<h2>บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจในไทยตั้งเป้าปีนี้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 5% เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดรุ่นใหม่เพิ่มเติมพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2026 ล่าสุดส่งพรีเมียมอีวี NEW MG IM6 เข้าเสริมทัพ ราคาเริ่ม 1,399,900 บาท พร้อมส่งมอบในช่วงเมษายนนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็มจี ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในวงการยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูงที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนในหลากหลายเซกเมนต์ ด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและราคาที่เข้าถึงง่าย โดยมียอดขายสะสม ณ ปัจจุบันรวมกว่า 220,000 คัน ทั้งยังมียอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในไทยไปยังภูมิภาคอาเซียนแล้วมากกว่า 32,000 คัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในทศวรรษที่ 2 เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และรถไฮบริด เพิ่มเติมภายในปี 2026&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มต้นด้วย NEW MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นเรือธง ที่จะเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมอีวี และ B-SUV ไฟฟ้าล้วน อย่าง NEW MG S5 EV ที่จะเปิดตัวในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการเปิดตัว NEW MG IM6 ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของแบรนด์ เอ็มจี ซึ่ง NEW MG IM6 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “ขับเคลื่อนตัวตน บนความเป็นตัวเอง” (I'M WHO I’M) โดยนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ เติมเต็มทั้งความหรูหราและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแค่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ผ่านการออกแบบที่โดดเด่นและแตกต่างอย่างมีสไตล์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/4rtVSGths3NW9heKg241.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="4rtVSGths3NW9heKg241.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยนตรกรรมรุ่นนี้ได้รับรางวัล 2024 Red Dot Product Design Award ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เรียบหรู ภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว ผสานกับการออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบาย ด้วยเบาะ POPO Sofa รูปทรงขนมปังที่มอบความนุ่มนวล ไม่ว่าเส้นทางไหนก็นั่งสบายตลอดทาง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/FzEL5VpRVyeqeVewXdqa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="FzEL5VpRVyeqeVewXdqa.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งยังเสริมความบันเทิงด้วยหน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว ที่รองรับระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS ที่ได้รับการพัฒนาโดย Alibaba Group ซึ่งระบบดังกล่าวยังได้รับรางวัล Red Dot Design Award สาขา Brand &amp; Communication Design รวมถึงระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 ตำแหน่ง ให้ลูกค้าได้เต็มอิ่มกับเครื่องเสียงรอบทิศทางขณะการเดินทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;NEW MG IM6 ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีระดับสูง ด้วยแชสซีดิจิทัลอัจฉริยะ IM Digital Chassis ที่มอบความสมดุลและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 778 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 802 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh ที่รองรับแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/AMFLxGTkuNF7UFzuPzi8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="AMFLxGTkuNF7UFzuPzi8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมาพร้อมระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น ยังสะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบ Cooling System เจเนอเรชันใหม่ที่สามารถระบายความร้อนถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที และมอบความขั้นกว่าด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ทำให้ NEW MG IM6 เป็นรถที่ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกัน และยังสามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และ ADAS รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาว จาก China NCAP พร้อมดีไซน์ระบบให้รองรับ EURO-NCAP ต่อไป​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/55YAVi631U1TmFGxeQyp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="55YAVi631U1TmFGxeQyp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ NEW MG IM6 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าทุกมาตรฐาน ด้วยระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายดายแม้ในพื้นที่จำกัด และระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพอากาศที่ยากลำบากยังคงมีความชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า “แม้ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เรามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการพัฒนาแบรนด์ในทุกมิติ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต การขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานต่าง ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับการเปิดตัวและประกาศราคา NEW MG IM6 ครั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของแบรนด์เอ็มจี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/8dUz86Y1WRrK6w2sXVkf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="4" data-file-name="8dUz86Y1WRrK6w2sXVkf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ระดับสากล โดยในปีนี้ เอ็มจี ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น 5% พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจอย่างเข้มข้นเพื่อผลักดันสู่หมุดหมายใหญ่ในการขึ้นเป็นแบรนด์ท็อป 5 ภายในทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/aston-martin-bangkok-launches-new-vantage-21-9-million-baht" alt="‘แอสตัน มาร์ติน แบงคอก’ เปิดตัวรถยนต์สปอร์ต รุ่น New Vantage ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท">‘แอสตัน มาร์ติน แบงคอก’ เปิดตัวรถยนต์สปอร์ต รุ่น New Vantage ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

