<h2>จากสวัสดีช้อป สู่ ดีมันนี่ “อัศวิน พละพงศ์พานิช” พลิกเกมธุรกิจจากการถูกดิสรัปชั่น ก้าวสู่ธุรกิจแห่งอนาคต ด้วยแนวคิดในการสร้างพันธมิตรและเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจในยุคดิจิทัล พร้อมเปิดตัว DeeBusiness Portal แพลตฟอร์มโลกการเงินไร้พรมแดน เตรียมก้าวสู่ยุค Virtual Bank</h2>
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecommerce) Bentley University สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2554 <strong>‘อัศวิน พละพงศ์พานิช’</strong> นักธุรกิจชาวอินเดียที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย ได้เริ่มต้นธุรกิจด้านโทรคมนาคมในนาม บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด ผู้ให้บริการบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆ ที่โดนดิสรัปชั่นโดย Skype โปรแกรมสำหรับคุยโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต รวมถึงแอปพลิเคชัน WhatApp, LINE ที่เปิดคนสามารถโทรฟรีได้ทั่วโลก ธุรกิจของสวัสดีช้อปจึงไปต่อไม่ได้

<span style="color: #993300;">“ตั้งแต่ปี 2557 เราเห็นเทรนด์ธุรกิจเป็นขาลง และลงแรง เราก็มาดูว่าบริษัทต้องปรับตัวอย่างไร และต้องปรับตัวให้เร็ว ซึ่งดูจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ เรามีลูกค้าที่เป็นคนไทยในต่างประเทศ ลูกค้าชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองไทย จึงเห็นว่าบริการโอนเงินระหว่างประเทศใกล้เคียงที่สุด จึงปรับตัวสู่ธุรกิจฟินเทค”</span> <strong>อัศวิน</strong>เล่าย้อนถึงยุคที่ธุรกิจโดนกระแสดิสรัปชั่นเข้ามากดดันให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลง

จากนั้นเขาได้พัฒนาโมเดลธุรกิจ และเปิดตัวสวัสดีช้อป ในปี 2560 เพื่อให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยได้รับใบอนุญาตการให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank International Money Remittance Service License) ใบอนุญาตให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment Service License) และใบอนุญาตให้แลกเงินที่ได้รับอนุญาต (Authorized Money Changer License) จากธนาคารแห่งประเทศไทย
<h3><img class="alignnone size-full wp-image-67901" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/อัศวิน-พละพงศ์พานิช_080.4jpg.jpg" alt="" width="350" height="525" /></h3>
<h3>โควิดหนุนเติบโตก้าวกระโดด</h3>
ต่อมาปี 2561 ดีมันนี่ (DeeMoney) ก็พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และได้ปฏิวัติวงการด้วยบริการที่มีค่าธรรมเนียมคงที่และการทำงานผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน เข้าสู่ยุคใหม่ของการโอนเงินระหว่างประเทศ ทั้งเข้าและออกผ่านระบบดิจิทัลของประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้น แต่ก็มาเจอกับโควิด-19 วิกฤตโรคระบาดที่ลุกลามไปทั่วโลก แต่นั่นยิ่งทำให้ดีมันนี่เติบโตแบบก้าวกระโดด

<span style="color: #993300;">“พอโควิดมา ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้น เพราะคนเดินทางไม่ได้ ตอนนี้ ทั้งขาออก ขาเข้า เป็นโอกาสที่มหาศาล จากการที่ไม่สามารถเดินทาง ทั้งทั่วโลก ธุรกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ถือเป็นยอดตัวเลขมหาศาล ถือว่าได้ผลตอบรับดีมาก ทำให้เราโตแบบน่ากลัว เติบโตรวดเร็วมาก”</span> อัศวินเล่าถึงผลการดำเนินงานของดีมันนี่ในช่วงที่ผ่านมา

อัศวิน กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2562 – 2565) ดีมันนี่ มีอัตราการเติบโตร้อยละ 200 – 300 และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้ายังสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้เท่าตัวต่อปี ด้วยโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตได้หลายทาง ด้วยการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ครบวงจร จึงสามารถเติบโตได้จากลูกค้าผู้ใช้บริการเอง การเปิดให้บริการอื่นๆ เข้ามาเชื่อมต่อ รวมถึงธุรกิจจากต่างประเทศที่ต้องการจะลงทุนในประเทศไทย

