<h2>Stripe ผู้นำระดับโลกในการชำระเงินออนไลน์ ได้เผยแพร่รายงานล่าสุดของการค้าในรูปแบบดิจิทัล ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกระดับโลกสำหรับธุรกิจไทย ที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตของการค้าข้ามพรมแดน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานมุ่งประเด็นถึงโอกาสที่มาจากการค้าดิจิทัลไร้พรมแดน ที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้ธุรกิจได้ โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านสถานที่ตั้ง จึงเป็นการลดอุปสรรคในการซื้อขายระหว่างประเทศ รายงานฉบับนี้มาจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแพลตฟอร์มของ Stripe รวมถึงการสำรวจกับผู้นำธุรกิจ 1,700 รายและผู้บริโภค 11,500 คนในตลาดโลก 9 แห่งได้แก่ ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ไอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การค้าดิจิทัลไร้พรมแดน ได้เปิดช่องทางใหม่ให้บริษัทไทยสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด รายงานฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการค้าดิจิทัลไร้พรมแดนเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการโลกาภิวัตน์และสร้างวิวัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจโลกจากสามประเด็นหลัก ดังต่อไปนี้ สร้างสรรค์ มุมมองทางธุรกิจที่เหนือความคาดหวังให้กับธุรกิจและผู้บริโภค เกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจระดับโลก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าเศรษฐกิจระดับมหาภาค และภูมิรัฐศาสตร์กำลังเผชิญกับความท้าทาย แต่ภาคธุรกิจและผู้บริโภคก็ยังมองเห็นโอกาสอันดีในการเพิ่มปริมาณการซื้อขายระหว่างประเทศ โดย 66% ของธุรกิจต่างๆ ได้วางเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ ภายในสองปีข้างหน้า และ 89% มองว่าความพร้อมของเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญ ในการช่วยขยายแนวรบในการทำธุรกิจสู่ต่างประเทศได้อย่างง่ายดายขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริโภค 68% กล่าวว่าพวกเขาเปิดกว้างต่อการซื้อสินค้าผ่านระบบดิจิทัล และอีก 59% ยินดีที่จะใช้บริการผ่านระบบดิจิทัล โดยตัวเลขเหล่านี้สูงขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย โดย 76% ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปียินดีที่จะซื้อสินค้า และ 74% ยินดีที่จะใช้บริการผ่านระบบดิจิทัล <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/woHFui66W1PxVmYSExqu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="woHFui66W1PxVmYSExqu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1920,1045"></figure></div> การขยายเส้นทางการค้าขายระหว่างประเทศที่หลากหลายมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การค้าดิจิทัลไร้พรมแดนช่วยลดอุปสรรคในการซื้อขายระหว่างประเทศ และขยายโอกาสทางธุรกิจ ในขณะที่การค้าดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดนั้นเป็นการค้าระหว่างประเทศในโซนประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณีอย่างเช่น ออสเตรเลียและไอร์แลนด์ที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ซึ่งได้รับการขับเคลื่อนจากภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยในปีพ.ศ. 2565 ไอร์แลนด์กลายประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับธุรกิจในออสเตรเลียในทางการค้าดิจิทัลไร้พรมแดน โดยอ้างอิงจากข้อมูลของการทำธุรกรรมของ Stripe ในขณะเดียวกัน ในปีพ.ศ. 2565 เยอรมนีก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางในทางการค้าดิจิทัลไร้พรมแดนที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับธุรกิจในสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่ธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเลือกเปิดตลาดต่างประเทศแห่งแรก โดยการพิจารณาทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเลือกโดยการพิจารณาศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจมากกว่า ดังนั้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย ที่มีการเติบโตที่สูง หรือในอเมริกาใต้และอินเดีย จึงเป็นตลาดที่น่าจับตามองในด้านการค้าดิจิทัลไร้พรมแดน <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/XumGw5AvXFXEriDBYKRE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="XumGw5AvXFXEriDBYKRE.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1920,951"></figure></div> สร้างการเข้าถึงเศรษฐกิจโลกได้มากขึ้นสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกประเภท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในแบบสำรวจของ Stripe 81% ของธุรกิจที่มีเจ้าของคนเดียวกำลังขายสินค้าให้กับตลาดมากกว่าหนึ่งแห่ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการเพิ่มขึ้นของเจ้าของธุรกิจข้ามชาติแบบคนเดียว โดย 18% ของนักธุรกิจกลุ่มนี้ขายสินค้าให้กับตลาดโลกมากกว่า 11 แห่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องขององค์กรแบบดั้งเดิม โดยมีการเติบโต 31% ในองค์กรที่ขายสินค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล และ 50% ขององค์กรที่กำลังวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศในอีกสองปีข้างหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การค้าในรูปแบบดิจิทัลกำลังกระตุ้นธุรกิจหลากหลาย ไม่เพียงแต่ธุรกิจซอฟต์แวร์และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ธุรกิจที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นระบบดิจิทัลตั้งแต่ต้น เช่น ธุรกิจ SME องค์กร และอุตสาหกรรมที่หลายคนมักไม่คิดว่าเป็นธุรกิจที่ใช้รูปแบบดิจิทัลมาก่อน เช่น สถาบันการศึกษา ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดในการค้าดิจิทัลไร้พรมแดน ในปัจจุบัน 88% ของธุรกิจด้านการศึกษากำลังสร้างยอดขายในต่างประเทศ และ 70% กำลังวางแผนที่จะขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศในอีกสองปีข้างหน้า&nbsp; &nbsp; ธี ฉายากุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Stripe Thailand กล่าวว่า&nbsp;การค้าดิจิทัลไร้พรมแดนได้ยกระดับการแข่งขันในตลาด โดยการให้ธุรกิจทุกขนาดมีโอกาสในการเข้าถึงตลาดโลกได้ บริษัทเหล่านี้รวมถึงบริษัทไทยอย่าง Storior แพลตฟอร์มออกแบบคาแรคเตอร์ และ Soraso ผู้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนแปลงภาคการให้บริการด้วยโซลูชันบนคลาวด์ โดย Stripe ให้การสนับสนุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักของเขาได้ <div class="se-component se-image-container __se__float-" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px; width: 747px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/De3VjfgdaLeno3sA6GLF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="747px,433px" data-align="" data-file-name="De3VjfgdaLeno3sA6GLF.jpg" data-file-size="0" origin-size="1920,1113" data-origin="747px,433px" style="width: 747px; height: 433px;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71012" alt="&quot;AWS Build&quot; ช่วยสตาร์ทอัพริเริ่มก้าวสู่ความเป็นจริง">"AWS Build" ช่วยสตาร์ทอัพริเริ่มก้าวสู่ความเป็นจริง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

