<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag">แกรนด์ ไซโก แยกการบริหารแบรนด์จากแบรนด์แม่ ตั้งเป้าปรับภาพลักษณ์ร้านจำหน่ายในไทยหวังตีตลาดระดับบน</h2>
</div>
Minoru Ishiguro ผู้อำนวยการและรองประธานกรรมการอาวุโส Seiko Watch Corporation ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เมื่อปี 2560 การบริหารของแบรนด์แกรนด์ ไซโก (Grand Seiko หรือ GS) ได้แยกตัวออกมาจากแบรนด์แม่คือ ไซโก (SEIKO) โดยเฉพาะ เพื่อให้การบริหารพัฒนาไปตามแนวทางของแกรนด์ ไซโกซึ่งต้องการ ผลักดันให้เป็นนาฬิกาข้อมือพรีเมียมระดับสากล

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โลโก้ GS ของแกรนด์ ไซโก จะเข้าแทนที่โลโก้ของไซโกที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เพื่อตอกย้ำความชัดเจนของแบรนด์

Yoshikatsu Kawada ผู้อำนวยการและรองประธานกรรมการ Seiko Watch Corporation กล่าวต่อว่า สำหรับจุดจำหน่ายสินค้าของแบรนด์แกรนด์ ไซโก มีทั้งหมด 371 แห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้อยู่ในเอเชีย 226 จุดจำหน่าย และอยู่ในไทย 4 แห่ง ได้แก่ ไซโก บูทีค ช็อป ที่ศูนย์การค้า ดิ เอมโพเรียม เคาน์เตอร์จำหน่ายที่สยาม พารากอน, เซ็นทรัล ชิดลม และเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d25401589412304e3cbf995b803fb9f4.png" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> นาฬิกาแกรนด์ ไซโก (Grand Seiko) หลังขยับโลโก้ไปที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา</figcaption></figure>

ด้าน Katsumi Kubota กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นาฬิกาแกรนด์ ไซโกเป็นนาฬิการะดับพรีเมียมช่วงราคาปกติ 9 หมื่นถึง 2 แสนกว่าบาท และรุ่นจำนวนจำกัดอาจไต่ระดับราคาไปถึงหลักล้านบาท ซึ่งในญี่ปุ่นนั้น แกรนด์ ไซโกถือเป็นแบรนด์อันดับ 3 ของกลุ่มนาฬิกาพรีเมียม ขณะที่ในไทยอาจยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนทั่วไปมากนัก

ดังนั้น บริษัทจะพยายามผลักดันยอดขายแกรนด์ ไซโก ผ่านการจัดกิจกรรมที่ทำให้คนทั่วไปได้สัมผัสและรู้จักกับนาฬิกาแกรนด์ ไซโก เน้นย้ำจุดเด่นด้านกลไกภายในที่มีความเที่ยงตรง ใช้ได้ยาวนาน และการออกแบบที่ประณีตตามสุนทรียะญี่ปุ่น 

รวมถึงการปรับปรุงจุดจำหน่ายแกรนด์ ไซโกในไทยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจุดจำหน่ายทั่วโลก มีความเป็นสากล เข้าถึงได้ง่าย และจัดสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะที่ไซโก บูทีค ช็อป ชั้น 1 ศูนย์การค้า ดิ เอมโพเรียม บริษัทได้ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัย เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/33bc88201848e92fc9f52a9669d2c28c.png" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ไซโก บูทีค ช็อป ชั้น 1 ดิ เอมโพเรียม หลังการปรับโฉมใหม่</figcaption></figure>

สำหรับการบริการหลังการขาย แกรนด์ ไซโกยังคงใช้ศูนย์บริการ SEIKO Service Center แห่งเดียวกับแบรนด์ไซโก ซึ่งมีช่างซ่อมนาฬิกา 3 ท่านที่ได้รับใบประกาศนียบัตรผ่านการฝึกอบรมการซ่อมแซมนาฬิกาแกรนด์ ไซโกจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะ 

“ตลาดนาฬิกาไทยไม่ได้มีการหดตัว แต่สภาพตลาดเปลี่ยนไปในกลุ่มลูกค้าระดับบน โลภาภิวัตน์มีผลกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นโดยลูกค้าจะต้องการแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนการทำตลาดของไซโก” Kubota กล่าว

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6b38ec7837e0f6a5ca30c96797d392b9.png" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> (จากซ้าย) Yoshikatsu Kawada ผู้อำนวยการและรองประธานกรรมการ Seiko Watch Corporation, Katsumi Kubota กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด และ Minoru Ishiguro ผู้อำนวยการและรองประธานกรรมการอาวุโส Seiko Watch Corporation</figcaption></figure>
<h2></h2>
<h2>Forbes Facts</h2>
นาฬิกาไซโกเข้ามาจำหน่ายในไทยราวปี 2504 เริ่มต้นร้านแรกในย่านเยาวราช ในนาม บริษัท เมืองทอง จำกัด ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท กาลทอง จำกัด ในปี 2521

ปี 2534 บริษัทได้ย้ายสำนักงานมาที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เมืองทอง ไซโก จำกัด

ปี 2550 บริษัทเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด และย้ายสำนักงานไปที่ตึกอิตัลไทย ทาวเวอร์ และเป็นช่วงที่แบรนด์แกรนด์ ไซโกมีจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events