<h2>WASH หนึ่งธุรกิจให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรในไทย ที่มีแบรนด์ “WashXpress” ล่าสุด ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมเสนอขาย IPO ไม่เกิน 112.5 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ติดปีกเพิ่มศักยภาพธุรกิจสู่ผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจร ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ และทำให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน ด้วยแนวคิด สะอาด สะดวก และสบาย มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านสะอาดซักครบวงจรของไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้า “WashXpress โดยจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจมาจาก Pain Points ในการใช้งานเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญในอดีตที่ชำรุดบ่อย จึงเห็นโอกาสทางธุรกิจหลังจากพบว่าเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบครัวเรือนไม่ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ และการซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาดำเนินธุรกิจก็มีข้อจำกัดหลายด้าน จึงร่วมกับผู้ร่วมก่อตั้งอีก 3 คนคือ คุณชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล, คุณพรสิริ ธัญญานุรักษา, คุณอุไรวรรณ อ่อนเจริญ จัดตั้งบริษัทฯ และเปิดบริการร้าน WashXpress สาขาแรกที่คลอง 3 ในปี 2561 และได้ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนพัฒนาโมเดลธุรกิจและการให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีร้านครอบคลุม 20 จังหวัดในประเทศไทย รวม 516 แห่ง (เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 436 สาขา และแฟรนไชส์ 80 สาขา) โดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “ให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับชุมชน” พร้อมส่งมอบประสบการณ์การซักผ้าที่เหนือระดับไปยังผู้ใช้บริการให้ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการซักผ้าจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ด้วยแนวคิด “สะอาด สะดวก และสบาย” เพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดกซักครบวงจร ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ. ลอนดรี้ ยู หรือ WASH ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 112,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 187,500,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 375,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 150,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น โดยวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปใช้ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตามความมุ่งหมายของบริษัทฯ ภาพ:&nbsp;WASH​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/haier-partnered-otteri-wash-and-dry" alt="‘ไฮเออร์’ บุกวงการร้านสะดวกซัก! นำเครื่องซักอบอุตสาหกรรมเข้า Otteri ตั้งเป้ากระจายสู่ 230 สาขาในไทย">‘ไฮเออร์’ บุกวงการร้านสะดวกซัก! นำเครื่องซักอบอุตสาหกรรมเข้า Otteri ตั้งเป้ากระจายสู่ 230 สาขาในไทย</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

WashXpress ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขาย IPO ตั้งเป้าผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจรในไทย

<h2>‘ไฮเออร์’ รุกชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดเชนร้านสะดวกซักในไทย 1.6 หมื่นล้านบาท ขยายธุรกิจ “เครื่องซักอบผ้าอุตสาหกรรม” เข้าสู่ร้าน Otteri ที่เปิดในปี 2568 นี้ ตั้งเป้ากระจายสู่ 230 สาขาในไทย กัมพูชา 20 สาขา และลาว 2 สาขา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซัก หรือร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 2.23 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 9.4% ต่อปี จนถึงปี 2571 สอดคล้องกับธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทยใน 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีศักยภาพการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยตลาดแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักในไทยที่ขณะนี้มีมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตราว 20-30% ต่อปี จากปัจจัยหนุนทั้งการขยายตัวของเมือง รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและต้องการบริการที่ช่วยประหยัดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อเสริมแกร่งธุรกิจและตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก ไฮเออร์จึงได้เดินหน้าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม และกิจการร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์ ‘Otteri Wash &amp; Dry’ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 1,250 สาขา และมีฐานผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ อีกทั้งยังขยายไปที่ประเทศกัมพูชา 10 สาขา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการนำเครื่องซักอบผ้าอุตสาหกรรมของแบรนด์ไฮเออร์เข้าสู่ร้านสะดวกซัก ‘Otteri Wash &amp; Dry’ เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของไฮเออร์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่และเจาะกลุ่มตลาดเครื่องซักผ้าเพื่อการพาณิชย์ในไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมศักยภาพของแบรนด์ในด้านบริการและเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันระหว่างไฮเออร์และเค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่นต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับเครื่องซักอบผ้าอุตสาหกรรมที่ไฮเออร์ได้นำเข้าสู่ร้านสะดวกซัก Otteri Wash &amp; Dry’ มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น WHPL9FV0124P ความจุ 10 กิโลกรัม และรุ่น WHPL15FV0124P ความจุ 15 กิโลกรัม ที่มีความโดดเด่นในเรื่องความทนทานสูงและมีอายุการใช้งานได้นานกว่า 15 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมด้วยติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นกว่าที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจมีกำไรในการประกอบกิจการมากขึ้น อีกทั้งยังมีความแรงของถังปั่นที่สูงมากถึง 500G (Gravity Force) ช่วยลดการอบน้ำของผ้าได้มากยิ่งขึ้นจึงทำให้ลดระยะเวลาในการอบผ้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คุณสมบัติที่ประหยัดน้ำและพลังงานทำให้ช่วยลดต้นทุนสำหรับผู้ประกอบการ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังใช้งานได้สะดวกครบจบในเครื่องเดียว และถือเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าคอมเมอร์เชียลของไทย ตอบโจทย์คนยุคใหม่ในเรื่องสะดวกซัก มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนในร้านซักประสบความสำเร็จมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/xx7yRg9gZDTSiYDeYito.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xx7yRg9gZDTSiYDeYito.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความร่วมมือในครั้งนี้ ไฮเออร์มุ่งมั่นพัฒนาและขยายการเติบโตอย่างมีศักยภาพ ภายใต้แนวคิด More Creation, More Possibilities ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยในระบบนิเวศ Internet of Things (IoT) ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเจเนอเรชันและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยคาดหวังว่าเครื่องซักอบผ้าอุตสาหกรรม 2 รุ่นที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะสร้างความประทับใจและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้าวางแผนกระจายเครื่องซักอบผ้าอุตสาหกรรมไปยังร้านสะดวกซักเพิ่มเติมกว่า 230 สาขาในประเทศไทย และขยายสู่ประเทศกัมพูชา 20 สาขา และลาว 2 สาขา ในปี 2568” ต่ง เจี้ยนผิง กล่าวสรุป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน กวิน นิทัศนจารุกุล ประธานบริหาร บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ‘Otteri Wash &amp; Dry’ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับทางกับไฮเออร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทย ท่ามกลางตลาดสะดวกซักที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และความร่วมมือนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในอีกระดับ กับการนำเครื่องซักอบผ้าคุณภาพสูงจากไฮเออร์เข้ามาใช้ในร้านสะดวกซัก ‘Otteri Wash &amp; Dry’ ทั้ง 2 รุ่น โดยจะเริ่มดำเนินการในร้านสะดวกซัก Otteri Wash &amp; Dry’ ที่เปิดทำการในปี 2568 เป็นต้นไป และจะขยายไปยังพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทั่วประเทศต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามั่นใจว่าเครื่องซักอบผ้าจากไฮเออร์ทั้ง 2 รุ่นจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าคนสำคัญของ Otteri และเรายังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ทั้งในกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการและลูกค้าแฟรนไชส์ซี” ภาพ: ไฮเออร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/haier-thailand-appoints-bambam-as-its-latest-brand-ambassador" alt="ไฮเออร์ ประเทศไทย แต่งตั้ง “แบมแบม” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด">ไฮเออร์ ประเทศไทย แต่งตั้ง “แบมแบม” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ไฮเออร์’ บุกวงการร้านสะดวกซัก! นำเครื่องซักอบอุตสาหกรรมเข้า Otteri ตั้งเป้ากระจายสู่ 230 สาขาในไทย