MG ตั้งเป้าครองมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดตัว NEW MG IM6 เข้าเสริมทัพ พรีเมียมอีวีราคาเริ่ม 1,399,900 บาท

<h2>บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจี (MG) ในประเทศไทย เผยยอดขายรวมของ เอ็มจี ภายใต้การดำเนินงานของ SAIC MOTOR CORPORATION ในตลาดยุโรป ปี 2024 โตแรง ขึ้นแท่น ขึ้นแท่นบริษัทรถยนต์จีนที่มียอดขายรถยนต์สูงสุดในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศนอร์ดิก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปี 2024 ที่ผ่านมา ในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศนอร์ดิก มียอดขายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 12.964 ล้านคัน มีอัตราเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแค่เฉพาะรถยนต์ของเอ็มจี มียอดขายรวมอยู่ที่ 244,595 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับปีที่ก่อนหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็มจีภายใต้การดำเนินงานของ SAIC MOTOR CORPORATION มีผลงานที่ดีใน 3 ตลาดยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยในฝรั่งเศส เอ็มจีครองส่วนแบ่งตลาด 4.2% ในเดือนธันวาคม 2024 ด้วยยอดขายรถยนต์ใหม่ 7,692 คัน ขณะที่ในอิตาลียอดขายตลอดปี 2024 ของเอ็มจีเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Vnr9KWApDv1i4PXqNJaB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Vnr9KWApDv1i4PXqNJaB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ตลาดหลักอย่างสหราชอาณาจักรมียอดขายรวมในปี 2024 ที่ 81,536 คัน คิดเป็นสัดส่วน 4.18% ของตลาดรถยนต์ในสหราชอาณาจักร โดย MG HS ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดของเอ็มจีในสหราชอาณาจักร มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและระบบปลั๊กอินไฮบริด โดยมียอดขายอยู่ที่ 30,207 คัน รวมถึงรถยนต์รุ่นล่าสุดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นาน มียอดขายรวมในปี 2024 กว่า 6,000 คัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ในปีที่ผ่านมาสหภาพยุโรปมีการเพิ่มภาษีรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาจากจีนสูงขึ้น แต่ข้อจำกัดดังกล่าวไม่ได้ทำให้แบรนด์เอ็มจีลดความมุ่งมั่นและยังคงรักษาผลงานยอดขายโดยรวมได้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่เอ็มจีเข้าสู่ตลาดยุโรปเร็วกว่าบริษัทอื่น ทำให้มีการรับรู้แบรนด์และเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่เติบโตอย่างมั่นคง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/y6vrP4RF4SJiDH6NLNTf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="y6vrP4RF4SJiDH6NLNTf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; อีกทั้งแบรนด์เอ็มจีมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นที่รู้จักมามากกว่า 100 ปี อีกทั้ง SAIC MOTOR ได้มีการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย ทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริด รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ช่วยสนับสนุนยอดขายของเอ็มจีในตลาดยุโรป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ของเอ็ม ที่วางจำหน่ายในยุโรป จะมีสเปกเดียวกันกับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย นับเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้ลูกค้าชาวไทย ผ่านการนำเสนอโกลบอลโมเดลให้กับผู้บริโภค ที่ครอบคลุมทั้งคุณภาพและสเปคที่เทียบเท่ากับทุกประเทศทั่วโลก ภาพ:&nbsp;เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/other/china-additional-tariffs-and-investigate-google-to-counter-us" alt="แรงมาแรงกลับไม่โกง! จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 10-15% พร้อมสั่งสอบ Google ฐานละเมิดกฎหมายผูกขาด">แรงมาแรงกลับไม่โกง! จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 10-15% พร้อมสั่งสอบ Google ฐานละเมิดกฎหมายผูกขาด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