“การทำธุรกิจยุคดิจิทัล ต้องเปิดรับทั้งคู่ค้าและคู่แข่ง จะแตกต่างจากมายเซ็ทของการทำธุรกิจในยุคก่อนๆ ที่มองเป็นคู่แข่งไปหมด และปิดกั้น ดีมันนี่ มีการวางระบบในการเติบโตค่อนข้างชัดเจน เราจะเป็นระบบนิเวศทางการเงินที่เปิดให้คู่ค้าและคู่แข่งเข้ามาเชื่อมต่อได้ ยิ่งพันธมิตรเยอะยิ่งดี ทำธุรกิจสมัยนี้ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง โดยเร็วๆ นี้ เราจะเปิดตัวพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินจากต่างประเทศที่จะเข้ามาเชื่อมต่อกับระบบของเรา”

<img class="alignnone size-full wp-image-67904" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/อัศวิน-พละพงศ์พานิช_0803.jpg" alt="" width="650" height="433" />
<h3>เตรียมก้าวสู่ นีโอ แบงก์</h3>
อัศวินเรียกกลยุทธ์ของดีมันนี่ คือ Coopetition หมายถึง การทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการรายอื่นมากกว่าการมองว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ หรือสร้างการแข่งขัน เพราะดีมันนี่เชื่อว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบ Coopetition จะสร้างมูลค่า ให้กับ Payment Ecosystem ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ที่จะส่งผลดีต่อลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้ดีที่สุด มากกว่าการแข่งขันโดยไม่แบ่งปันมูลค่า ให้แก่ Ecosystem มีแต่จะสร้างผลเสียต่อ Financial Ecosystem โดยรวม

สำหรับแนวทางการทำธุรกิจของดีมันนี่ในปี 2565 มุ่งเน้นที่ 3 ด้านหลัก คือ <strong>กลุ่มลูกค้าบุคคลรายย่อย</strong> ผ่านช่องทาง Mobile Application “DeeMoney Neo” ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายพัฒนาเป็น Borderless NeoBank <strong>กลุ่มลูกค้า Business </strong><strong>และผู้ประกอบการ MSME</strong> ผ่านช่องทาง “DeeBusiness Portal” เพื่อเป็น Supply Chain กับผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย <strong>และ กลุ่มลูกค้าสถาบันการเงิน (</strong><strong>Financial Institution)</strong> ผ่านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มบริการทางการเงินที่เรียกว่า DPaaS โดยให้ลูกค้ากลุ่มสถาบันทางการเงิน สามารถเริ่มให้บริการทางการเงินโดยใช้การ Plug-and-Play เข้ากับแพลตฟอร์มของบริษัทฯ

อัศวิน กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะถัดไป คือ การพัฒนาระบบโครงสร้างเทคโนโลยีให้รองรับการให้บริการออกบัตรร่วมกับบริษัท VISA เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถชําระเงินได้ทั่วโลก และการให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสกุลเงินต่างประเทศภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มเติมจากบริการโอนเงินระหว่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา  และบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money Wallet)

นีโอแบงก์ เป็นศัพท์ใหม่ ในไทยไม่มี ดีมันนี่ มีครบ ตั้งเป็นนีโอแบงก์แรกของไทย ตปท.เปิดอีก 3-4 ปี หรือ ชาเลนเจอร์ แบงก์ ข้อจำกัด 2 ธุรกิจเราไม่สามารถให้ดอกเบี้ยได้ เหมือนแบงก์ปกติ ไม่สามารถให้โลนได้ เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ

“นีโอแบงก์ เป็นศัพท์ใหม่ ในประเทศไทยยังไม่มี ดีมันนี่ มีครบ เราอยากเป็นนีโอแบงก์แรกของไทย ในต่างประเทศเริ่มพัฒนาและจะเปิดอีก 3-4 ปี หรือเรียกอีกอย่างว่า ชาเลนเจอร์ แบงก์ ปัจจุบันดีมันนี่ ยังมีข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถให้ดอกเบี้ย หรือให้สินเชื่อได้เหมือนธนาคารทั่วไป แต่ในอนาคต หากธนาคารแห่งประเทศไทยจะอนุมัติรูปแบบธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank หรือธนาคารดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ เราก็พร้อมขอใบอนุญาตเพื่อดำเนินการ”

<span style="color: #008000;">นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของฟินเทค สัญชาติไทย ที่พลิกเกมธุรกิจ จากการถูกดิสรัปชั่น สู่การคว้าโอกาสและสามารถเติบโตได้ในโลกดิจิทัล ซึ่ง “อัศวิน” พร้อมที่จะให้กำลังใจธุรกิจสตาร์ทอัปของไทยทุกราย ให้พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมองหาโอกาสในตลาดนี้ ซึ่งเขาเชื่อว่ามีอีกมหาศาล</span>

