<h2>โลกแห่ง VTOL กำลังแผ่ขยายอย่างรวดเร็วและจะเปลี่ยนวิถีการสัญจรทางอากาศไปตลอดกาล ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นก้าวใหม่นี้มีแรงขับเคลื่อนมากมายซ่อนอยู่เบื้องหลัง นับตั้งแต่ความพยายามกระจายประชากรออกจากเมืองและสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ไปจนความจำเป็นต้องหามาตรการด้านคมนาคมที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า และยังสะอาดกว่าเดิม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มีสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณาในการขยับขยายคราวนี้ คือปัจจุบันแผนการดังกล่าวเป็นไปในเชิงทฤษฎีเท่านั้น และยังคงขาดความชัดเจนอย่างมาก อากาศยานที่ขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง (VTOL) เปิดตัวออกมาไวมากจนเราแทบไล่ตามกันไม่ทัน ทว่าในความเป็นจริงนั้น ยังไม่มีเครื่องบินลำใดถูกนำออกมาใช้งานเลย&nbsp; &nbsp;&nbsp;มีการสร้างวิสัยทัศน์แห่งความเชื่อมั่นด้วยแรงสนับสนุนจากเงินลงทุนว่าเราจะได้เห็นอากาศยาน VTOL บินเชิงพาณิชย์ได้ในเร็วๆ นี้ และหากเราเชื่อในสิ่งที่รับฟังมา หนึ่งในเครื่องบินที่ใกล้จะพาผู้โดยสารทะยานสู่เวหาได้เร็วที่สุดคือ Sirius Jet​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/HDRpebuakmqLJQPrqen5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HDRpebuakmqLJQPrqen5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1400,1050" style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;Sirius Jet เป็นนวัตกรรมจากบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติสวิส Sirius Aviation ที่ถูกเรียกว่าเจ็ต เพราะใช้ระบบขับเคลื่อนใบพัดแบบมีท่อครอบ (Ducted Fan) แตกต่างจาก VTOL โดยทั่วไปที่ขับเคลื่อนใบพัดด้วยมอเตอร์โดยตรง นอกจากนี้ยังใช้พลังงานจากไฟฟ้า และหากชี้เฉพาะลงไปอีก คงต้องบอกด้วยว่าเป็นพลังงานจากไฟฟ้าไฮโดรเจน&nbsp; &nbsp;&nbsp;ระบบส่งกำลังของ Sirius Jet นั้นประกอบด้วยระบบกักเก็บไฮโดรเจนพลังงานต่อหน่วยสูงในส่วนถังเก็บเชื้อเพลิง ซึ่งเชื่อมต่อไปยังชุดเซลล์เชื้อเพลิง ออกซิเจนที่ได้มาระหว่างเที่ยวบินจะถูกนำเข้ามาผ่านช่องทางพิเศษบริเวณหัวเครื่องบินเพื่อทำปฏิกิริยากับไฮโดรเจน นำมาสู่ผลลัพธ์คือการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าและน้ำ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตามปกติแล้ว พลังงานไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เราไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่เครื่อง แต่จากรูปที่ Sirius เปิดเผยออกมานั้นมีใบพัดไม่ต่ำกว่า 28 ใบ (8 ใบตรงหัวเครื่องบิน และอีก 20 ใบตรงส่วนปีก แบ่งเป็นข้างละ 10 ใบพัด เท่ากันทั้งด้านซ้ายและขวา) ซึ่งหากแต่ละใบพัดใช้มอเตอร์ของตัวเอง ก็น่าจะมี 28 เครื่อง แต่ละเครื่องผลิตกำลังแรง 224 ปอนด์ และหากคำนวณตัวเลขรวมทั้งหมดก็จะได้แรง 6,272 ปอนด์&nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วนน้ำที่ได้จากปฏิกิริยาจะถูกปล่อยทิ้งผ่านระบบระบายอากาศพิเศษที่ติดตั้งบริเวณหางเครื่อง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/iJQPisgRANf9a1QFXZRK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="iJQPisgRANf9a1QFXZRK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="1" origin-size="2122,1050"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;เพราะ Sirius มีเชื้อเพลิงบนเครื่องอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานไฟฟ้า แต่ก็มีตัวหนึ่งติดเครื่องไว้ โดยจะทำงานเพียง 90 วินาทีต่อเที่ยวบินเพื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างภายใน VTOL นอกจากนี้ Sirius ยังมีหน่วยลำเลียงและแปลงพลังงานด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;จากองค์ประกอบทั้งหมดของ Sirius ทางบริษัทผู้ผลิตได้ให้คำนิยามเอาไว้ว่าเป็น “อากาศยาน VTOL ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนลำแรกของโลก” ซึ่งถือเป็นแถลงการณ์ที่กล้าหาญมาก