<h2>บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ในเครือ BDMS เช่าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ พัฒนา “เวลเนสซิตี้” มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์มูลค่า 25,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 13 ไร่บนถนนหลังสวน คาดเปิดปี 2573 พร้อมจับมือไทยแลนด์ พริวิเลจ เพิ่มสิทธิพิเศษ ดึงต่างชาติดันไทยขึ้น Top 5 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีดีเอ็มเอส เปิดเผยว่า บริษัทได้เช่าที่จากสำนักทรัพย์สินฯ เป็นระยะเวลา 30 ปีบวก 30 ปี เพื่อพัฒนาโครงการ Wellness City มูลค่า 25,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 15 ไร่บริเวณถนนหลังสวนใกล้กับโครงการ Velaa Sindhorn Village Langsuan (เวลา สินธร วิลเลจ หลังสวน)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/7B1z67bwmo9eVqtYa8z3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7B1z67bwmo9eVqtYa8z3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Wellness City ที่เรียกในขณะนี้ว่า “Hercules หรือ เฮอร์คิวลีส” เป็นโครงการมิกซ์ยูสเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยด้านสุขภาพครบวงจร มีพื้นที่ใช้สอย 21,040.72 ตารางเมตร แบ่งเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคารขนาดความสูง 46 ชั้นและชั้นใต้ดิน 5 ชั้นเพื่อใช้เป็นโรงแรมและที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม ที่จอดรถยนต์ความสูงประมาณ 208 เมตร​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/rF6NwEkbuaYyxeqH3g5Z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rF6NwEkbuaYyxeqH3g5Z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนอีกอาคาร มีขนาดความสูง 3 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น เพื่อใช้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรม มีที่จอดรถยนต์จำนวน 1,268 คัน แบ่งเป็นที่จอดรถปกติ 1,172 คัน ที่จอดรถสำหรับผู้พิการ 32 คัน และที่จอดรถอีวีจำนวน 64 คัน บริษัทเจ้าของโครงการ ได้แก่ บริษัท บีดีเอ็มเอส ซิลเวอร์ จำกัด ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 52 เดือน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2569 ภายหลังที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายฯ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากบริษัท เอ็นไวรอนเมนทัล มูฟเม้นท์ จำกัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยโครงการ “เฮอร์คิวลีส” เป็น Wellness Real Estate โครงการที่สองของบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก หลังจากมีโครงการอสังหาฯ เพื่อสุขภาพแห่งแรกที่ถนนวิทยุ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/spvzCNt16v1z5SS2CrQ3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="spvzCNt16v1z5SS2CrQ3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพลกล่าวว่า อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพเป็นเทรนด์การลงทุนในอนาคต จากข้อมูลของ Global Wellness Institute (GWI) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ศึกษาและวิจัยด้านสุขภาพเชิงป้องกันและอุตสาหกรรมเวลเนสทั่วโลก พบว่า ในปี 2023 ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าในปี 2028 จะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 9 ล้านล้านเหรียญ หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3% สูงกว่า GDP โลกซึ่งอยู่ที่ 4.8% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังพบว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมเวลเนส ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกของ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (Wellness Real Estate) เติบโต 15% ต่อปี อันดับสอง คือการดูแลสุขภาพจิต (Mental Health) เติบโต 12% ต่อปี และอันดับ 3 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) เติบโต 10.2% ต่อปีไปอีก 5 ปีข้างหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพลกล่าวว่า ก่อนเกิดการระบาดของโควิด ประเทศไทยเคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสูงถึง 15 ล้านคนต่อปี ติดอันดับ 7 ของโลก แต่ลดลงมาอยู่ที่ 13.5 ล้านคนในปี 2566 เป็นอันดับ 15 ของโลก และคาดว่าปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะกลับไปสูงกว่าก่อนเกิดโควิดอย่างแน่นอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก และมีปัจจัยหลักในการดึงดูดชาวต่างชาติคุณภาพสูงให้เข้ามาพำนักระยะยาว ได้แก่ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่งดงาม อาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ วัฒนธรรมไทยและการบริการที่มีคุณภาพ การแพทย์แผนไทยที่ผสานสมุนไพรอย่างมีประสิทธิภาพ และความก้าวหน้าด้านการแพทย์ที่เทียบเท่ามาตรฐานสากล เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จึงได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ให้บริการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ พริวิเลจ เอกสิทธิ์วีซ่าพำนักระยะยาว ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อนำเสนอบริการพร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ชาวต่างชาติระดับสูง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านศักยภาพการแพทย์ไทยสู่กลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงและมีคุณภาพส่งผลให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการพำนักระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นแท่น Top 5 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก” นายแพทย์ตนุพลกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/Z527UVDyrsRQHRJt6tot.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="Z527UVDyrsRQHRJt6tot.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน 5 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกได้แก่ อเมริกา เยอรมนี จีน ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายมนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับ บีดีเอ็มเอส เวลเนสคลินิก ครั้งนี้ เพื่อนำเสนอบริการแก่สมาชิกชาวต่างชาติกว่า 37,000 คน ซึ่งสมาชิกผู้ถือบัตร 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และรัสเซีย เป็นการนำเสนอศักยภาพของการแพทย์และบริการด้านสุขภาพไทยผ่านการให้บริการสิทธิประโยชน์ของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ความร่วมมือยังครอบคลุมการพัฒนาแพ็กเกจบริการพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชาวต่างชาติระดับสูง ซึ่งเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัท เพื่อมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพและการพำนักระยะยาวในไทยพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ ในมิติที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทมีการเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆ ทุกปีจากทุกด้านที่เกี่ยวกับเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี รถยนต์ หรือการกิน เพื่อเติมเต็มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือบัตรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 5,000-6,000 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะถือเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านศักยภาพการแพทย์ไทยสู่กลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงและมีคุณภาพ ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลกสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Destination of the World อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง” นายมนาเทศ กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/bdms-wellness-clinic-longevity-card" alt="เครือ BDMS เปิดตัว Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพใบละ 1 ล้านบาท รุกตลาด Ultra Luxury Wellness">เครือ BDMS เปิดตัว Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพใบละ 1 ล้านบาท รุกตลาด Ultra Luxury Wellness</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เครือ BDMS เช่าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ พัฒนา ‘เวลเนสซิตี้’ มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์มูลค่า 25,000 ล้านบาท