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%8c-%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%ad.html">ธนิศร์ เจียรวนนท์ ซีอีโอป้ายแดง เดินหน้าธุรกิจแม็คโครยุคใหม่</a>

<hr />

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

"อัศวิน พละพงศ์พานิช" อัพสปีด “ดีมันนี่” สู่ธุรกิจการเงินไร้พรมแดน

<h2>ดี มันนี่ เผยความคืบหน้าธุรกิจ โชว์ยอดธุรกรรมการเงินพุ่ง หลังเปิดตัวการใช้งานแอพฯ บนมือถือ อัศวิน พละพงศ์พานิช ซีอีโอ  บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด เผยความโอกาสทางธุรกิจในหลายปัจจัยตลอดทั้งปี ตั้งเป้าหมายสูงของแบ่งเค้กรายได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ใน 5 ปี จากมูลค่าตลาด 6.5 หมื่นล้านเหรียญฯ</h2>
<strong>อัศวิน พละพงศ์พานิช</strong> ประเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท สวัสดีช้อป จำกัด เผยความคืบหน้าธุรกิจ ดี มันนี่ (Dee Money) ฟินเทค สตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non Bank) แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศ และแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม

<span style="color: #993300;">“หลังเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือเมื่อสิงหาคมปีที่ผ่านมา เรามียอดการทำธุรกรรมการเงิน (Transection) มากกว่าร้อยละ 30 ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง มกราคม 2562 ขณะที่ฐานของลูกค้าขยายตัวขึ้นอีกว่าร้อย 13 ในช่วงเวลาเดียวกัน”</span>

อัศวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มลูกค้าหลักในการโอนเงินระหว่างประเทศยังเป็นกลุ่ม โปรเฟสชั่นนอล เอ็กซ์แพท ที่ทำงานในประเทศไทย โดยมีธุรกรรมการโอนเงินในสกุล ดอลล่าร์สิงคโปร์ สกุลเงินอินเดีย เป็นสัดส่วนหลัก ทางด้านกลุ่มแรงงานยังคงเป็นกลุ่มเงินสกุลกัมพูชา เมียนม่า เป็นต้น โดยจุดแข็งของเราคือค่าธรรมเนียม 150 บาท ต่อธุรกรรมการโอนเงิน ซึ่งยังไม่ Vat 7% ทำให้ลูกค้าประหยัดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินถึง 80 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับการโอนเงินผ่านเครือข่ายแบบดั่งเดิม (Traditional)

<span style="color: #993300;">“ค่าธรรมเนียม 150 บาท ครอบคลุมการให้บริการใน 17 ประเทศ ทั่วเอเชีย ซึ่งแผนในปี 2562 เราเตรียมขยายการบริการโอนเงินระหว่างประเทศให้ครอบคลุม 40 ประเทศทั่วโลก โดยเตรียมรุกตลาดยุโรปในกลุ่ม IBAN countries โดยการทำงานผ่านมาตรฐานของ Swift โดยคาดเสร็จสิ้นสิ้นปี 2562”</span> <strong>อัศวิน</strong>กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-5635" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/อัศวิน-พละพงศ์พานิช-02.jpg" alt="" width="638" height="424" />
<h2>จับมือพันธมิตรในประเทศ</h2>
ปัจจุบัน ดี มันนี่ ได้รับใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ 3 ประเภท ได้แก่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโอนเงินระหว่างประเทศ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ให้บริการ 4 สาขา โดยมีสาขาหลักที่ปากซอยสุขุมวิท 8

ด้านการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ดี มันนี่ได้ร่วมมือกับ SuperRich ทำให้ลูกค้าได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าธนาคารใน 34 สกุลเงินเมื่อใช้บริการที่สาขา ซึ่งแผนสาขาในปี 2562 เตรียมขยายอีกราว 10 สาขา ทั่วประเทศในจังหวัดหลักๆ ของภูมิภาค อาทิ พัทยา เชียงใหม่ เกาะสมุย และอุดรธานี

“สาขาหลักยังมีความสำคัญในแง่การระบุตัวตนและหลักกฎหมายทางราชการ สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมในการโอนเงินระหว่างประเทศ ขณะนี้ ดี มันนี่ รอการอนุมัติ 2 ด้าน คือการรับอนุมัติใช้ระบบการแสดงและยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) จากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าได้รับการอนุมัติแล้วจะทำให้เราสามารถยืนยันตัวตนผ่านบัตรประจำตัวประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งจะทำให้ขยายฐานลูกค้ากว้างมากขึ้น

