<h2>‘กลิ่น’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่อธิบายให้จับต้องได้ยาก แต่ขณะเดียวกันสามารถสร้างความรู้สึกที่น่าสนใจ สามารถพาคุณย้อนนึกถึงเหตุการณ์หรือสถานที่ต่างๆ ไปจนถึงกลิ่นหอมเหล่านี้อาจหลงเหลือไว้ในความทรงจำของใครบางคน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand อยากชวนทุกคนมาสร้างกลิ่นแห่งความทรงจำ และค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากการทำลองทำน้ำหอมในแบบฉบับของคุณผ่านสตูดิโอน้ำหอม Oola Lab ที่ theCOMMONS Saladaeng ใจกลางเมืองอย่างสีลมที่เดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและ BTS​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/krKfwnjJGyeS15aSEekv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="krKfwnjJGyeS15aSEekv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> Oola Lab แห่งแรกในไทยหลังเปิดตัวในสิงคโปร์และดูไบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจาก Oola Lab เปิดตัวในสิงคโปร์ และดูไบ ล่าสุดได้มาเปิดตัวที่กรุงเทพ โดยเลือกย่านสีลมที่มีผู้คนหลากหลาย ทั้งคนที่ใช้ชีวิตในย่านนี้ ไปจนกลุ่มนักท่องเที่ยว 'แดน เทอร์รี่' ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของแบรนด์ Oola Lab (อูลาแล็บ) เล่าว่า “การขยายธุรกิจมายังประเทศไทยเป็นอีกก้าวที่สำคัญของอูลาแล็บ กลิ่นหอมเป็นสื่อกลางที่ทรงพลัง นอกจากจะถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถกระตุ้นอารมณ์ เชื่อมโยงผู้คน และเล่าขานเรื่องราวได้มากมาย กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันรุ่มรวย ความคิดสร้างสรรค์ พลังแห่งชีวิต และความหลงใหลในงานฝีมือ เราจึงเลือกที่นี่เป็นฉากสำหรับเรื่องราวบทใหม่ของแบรนด์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Oola Lab ที่ theCOMMONS Saladaeng จะมีทั้ง Workshop น้ำหอมแบบเฉพาะบุคคล การทำผลิตภัณฑ์น้ำหอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ น้ำหอมกลิ่นพิเศษ เทียนหอม และเครื่องหอมสำหรับบ้าน รวมทั้งกลิ่นหอมพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและพรรณไม้ท้องถิ่นของไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมเวิร์กชอปแบบส่วนตัวหรือสำหรับองค์กรได้อีกด้วย เพราะพื้นที่ในสตูดิโอเหมาะทั้งการจัดกิจกรรมให้พบปะกลุ่มย่อย ร่วมงานกับแบรนด์สินค้าต่างๆ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/SiZZGzYnev4KPHn5xxXL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SiZZGzYnev4KPHn5xxXL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div>​ ‘เรียนรู้-ทดลอง’ กลั่นตัวตนให้เป็นกลิ่นน้ำหอมที่มีหนึ่งเดียวในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากกลิ่นในธรรมชาติที่มีมากมาย Oola Lab คัดสรรและกลั่นมาไว้ในขวดใบเล็กๆ ให้นักปรุงน้ำหอมทุกท่านสามารถเลือก สัมผัส ทดลอง และผสมผสานเพื่อสร้างกลิ่นหอมที่สะท้อนถึงคาแรกเตอร์ หรือสร้างสรรค์กลิ่นที่ต้องการได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมคอยให้คำแนะนำตลอดทั้ง Workshop&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มแรก นักปรุงน้ำหอมสามารถเลือกสัมผัสกลิ่นที่ชอบ ผ่านการหยดลงบนมีกระดาษใบเล็กๆ ที่เตรียมไว้ให้ เมื่อเจอกลิ่นที่ชอบ หรืออยากลองว่าผสมผสานกันได้ลงตัวแต่ไหน ก็สามารถโบกพัดเบาๆ เหนือจมูกเพื่อทดสอบว่ากลิ่นนี้ตรงกับที่จินตนาการไว้แค่ไหน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่สำหรับบางคนส่วนที่ยากที่สุด คือ การตามหา 'กลิ่นที่ใช่' ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญน้ำหอมของ Oola Lab จะเข้ามาช่วยปรับสัดส่วน ตามหากลิ่นแฝงที่ต้องการ และทำให้คุณปรุงน้ำหอมได้อย่างตรงใจที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประสบการณ์การทำน้ำหอมอาจดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับกิจกรรมประเภทอื่น แต่การได้ตามหา ทดลองผสมผสานทั้งกลิ่นที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยเข้าด้วยกันเพื่อรับรู้กลิ่นในแบบที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน อาจสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เราอย่างไม่คาดคิดก็ได้ ภาพ:&nbsp;Oola Lab​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ttb-the-meaningful-change-for-2025-mar-2025" alt="ทีทีบี ประกาศกลยุทธ์ ปี 2568 “The MEANINGFUL Change” ปั้นดิจิทัลโซลูชัน - ตั้งเป้าช่วยลูกหนี้ทุกกลุ่มปลดหนี้ไวขึ้น"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/copay-insurance-th-feb-2025" alt="ประกันสุขภาพในไทย 'เคลมสูง' แค่ไหน จนต้องเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่ Copay ให้ร่วมจ่ายค่ารักษาฯ ในปีถัดไป"></a><a href="https://forbesthailand.com/people/strategies/25-years-divana-passion-professional-taking-the-business-to-grow" alt="25 ปี 'Divana' ยึดหลัก 'Passion + Professional' พาธุรกิจสปาและเครื่องหอมเติบโต">25 ปี 'Divana' ยึดหลัก 'Passion + Professional' พาธุรกิจสปาและเครื่องหอมเติบโต</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Oola Lab ห้องทดลองแห่งกลิ่นที่จะพาคุณไปตามหา ‘น้ำหอมในแบบฉบับของคุณ’

