพังทลาย สิ่งที่หวังมาตลอดว่านี่แหละ...ปีนี้แหละ หายไปทันที แต่คุณพ่อก็บอกว่าดีแล้ว ถือว่าเป็นบทเรียน ให้รู้จักเสียบ้างว่าความผิดหวังเป็นอย่างไร ผมก็บอกโอเค..เข้าใจแล้ว เรากลับมาวางแผนใหม่ และขึ้นชั้นในปีถัดมา” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ซิตี้ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เล่าให้ Forbes Thailand ฟัง เมื่อครั้งที่เราพบเขาหลังการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-2016 เริ่มต้นได้เพียง 6 นัด (อ่านบทสัมภาษณ์อัยยวัฒน์แบบเต็มได้ ใน Forbes Thailand ฉบับพฤศจิกายน ปี 2015)

แม้การคว้าถ้วยแชมป์มาครองจะเป็นความใฝ่ฝันของทุกทีมในลีกฟุตบอลอันดับหนึ่งของอังกฤษ แต่ เลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งฤดูกาลที่แล้ว (2014-2015) รั้งอันดับ 14 ก็ไม่เคยคิดว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นความจริงในระยะเวลาอันรวดเร็ว เรื่องราวดังเทพนิยายของทีม “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการฟุตบอลอังกฤษ แต่ยังเป็นโอกาสสู่ความมั่งคั่งที่มากขึ้นของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้เป็นพ่อของ อัยยวัฒน์ ที่ขณะนี้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ วิชัย จากการจัดโดย Forbes ไต่อันดับขึ้นไปสูงถึง 3.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1.16 แสนล้านบาท มากกว่าปี 2015 ซึ่งอยู่ที่ 2.5 พันล้านเหรียญ (อ่าน “วิชัย ศรีวัฒนประภา พา “เลสเตอร์ซิตี้” เขย่าอันดับมหาเศรษฐีไทย” ได้ใน Forbes Thailand ฉบับมิถุนายน ปี 2016)

Forbes Thailand พบอัยยวัฒน์อีกครั้ง ในวันที่พ่อของเขานำคณะผู้บริหาร ผู้จัดการทีม นักเตะ และคณะผู้ฝึกสอนของ เลสเตอร์ซิตี้ และแน่นอน...ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก มาฉลองชัยในไทย ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา

&nbsp;

หลังได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วเคยประเมินไหมว่ามูลค่าของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้อยู่ที่เท่าไร

“ผมไม่เคยประเมิน แต่ถ้าให้คิดเองเร็วๆ น่าจะสัก 400 ล้านปอนด์ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวเลขที่ถูกต้องขนาดนั้น”

&nbsp;

รายได้ฤดูกาล 2015/16 เป็นอย่างไร

“ประมาณ 110 ล้านปอนด์ไม่เกินนี้ เป็นส่วนแบ่งจากพรีเมียร์ลีก 78-79 ล้านปอนด์ ค่าบัตรเข้าชมประมาณ 5 ล้านปอนด์ ของที่ระลึกไม่เยอะมาก น่าจะ 2-3 ล้านปอนด์ ที่เหลือเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งก่อนจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก มีสปอนเซอร์เสนอซื้อพื้นที่บนอกเสื้อเข้ามาเกือบ 10 ล้านปอนด์ ต้องไปถาม คิง เพาเวอร์ ก่อนว่าจะขายหรือไม่ เพราะเซ็นสัญญายาว

“เสื้อเป็นหนึ่งในของที่ระลึกที่ขายดีมาก ฤดูกาลล่าสุดเราขายเสื้อได้ประมาณ 6 หมื่นตัว ฤดูกาลหน้าเลยวางว่าจะขายที่เลสเตอร์ 1.2 แสนตัว และที่เมืองไทยอีก 2 หมื่นตัว ผมไม่กล้าเอามาขายเยอะ กลัวคนไม่ซื้อ เพราะคนไทยมีหลายทีมให้เลือกซื้อ พอสั่งมาเยอะๆ แล้วไม่มีคนซื้อ ผมก็รู้สึกไม่ดี (หัวเราะ) ปีแรกที่ทำทีม ผมสั่งมาขายที่ไทย 500 ตัว เชื่อมั้ยว่ายังเหลือเลยครับ”