MG อวดความสำเร็จในตลาดยุโรป ยอดขายปี 2024 รวม 244,595 คัน โตเพิ่ม 5.1% จากปีก่อนหน้า

<h2>บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองการเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตมาอย่างยาวนานครบ 100 ปี พร้อมเผยความสำเร็จของ SAIC Motor Corporation หลังครองแชมป์ยอดขายสูงสุดในปี 2566 ที่ประเทศจีนรวมกว่า 5.02 ล้านคัน ส่วนเอ็มจีในประเทศไทยกวาดยอดขายได้ถึง 27,311 คัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการถือกำเนิดของแบรนด์เอ็มจีในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2467 (ค.ศ.1924) ปีนี้จึงมีวาระสำคัญของครบรอบ 100 ปี จึงสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับวงการยานยนต์ระดับโลก เป็นที่ยอมรับ และเชื่อมั่นจากนานาประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่เอ็มจีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีรถเอ็มจีหลากหลายรุ่นโลดแล่นอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า 200,000 คัน ควบคู่ไปกับการสร้าง EV ECOSYSTEM ให้สมบูรณ์เพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมอีวี และเป็นแบรนด์แรกที่วางหมุดกระจายสถานีชาร์จเร็วอย่าง MG SUPER CHARGE ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันมีสถานีที่พร้อมใช้งานมากถึง 146 สถานี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า “สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัวจากปัจจัยต่างๆ แต่ SAIC Motor Corporation มียอดขายรถยนต์รวมกว่า 5.02 ล้านคัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/2tFRQJYxpPqHo7skPFfC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2tFRQJYxpPqHo7skPFfC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,600"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ด้วยศักยภาพในการส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลกกว่า 1.208 ล้านคัน มีอัตราการเติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีปริมาณยอดขายรถยนต์ New Energy มากกว่า 1.123 ล้านคัน เติบโตถึง 4.6%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย MG ZS เป็นรถที่ส่งออกจากประเทศจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่ง มียอดส่งออกกว่า 201,874 คัน ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า MG4 ELECTRIC ที่สร้างความสำเร็จในตลาดทั่วโลกและเป็นโกลบอลโมเดลขวัญใจของคนไทย มียอดส่งออกกว่า 138,736 คัน และ MG5 มียอดส่งออกกว่า 109,431 คัน ส่งผลให้ SAIC Motor Corporation ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศจีน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/3eQdCBnSvmb6uMap6pKV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3eQdCBnSvmb6uMap6pKV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="900,506"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซู๋ว์ หยิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอ็มจี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยความเป็นโกลบอลแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทะยานสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ติดอันดับท็อป 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี และทศวรรษที่สอง เอ็มจี เตรียมแผนที่จะยกระดับแบรนด์ด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีในหลากหลายรูปแบบการขับเคลื่อน อีกทั้งยังเตรียมแผนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับหมุดหมายใหม่ของเอ็มจี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนั้นยังมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายขุมพลังขับเคลื่อนเข้าสู่ตลาดโดยมุ่งเน้นกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เทียบเท่าระดับสากลโลก (New Energy, Intelligent, Internationalization)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมไปถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนไทยได้มากขึ้น สอดคล้องกับความตั้งใจของแบรนด์ที่พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ Net Zero ผ่านนโยบาย EV 3.5 นำทัพโดย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นผลิตในประเทศไทย รวมถึงรถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าอย่าง MG CYBERSTER นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเติมสีสันในตลาดรถเก๋งขนาดเล็กอีก 1 รุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเพื่อให้สอดรับกับกระแสอีวี เอ็มจีเตรียมนำเสนอมิติใหม่ของโชว์รูมด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการ เอ็มจี อีวี โชว์รูม (MG EV Showroom) ที่จะมุ่งเน้นนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในปัจจุบันอย่าง MG MAXUS9 รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับโมเดลอื่นๆ ที่เตรียมเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยด้วย” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/kia-sales-thailand" alt="เปิดกลยุทธ์ “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” กับเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดโชว์รูมครบ 100 สาขาในปี 2028">เปิดกลยุทธ์ “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” กับเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดโชว์รูมครบ 100 สาขาในปี 2028</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปี 2566 เอ็มจีกวาดยอดขายในไทยได้ 27,311 คัน ครึ่งหนึ่งเป็น EV แล้ว