ทั้งยังต้องได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่มากมาย เพราะส่วนใหญ่คงไม่รู้จัก Sirius Aviation ที่เป็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่อายุเพียงไม่กี่ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะบนเครื่องบินเจ็ตลำนี้ปรากฏตราของสองผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานต์นั่นคือ BMW DesignWorks และ Sauber Group เรายังไม่มีข้อมูลว่าสองบริษัทนี้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือแค่ไหน แต่เพียงเอ่ยถามเหล่านั้นก็ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย&nbsp; &nbsp;&nbsp;VTOL ลำนี้ดูมีความเป็นอากาศยานแบบดั้งเดิมเสียยิ่งกว่าเครื่องบินลำอื่นที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม segment เดียวกัน กล่าวคือ มีปีกเล็กคู่หนึ่งด้านหน้าพร้อมระบบสี่มอเตอร์ต่อข้าง และปีกอีกหนึ่งคู่ช่วงกลางลำพร้อมระบบสิบมอเตอร์ต่อข้าง กับหางรูปตัว V บริเวณท้ายเครื่อง ด้านหน้าเครื่องมีกระจกใหญ่ ส่วนข้างตัวเครื่องมีกระจกฝั่งละ 3 บาน&nbsp; &nbsp;&nbsp;Sirius Jet จะมีทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Business Jet และ Millenium Jet จำนวนผู้โดยสารที่สามารถรองรับได้ในแบบจำนวนจำกัดของแต่ละลำแบบจำกัด้นั้น แลดูจะเป็นการใช้เทคโนโลยีที่สูญเปล่าเป็นอย่างมาก ทว่าสำหรับบริษัท ดาราดัง และผู้โดยสารระดับ VIP น่าจะโปรดปรานกันเลยเลยทีเดียว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/aYMQaVFDFKtY4w9gpuiX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="aYMQaVFDFKtY4w9gpuiX.jpg" data-file-size="0" origin-size="1866,1050" data-origin="1068px,601px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="2"></figure></div>​&nbsp; &nbsp; Business Jet มีไว้สำหรับการใช้งานส่วนตัว รองรับผู้โดยสารได้เพียง 3 คน เดินทางไกล 1,150 ไมล์ (1,850 กิโลเมตร) จากจุดออกตัว ไต่ระดับสูงสุด 30,000 ฟุต (9,100 กิโลเมตร) และเร่งความเร็วได้สูงสุด 323 ไมล์ต่อชั่วโมง (520 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)&nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วน Millenium Jet ออกแบบมาสำหรับหน่วยงานพาณิชย์ แม้จะฟังดูเกินจริงไปหน่อย เพราะสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพียง 5 คน แต่สามารถไปได้ไกลกว่า Business Jet ถึง 650 ไมล์ (1,046 กิโลเมตร) ส่วนศักยภาพอื่นๆ เท่ากันทั้งหมด&nbsp; &nbsp;&nbsp;Sirius Aviation วางแผนพาเครื่องบินทั้งสองแบบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในปี 2025 หรือก็คือปีหน้า และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะเกิดขึ้นจริง&nbsp; &nbsp;&nbsp;หลายต่อหลายครั้งที่มีการประกาศอย่างมาดมั่นถึงอากาศยานที่จะมาปฏิวัติโลกใบนี้ และเมื่อถึงเวลาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อุปสรรคสำคัญที่จะไล่ตามมาเร็วๆ นี้คือกฏระเบียบต่างๆ และเราไม่รู้เลยว่า Sirius Aviation จะรับมืออย่างไร แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.autoevolution.com/news/world-s-first-hydrogen-powered-vtol-jet-has-bmw-dna-and-it-seems-like-a-waste-of-tech-227513.html" alt="World's First Hydrogen-Powered VTOL Jet Has BMW DNA and It Seems Like a Waste of Tech" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">World's First Hydrogen-Powered VTOL Jet Has BMW DNA and It Seems Like a Waste of Tech</a>&nbsp;โดย Daniel Patrascu เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/ceos-want-to-cancel-remote-work" alt="ศึกยุติทำงานไกล เมื่อบรรดา CEO อยากให้พนักงานกลับออฟฟิศ">ศึกยุติทำงานไกล เมื่อบรรดา CEO อยากให้พนักงานกลับออฟฟิศ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เตรียมเปิดศักราชใหม่แห่งการบิน! อากาศยาน VTOL พลังไฮโดรเจนลำแรกของโลก บินเร็ว 520 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