25 ปี 'Divana' ยึดหลัก 'Passion + Professional' พาธุรกิจสปาและเครื่องหอมเติบโต 

<h2>ดาราและนางแบบคนดังของไทยเปลี่ยนความหลงใหลใน 'ธรรมชาติ' และ 'สปาบำบัด' เป็นธุรกิจ แม้เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่ความฝันของศรีริต้า เจนเซ่น ยิ่งใหญ่ หลังออกเดินก้าวแรกได้อย่างมั่นคง ก้าวถัดไปของออกานิก้าคือการสร้างรีสอร์ตและสปารีทรีตครบวงจร</h2>
คาเฟ่สีขาวตกแต่งในสไตล์ยุโรปแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าเต็มทุกโต๊ะแม้เป็นช่วงบ่ายวันธรรมดา นักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากนั่งรอคิวอยู่ด้านนอกร้าน Organika House บนชั้น 6โครงการพิมาน 49 ย่านทองหล่อ ชื่อเสียงของคาเฟ่แห่งนี้ที่ได้รับการบอกปากต่อปากมาจากบรรยากาศเสมือนได้นั่งละเมียดชาอุ่นๆ กลางเรือนกระจกในต่างประเทศ

ถัดไปด้านล่างอีก 1 ชั้น คือ Organika Secret Spa สปาระดับลักชัวรี่ขนาด 5 ห้องที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของออกานิก้า เฮ้าส์ในการบริการ ไม่ว่าจะเป็นเทียนนวดสปา สครับขัดผิว โลชั่นบำรุงผิวกาย ฯลฯ

ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดเป็นการรังสรรค์โดยดาราและนางแบบวัย 36 ปี ศรีริต้า เจนเซ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องหอม สปาบำบัด ที่มีเอกลักษณ์ด้านส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ 95% เป็นวัตถุดิบออร์แกนิกส์ปลอดสารเคมี

“ก่อนอื่นคือเราอยากทำธุรกิจอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ธุรกิจอะไรก็ได้ที่โกยเงิน เราอยากจะทำธุรกิจจริงๆ ที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน” ศรีริต้ากล่าวถึงที่มาของแบรนด์ออกานิก้าซึ่งเธอศึกษามานาน 2 ปี ก่อนที่จะเริ่มลงมือก่อตั้งเมื่อปี 2557

&nbsp;
<h2>ธรรมชาติและเรือนกระจก</h2>
ศรีริต้าฉายภาพนิยามของออกานิก้า เฮ้าส์ก่อนว่า มาจากความรักธรรมชาติและมองว่ามนุษย์กับธรรมชาติเติบโตมาจากรากเดียวกันทำให้ออกานิก้าเป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างสถานที่ซึ่งเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอีกครั้งหนึ่ง

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/342f81d61d9eb89a2364b92b2128af1e.jpg" alt="" />

