<h2>GMM Music ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.แล้ว เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญ (IPO) รวมจำนวนไม่เกิน 228,800,000 หุ้น ระดมทุนตอกย้ำการเป็น Music Pure Play หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งเป้านำเงินระดมทุนมาใช้เป็นเงินหมุนเวียน ชำระเงินกู้ยืม ขยายกำลังการผลิตเพลง และลงทุนในกิจการร่วมค้า</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ภาวิต จิตรกร</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร <strong>จีเอ็มเอ็ม มิวสิค</strong> กล่าวว่า “หลังจากที่ GMM Music ได้ Spin-off ออกจากบริษัทแม่ เพื่อสร้างความชัดเจนทางธุรกิจสำหรับดำเนินตามแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสร้าง New Music Economy ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ล่าสุด GMM Music และ GRAMMY ในฐานะผู้ถือหุ้นสามัญเดิมได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อย โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“GMM Music จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 80,000,000 หุ้น และ GRAMMY ในฐานะผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 148,800,000 หุ้น รวมจำนวนรวมไม่เกิน 228,800,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้เดินเกมรุกเพื่อ Unlock Value มูลค่าบริษัทฯ ยกระดับคุณภาพ และสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อเดินหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้สู่การเป็น The Next Asia’s Dragon ผ่านการสร้างความร่วมมือกับผู้นำด้านธุรกิจดนตรีที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป (TME) และ เทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (TENCENT) จากประเทศจีน รวมถึงวอร์เนอร์ มิวสิค กรุ๊ป คอร์ป (WMGC) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการผนึกกำลังกับพันธมิตรเหล่านี้ นับเป็นการปูทางสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัทฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“และยังมีการร่วมทุนกับค่ายเพลงแอลดีเอช (LDH) จากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัท จี แอนด์ แอลดีเอช จำกัด (G&amp;LDH) เพื่อพัฒนาศิลปินร่วมกัน รวมถึงการก่อตั้งบริษัท วายจีเอ็มเอ็ม จำกัด (YGMM) เพื่อผลิตศิลปินฝึกหัดร่วมกับค่ายเพลงวายจี (YG) จากเกาหลี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกความร่วมมือที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายในการสร้างระบบเศรษฐกิจเพลงยุคใหม่ (New Music Economy) ให้เกิดขึ้นจริง สอดรับกับอนาคตอันสดใสของอุตสาหกรรมดนตรีในระดับโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการเติบโตระลอกที่สอง (Music Second Wave Boom)”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;“ยิ่งไปกว่านั้น จุดเด่นที่สำคัญของ GMM Music คือการจะเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play) เพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครอบคลุมธุรกิจเพลงแบบครบวงจร ผ่านกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ กว่า 7 กลุ่มธุรกิจ</strong> ตั้งแต่การเฟ้นหาพัฒนาศิลปิน การผลิตเพลง การบริหารค่ายเพลง และการทำตลาดทุกช่องทาง โดยมีกลุ่มเรือธงที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ มาจาก 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ และ กลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน <strong>ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม</strong> ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวเสริมว่า “กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย<strong>กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 1,838.28 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 3,072.90 ล้านบาทในปี 2565 และ 3,912.75 ล้านบาทในปี 2566</strong> และมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน จาก 80.16 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 304.58 ล้านบาทในปี 2565 และ 402.81 ล้านบาทในปี 2566</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เรายังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งไว้ได้ โดยมีรายได้ถึง 1,796.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,719.73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจด้านเพลงโดยเฉพาะ (Music Pure Play) และกลยุทธ์การบริหารจัดการที่ดีของเรา ทำให้มั่นใจว่าจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคต”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยวัตถุประสงค์การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของ GMM Music มีดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. เพื่อใช้ลงทุนผลิตผลงานเพลงของกลุ่มบริษัทฯ โดยมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเพลงสำหรับส่งลง Music Streaming, เพิ่มศิลปินใหม่ และศิลปินฝึกหัด รวมถึงขยายสเกลของ Music Festival ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ฯลฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. เพื่อใช้ลงทุนในกิจการร่วมค้า ผ่านการขยายขอบเขตความร่วมมือไปยังพันธมิตรใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นไปยังพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลกที่มีชื่อเสียง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และเอื้อให้เกิดรูปแบบความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของกลุ่มบริษัทฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ สำหรับเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ลดความจำเป็นในการกู้ยืมสถาบันทางการเงิน ทั้งยังเป็นการสร้างแต้มต่อในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต<br></p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/music-ip-key-driver-music-industry" alt="‘ทรัพย์สินทางดนตรี’ คีย์สำคัญขับเคลื่อนมูลค่าอุตฯ ดนตรี และกลยุทธ์ที่ GMM Music ใช้สร้างรายได้ต่อเนื่อง">‘ทรัพย์สินทางดนตรี’ คีย์สำคัญขับเคลื่อนมูลค่าอุตฯ ดนตรี และกลยุทธ์ที่ GMM Music ใช้สร้างรายได้ต่อเนื่อง</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