<h2>Vahana อากาศยานไร้คนขับพลังงานไฟฟ้าที่กำลังวิจัยพัฒนาใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา ภายใต้การสนับสนุนโดย Airbus บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องบินระดับโลก ทำการทดสอบการบินแล้วเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2018</h2>
Vahana ซึ่งรูปร่างเหมือนรถยนต์บินได้ผสมกับโดรน ขึ้นบินในสนามทดสอบที่ Pendleton รัฐ Oregon สามารถบินสูงจากพื้นดิน 5 เมตรเป็นเวลา 53 วินาที เป็นข้อพิสูจน์ขั้นต้นถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในภาคปฏิบัติ โดย Vahana มีเป้าประสงค์ที่จะผลักดันให้ตนเป็นบริษัทแรกของโลกที่ได้รับการรับรองให้เป็น “อากาศยานไร้คนขับที่สามารถโดยสารบุคคลได้” ทำให้ผู้โดยสารหรือสิ่งของได้รับการขนส่งด้วยระบบอัตโนมัติระหว่างจุดจอดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งด้วยเส้นทางที่กำหนดไว้แล้ว ลักษณะคล้ายกับรถไฟฟ้าที่มีสถานีจอดชัดเจน

อย่างไรก็ตาม Vahana มีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด เมื่อ 2 ปีก่อน Ehang เปิดตัวคอนเซปท์พาหนะชื่อ “184” ซึ่งจะผลิตอากาศยานไร้คนขับในรูปแบบเดียวกัน ขณะที่ Volocopter สนับสนุนโดยบริษัท Intel และ Daimler นำหน้าในการทดลองบินอากาศยานไร้คนขับบรรทุกผู้โดยสารในรูปแบบเดียวกับแท็กซีไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 ณ เมือง Dubai (อ่านเรื่องราวการทดสอบของ Volocopter ด้านล่างของบทความ)

การวิจัยและพัฒนาอากาศยานขนาดเล็กเป็นกระแสอย่างมากในหมู่นักวิจัยช่วงหลายปีมานี้ การพัฒนาลักษณะ DIY-Do it yourself พบเห็นได้จำนวนมาก ตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่งจัดแจงติดมอเตอร์กับใบพัดเข้ากับอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็พามันบินข้ามทุ่งไปรับประทานอาหารกลางวัน

<figure><img style="width: 680px; height: 383px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ccde97e70b7b319de15aeef81ee8cd87.png" alt="" width="680" height="383" /><figcaption> Vahana หลังลงจอดจากการทดสอบการบินครั้งแรก (Cr:verticalmag.com)</figcaption></figure>

ในทางตรงข้าม Vahana ได้รับการสนับสนุนจำนวนมากจากบริษัท Airbus และเวนเจอร์แคปิตอลชื่อ A³ เพื่อแข่งขันในตลาด Vahana ชูจุดขายหลักในผลิตภัณฑ์ของพวกเขาคือการสลับเครื่องยนต์ขับเคลื่อนซึ่งจะทำให้มันบินได้นานขึ้น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินศักยภาพระยะเวลาการบินของ Vahana ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม อากาศยาน 2X ของ Volocopter ที่ทดสอบการบินไปก่อนหน้านี้สามารถบินได้จริง 5 นาที และคำนวณพลังของมอเตอร์แล้วว่าสามารถบินได้นาน 30 นาที

สำหรับภาพรวมตลาดของบริษัทผู้พัฒนาแท็กซีบินได้เหล่านี้ สิ่งที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริงอาจไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นความสามารถในการเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานผู้ออกกฎระเบียบการบินในแต่ละประเทศ

จนถึงขณะนี้มีเพียง Volocopter ที่เคยได้ทดสอบการบินบนน่านฟ้าของ Dubai แต่ในที่สุดแล้วบริการเหล่านี้จำเป็นต้องเติบโตจากตลาดท้องถิ่น ซึ่งจะทำเช่นนั้น พวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับ Federal Aviation Administration (FAA) องค์กรผู้กำกับควบคุมการบินในสหรัฐฯ และระเบียบควบคุมการบินลักษณะนี้น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อน

อย่างไรก็ตาม Vahana วางเป้าหมายที่จะผลิตอากาศยานไร้คนขับรุ่นต้นแบบเป็นครั้งแรกในปี 2020

Forbes Facts

<figure><img style="width: 680px; height: 416px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e3fc04ffb59f19d21dd47131edfd8c38.png" alt="" width="680" height="416" /><figcaption> ​เครื่อง 2X ของ Volocopter เหนือน่านฟ้า Dubai (Cr: newatlas.com)</figcaption></figure>

สำหรับการทดสอบการบินของ Volocopter ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Sheikh Hamdan bin Mohammed เจ้าชายรัชทายาทแห่งนคร Dubai พระองค์เป็นผู้เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่อง 2X ของ Volocopter เป็นเวลา 5 นาที บินเหนือทะเลทรายด้วยความสูง 200 เมตร

<figure><img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f182a3907cc8c06d18bdb3317c7c80a3.png" alt="" width="680" height="454" /><figcaption> Sheikh Hamdan bin Mohammed เจ้าชายรัชทายาทแห่งนคร Dubai เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่อง 2X (Cr: newatlas.com)</figcaption></figure>

เหตุที่ Dubai ยอมให้มีการทดสอบการบินเช่นนี้เพราะ Dubai ต้องการจะเป็นเมืองแรกในโลกที่มีบริการแท็กซี่บินได้ โดยลักษณะการใช้งานจะเหมือนกับแอพพลิเคชั่นร่วมโดยสารอย่าง Uber แค่กดเรียกแท็กซี่บินได้ผ่านโทรศัพท์มือถือและรอ ณ จุดรับ-ส่งก็เพียงพอ

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจาก Airbus Venture Begins Testing Its Autonomous Flying Taxi โดย Grant Martin / forbes.com

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events