<h2>BDMS Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกัน เปิดตัวบัตร Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพมูลค่า 1 ล้านบาท มาพร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพตลอดปี ตั้งแต่ตรวจสุขภาพเชิงลึก สุขภาพจิตใจ วางแผนออกกำลังกาย ไปจนถึงการวางแผนการดำเนินชีวิตเพื่ออายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Healthspan) มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Wellness Destination of the World</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น เบาหวาน โรคอ้วน และความเครียด ทำให้ภาพรวมธุรกิจ Wellness เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เห็นได้จากข้อมูลตลาด Wellness ทั่วโลก ที่คาดว่าจะโตต่อเนื่องทุกปีราว 8.6% และจะแตะถึง 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2570 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งใน 20 อันดับจุดหมายปลายทางด้าน Wellness ของโลก สอดคล้องกับนโยบาย Wellness Hub Thailand ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;BDMS Wellness Clinic ในเครือ BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ จึงเล็งเห็นถึงโอกาส เดินหน้ารุกตลาด Ultra Luxury Wellness และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพองค์รวม เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ด้วยการเปิดตัวบัตร Longevity Card บัตรสมาชิกรายปีที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมตลอดปี พร้อมการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมผู้ชำนาญการ และสิทธิพิเศษอีกมากมายให้แก่ผู้ถือบัตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บัตร Longevity Card สิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพ จาก BDMS Wellness Clinic มอบการตรวจวิเคราะห์สุขภาพเชิงลึกที่ครอบคลุมในหลายมิติ ตั้งแต่การปรับสมดุลวิตามินและแร่ธาตุภายในร่างกาย คุณภาพการนอนหลับ การควบคุมน้ำหนักต่อสู้โรคอ้วน สุขภาพจิตใจ การวางแผนการออกกำลังกาย ไปจนถึงการวางแผนการดำเนินชีวิตเพื่ออายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Healthspan)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บัตร Longevity Card มอบการวิเคราะห์สุขภาพที่ทันสมัย เช่น การตรวจพันธุกรรม Genetic และ Epigenetics, การตรวจระดับฮอร์โมน, การตรวจระดับภูมิต้านทาน, การตรวจอายุชีวภาพของร่างกายเรา (Biological Age), การวัดระดับไขมันพอกตับ, การวัดความสะอาดของหลอดเลือด การตรวจหาเซลล์มะเร็งระยะเริ่มต้น (Early Detection Cancer) และการวิเคราะห์ระดับวิตามินและแร่ธาตุ สาร antioxidant อย่างละเอียด เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อให้สมาชิกบัตรได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลสุขภาพ เพื่อการออกแบบการใช้ชีวิต และผลิตวิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Supplement) ที่ตรงกับความต้องการของร่างกายแต่ละคน และเสริมให้การป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งกลุ่มโรค NCDs, มะเร็ง และอื่นๆ โดยการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก BDMS Wellness Clinic&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจุดเด่นคือมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต พร้อมทีมสหวิชาชีพคอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด (Health and wellness coaches; HWCs) นอกจากนี้ยังมีทีมนักโภชนาการวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะกับผลตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Diet) และมีทีมดูแลเรื่องการออกกำลังกายให้เหมาะกับช่วงวัย และเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ระบบเส้นเอ็น และข้อต่อด้วยเครื่องมือทันสมัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นดูแลสุขภาพเชิงป้องกันของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง Longevity Card เปรียบเสมือนการลงทุนในสุขภาพดีอย่างยั่งยืนตลอดปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภายใน 1 ปี ทีมแพทย์และทีมสหวิชาชีพจะดูแลสุขภาพท่านอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมของช่วงวัยและวิถีการใช้ชีวิตตลอดทั้งปี ตั้งแต่ การตรวจสุขภาพในระดับ DNA การตรวจระดับสารอาหารและวิตามิน การตรวจ Epigenetics การวางแผนการออกกำลังกาย และบริการด้านสุขภาพอื่นๆ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/jMmKH29RC2BNjV8fejSs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jMmKH29RC2BNjV8fejSs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บัตร Longevity Card สิทธิประโชน์พิเศษด้านสุขภาพ จำหน่ายในราคาใบละ 1 ล้านบาท รับสิทธิพิเศษรวมมูลค่าทั้งสิ้น กว่า 1.5 ล้านบาท ประกอบด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.โปรแกรมตรวจสุขภาพ ที่ให้การดูแลด้านสุขภาพในหลายมิติ การบริการอย่างพิถีพิถัน และการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จาก บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Predict Prevent Personalize อาทิ โปรแกรม Regenerative Signature บริการตรวจสุขภาพในระดับเซลล์กว่า 80 รายการ เช่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผลโลหิตวิทยา ระดับน้ำตาล ตรวจค่าการทำงานของตับ และการตรวจการทำงานของไต &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ระดับการทำงานของหัวใจ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สารบ่งชี้ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็ง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจตับและช่องท้อง ด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า หรือการ MRI ช่องท้องความละเอียดสูงแบบไม่ฉีดสี (MRI Whole &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Abdomen Non-contrast) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร ระดับวิตามิน และแร่ธาตุในร่างกาย 18 ชนิด (Micronutrients) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก มวลไขมัน และ มวลกล้ามเนื้อ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจระดับสุขภาพขณะเล่นกีฬา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจสารโลหะหนัก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจวัดระดับเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย (NK Cell Activity) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ตรวจเทโลเมียร์ (Biological Age) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจสุขภาพเชิงลึกอื่นๆ เพื่อให้คุณเข้าใจร่างกายตัวเองได้ดีกว่าเคย อาทิ Epigenetics, Ultrasound Carotid Artery + Ultrasound Thyroid และ Digital Mammogram &amp; Breast Ultrasound​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/BiZYoE1wGHCY5ztD4ueL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BiZYoE1wGHCY5ztD4ueL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.บัตรชีววัฒนะ ระดับ Perfect Diamond อายุการเป็นสมาชิก 3 ปี บัตรสมาชิกในเครือ BDMS ทั้งหมด 35 แห่งทั่วประเทศ ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลในเครือฯ และยังได้รับบัตรชีววัฒนะเพิ่มอีก 3 ใบ มอบการดูแลสุขภาพอันแสนพิเศษให้กับสมาชิกในครอบครัวและคนสำคัญของคุณ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Prime Platinum - อายุการเป็นสมาชิก 2 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Value Gold - อายุการเป็นสมาชิก 1 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Junior - อายุการเป็นสมาชิก 3 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรชั้นนำต่างๆ อีกมากมาย เพื่อมอบการดูแลในหลากหลายด้านให้กับสมาชิกคนพิเศษ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผู้ให้บริการส่วนตัวดูแลสุขภาพ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์และทีมแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินหรือแพทย์เฉพาะทาง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดค่าห้องพัก อาหาร และบริการต่างๆ ณ เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพ และ อนันตรา รีเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ห้องพักฟรี 1 คืน และส่วนลดพิเศษอื่น ๆ ณ โรงแรม เซเลส สมุย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บริการห้องรับรองพิเศษ สำหรับผู้ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลในเครือ BDMS &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน และบริการห้องรับรองชั้นธุรกิจ Blue Ribbon Club Lounge สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่ม ณ ภัตตาคารอาหารจีน เชฟแมน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับผู้ถือบัตร Longevity Card บริการนี้จึงเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Wellness Destination of the World หรือ Wellness Hub Thailand Project โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลก เพื่อมารับบริการด้านสุขภาพจากทีมแพทย์ในเครือ BDMS ซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล” นายแพทย์ตนุพล กล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/vimut-hospital-maxillofacial-contouring-center-sep-2024" alt="รพ. วิมุตเปิด 'ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า' เจาะฐานคนรุ่นใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนกลุ่มต่างชาติ 35-40%">รพ. วิมุตเปิด 'ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า' เจาะฐานคนรุ่นใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนกลุ่มต่างชาติ 35-40%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เครือ BDMS เปิดตัว Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพใบละ 1 ล้านบาท รุกตลาด Ultra Luxury Wellness