&nbsp;

การได้แชมป์พรีเมียร์ลีกช่วยทำให้เมืองไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นไหม

“มากครับ วันที่เราฉลองแชมป์กันที่เลสเตอร์ ชาวเมืองก็ชูธงไทยกันเยอะมาก และชาวเลสเตอร์ก็วางแผนมาเที่ยวเมืองไทยเยอะขึ้น”

&nbsp;

สื่อมักเรียกเลสเตอร์ซิตี้ว่าเป็นทีมรองบ่อน แล้วคุณมองตัวเองอย่างไร

“เราเป็นทีมรองบ่อนตั้งแต่แรกแล้วครับ และผมก็ชอบที่จะเป็นแบบนี้และจะเป็นต่อไป พอเราอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าทีมใหญ่ เขาจะเป็นฝ่ายกดดัน ไม่ใช่เราที่กดดัน นี่คือจุดที่เปลี่ยนให้เลสเตอร์ซิตี้มาถึงวันนี้ เวลาเป็นทีมรองบ่อนคนจะเชียร์มากกว่า เพราะคนดูอยากเห็นเซอร์ไพรส์

“ผมคิดว่าฤดูกาลหน้าก็คงเหมือนเดิม คือด้วยขนาดของสโมสรและนักเตะ เราไม่มีทางสู้ทีมใหญ่ได้ เขาใช้เงินซื้อ 1 ตัว เท่ากับเราซื้อ 4-5 ตัว งบมันต่างกัน แต่เราก็ยังจะใช้วิธีการซื้อตัวแบบนี้ ใช้วิธีการเล่นแบบนี้เหมือนเดิม แต่เราจะสร้างสปิริตของทีมให้แน่นมากขึ้น ผมว่าตรงนี้สำคัญกว่า”

&nbsp;

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิกอ่าน "เลสเตอร์ ซิตี้ จัดให้ วิชัย ศรีวัฒนประภา มหาเศรษฐีแสนล้านคนใหม่" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2016</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/45c118021313fc065b87a4f7e8e1b670.png" alt="" width="240" height="318" /></a>

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา แห่ง เลสเตอร์ซิตี้ “ผมชอบเป็นทีมรองบ่อน”

<h2>แม้จะถมเม็ดเงินลงไปสักเท่าไร แต่หากปราศจากความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นที่จะเอาชนะก็สูญค่า อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น นับจาก 5 ปีก่อน ที่ วิชัย พ่อของเขา ซึ่งเป็นประธานกรรมการกลุ่มบริษัท  คิง เพาเวอร์ (วิชัยติดอันดับ 9 ใน 50 อันดับมหาเศรษฐีไทยในปีนี้ จัดโดย Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 8.39 หมื่นล้านบาท) ทุ่มทุนหลายสิบล้านปอนด์ ซื้อสโมสรฟุตบอล Leicester City ในอังกฤษ และมอบความไว้วางใจให้ อัยยวัฒน์ ดูแลในตำแหน่งรองประธานสโมสร เขาจึงเดินหน้าลุยแบบเทหมดหน้าตัก</h2>
“ต้องบอกว่าถอยไม่ได้ครับ ปีแรกเป็นปีที่ยากมาก แต่ปีต่อๆ มา ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางมากขึ้น”ชายหนุ่มวัย 30 ปี เล่าให้ Forbes Thailand ฟัง ณ โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัว “ศรีวัฒนประภา”