<h2 class="p1">ท็อปส์ เดลี่ - แฟมิลี่มาร์ท ชูโมเดลคอนวีเนียนสโตร์ยุคใหม่ ร่วมมือ 3 ธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อดัง เปิดบริการใหม่สะดวกซัก “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” รับไลฟ์สไตล์คนเมือง</h2>
สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ผู้บริหาร ท็อปส์ เดลี่ และ แฟมิลี่มาร์ท กล่าวว่า คอนวีเนียนสโตร์ยุคใหม่นอกจากชูจุดแข็งด้านร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าหลากหลาย จะต้องสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศและบริการภายในร้าน ทำให้นับจากนี้ ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท จะเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องเป็น Third Place ที่ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน
โดยประเดิมเปิดตัวบริการสะดวกซัก “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ด้านบริการที่จะมารองรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ต้องการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่ชอบซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมาก ปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องพื้นที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ ประกอบกับการเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เลือกเวลาใช้บริการได้ตามสะดวก
สำหรับการจับมือกับ 3 พาร์ทเนอร์ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านธุรกิจสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ได้แก่ Clean Pro Express (คลีนโปรเอ็กซเพรส), The M Soul Laundromate (เดอะ เอ็ม โซล ลอนโดรเมท) และ Otteri wash &amp; dry (อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย) ซึ่งมีจุดเด่นที่เครื่องซักผ้ามีความทันสมัย ใช้งานง่าย ประหยัดเงิน สะดวกรวดเร็ว ซักสะอาด อุปกรณ์ได้รับการฆ่าเชื้อ และมีพนักงานทำความสะอาดทุกวัน มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด มีพื้นที่นั่งรอ และฟรี WiFi
<img class="alignnone size-full wp-image-26601" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/familymart02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ขณะเดียวกันระหว่างการรอ ลูกค้าสามาถใช้เวลากับการช็อปปิ้งสินค้า ดื่มกาแฟในร้านแฟมิลี่มาร์ทและท็อปส์ เดลี่ โดยปัจจุบันนำร่องเปิดให้บริการที่แฟมิลี่มาร์ท 4 สาขา ในกรุงเทพฯ และพัทยา ได้แก่ สาขาประชาราษฎร์บำเพ็ญ 11, รามอินทรา ซอย 34, พัทยาสราญชล ซอย 2, นาจอมเทียน ซอย 2
สำหรับค่าบริการซักและอบ เริ่มต้นที่ 40 บาท และในอนาคต ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท มีแผนขยายบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซัก-อบจบที่เดียว ตลอด 24 ชม. เพิ่มอีกกว่า 20 สาขา ทั้งที่กรุงเทพฯ พัทยา สมุย ขอนแก่น เพื่อรองรับความต้องการและการขยายตัวของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ภาพรวมของธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญยังมีความคึกคัก และคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้จุดแข็งในด้านทำเลของร้านค้าปลีกอย่างแฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์ เดลี่ ทำให้ธุรกิจสะดวกซักสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในทำเลที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกก็จะได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเองก็สามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่วินวินทุกฝ่าย
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b1%e0%b8%81.html">“ลอนดรี้บาร์” ร้านสะดวกซักมาเลเซียบุกตลาดไทย ตั้งเป้า 3 ปีขยาย 300 สาขา</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คอนวีเนียนสโตร์ยุคใหม่! ท็อปส์ เดลี่ - แฟมิลี่มาร์ท เปิดบริการร้านสะดวกซัก 24 ชม. นำร่อง 4 สาขา