<h2 class="p1">แม้ว่าเทคโนโลยีจะสามารถเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพและความสมดุลของชีวิตได้ แต่อันที่จริงแล้วเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเทคโนโลยี "ความเป็นจริงเสมือน" หรือ virtual reality (VR) นั้นถูกนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมสปาและเวลเนส เพิ่มมิติพิเศษให้กับการมีสุขภาพดี</h2>
Esqapes Immersive Relaxation บริการนำเทคโนโลยี ความเป็นจริงเสมือน มาใช้สร้างประสบการณ์การผ่อนคลายรูปแบบใหม่ให้ลูกค้า โดยจำลองรูปแบบของเดย์ สปา (day spa) หรือสปาที่ไม่มีการพักค้างคืนและใช้เวลาสั้นๆ แต่ที่แตกต่างไปคือ นี่เป็นสปาที่ไม่มีเตียงนวด และจะพาคุณเดินทางไปยังโลกอีกใบโดยไม่ต้องออกจาก Los Angeles
บริการดังกล่าวเป็นของ Michael Jackson อดีตโปรดิวเซอร์เกมจากค่าย Disney ผู้ผันตัวมาสร้างโปรแกรมและสิ่งแวดล้อมของสปา เพื่อให้ผู้คนได้ผ่อนคลายจากการทำงานในแต่ละวันด้วยการใส่เฮดเซต VR เท่านั้น
"ผมคิดว่าหลายครั้งที่ชีวิตต้องจมอยู่กับงานและความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน ไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งเพื่อให้ตนเองผ่อนคลาย บางครั้งก็ต้องเฝ้ารอวันหยุด แต่บริการนี้เหมือนเป็นช่องทางหลีกหนีความจริงสู่บางสิ่งที่ช่วยให้คุณใจสงบลงและเหมือนได้พักสักครู่" Jackson กล่าว
ด้วยเทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ใช้หลีกหนีโลกความจริงไปสู่ธรรมชาติของเกาะเมืองร้อน รู้สึกถึงความร้อนของดวงอาทิตย์ ในขณะที่ทุกส่วนของร่างกายผ่อนคลายด้วยเก้าอี้นวดระดับไฮเอนด์ โดยมีประสบการณ์ให้เลือกทั้งหมด 10 แบบ ซึ่งรวมถึง “สวนสรวงสวรรค์” และ “กระท่อมหิมะ” ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกราวกับอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนแบบสั้นๆ สำหรับราคาการใช้บริการ 30 นาที อยู่ที่ 45 เหรียญสหรัฐ โดยสามารถจองวันเวลาการเข้าใช้งานได้ที่เว็บไซต์