ส่วนอีก ใบอนุญาตอีกใบคือ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ (Money Transfer Agent License) ซึ่งจะทำให้เราสามารถมีตัวแทนธุรกิจในการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยเรามีแผนกระจายให้ทั่วประเทศ 5,000 จุด บนเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ ตามไฮเปอร์มาร์เก็ต สถานีเติมน้ำมัน และพันธมิตรที่เกี่ยวข้องอย่าง ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วไทยซึ่งบริการตรงนี้ที่จะทำให้พวกเขามีบริการใหม่เสริม

<span style="color: #993300;">“สิ่งที่เราพยายามคือการลดข้อจำกัดและกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่ธนาคารและสถานบันการอื่นๆ ถือปฏิบัติ โดยเฉพาะการเก็บค่าธรรมเนียมแบบเดิมๆ เปลี่ยนช่องทางหลักแบบดั่งเดิม การโอนเงินแบบผิดกฎหมายจากผู้ไม่ได้รับใบอนุญาต โดยผู้รับปลายทางจะรู้ยอดเงินที่แน่นอนและยังสามารถเลือกรับเป็นเงินสดหรือโอนผ่านบัญชีในปลายทางได้”</span> <strong>อัศวิน</strong>กล่าวและเสริมว่า

“เป้าหมายธุรกิจของดี มันนี่คือภายใน 5 ปีของเราของต้องการเพิ่มสัดส่วนให้ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มการโอนเงินตราระหว่างประเทศที่มีมูลค่าราว 5.6 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งการไปถึงจุดนั้นได้เราเลือกการทำธุรกิจแบบขั้นบันได โดยปัจจุบันเราให้บริการกับกลุ่มลูกค้าบุคคลเป็นหลัก เพื่อความมั่นใจการตรวจสอบทุกธุรกรรมการเงินที่ไม่เสี่ยงต้องการผิดกฎหมาย โดยเป้าหมายของเราต่อไปเป็นกลุ่ม SMEs โดยจะเลือกคุยเป็นองค์กรไป”

อัศวิน กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าในแผน 5 ปี เรายังคงมองหากลุ่มนักลงทุน Venture Capital ทีมีความเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นและเป็น VC ที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์และเสริมความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท เราเตรียมหาทุนราว 5 ล้านเหรียญฯ นำมาลงทุนทางด้านระบบต่างๆ ส่งให้เราเติบโตและขยายแผนไปทั่วโลกอย่างยั่งยืน

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="http://www.forbesthailand.com/news-detail.php?did=2590">สวัสดี ช้อป ต่อยอดความสำเร็จ ดี มันนี่ เปิดตัวแอพพลิเคชัน โอนเงินและแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ</a></li>
</ul>

ดี มันนี่ คาดปี 2562 ธุรกิจรุดหน้าจากธุรกรรมการเงินออนไลน์

<strong>ClouDee</strong> ผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์บนคลาวด์เปิดตัวการใช้เป็นครั้งแรกของประเทศไทยโดยการนำเข้าเทคโนโลยีจาก <strong>โนว์ลาร์ริตี้ คอมมิวนิเคชั่นส์</strong> หนึ่งในผู้ให้บริการสื่อสารระบบคลาวด์ใหญ่สุดของเอเชียเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้บริการหมายเลข 02 ในประเทศไทยผ่านระบบ SuperReceptionist ที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตเข้ากับระบบเครือข่ายโทรศัพท์ท้องถิ่น (Internet Telephony Service Provider หรือ ITSP) และเชื่อมต่อไปยังปลายทางที่หมายเลขโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

<span style="color: #ff0000;">“คลาวด์กำลังเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจและการสื่อสาร ด้วยระบบนี้ เรากำลังเปลี่ยนระบบตู้ชุมสายโทรศัพท์ PABX แบบเดิมๆ ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำงานได้สมาร์ทขึ้นและได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ขึ้น สิ่งที่คลาวด์ดี ทำอยู่นี้ ก็เหมือนกับสิ่งที่ yahoo และ Hotmail เคยทำกับระบบอีเมลมาก่อนแล้ว”</span> <strong>อัศวิน พละพงศ์พานิช</strong> ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการฝ่ายบริหาร สวัสดีช้อป กล่าว