"ลอนดรี้บาร์" ร้านสะดวกซักมาเลเซียบุกตลาดไทย ตั้งเป้า 3 ปีขยาย 300 สาขา

<h2 class="p1">"กันยง" ร่วมทุนบริษัทไต้หวัน เปิดตัวธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญพรีเมียม “Maru Laundry” เจาะกลุ่มชาวคอนโดฯ-เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ ลงทุนเริ่มต้น 3 ล้านบาท คาดปีนี้เติบโต 5-10 สาขา</h2>
ปวริศ โพธิวรคุณ รองประธานกรรมการ บริษัท กันยงอัพยัง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท กันยง จำกัด ได้ร่วมมือกับบริษัท อัพยัง จำกัด ผู้นำด้านอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศไต้หวัน จัดตั้งบริษัท กันยงอัพยัง จำกัด ในสัดส่วนการลงทุน 50:50 ปั้นธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่ “Maru Laundry” หรือมารุ สะดวกซัก ซึ่งเป็นบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 
“กันยงเคยทำธุรกิจ OEM เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบฝาบนมาก่อน เราพบว่าความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปคือ ต้องการความสะอาดและเครื่องที่ทนทานมากขึ้น ทำให้บริษัทเห็นแนวโน้มการเติบโต จึงร่วมกับอัพยังในการให้บริการแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น"


<figure><img class="size-full wp-image-10463" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/maru02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ปวริศ โพธิวรคุณ</figcaption></figure>
"จุดเด่นของ Maru Laundry คือใช้เครื่องขนาดใหญ่ระดับที่ใช้ในอุตสาหกรรม สามารถซักและอบแห้งได้ในเครื่องเดียว โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น มี 2 ขนาดด้วยกันคือ 17 และ 27 กิโลกรัม ราคาค่าบริการเริ่มต้นที่ 200 บาท เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ระดับกลาง-บน”
ปวริศ กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์การเติบโตปีนี้ 5-10 สาขาในกรุงเทพฯ ในพื้นที่เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า และตั้งเป้าขยายสาขาออกสู่ต่างจังหวัดไม่เกินปลายปีหน้า โดยมองทำเลหลักคือหัวเมืองใหญ่ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อแฟรนไชส์สนใจลงทุนแบบสแตนด์อะโลนก็สามารถทำได้ โดยจะมีทีมงานเข้าไปช่วยวิเคราะห์ทำเลและโอกาสความเป็นไปได้ในธุรกิจให้ด้วย


<figure><img class="size-full wp-image-10465" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/maru04.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> โมเดลจำลองของสาขาในประเทศญี่ปุ่น</figcaption></figure>
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทยังลงทุนสร้างร้านต้นแบบในพื้นที่ห้วยขวาง และในอนาคตเตรียมสร้างเพิ่มในเอกมัยและปุณณวิถี เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้ามาดูโอกาสและความเป็นไปได้ โดยขณะนี้มีผู้สนใจลงทุนแล้วประมาณ 10 ราย
“ตลาดเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญในสเกลนี้เริ่มมีในไทยตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีผู้เล่นประมาณ 5-7 ราย ให้บริการแล้วราว 300 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,000 สาขาภายใน 3-5 ปี จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีและภาวะที่เริ่มมีการแข่งขัน จึงมองว่าหากเราไม่เข้าสู่ตลาดในตอนนี้ก็อาจไม่ทันได้”
ปวริศ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ค่าบริการของ Maru Laundry อาจดูสูงหากเทียบกับเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญฝาบนในหอพัก แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่าการส่งผ้าซักในร้านซักรีด ที่ซักอบรีดชิ้นเดียวอาจอยู่ที่ 40-50 บาท ราคาของ Maru Laudry จึงเหมือนอยู่ในช่วงช่องว่างระหว่างบริการซักผ้า 2 รูปแบบดังกล่าว โดยยังมอบความสะอาดได้มากกว่าเครื่องฝาบนทั่วไป พร้อมอบผ้าได้ในเครื่องเดียว  จึงมั่นใจว่าลูกค้าที่ใช้บริการจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างแน่นอน
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%95%e0%b8%b3%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%a7-%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%99.html">“ตำมั่ว” ผนึก “วี คอร์น” ส่งแฟรนไชส์ข้าวโพดปิ้ง “Crazy Corn” บุกปั๊ม ปตท.</a></li>
</ul>
&nbsp;
บรูซ วู กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันยงอัพยัง จำกัด กล่าวว่า อัพยังเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญมากว่า 40 ปีในไต้หวันภายใต้แบรนด์อัพยัง นอกจากนี้ยังให้บริการในไต้หวันภายใต้แบรนด์ Sesa มาแล้ว 7 ปี มีสาขาในไต้หวันกว่า 100 สาขา และยังให้บริการในญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์คุรินคุรินอีก 5 สาขาด้วย
“เราทำการศึกษาตลาดในไทยมา 2 ปี และเห็นพฤติกรรมของคนไทยที่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือเพื่อความสะดวกสบาย เราจึงเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ โดยเรามีหน้าที่ให้คำแนะนำและวิเคราะห์โอกาสแก่ผู้ลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด”