<figure><img class="wp-image-14312 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/vr.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> เก้าอี้นวดไฟฟ้าสำหรับการบริการ VR Spa ของ Esqapes</figcaption></figure>
การสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยี VR ไม่เพียงแต่อยู่ในบริการใหม่ที่เพิ่งผุดขึ้นมาอย่าง Esqapes เท่านั้น แต่เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนนี้ยังถูกนำมาใช้ผสมผสานกับธุรกิจสปาแบบดั้งเดิมด้วย
โดย Relax VR ได้นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า เช่น การผสมผสาน VR เข้ากับการทำทรีทเมนต์ โดยให้ลูกค้าผ่อนคลายด้วย VR ก่อนเข้าสู่การนวด หรือจะสปาด้วย VR อย่างเดียว หรือใช้เทคโนโลยีนี้ในการทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่หรือเป็นของขวัญให้ลูกค้าเก่า

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%aa%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a5.html">ยกระดับ “สปาไทย” สู่สากล ผลักดันผู้ประกอบการจับเอกลักษณ์พื้นถิ่นเป็นจุดขาย</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2>จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมสปาและเวลเนส</h2>
เพราะเทรนด์ “wellness everywhere” ทำให้ทุกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน, ออฟฟิศ หรือโรงพยาบาล ต่างมีบริการคล้ายสปาให้บริการ ส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น ดังนั้น การเพิ่มเทคโนโลยี VR เข้าไปในลิสต์ของบริการสามารถสร้างความแตกต่างและได้เปรียบทางการแข่งขันได้
นอกจากนี้ สปาหลายแห่งยังกำลังมองหาวิธีการลดต้นทุน โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงานนวดที่กินเงินส่วนใหญ่ของรายได้ร้านสปา ดังนั้นหากเทคโนโลยี VR สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมร้านสปาแบบดั้งเดิมถึงกำลังตัดสินใจหรือนำเทคโนโลยีนี้มาใช้แล้ว
มากไปกว่านั้น คนกลุ่มมิลเลนเนียลซึ่งเป็นกลุ่มที่ไปสปาบ่อยที่สุด ยังเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อคนกลุ่มนี้มาก และถือเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิตเลยก็ว่าได้ ชาวมิลเลนเนียลยังมีนิสัยและความชอบที่เป็นเอกลักษณ์จากคนรุ่นก่อน โดยมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะซื้อเฮดเซต VR มากกว่าคนเจเนอเรชั่นก่อนถึงสองเท่า
ขณะที่งานวิจัยแสดงถึงอัตราที่เพิ่มขึ้นของปัญหาของวัยรุ่นอเมริกันอย่างภาวะซึมเศร้า, การวิตกกังวล และความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งบรรยากาศทางการเมืองและสังคม ความกังวลด้านการเงิน และโซเชียลมีเดีย ทำให้มีการแสวงหากิจกรรมเพื่อสุขภาพจิตอย่างโยคะและฝึกสมาธิ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการมีสุขภาพดีด้วย
ถึงแม้ไม่มีใครบอกสามารถบอกได้อย่างแท้จริงว่าร้านสปาในอนาคตจะหน้าตาเป็นแบบไหน แต่เมื่อพิจารณาจากเทรนด์ที่เห็นกันอยู่แล้ว และความชื่นชอบเทคโนโลยีของกลุ่มมิลเลนเนียล ก็ดูเหมือนว่าการนำ VR เข้ามาใช้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในอนาคต VR ยังเป็นเครื่องมืออันทรงพลัง โดยมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถลดระดับความกังวลและอารมณ์เชิงลบ รวมทั้งยังส่งเสริมอารมณ์เชิงบวกอีกด้วย
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/solrogers/2019/08/12/virtual-reality-a-turning-point-for-the-spa-and-wellness-industries/#655e291756ea">Virtual Reality - A Turning Point For The Spa And Wellness Industries</a></li>
 	<li><a href="https://www.usatoday.com/story/tech/talkingtech/2019/08/05/spa-with-vr-massage-to-escape-real-world-stress/1821774001/">VR massage: Strapping on goggles lets you escape and relax on your own private island</a></li>
</ul>
&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เทคโนโลยี "ความเป็นจริงเสมือน" จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมสปาและเวลเนส

<h2 dir="auto">สลิงชอท เปิดโปรแกรมใหม่ Leadership Wellness โค้ชชิ่งเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่ "สุขภาพกายและจิตผู้นำองค์กร" ที่ดีขึ้น เป็นต้นแบบให้พนักงาน ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงาน วางเป้าหมายรับสมัคร 60 คนภายในปีนี้</h2>
<div dir="auto">
ดร.สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า สลิงชอทมีการจัดโปรแกรมใหม่สำหรับผู้บริหาร คือ Leadership Wellness โดยเป็นโปรแกรมที่มุ่งเน้นด้านเวลเนส ไม่ใช่เฉพาะด้านความงามหรือชะลอวัย แต่เป็นเวลเนสทั้งด้านร่างกายและจิตใจสำหรับผู้นำองค์กรซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน นำไปสู่ผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัท
สลิงชอทอ้างอิงผลวิจัยจากการสำรวจผู้นำองค์กร พบว่า 88% ของผู้นำมองว่าความเครียดเกิดจากการทำงานในบทบาทผู้นำ และ 66% เชื่อว่าตนเองเครียดมากกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนภาพของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทำให้ผู้นำสะสมความเครียดมากกว่าเดิม ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมเวลเนสจึงเป็นเทรนด์ที่สำคัญของยุคใหม่


<figure><img class="size-full wp-image-12110" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/BID_9806-e1563881306603.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> ดร.สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด</figcaption></figure>
ด้าน มัณฑนา รักษาชัด กรรมการผู้จัดการ กลุ่มกิจการธุรกิจหลัก บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า แม้หลายบริษัทจะให้ความสำคัญกับเวลเนสของคนทำงาน โดยมีการให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องแก่พนักงาน เช่น สมาชิกสถานออกกำลังกาย คอร์สโยคะในออฟฟิศ แต่ผลวิจัยพบว่า สุดท้ายแล้วมีพนักงานเพียง 24% ที่เข้าร่วมคอร์สเหล่านั้น
"แม้ว่าจะมีอุปกรณ์อะไรต่างๆ ให้ แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมต้องมีกระบวนการ และผู้นำต้องแสดงให้เห็นก่อนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจกับพนักงาน" มัณฑนากล่าว “เราอยากให้เขามีพลังในการทำงาน”

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/hr/%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%b3-%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3.html">เปิดบุคลิกผู้นำ 4 แบบแห่ง “ยุคอุตสาหกรรม 4.0” …คุณคือผู้นำธุรกิจแบบไหน?</a></li>
</ul>
สำหรับโปรแกรมของสลิงชอท จะเป็นโปรแกรมระยะยาว 12 เดือน โดยร่วมมือกับ Aro Ha Wellness Retreats ศูนย์ปรับวิธีคิดและวิธีการใช้ชีวิตแบบเวลเนส จัดคอร์สโค้ชชิ่งให้เป็นรายบุคคลที่เข้าร่วมโปรแกรมเพื่อปรับวิธีคิดใหม่ให้มีวิถีชีวิตเวลเนสทั้งกายใจ พร้อมทริปเดินทางไปปรับวิถีชีวิตที่นิวซีแลนด์ 6 วัน 5 คืน คอร์สละ 4 แสนบาท


<figure><img class="size-full wp-image-12111" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/thumb_BID_0047_1024-e1563881346328.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> มัณฑนา รักษาชัด กรรมการผู้จัดการ กลุ่มกิจการธุรกิจหลัก บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด</figcaption></figure>
มัณฑนาแจกแจงว่า ความแตกต่างในโปรแกรมของสลิงชอทคือ เป็นการปรับด้วยวิธีคิดอย่างยั่งยืนไม่ใช่กระบวนการใช้ยาหรืออาหารเสริม ซึ่งยอมรับว่าในช่วงแรกอาจจะยากในการสื่อสารให้เข้าใจถึงความแตกต่าง แต่เชื่อว่าผู้บริหารจะให้ความสนใจในที่สุด
“สิ่งที่ยากคือ ผู้นำมักจะคิดว่าตัวเองไปฟิตเนสอยู่แล้ว กินอาหารดีๆ อยู่แล้ว หรือไปเข้าโปรแกรมลดความอ้วนต่างๆ อยู่ แต่เขาอาจพบว่ามันไม่ได้ผล หรือพอจบโปรแกรมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราอยากให้ทราบว่าโปรแกรมนี้ต่างที่เป็นการเปลี่ยน mindset ทั้งหมด” มัณฑนากล่าว