จากนิยามดังกล่าวเธอจึงพัฒนาแฟล็กชิปสโตร์ขึ้นที่โครงการพิมาน สุขุมวิท 49 ซึ่งมีการบริการครบวงจรคือสปา ร้านอาหาร และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาออร์แกนิกส์โดยสร้างสรรค์ทุกส่วนประกอบให้ตอบสนองประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ ได้แก่

1. การมองเห็น ผ่านการออกแบบร้านที่สวยงามในสไตล์เรือนกระจกด้วยโทนสีขาว-เขียว ซึ่งช่วยให้รู้สึกสดชื่น 2. การลิ้มรส ผ่านอาหารและเครื่องดื่มในคาเฟ่ที่คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกส์ชั้นดี 3. การฟัง ผ่านดนตรีภายในร้านอาหารที่ช่วยให้รู้สึกรื่นรมย์ 4. การสัมผัส ผ่านการนวดในสปาบำบัดที่ Secret Spa และ 5. กลิ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของออกานิก้า เฮ้าส์ เนื่องจากกลิ่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกสูง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นในสปาหรือกลิ่นของชาในคาเฟ่ สามารถช่วยให้มนุษย์รู้สึกสงบผ่อนคลายได้

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/813ee5444fa30ad7f9846809e1736bb1.jpg" alt="" width="638" height="426" /><figcaption> คาเฟ่และร้านอาหารออกแบบผ่านแนวคิดเรือนกระจกแบบยุโรปสีขาว-เขียว มีเมนูเด่น เช่น เซ็ตน้ำชาแบบ high tea ซึ่งสูตรชาเป็นการเลือกเบลนด์ส่วนผสมขึ้นใหม่โดยเฉพาะ</figcaption></figure>

นั่นทำให้ปัจจุบันออกานิก้ายังคงมีแฟล็กชิปสโตร์เฉพาะที่สุขุมวิท 49 นอกจากนั้นมีร้านสาขาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพียง 3 แห่ง คือ สยามพารากอน คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ และคิง เพาเวอร์ ศรีวารีคอมเพล็กซ์ บางนา-ตราด เนื่องจากเป้าหมายของแบรนด์ต้องการสร้างสถานที่ให้บริการเพื่อผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจมนุษย์ มากกว่าการขยายสาขาเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ได้รายได้และกำไรสูงสุดเท่านั้น

&nbsp;
<h2>จุดขายคือสไตล์ที่แตกต่าง</h2>
เอ็มดีหญิงของออกานิก้า เฮ้าส์กล่าวต่อว่าปัจจุบัน 90% ของลูกค้าทั้งส่วนผลิตภัณฑ์ สปา และคาเฟ่ เป็นชาวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป และอาหรับ ซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นที่จะเจาะตลาดนักท่องเที่ยว มุ่งมั่นให้ออกานิก้าซึ่งเป็นแบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติก่อนแล้วจึงขยายมาเจาะกลุ่มชาวไทยในอนาคต

ศรีริต้าวิเคราะห์แบรนด์ของตนเองว่าเหตุที่สามารถประสบความสำเร็จได้แม้เป็นแบรนด์รุ่นน้องที่มาทีหลังนั้น เกิดจากความกล้าที่จะแตกต่าง โดย 2 ปีก่อนที่จะเริ่มก่อตั้งบริษัทเธอได้ศึกษาคู่แข่งในตลาดและพบว่าผลิตภัณฑ์สปาเมืองไทยยี่ห้อดังที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติล้วนเลือกใช้ความเป็นไทยในการออกแบบ โดยใช้สีดำ-ทองหรือลายไทยเป็นเอกลักษณ์แบรนด์

“เราตั้งใจอาศัยจุดนี้แหละ ช่องว่างที่ไม่มีแบรนด์สปาไหนในเมืองไทยทำมาตีตลาด เราใช้สีสันที่แตกต่างออกไป เราหยิบความเป็นฝรั่งของตัวริต้าและคอนเซปท์เรือนกระจกมาใช้ ซึ่งคนอื่นไม่กล้าจับต้องเพราะเขาคิดว่าต่างชาติไม่ซื้อแน่ๆ เราใช้ความแตกต่างโดยสิ้นเชิงเลยมาเป็นกลยุทธ์”

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f5d11b8272d10e9b0f17d4a1d72bcd13.jpg" alt="" width="638" height="484" /><figcaption> ออกานิก้ามีจำหน่ายสินค้ากว่า 100 SKUs เช่น Home Diffuser สบู่ เกลืออาบน้ำ ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ฯลฯ สินค้าเด่นคือ ลิปสครับผลิตจากไม้ไผ่และน้ำตาลทรายแดงกับเทียนนวดสปาที่สามารถใช้น้ำมันเทียนนวดบำรุงผิวได้</figcaption></figure>