<figure><img class="size-full wp-image-10464" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/maru03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> บรูซ วู</figcaption></figure>
สำหรับการลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 3 ล้านบาท เป็นค่าเครื่อง 2.5 ล้านบาท และค่าติดตั้ง 5 แสนบาท พื้นที่ขั้นต่ำ 50 ตารางเมตร สามารถให้บริการได้ 6 เครื่อง ขณะที่ขนาดพื้นที่สูงสุดอยู่ที่ 300 ตารางเมตร ให้บริการได้ 20 เครื่อง โดยเครื่องซักผ้าเป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นแบรนด์ Aqua อายุการใช้งาน 15 ปี
โดยตัวเครื่องยังมีความพิเศษคือ ไม่สามารถเปิดฝาเครื่องได้ขณะที่เครื่องทำงาน, สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานได้ผ่านแอพพลิเคชั่น และยังสามารถเช็กสถานะเครื่องว่าง หรือเวลาที่เครื่องจะว่างได้อีกด้วย
“เครื่องขนาด 17 กิโลกรัม เป็นเครื่องที่เหมาะสมสำหรับปริมาณเสื้อผ้าของคน 2 คนใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังสามารถซักผ้านวมได้ มาพร้อมระบบชำระเงินให้เลือก 3 แบบ คือ หยอดเหรียญ บัตรเติมเงิน และระบบ QR code โดยระบบบัตรเติมเงินนั้น ผู้ลงทุนต้องซื้อเครื่องเติมเงินจากบริษัทในราคาเครื่องละ 50,000 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังพัฒนาเครื่องดังกล่าวอยู่ และในอนาคตอันใกล้จะมีระบบเพย์เมนต์ชื่อ มารุ เพย์ ที่ลูกค้าสามารถจ่ายเงินผ่าน QR code ได้เหมือนกับไลน์เพย์ด้วย”


<figure><img class="size-full wp-image-10462" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/maru01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ "Maru Laundry"</figcaption></figure>
บรูซ กล่าวว่า นอกจากผู้สนใจทั่วไปแล้ว ธุรกิจนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีงานประจำอยู่แล้ว แต่อยากลงทุนในธุรกิจที่ 2 เพราะใช้เวลาในการบริหารจัดการเพียงวันละ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะสอนวิธีการดูแลรักษาเครื่องให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ พร้อมมีทีมงานคอยดูแลหากมีปัญหา โดยหากได้รับการตอบรับดี คาดว่าใช้เวลาคืนทุนภายใน 2-3 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนสำหรับเก็บค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (Franchise Fee) แต่ในปีหน้าบริษัทจะพิจารณาอีกครั้ง
“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมกับ กันยง ในการดำเนินธุรกิจนี้ เนื่องจากกันยงเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในไทย และมั่นใจว่าการร่วมธุรกิจกันครั้งนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตของทั้ง 2 บริษัท ขณะเดียวกัน ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีของอัพยัง จึงมั่นใจว่าจะมอบบริการที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้ผู้สนใจลงทุนได้”

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a3-dyson.html">ทายาทอาณาจักร Dyson ต่อยอดสินค้าเทคโนโลยี ปั้นวิศวกรเลือดใหม่</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

รายงานโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events