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%a7-movenpick-bdms.html">เปิดแล้ว MÖVENPICK BDMS WELLNESS RESORT BANGKOK หมุดหมายใหม่การพักผ่อนคู่สุขภาพ</a></li>
</ul>
ดร.สุทธิโสพรรณกล่าวว่า สลิงชอทตั้งเป้าที่กลุ่มผู้บริหารเป็นหลัก วางเป้าหมายรับสมัครผู้เข้าร่วมโปรแกรม 60 คน ภายในปีนี้ โดยกลุ่มแรก 20 คนมีผู้สมัครครบเรียบร้อยแล้วและกำลังเริ่มดำเนินโปรแกรม เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี ดูจากยอดผู้ลงทะเบียนเพื่อฟังงานสัมมนาแนะนำเรื่องเวลเนสในการทำงาน 300 คน รวมถึงประสบการณ์ 15 ปีของบริษัททำให้มีฐานลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมองว่าเรื่องเวลเนสในที่ทำงานเป็นช่องว่างทางธุรกิจ โดยดูจากตลาดสุขภาพในระดับโลก ส่วนใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็นกลุ่มธุรกิจความงามและชะลอวัย 25% รองมาคือธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและลดน้ำหนัก 16% ตามด้วยธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 15% แต่ด้านสุขภาพของผู้นำและในที่ทำงานมีเพียง 1% เท่านั้น จึงน่าจะเป็นโอกาส และคาดว่าโปรแกรม Leadership Wellness จะผลักดันรายได้ของสลิงชอทในปีนี้เพิ่มขึ้น 30%

</div>
&nbsp;

<article id="post-11955" class="post-11955 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-it category-news tag-4866 tag-4861 tag-87 tag-4864 tag-4865 tag-4863 tag-4862">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

สลิงชอท จับกระแสเวลเนส จัดคอร์สดูแล "สุขภาพกายและจิตผู้นำองค์กร"

<h2>บริการและผลิตภัณฑ์ สปาไทย เป็นที่ยอมรับในระดับโลก แต่จะทำอย่างไรให้เมืองในประเทศไทยเป็น “Wellness Destination” อย่างแท้จริง พร้อมต่อยอดไปสู่การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ กลายเป็นโจทย์ที่ สสว. ร่วมกับ ซีอีเอ ร่วมกันหาคำตอบเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสปาไทยโดยเฉพาะรายเล็กและรายกลางสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน</h2>
ข้อมูลจากงานเสวนา “ผ่ากลยุทธ์...สู่อนาคต ธุรกิจส่งเสริมบริการสุขภาพ” อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ซีอีเอ) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจสปาและเวลเนสก่อนว่า มูลค่าธุรกิจนี้ทั่วโลกเมื่อปี 2561 อยู่ที่กว่า 27 ล้านล้านบาท เฉพาะในไทยมีมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้น 7-8% เป็น 3.7 หมื่นล้านบาทในปีนี้ และยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีแรงงานอยู่ราว 6 หมื่นคน หรือถ้านับรวมแรงงานในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ที่เกี่ยวเนื่องจะมีกว่า 4 แสนคน

ดังนั้นซีอีเอจึงเล็งเห็นว่าธุรกิจสปานั้นมีมูลค่าสูง และผู้ประกอบการไทยมีพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง เพียงแต่ยังสามารถยกระดับทั้งคุณภาพและบริการขึ้นไปได้อีก ด้วยการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพของคนไทยมาผสมผสานในสปา เช่น สมุนไพรท้องถิ่น การบริการที่เป็นเอกลักษณ์

<figure><img class="wp-image-6425 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/-ไล่สัตรูไกล-กล่าวบนเวที-e1554197012164.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ซีอีเอ)</figcaption></figure>

“ผมคิดว่า เราสามารถยกระดับให้คำว่า สปาไทย เป็นคำที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับคำว่า อาหารไทย ได้ คือคนรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ดีเยี่ยม” อภิสิทธิ์กล่าว และจากแนวคิดนี้ทำให้ซีอีเอร่วมงานกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อจัดโปรแกรมส่งเสริมผู้ประกอบการสปา

&nbsp;
<h2>ล้างภาพธุรกิจสีเทา-สร้างแบรนด์ให้ชัด</h2>
สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า ธุรกิจสปาไทยมีการเติบโตต่อเนื่องแต่ภาพลักษณ์ธุรกิจสีเทาในบางสถานประกอบการยังเป็นอุปสรรคต่อการสร้างจุดขาย จึงต้องการยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจนี้ โดย สสว. เป็นผู้เชื่อมโยงความรู้ให้กับ SMEs อยู่แล้ว และปีที่ผ่านมา สสว. ได้ดำเนินการจัดอบรมและปลุกปั้นผลิตภัณฑ์ในลักษณะ area based คือเจาะลึกผลิตภัณฑ์และโมเดลธุรกิจเฉพาะพื้นถิ่นนั้นๆ มากขึ้น ซึ่งจะนำมาปรับใช้กับสปาด้วย และเชื่อว่าสปาไทยมีแนวโน้มเป็น ‘product champion’ ของไทยสู่ตลาดโลกได้