การค้าดิจิทัลไร้พรมแดนเป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจไทย

<h2>สหราชอาณาจักรเปิดตัว “เครือข่ายการค้าดิจิทัล” ในเอเชียแปซิฟิก หวังสร้างพันธมิตรใหม่ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตลาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว</h2>
เครือข่ายการค้าดิจิทัล ในเอเชียแปซิฟิก นั้นหมายรวมไปทั้งประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ ออสเตรเลีย ผ่านการทำงานร่วมกันในภาคส่วนที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญในตลาดของประเทศเหล่านั้น

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ความต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหาให้แก่ห่วงโซ่การผลิต ตลอดจนการบริหารจัดการธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซ ที่ขยายตัวขึ้น

การสร้างความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศในเอเชียแปซิฟิกผ่านเครือข่ายการค้าดิจิทัลในครั้งนี้จะช่วยธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการค้าและการลงทุน

<img class="alignnone wp-image-31165 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/Boris-Johnson-01.jpg" alt="เครือข่ายการค้าดิจิทัล" width="600" height="337" />

Boris Johnson นายกรัฐมนตรี สหราชอาณาจักร กล่าวในงานเปิดตัวสัปดาห์เทคโนโลยีลอนดอน หรือ London Tech Week) เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาว่า

“เรากำลังสร้างเครือข่ายดิจิทัลใหม่โดยเริ่มในเอเชียแปซิฟิกเป็นแห่งแรก เพื่อช่วยให้ธุรกิจของเราเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และเพิ่มการเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงการค้าเสรีของเรา ด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีเช่นนี้ สหราชอาณาจักรจะมุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับมิตรประเทศของเราเพื่อสร้างมาตรฐานระดับโลกแก่เทคโนโลยีเกิดใหม่ พร้อมทั้งปกป้องค่านิยมเรื่องเสรีภาพ ความเปิดกว้าง และการยอมรับความหลากหลาย”