GMM Music ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ย้ำการเป็น Music Pure Play หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯ

<h2>GMM Music ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก “เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป” ผู้นำธุรกิจดนตรีและความบันเทิงในเครือของเทนเซ็นต์ และ “เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเตท” ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มจากจีน เข้าร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่าบริษัทรวม 25,700 ล้านบาท พาศิลปิน GMM Music เข้าสู่ตลาดเอเชีย และตลาดนานาชาติ</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายภาวิต จิตรกร</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร <strong>บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน)</strong> กล่าวว่า “ในยุค Music Second Wave อุตสาหกรรมเพลงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งยอดรายได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมไปแล้ว GMM Music ได้วางกลยุทธ์รองรับการเติบโตดังกล่าว ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Music Infrastructure) ให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างต่อเนื่อง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่เราให้ความสำคัญ คือการขยายความร่วมมือกับผู้นำธุรกิจเพลงชั้นนำในต่างประเทศที่เล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย โดยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทแม่อย่างเทนเซ็นต์ และ เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป จะเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในหุ้นของ GMM Music ด้วยสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่า 2,570 ล้านบาท และจะสร้างมูลค่าบริษัทสูงถึง 25,700 ล้านบาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผน Spin-Off ของบริษัทฯ ที่ต้องการสร้าง New Music Economy ของไทยให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน เรามีแผนความร่วมมือที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม โดยประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่มีทั้งศักยภาพและโอกาสที่ใหญ่มาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าการเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้คือสะพานขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเพลง ที่จะทำการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงในระดับสากลและนำมาซึ่งความเจริญเติบโตทั้งในด้านผลประกอบการ และสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น ไปจนถึงยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยในภาพรวม”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม</strong> ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  “แผนการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ Tencent และ TME จะเข้ามาช่วยเร่งอัตราการเติบโตของ GMM Music อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้พร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจในยุคใหม่ รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ สู่การเป็น The Next Asia’s Dragon ในตลาดโลก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Upscale Opportunity) ด้านการขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ ตลอดจนการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก ด้วยการนำพาศิลปินของ GMM Music เข้าสู่ตลาดเอเชีย และตลาดนานาชาติ โดยอาศัยธุรกิจบันเทิงของทั้ง Tencent และ TME ที่มีความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อีกทั้งเราจะร่วมกันยกระดับคุณภาพเพลงไทยในด้านการผลิต (Uplift Quality) ด้วยการร่วมศึกษาโอกาสการลงทุน ในการสร้างผลงานเพลงและพัฒนาศิลปิน รวมไปถึงการจัดงานคอนเสิร์ตและมิวสิกเฟสติวัลร่วมกัน เพื่อผลักดันศักยภาพธุรกิจเพลงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“และที่สำคัญเรายังตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าบริษัทฯ (Unlock Value) ด้วยการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้เชิงลึก ทั้งในด้านการตลาดและการขาย รวมไปถึงเทคโนโลยีการบริหารจัดการลูกค้า และการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต และสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมร่วมกันผลักดันแผนการ IPO ของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ GMM Music ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนสู่อนาคต อย่างแท้จริง”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงในการร่วมลงทุนใน JOOX Thailand โดย GMM Grammy เพื่อต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีและสนับสนุนตลาดเพลงไทยให้เติบโตสอดคล้องกับตลาดเพลงโลกผ่าน Streaming Platform ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนอันสำคัญ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะผสานจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีจากความเชี่ยวชาญของ Tencent และ TME ที่จะมาพัฒนา Platform ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ฟังยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ร่วมกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหาร Content แบบครบวงจร จากความเชี่ยวชาญของ GMM Music ตลอดจนการทำงานกับค่ายเพลงพันธมิตรทุกค่ายอย่างไร้ข้อจำกัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร่วมมือดังกล่าวยังจะสร้างโอกาสการหารายได้ใหม่จากวงจรแฟนเพลง (Fandom Economy) ด้วยการสร้างกิจกรรมและช่องทางการมีส่วนร่วมกับ ศิลปิน แฟนด้อม ทั้งไทย จีน และต่างชาติเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ GMM Music ในการเดินหน้าสู่แผนการเสนอขาย IPO ในอนาคตอันใกล้<br></p><p><br></p><p><br></p><p>เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/top-charoen-public-company" alt="‘แว่นท็อปเจริญ’ แปรสภาพเป็นบริษัท ‘มหาชน’ แล้ว เตรียมขยายสาขาสู่อาเซียนปีนี้">‘แว่นท็อปเจริญ’ แปรสภาพเป็นบริษัท ‘มหาชน’ แล้ว เตรียมขยายสาขาสู่อาเซียนปีนี้</a>​</p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