<figure><img class="wp-image-6426 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/-โลหะวัฒนกุล-กล่าวบนเวที-e1554197260246.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สสว.</figcaption></figure>

ด้าน ดร.ธนันธน์ อภิวันทนาพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศและการตลาด สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า อย่างไรก็ดี สปาไทยยังมีจุดอ่อนในฐานะตัวเลือกที่คนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ และการพัฒนาให้ทั้งเมืองเป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน พร้อมต่อยอดไปสู่สินค้าเกี่ยวเนื่องอื่น โดยยกตัวอย่าง Bali อินโดนีเซีย ที่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนึกถึงเมื่อกล่าวถึงเวลเนส และ Bali ยังพัฒนาต่อจนสามารถขายสินค้าอื่นๆ ได้ด้วย เช่น เฟอร์นิเจอร์ เหล่านี้ทำให้สปาไทยไม่เพียงแต่ต้องยกระดับคุณภาพและการบริการ แต่ต้องพัฒนา แบรนดิ้ง ให้ชัดเจน
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-lets-rel.html">Let's Relax Spa นวดผ่อนคลายแบบ วิบูลย์ อุตสาหจิต</a></li>
</ul>
“ธุรกิจเวลเนสไทยโตปีละ 7% ทั้งที่จริงมันน่าจะโตได้มากกว่านี้ เราจึงไปดูแบบเจาะลึกจึงพบว่า กลุ่มระดับบนหรือไฮเอนด์เขาเติบโตดีมาก แต่กลุ่มกลางถึงล่างยังมีปัญหา” ดร.ธนันธน์กล่าว ดังนั้นภาครัฐจึงเลือกผลักดันเมืองแฟล็กชิปเหล่านี้ให้เป็นเมืองสปาภายใต้คอนเซปท์ Magic Wellness ได้แก่ เกาะสมุย ภูเก็ต เมืองพัทยา ขอนแก่น และพื้นที่ล้านนาโดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง

&nbsp;
<h2>หยิบวัตถุดิบพื้นถิ่นเป็นเอกลักษณ์</h2>
สำหรับการสร้างอัตลักษณ์นั้น สปาไทยเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาสร้างคุณค่า ทำให้กลายเป็นซัพพลายเชนหมุนเวียนกันในพื้นที่ โดยมีตัวแทนจากท้องถิ่นร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ วัลวลี ตันติกาญจน์ ประธานสมาพันธ์สปาไทยและนายกสมาคมสปาสมุย รัตนดา ชูบาล นายกสมาคมสปาเพื่อสุขภาพภูเก็ต และ วัชรพงศ์ กลิ่นประณีต นายกสมาคมไทยล้านนาสปา

ในภูเก็ตนั้น สมาคมฯ มีการผลิตผลิตภัณฑ์สปาจากสับปะรด ไข่มุก และหอยเป๋าฮื้อ ซึ่งล้วนแต่ผลิตได้ในภูเก็ต และทำให้เป็นแบรนด์เดียวกัน ให้ร้านสปา SMEs ในภูเก็ตที่เป็นสมาชิกสมาคมสามารถสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าหรือผลิตสินค้าเองซึ่งจะทำให้เกิดต้นทุนเพิ่ม

“เราต้องการให้เกิดการขายต่อเนื่อง ให้ร้านสปาเหล่านี้ขายสินค้าให้ลูกค้านำกลับไปใช้ได้ และเมื่อลูกค้าเห็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็รู้จักและต้องการซื้อสินค้าเด่นของภูเก็ตทั้งสับปะรด ไข่มุก และหอยเป๋าฮื้อ” รัตนดากล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-6427" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/-e1554197519768.jpg" alt="" width="800" height="501" />

ส่วนในเกาะสมุยนั้นมีการผลิตทรีทเมนท์ขัดผิวจากขมิ้นชันและมะพร้าวซึ่งเป็นของดีเกาะสมุย และ จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงในพื้นที่ล้านนาจะมีวัตถุดิบเด่นคือ ลำไย ที่สกัดสารจากเม็ดลำไยมาใช้เป็นทรีทเมนท์ ไปจนถึงสมุนไพรอย่างว่านนางคำก็มีการใช้ทำผลิตภัณฑ์ หรืออย่างใน จ.แม่ฮ่องสอน จะมีแหล่งโคลนที่ภูโคลนเป็นเอกลักษณ์