สำหรับก้าวที่ 2 ของออกานิก้า เฮ้าส์ ศรีริต้ากล่าวว่าเธอจะเปิดสาขาใหม่ในเดือนตุลาคม 2561 ที่ศูนย์การค้าทาคาชิมาย่า โครงการไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร โดยสาขานี้จะประกอบด้วยร้านอาหารและร้านค้าผลิตภัณฑ์

นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือระหว่างแบรนด์ต่อยอดจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้ออกานิก้ามีความร่วมมือกับ โรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต ในการใช้ผลิตภัณฑ์ Home Diffuser ของบริษัทในห้องพัก และใน โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์เทียนน้ำมันนวดในสปาของโรงแรม ส่วนปีนี้ออกานิก้าจะมีความร่วมมือกับ สวารอฟสกี้ ในแง่ของการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8c3955fcaffcc2b2822972a2d25b1524.jpg" alt="" width="638" height="426" /><figcaption> Organika Secret Spa มีสปา 4 ห้องขนาดมาตรฐาน และ 1 ห้องสปาขนาดใหญ่บริการนวดหลายรูปแบบ เช่น นวดไทย นวดอะโรม่า นวดผ่อนคลายความเครียด</figcaption></figure>

และในปี 2563 ศรีริต้าจะเปิดตัวโครงการที่ขยายใหญ่ขึ้นอีกระดับ นั่นคือรีสอร์ต สปา แอนด์ รีทรีต ซึ่งมีโปรแกรมเพื่อบำบัดรักษาสุขภาพ ผ่านการพักผ่อนในรีสอร์ต อาหาร เครื่องดื่ม สปา และกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดโครงการหรือทำเลที่จะพัฒนาได้

“เราจะทำ sanctuary ของตนเอง ที่ที่มนุษย์ไปแล้วจะผ่อนคลายได้อย่างเต็มรูปแบบ มีพลังของการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจจากภายในถึงภายนอก”

ศรีริต้ายังกล่าวด้วยว่า เธอวางเป้าการเติบโตของรายได้บริษัทในปี 2561 ไว้ที่ 20% โดยขอไม่เปิดเผยรายได้ล่าสุด ในขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานข้อมูล บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ จำกัด เมื่อปี 2560 มีรายได้ 24.38 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 25% สะท้อนความก้าวหน้าที่ดีของบริษัท

&nbsp;
<h2>ส่งแบรนด์ไกลระดับโลก</h2>
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้แบรนด์ออกานิก้า ดาราสาวยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ลงมือทำเองทุกขั้นตอน “ออกานิก้าไม่มีหุ้นส่วนค่ะ เงินทุกบาทเป็นเงินของริต้าเอง และไม่มีคนช่วยคิด ออกานิก้าคือศรีริต้า เจนเซ่น 100%”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/68fc76145137783ae08c0cb5114c23c6.jpg" alt="" />

เธอยังกล่าวด้วยว่า การวางระบบภายในควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์แบรนด์คือการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเตรียมตนเองสำหรับความฝันที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของศรีริต้า คือความต้องการที่จะเป็น global brand ขยายสาขาไปยังภูมิภาคอื่น อย่างไรก็ตาม

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีบริษัทหลายรายติดต่อเข้ามาเพื่อขอร่วมเป็นพันธมิตร แต่ศรีริต้าบอกว่าเธอไม่ได้รีบร้อนที่จะตอบรับคำเชิญ เพราะมองว่าความพร้อมของบริษัทแม่ในไทยสำคัญกว่าการเร่งขยายตัว

“เราไม่มีเงินมากพอที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในคราวเดียว ริต้าก็ต้องสร้างจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ทำให้ทุกก้าวต้องระวังตัวมาก เรามีทุนน้อย หยาดเหงื่อแรงงานของเราจึงต้องนำมาใช้ให้ครบทุกขั้นตอนการทำงาน” เอ็มดีหญิงแห่งออกานิก้า เฮ้าส์กล่าวปิดท้าย

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/21d3e743e6a2c8c823126acf96c6403b.jpg" alt="" />

https://www.youtube.com/watch?v=zP0yBahPNbU&amp;amp;t=47s

ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และออกานิก้า เฮ้าส์

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events