GMM Music ดึงกลุ่ม Tencent บริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีน ถือหุ้น 10% มูลค่ารวม 2,570 ล้าน

ขั้นกว่าของ Music Marketing แต่งเพลงโฆษณาแบรนด์โดยไม่มีชื่อแบรนด์

<div>
	<strong>LINE Thailand เตรียมหาผู้จัดการประจำประเทศไทยคนใหม่ หลัง <span style="color:#b22222;">"รัฐศาสตร์ กรสูต" </span>หรือ <span style="color:#b22222;">"เปปเปอร์"</span> ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยยื่นใบลาออก มีผลกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อย้ายไปทำงานภาครัฐต้นเดือนมีนาคม รับผิดชอบดูแลด้านเศรษฐกิจดิจิทัล รวมระยะเวลาทำงานกับ LINE Thailand เพียง 8 เดือนเท่านั้น</strong><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">&ldquo;ผู้ใหญ่ของกระทรวง ICT มาชวนไปช่วยงาน ใช้เวลาคิดอยู่นาน จึงตัดสินใจออกมา&rdquo;</span> แหล่งข่าวใน LINE Thailand กล่าวกับ <em>Forbes Thailand</em><br />
	<br />
	<span style="color:#0000cd;">ล่าสุด&nbsp;วารดี วสวานนท์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ LINE Thailand กล่าวกับ <em>Forbes Thailand </em>ว่า การลาออกของรัฐศาสตร์มีผลตั้งแต่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ ตามนโยบายของเราที่อยากได้เป็นคนไทย</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	รัฐศาสตร์ เป็นนักร้อง นักแสดง และนายแบบชาวไทย โด่งดังจากเป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ <span style="color:#b22222;">"ยูเอชที"</span> เมื่อปี พ.ศ. 2537 พร้อมกับเป็นนักแสดงสังกัดเอ็กแซ็กท์ เครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Internet Technology เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาวิชา Computer Business, และหลักสูตรบริหารธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อีกทั้งเคยเป็นผู้อำนวยการเว็บไซต์ sanook.com</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=265"><span style="color:#b22222;">Dine with the Boss</span>&nbsp;ประจำ&nbsp;<em><span style="color:#b22222;">Forbes Thailand </span></em>ฉบับเดือนมกราคม 2558</a> ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐศาสตร์ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยของ LINE Thailand ณ สำนักงานชั้น 41 อาคาร Empire Tower ที่เต็มไปด้วยตัวการ์ตูน LINE Characters คอยต้อนรับผู้มาเยือน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&ldquo;LINE เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการ localization มาก เขาตั้งใจที่จะให้ธุรกิจของ LINE ดูแลจัดการโดยคนไทย โดยคน local ที่เข้าใจตลาด เข้าใจ user insights นี่คงเป็นสิ่งแรกที่เขามองเห็นในตัวของผม&rdquo; รัฐศาสตร์ให้เหตุผลที่เขาได้รับคัดเลือกเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย ที่เป็นคนไทยคนแรก ตั้งแต่กรกฎาคมปี 2557</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลังตัดสินใจออกจาก <span style="color:#b22222;">LINE Thailand</span> เพื่อเข้าทำงานภาครัฐ อีกงานหนึ่งที่รัฐศาสตร์ทำควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2558 แล้ว คือผู้ประกาศข่าวประจำช่อง <span style="color:#b22222;">GMM Channel (GMM25)</span>&nbsp;หนึ่งในสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลของเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับคนดังอื่นๆ เช่น นาวิน เยาวพลกุล, วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, นาเดีย โสณกุล, ศิรนุช โรจนเสถียร, วนิษา เรซ เป็นต้น<br />
	<br />
	<br />
	<div>
		<hr />
		<p>
			<span style="color:#808080;"><strong>อ่านประกอบ:</strong></span> <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=265">เพิ่ม &ldquo;รสชาติ&rdquo; ให้ LINE กับ &ldquo;Dr. Pepper&rdquo; รัฐศาสตร์ กรสูต</a><br />
			<br />
			&nbsp;</p>
	</div>
</div>
<br />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events