ตั้งแต่เด็กแล้วที่ 4 พี่น้อง คือ วรมาศ อภิเชษฐ์ อรุณรุ่ง และ อัยยวัฒน์ เติบโตในครอบครัวที่ให้อิสระทางความคิด วิชัย และ เอมอร ไม่เคยเรียกร้องให้ลูกๆ รับไม้ต่อธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี แต่ทุกคนก็ตั้งใจช่วยแบ่งเบาภาระเมื่อโตขึ้น หลังเลิกเรียน ลูกคนสุดท้องจะไปรอพ่อที่บริษัท ทำให้เห็นการทำงานระหว่างพ่อกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจน ถึง 2-3 ทุ่มทุกวัน ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนขี่ม้าหรือเล่นกอล์ฟด้วยกัน ทำให้ซึมซับความคิดทั้งในแง่ธุรกิจและการใช้ชีวิตจากผู้เป็นพ่อไม่น้อย

เมื่อจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการเป็นเจ้าของธุรกิจ (ภาคภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อัยยวัฒน์ ในวัย 24 ปีก็เข้าทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งยังคงเป็นมาถึงทุกวันนี้ หน้าที่คือดูแลงานทุกด้าน  เพราะผู้เป็นพ่อบอกว่า หากไปอยู่แผนกใดแผนกหนึ่งก็จะเรียนรู้เพียงด้านเดียว

นอกจาก วิชัย จะชื่นชอบกีฬาขี่ม้าโปโล มีฝีไม้ลายมือไม่เป็นสองรองใคร และก่อตั้งสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแล้ว นายใหญ่แห่ง คิง เพาเวอร์ ยังมีความฝันอีกประการหนึ่ง คือ เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล “ตอนนั้นผมยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเป็นความฝันที่ไกลมาก” อัยยวัฒน์ ย้อนความ

แต่แล้ววันหนึ่งความฝันก็เป็นจริง เมื่อ วิชัย ตัดสินใจทุ่มงบหลายสิบล้านปอนด์ ซื้อทีม Leicester Cityและขึ้นแท่นเป็นประธานสโมสร (เว็บไซต์ Leicester Mercury ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่น รายงานว่าเจ้าของเดิมขายสโมสรให้วิชัยด้วยมูลค่าราว 26 ล้านปอนด์ ขณะที่เว็บไซต์ BBC รายงานว่ามูลค่าการซื้อขายสโมสรอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์) พร้อมให้ อัยยวัฒน์ ดูแลในตำแหน่งรองประธานสโมสร Leicester City

“ช่วงแรกๆ ลองของผมกันเต็มเลยครับ ไม่ฟัง ไม่ปฏิบัติตาม แต่ก็ค่อยๆ ปรับกันไป” เขาบอกกลั้วหัวเราะ

<iframe id="instagram-embed-0" class="instagram-media instagram-media-rendered" src="https://www.instagram.com/p/92nlI7w3NW/embed/?cr=1&amp;v=5&amp;wp=350&amp;rd=http%3A%2F%2Fforbesthailand.com&amp;rp=%2Fpeople-detail.php%3Fdid%3D626#%7B%22ci%22%3A0%2C%22os%22%3A678.250000000844%7D" height="554" frameborder="0" scrolling="no" allowfullscreen="allowfullscreen" data-instgrm-payload-id="instagram-media-payload-0" data-mce-fragment="1"></iframe>

เรื่อง: สุทธาสินี จิตรกรรมไทย ภาพ: จันทร์กลาง จันทร์ทอง

<hr />

<a href="http://goo.gl/c1X97V">คลิ๊กเพื่อติดตามกลยุทธ์ในการพลิกความพ่ายแพ้ของทีม ให้กลายเป็นชัยชนะที่สร้างความภาคภูมิใจครั้งใหญ่ได้ใน “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประวัติศาสตร์บทใหม่ของ Leicester City” ใน Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015</a>

<a href="http://goo.gl/c1X97V"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/November%202015/cover%20NOV.jpg" alt="" width="469" height="612" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events