<h2>MG Motor UK และ Arsenal Football Club ได้ประกาศความร่วมมือสุดยิ่งใหญ่ เนื่องในวาระ เอ็มจี ครบรอบ 100 ปี และกลายเป็นผู้สนับสนุนรถยนต์อย่างเป็นทางการของสโมสร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็มจี เตรียมฉลองครบรอบ 100 ปี สุดยิ่งใหญ่ในปีนี้ และได้ให้การสนับสนุนทั้งทีมฟุตบอลชายและหญิง ของ Arsenal F.C. โดยแฟนบอลจะได้เห็นแบรนด์ของ เอ็มจี โดดเด่น ที่ Emirates Stadium และ Meadow Park&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เอ็มจี และทีม Arsenal จะร่วมกันสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจเพื่อแฟนบอล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Guy Pigounakis, Commercial Director at MG Motor UK กล่าวว่า “การร่วมมือกับ Arsenal F.C. ในปีที่บริษัทครบรอบ 100 ปี ถือเป็นบทสำคัญอีกบทหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ เอ็มจี เราไม่ได้แค่สนับสนุนสโมสรระดับโลก แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอนาคตของวงการฟุตบอลด้วยการสนับสนุนการเติบโตของฟุตบอลหญิง Arsenal W.F.C. และแสดงความหลงใหลในกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Juliet Slot, Arsenal’s Chief Commercial Officer กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับ เอ็มจี เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผู้สนับสนุน ซึ่งเอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่โด่งดังในด้านประวัติศาสตร์และมรดกเกี่ยวกับยานยนต์ และยังมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสโมสร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีที่เอ็มจีฉลองครบรอบ 100 ปี เรารู้สึกตื่นเต้นที่เอ็มจีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตระยะยาวของเรา และเรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับเอ็มจีเพื่อส่งเสริมการเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2023 เอ็มจีขายรถยนต์ใหม่ได้มากกว่า 80,000 คันในสหราชอาณาจักรเท่านั้น และได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อฤดูกาล 2024/25 MG Cyberster จะเข้ามาเสริมทัพรถยนต์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพของเอ็มจี เพื่อนำพาเอ็มจีกลับมาโลดแล่นบนถนนอังกฤษอีกครั้ง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/7a8s8kCSUgwuw3a8wryW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7a8s8kCSUgwuw3a8wryW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,675"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น เอ็มจี ยังมีรถไฟฟ้าโกลบอลโมเดลอย่าง MG4 Electric ที่คว้ารางวัลมาแล้วมากกว่า 30 รางวัลทั่วโลก ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2022 รวมถึงรางวัล Best Small Electric Car of the year จาก What Car? Awards เป็นปีที่สองติดต่อกัน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/isuzu-made-in-thailand-6-millions-car" alt="“อีซูซุ” 60 ปีในไทย ผลิตในประเทศครบ 6 ล้านคันแล้ว เตรียมลงทุนอีก 32,000 ล้านใน 5 ปีนี้">“อีซูซุ” 60 ปีในไทย ผลิตในประเทศครบ 6 ล้านคันแล้ว เตรียมลงทุนอีก 32,000 ล้านใน 5 ปีนี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

MG ฉลองครบ 100 ปียิ่งใหญ่ ประกาศเป็นสปอนเซอร์สโมสร “Arsenal”

<h2>บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยข้อมูลของรถยนต์รุ่นล่าสุด MG EP รถสไตล์สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ด้าน พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ลั่นสร้างจุดชาร์ตไฟฟ้าเพิ่มอีก 500 แห่งทั่วประเทศ</h2>
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต หรือ New Generation of Automotive วันนี้ เอ็มจี จึงมีแผนจะแนะนำ NEW MG EP รถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” โดยเราวางตำแหน่งให้ NEW MG EP เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” สู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ด้านมิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน ด้านความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย อาทิ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว

<img class="alignnone size-full wp-image-37959" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/MG-NEW-MG-EP-Interior.jpg" alt="" width="600" height="400" />

โดยแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และ ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

ด้านสมรรถนะ NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100  ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ขณะที่การสำรองพลังงานสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0–80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ  AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ  7 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ

<img class="alignnone size-full wp-image-37958" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/MG-NEW-MG-EP-Engine.jpg" alt="" width="600" height="401" />

โดยจุดเด่นการบำรุงรักษา พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า NEW MG EP มาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ได้จากการชาร์จผ่าน MG Home Charger ง่ายๆ ที่บ้าน โดยสามารถชาร์ตจาก 0%-100% และมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 200 บาท* ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน 8,000 บาท

อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว MG ยังนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module มาใช้ ในกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษานั้น สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะ Module นั้นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้

ด้านการขยายจุดชาร์ตไฟฟ้านั้น พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ กล่าวด้วยว่า เราต้องเป้าสร้างจุดชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 100 สถานีภายในสิ้นปี 2563  และในปีหน้าเตรียมสร้างจุดชาร์ตไฟฟ้าเพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในกับผู้ใช้งานยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยจะมีการร่วมกับ ร้านสะดวก เซเว่น-อีเลฟเว่น  ในการกระจายจุด

“ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีของแบตเตอร์รี่ เทคโนโลยีการชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร นั่นเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแต่เพื่อความอุ่นใจ เอ็มจียังคงขยายจุดชาร์ตไฟฟ้าในทั่วประเทศ” พงษ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/1-%e0%b8%9b%e0%b8%b5-%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b9%8c-%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%a7%e0%b9%8c-%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad.html">1 ปี “ช้าง โคลด์ บรูว์” ต่อยอดสู่เบรนด์ใหม่ สร้างตลาดด้วยรสชาติ</a>
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>

เอ็มจี เปิดตัว "NEW MG EP" สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในไทย

<h2 class="p2">บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เดินหน้าแผนธุรกิจด้านการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายฝ่ากระแส COVID-19 เตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานเพิ่มอีก 10 แห่ง ภายในระยะเวลา 3 เดือน </h2>
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องมีการปรับตัวและปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับเอ็มจียังคงดำเนินงานตามแผนงานเดิมที่วางไว้ แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนอกจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ตามแผนงานที่กำหนดแล้ว เรายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครบ 150 แห่งทั่วประเทศ ตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน
“ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่เอ็มจีเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย นอกจากการพัฒนารถยนต์ที่มีคุณภาพ รวมถึงการนำเทคโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว การบริการถือเป็นอีกหนึ่งด้านที่เราให้ความสำคัญ โดยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนี้ (พฤษภาคม-กรกฎาคม) เรามีแผนเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 10 แห่ง ในภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“ซึ่งนอกจากจะทำให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพด้านการดูแลลูกค้าที่ปัจจุบันมียอดผู้ใช้รถยนต์เอ็มจีรวมแล้วกว่า 80,000 คันแล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์เอ็มจีได้เป็นอย่างดี”


<figure><img class="size-full wp-image-30262" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/Pongsak-Lertruedeewattanavong.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์</figcaption></figure>
ทั้งนี้ จากแผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายดังกล่าวจะทำให้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เอ็มจีจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ รวม 137 แห่ง จากเป้าหมาย 150 แห่งภายในปีนี้
“ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ โดยเอ็มจีในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจ ในประเทศไทยจึงยังคงเดินหน้าแผนการดำเนินงานเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตและเดินหน้าไป และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติในเร็วๆ นี้” พงษ์ศักดิ์กล่าว
รายชื่อโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานใหม่ 10 แห่ง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-โชว์รูมเอ็มจี อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
ภาคใต้
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ภาคตะวันออก
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาอมตะนคร จังหวัดชลบุรี
ภาคกลาง
-โชว์รูมเอ็มจี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาสุขสวัสดิ์ จังหวัดสมุทรปราการ
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาสิรินธร กรุงเทพมหานคร
-โชว์รูมเอ็มจี สาขานวมินทร์ กรุงเทพมหานคร
-โชว์รูมเอ็มจี สาขาประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/nissan-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-kicks-%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%a2%e0%b8%b9%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b9%83%e0%b8%99.html">Nissan เปิดตัว “Kicks” เอสยูวีใหม่ในไทย พลัง “อี-พาวเวอร์” รถไฟฟ้าใช้น้ำมัน</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“เอ็มจี” เดินหน้าฝ่า COVID-19 เตรียมเปิดโชว์รูมใหม่เพิ่ม 10 แห่งใน 3 เดือน

บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ &ldquo;เอ็มจี&rdquo; แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ จัดกิจกรรมนำเทรนด์ต้อนรับหน้าร้อนในงาน MG3 Hello Fun On Summer ด้วยการสร้างสรรค์ไอเดียการแต่งกายแบบมิกซ์แอนด์แมทช์ ทั้งเสื้อผ้าและไอเท็มเด็ดคู่กายที่สามารถพกพาหรือควรมีติดรถไว้เพื่อให้ไม่พลาดทุกช่วงกิจกรรมสุดมันในแต่ละวัน ทั้งนี้ กิจกรรม MG3 Hello Fun On Summer ได้รับเกียรติจากคุณฐาดิณี รัชชระเสวี หรือ คุณเกด กูรูแฟชั่นจากเพจ The Daily Stylista มาเติมเต็มให้ซัมเมอร์นี้สนุกสนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "รถยนต์ไม่เพียงเป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางเท่านั้นแต่ยังสะท้อนความเป็นตัวของตัวเองเหมือนเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย&nbsp; อย่าง MG3 รถยนต์ซับคอมแพ็คต์สำหรับคนรุ่นใหม่ของเราที่มีความโดดเด่นรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่หลากหลายและดีไซน์ที่สะดุดตาไม่ซ้ำใคร สะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ต้องการความทันสมัย ปราดเปรียว มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสนุกสนาน"

นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการขับขี่ ที่ยึดเกาะถนนดีเยี่ยม และเหนือสิ่งอื่นใดคือความคุ้มค่าที่มอบให้ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 479,000 บาท พร้อมการรับประกัน 4 ปี 120,000 กิโลเมตร อีกทั้งบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ แพสชั่น เซอร์วิส เอ็มจี เชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะทำให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับหน้าร้อนนี้พอๆ กับความสนุกสนานในการขับขี่ MG3 อย่างแน่นอน

&ldquo;สำหรับเทรนด์ซัมเมอร์นี้ ต้องผสมผสานระหว่างความเป็นแฟชั่นและความทันสมัยไปด้วยกัน มันต้องเป็นของชิ้นเดียว สามารถนำมาใช้ได้กับความหลากหลายของสถานการณ์ ทั้งทำงาน แฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อน และเดทกับคนรู้ใจ ส่วนโทนสีที่เด็ดและไม่ควรพลาดคือ สีชมพู&nbsp; สีทองและสีเมทัลลิค&rdquo; ฐาดิณี รัชชระเสวี กูรูแฟชั่นจากเพจ The Daily Stylista แนะนำเทคนิคเรื่องการเลือกเสื้อผ้า รวมถึงไอเท็มเพิ่มเติมต่ออีกว่า &ldquo;ของที่คุณผู้ชายควรมีคือ เสื้อเชิ้ตลินินตัวเก๋พิมพ์ลาย กางเกงขาสั้น และจะให้ดูชิคแอนด์คูลมากขึ้นไปอีกจะต้อง มีเครื่องประดับทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ รวมถึงบีชแบ็ค สำหรับสาวๆ แนะนำ กระโปรงชีฟองสไตล์ฟูลสเกิร์ต ใส่พร้อมเสื้อยืดดูลำลองได้ เรียบหรูดี หรือจะเป็นรองเท้าแตะสไตล์หรูสีทองเมทัลลิค ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาด&rdquo;&nbsp;

สำหรับกิจกรรม MG3 Hello Fun On Summer ในครั้งนี้เชื่อได้ว่า MG3 จะมาช่วยสร้างความมัน และเติมสีสันให้ชีวิตสนุกสนานยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events