&nbsp;
<h2>แนะผู้ประกอบการปรับตัวตามเทรนด์โลก</h2>
นอกจากการสร้างอัตลักษณ์ของตนเองแล้ว กรด โรจนสเถียร นายกสมาคมสปาไทย ยังแนะนำว่าผู้ประกอบการสปา เวลเนส และธุรกิจในซัพพลายเชน ควรติดตามกระแสความนิยมของโลกอย่างต่อเนื่อง
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/fabulous-40s-and-50s/%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-thann.html">ฐิติพัฒน์ ศุภภัทรานนท์ กรุ่นกลิ่น THANN แบรนด์สปาจากธรรมชาติ</a></li>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/shining-star/%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2.html">ศรีริต้า เจนเซ่น บนเส้นทางตามฝันปรัชญา 'กลิ่นบำบัด'</a></li>
</ul>
โดยปีที่ผ่านมา กรดกล่าวว่าเทรนด์ที่มาแรง 4 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ Real Estate Wellness หรือที่พักอาศัยที่มีบริการเวลเนสผสมผสาน, ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ, การแพทย์ทางเลือก ตั้งแต่การตรวจเช็กสภาพร่างกาย วัดค่าอย่างละเอียด เพื่อควบคุมสุขภาพแบบรายบุคคล จนถึงการรักษาแบบทางเลือก เช่น ฝังเข็ม และสุดท้ายคือ อาหารที่เกี่ยวกับสุขภาพ มีกลุ่มอาหารที่มาแรงมากคือกลุ่มปราศจากกลูเตนและอาหารวีแกน

“สิ่งเหล่านี้ท่านนำมาปรับใช้กับธุรกิจของท่านได้ หรือลองมองดูได้ว่าท่านจะไปเป็นซัพพลายเชนในธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างไร” กรดกล่าวปิดท้าย

&nbsp;

ยกระดับ "สปาไทย" สู่สากล ผลักดันผู้ประกอบการจับเอกลักษณ์พื้นถิ่นเป็นจุดขาย

อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท จับมือกับ โรงพยาบาล กรุงเทพภูเก็ต และบางกอกแอร์เวย์ส ชูโปรแกรมท่องเที่ยวสุขภาพครบวงจรครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตั้งเป้า Top 5 Wellness Destination ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงนามความร่วมมือกับโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พัฒนาโปรแกรมการบริการด้านเวลเนสและสุขภาพแบบองค์รวมอย่างครบวงจร (Integrative Wellness Program) โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโปรแกรมการดูแลและส่งเสริมสุขภาพดี ครอบคลุมทั้งแผนการบริการด้านสุขภาพแบบบูรณาการ

“อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ ด้วยการร่วมกันพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Integrative Wellness Program) มุ่งเน้นด้านการดูแลสุขภาพสมอง การดูแลส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมทั้งกายใจจิต และการชะลอวัยอย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่การดูแลตรวจสุขภาพสมองภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล การให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ แผนโภชนาการหลังการรักษา การพักผ่อนพร้อมทำทรีตเม้นต์และให้ความรู้ไลฟ์สไตล์เพื่อป้องกันโรคและเสริมสร้างให้มีสุขภาพดีปราศจากโรคภัยต่างๆ” ผศ.ดร. ปรารถนา ปุณณกิติเกษม กรรมการผู้จัดการ อมาธาราอะ เดสทิเนชั่น สปา จำกัด กล่าว

การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคที่มีการลงนามระหว่างเวลเนสรีสอร์ทกับโรงพยาบาลและสายการบินชั้นนำ เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวด้านสุขภาพชั้นนำแห่งเอเชีย โดยมีเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็น Top 5 Wellness Destination ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลักดันมาตรฐานเวลเนสไทยไปสู่ระดับสากล พร้อมๆ กับการส่งเสริมกลุ่มตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้าน นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ประธานคณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพกลุ่มภาคใต้และกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และมีอีกหลายโรคที่เกี่ยวข้องซึ่งยังไม่สามารถหาวิธีรักษาได้ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ และยังเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ การออกแบบโปรแกรมตรวจวิเคราะห์โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ค้นคว้าวิธีในการชะลอความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

“ความร่วมมือของ Brain Health Institute โรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต กับ อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโปรแกรมด้านสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะสุขภาพของสมองครั้งนี้ เป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อว่าจากประสบการณ์ด้านการดูแลและบริการ บรรยากาศที่สวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ 5 ดาวของ อมาธารา และความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จะทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถสัมผัสถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนต่อไป” นายแพทย์ก้องเกียรติกล่าว

อรจิรา คนองชัยยศ ผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจพันธมิตร ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สายการบินบางกอกแอร์เวย์สร่วมกับอมาธารา เปิดโอกาสให้สมาชิกโปรแกรมฟลายเออร์โบนัสสามารถใช้คะแนนสะสมแลกเป็นห้องพักสุดหรู รวมทั้งการได้รับคะแนนสะสมจำนวน 10 แต้ม สำหรับการเข้าพักทุกๆ 1 คืนที่ อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 15 กันยายน 2559 เป็นต้นไป และเพื่อฉลองความร่วมมือในครั้งนี้ สมาชิกจะได้รับคะแนนสะสมจากเดิม 10 แต้ม เพิ่มเป็น 20 แต้ม สำหรับการเข้าพักทุกๆ 1 คืนที่ อมาธาราเวลเนสรีสอร์ท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม 2559 เท่านั้น โดยทั้งสองฝ่ายมีแผนจะจัดโปรโมชั่นพิเศษร่วมกันตลอดปีสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events