คลาวด์ดี สามารถระบบที่ใช้งาน ยืดหยุ่นให้ตรงกับความต้องการเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการบริการที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาร่วมกับการทำงานของ SuperReceptionist และ Smart IVR ที่ลงตัว โดยมีค่าจ่ายเริ่มต้น 999 บาทต่อเดือน ตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายสำหรับกลุ่มธุรกิจ SMEs และ กลุ่ม Start-Ups หวังเข้าถึงกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ 1,000 ราย เบื้องต้นมี StockRadars และ coins.co.th เป็นลูกค้าในปัจจุบัน ธุรกิจที่ใช้ “คลาวด์ดี” ในประเทศไทยเพื่อการสื่อสารขององค์กร ได้แก่ StockRadars แอพพลิเคชั่นจัดการหุ้นและ coins.co.th ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการโอนเงินของไทย

<span style="color: #ff0000;">“การติดตั้ง Fix line คือ Non Mobile ถ้าบริษัทตั้งอยู่ที่เพลินจิตและมีการย้ายออฟฟิศทุกอย่างที่ลงทุนไม่สามารถใช้ได้ และ Fix line เป็นอนาล็อคซึ่งยุ่งยากในการจดทะเบียน การติดตั้งและค่าใช้จ่าย หากเปลี่ยนออฟฟิศเบอร์คุณติดตามตัวคุณไปเลย โดยคุณไม่ต้องทำอะไรเลย”</span> <strong>อัศวิน</strong> กล่าวย้ำ

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/62acb3d7f32e9ae008b6ec1df334804c.png" alt="" />

สิ่งที่มาพร้อมกับ <strong>SuperReceptionist</strong> คือบริการตอบรับโทรศัพท์แบบเสมือนจริง ด้วยการนำระบบสื่อสารแบบคลาวด์มาใช้ร่วมกับระบบซีอาร์เอ็ม (CRM) สำหรับธุรกิจขนาดกลางและกลุ่มสตาร์ทอัพเป็นโครงสร้างของเอพีไอ (Application program interface) ที่ยืดหยุ่นเป็นโซลูชั่นที่ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนให้ตรงกับทุกรูปแบบการสื่อสารที่ธุรกิจต้องการที่มักมีเงื่อนไขที่แตกต่าง บริการทั้งสองจะช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดย่อม กลาง และใหญ่ ลดค่าใช้จ่าย สร้างความเป็นผู้นำ เพิ่มอัตราชี้วัด และปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยระบบหลังบ้านของ SuperReceptionist ผู้ใช้บริการสามารถฟังบันทึกเสียงการสนทนาย้อนหลัง สามารถฟังย้อนหลัง ดาว์นโหลด อีเมล เสียงบันทึกดังกล่าวได้ ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ย้อนหลังได้ถึง 5 ปี ตามแพคเกจการบริการ

ทั้งนี้ หากต้องการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ คลาวด์ดี ยังสามารถเชื่อมต่อเบอร์พื้นฐานของ 60 ประเทศที่ <strong>โนว์ลาร์ริตี้ คอมมิวนิเคชั่นส์</strong> ให้บริการ โอนสายเข้ามายังสมาร์ทโฟนปลายทาง อำนวยความสะดวกในการเปิดออฟฟิศไปยังทั่วโลก ทั้งนี้ Cloudee ยังสามารถสร้างแคมเปมทางการตลาด ผ่านระบบ <strong>Smart IVR</strong>

ด้าน <strong>โนว์ลาร์ริตี้ คอมมิวนิเคชั่นส์</strong> เปิดเผยถึงการเข้าให้บริการในประเทศไทยไว้ว่า <span style="color: #ff0000;">“เรามีความภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการแนะนำบริการโทรศัพท์แบบคลาวด์ในไทยผ่าน “คลาวด์ดี” ไทยเป็นตลาดที่ท้าทายและมีธุรกิจจำนวนมากที่พร้อมแล้วสำหรับระบบการสื่อสารผสมผสานที่ล้ำสมัย”</span><strong> อัมบาริช กุ๊ปตา </strong>CEO และ ผู้ก่อตั้ง โนว์ลาร์ริตี้ คอมมิวนิเคชั่นส์ เสริม
<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9c175d27e4f7f3d9a2a4b06f05424332.png" alt="" />

“สวัสดีช้อป” ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2542 ให้บริการในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง รวมถึงนิวยอร์ก รับผิดชอบจำนวนการโทรมากกว่าสองพันล้านนาทีต่อปี และเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการโทรคมด้วยกันมากกว่า 100 รายทั่วโลก เป็นผู้ให้บริการ VoIP ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย “สวัสดีช้อป” มีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 ล้านราย และผู้ใช้บริการระดับองค์กรมากกว่า 500 ราย เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ในประเทศไทย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events