ด้าน Natalie Black ผู้แทนการค้าสหราชอาณาจักรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากทำให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและเพิ่มประสิทธิภาพด้านธุรกิจ ดังที่เราได้เห็นในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19

การกระชับความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศในเอเชียแปซิฟิกผ่านเครือข่ายการค้าดิจิทัลใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือใหม่ๆ เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายนำนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด”

ด้าน Tech Nation องค์กรซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจเทคโนโลยีของสหราชอาณาจักร เตรียมเข้าร่วมกับ “เครือข่ายการค้าดิจิทัล” อาศัยการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการ Entrepreneur Engagement Network ซึ่งทางองค์กรมีอยู่แล้ว โดยจะขยายออกไปในระดับนานาชาติ มุ่งเป้าที่ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เครือข่ายใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความสนใจในตลาดสหราชอาณาจักรให้มีช่องทางเข้าถึงกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสำคัญๆ ทั่วประเทศ

สหราชอาณาจักรจัดเป็นหนึ่งในผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึงกว่า 397 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านล้านปอนด์) ในปี 2562 ตามหลังเพียงสหรัฐฯ และจีน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรได้แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีให้ประสบความสำเร็จจำนวนมาก โดยมี “ยูนิคอร์น” หรือธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเกิดใหม่ในสหราชอาณาจักรกว่า 79 บริษัท ซึ่งมากกว่าจำนวนยูนิคอร์นในเยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิสราเอลรวมกัน

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจเทคโนโลยีในสหราชอาณาจักรที่กำลังขยายกิจการไปยังต่างประเทศก็เริ่มให้ความสนใจกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น จากการสำรวจโดย Tech Nation พบว่ากลุ่มตัวอย่างของผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งให้ความสนใจจะเดินทางมายังสิงคโปร์มากกว่าไปทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งรวมธุรกิจด้านเทคโนโลยี

<figure><img class="wp-image-31166" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/Gerard-Grech-01.jpg" alt="เครือข่ายการค้าดิจิทัล" width="600" height="320" /><figcaption> Gerard Grech ซีอีโอ Tech Nation</figcaption></figure>

บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากสหราชอาณาจักรต่างมีแผนจะร่วมเดินทางมายังเอเชียแปซิฟิกภายใต้โครงการของ Tech Nation ที่ส่งเสริมธุรกิจด้านเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) ปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) และไซเบอร์ (Cyber) เพื่อนำเสนอความเชี่ยวชาญของสหราชอาณาจักรในด้านเหล่านี้ พร้อมทั้งค้นหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ

“สหราชอาณาจักรจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ ทั้งในระดับแรกเริ่มภายในประเทศ ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ในระดับนานาชาติ ด้วยตัวเลขผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังจะเพิ่มขึ้นกว่าพันล้านคน และบริษัทที่เคยเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของเรากว่าร้อยละ 80 ที่ระบุว่าให้ความสนใจในการขยายกิจการไปต่างประเทศ

เรายินดีมากที่จะได้สนับสนุนการเปิดตัวโครงการนำร่องเครือข่ายการค้าดิจิทัลนี้ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือว่ามีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อสหราชอาณาจักร และการเชื่อมโยงธุรกิจของเราเข้ากับเครือข่ายท้องถิ่นในประเทศอย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในพื้นที่จะช่วยให้ธุรกิจด้านนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนาของสหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงตลาดที่สำคัญเหล่านี้ได้

เราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมกับกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักรในการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศในเอเชียแปซิฟิก” Gerard Grech ซีอีโอ Tech Nation กล่าว

การประกาศเปิดตัวโครงการเครือข่ายการค้าดิจิทัลนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรการใหม่ของสหราชอาณาจักรเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวในระยะยาวของธุรกิจภาคเทคโนโลยีของสหราชอาณาจักร หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยโครงการมีเป้าหมายเพิ่มการค้าด้านดิจิทัล และช่วยให้อุตสาหกรรมดิจิทัลได้รับประโยชน์จากโอกาสทางการค้าการลงทุนใหม่ๆ รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/nor-diana-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-marius-suntanu-%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88.html">Nor Diana และ Marius Suntanu สองคนรุ่นใหม่แห่งทำเนียบ 30 Under 20 Asia ปี 2020</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความด้านธุรกิจ ติดตามได้ที่ Facebook: Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events