<h2><span style="font-size: 20px;">‘ไทคอน’ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 260.84 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 173% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทำให้ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ รวมกว่า 71% พร้อมการรุกขยายธุรกิจในทุกมิติตามแผนโรดแม็ป 3 ปี ด้วยกลยุทธ์ Total Dimension</span></h2>
<strong>โสภณ ราชรักษา</strong> ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เผย ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,118.77 ล้านบาท เติบโตขึ้น 104.6 % เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่งของปีที่ผ่านมา โดยกำไรสุทธิ 260.84 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท หรือคิดเป็น 173% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ช่วงต้นปีที่ผ่านมาตามแผนโรดแม็ป 3 ปี เราจะขับเคลื่อนธุรกิจในทุกมิติด้วยกลยุทธ์ Total Dimension ตลอดจนขยายธุรกิจไปสู่สายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน ธุรกิจการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เทคโนโลยี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง เป็นต้น ตอบรับแนวโน้มตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 และความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่กำลังฟื้นตัว”

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทสามารถขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบอาคารพร้อมใช้ และสร้างตามความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ รวมกว่า 71% รวมถึงมีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งในรูปแบบที่ดินเปล่าและที่ดินพร้อมคลังสินค้า นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากค่าบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT ที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2560 ด้วย

<span style="color: #ff0000;">“ในปีนี้ถือเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนองค์กรครั้งสำคัญของกลุ่มไทคอน ภายใต้การเข้ามาถือหุ้นของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด อย่างเต็มตัว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การขยายพื้นที่ให้เช่าในจุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อีอีซี ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่พร้อมให้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านตารางเมตร บนที่ดินกว่า 1,500 ไร่”</span>

โสภณกล่าวเพิ่มเติม ด้านการทำงานร่วมกับ TREIT ภายหลังการควบรวมกองทุนแล้วเสร็จ ทำให้ปีนี้ก็จะเป็นปีที่กอง TREIT จะแสดงศักยภาพเต็มที่ให้สมกับเป็นกองรีทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และที่สำคัญยังจับเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัลตั้งบริษัท ไทคอน เทคโนโลยี จำกัด (TICON Technology) รุกธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อีกด้วย

สำหรับธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในประเทศอินโดนีเซียนั้น ไทคอนยังคงเดินหน้าขยายโครงการเฟสที่ 3 อีกกว่า 5,000 ตารางเมตร หลังจากได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีผู้เช่าพื้นที่เต็มทุกอาคาร ทั้งนี้ปัจจุบันไทคอนมีพื้นที่ให้บริการในประเทศอินโดนีเซียรวมกว่า 67,000 ตารางเมตร

‘ไทคอน’ โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกโต 173% มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส เดินหน้าขยายธุรกิจใหม่-เร่งเพิ่มพื้นที่เช่า ขับเคลื่อนองค์กรตามโร็ดแมป 3 ปี

<h2>แอมเวย์ เผยทุ่มงบ 40 ล้านบาท เปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่โครงการ TPARK บางพลี 1 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทันสมัย สู่ศูนย์กระจายสินค้าส่งสาขาย่อยทั่วประเทศ</h2>
<strong>กิจธวัช ฤทธีราวี</strong> กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการปรับระบบการจัดเก็บสินค้าโดยแอมเวย์ได้ย้ายศูนย์กระจายสินค้าจากเดิมในย่านศรีนครินทร์ พื้นที่ 7,000 ตางรางเมตร มายังแห่งใหม่ที่โครงการ TPARK บางพลี 1 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด บนพื้นที่ขนาด 10,280 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนเฟสแรกที่ 40 ล้านบาทในการนำกระบวนการและเทคโนโลยีการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัยมาใช้ภายในศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ลดต้นทุน และรองรับการทำงานที่ซับซ้อนที่มากขึ้น

<span style="color: #ff0000;">“เทคโนโลยีที่แอมเวย์นำมาใช้เพื่อยกระดับการจัดการสินค้ารูปแบบใหม่คือ การจัดเก็บและกระจายสินค้าให้นักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกเพื่อจัดส่งสินค้าถึงบ้าน (Home Delivery) รวมทั้งแอมเวย์ ช็อป 83 สาขาทั่วประเทศ  ด้วย  Digital Picking System หรือการจัดสินค้าที่ใช้ระบบดิจิทัลเป็นตัวกำหนดและควบคุมการทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วแม่นยำในการจัดสินค้าและลดต้นทุนการจัดการได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีการจัดสินค้าขึ้นรถด้วย Digital Loading System ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลจากรายงานบนกระดาษ ซึ่งการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นสิ่งที่แอมเวย์ให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมเพื่อรองรับแผนในอนาคต”</span>

ทั้งนี้แอมเวย์เลือกโครงการ TPARK บางพลี 1 ให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ครบวงจรสู่สาขาย่อยทั่วประเทศ และด้วยคุณสมบัติ TPARK ที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานและยังมีศูนย์กระจายสินค้าที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากลบนทำเลยุทธศาสตร์ที่เหมาะกับการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของแอมเวย์และสามารถรองรับการขยายพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมได้ในอนาคต

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/854fd1db84a06641853771811a7f6873.jpg" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย), วีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทคอน</figcaption></figure>

ด้าน <strong>วีรพันธ์ พูลเกษ</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทคอน ในฐานะบริษัทแม่ของ <strong>บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK</strong> หนึ่งผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงรายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวเสริมถึงการบริการของแอมเวย์ในครั้งนี้เป็นการออกแบบตามโจทย์ที่ทีพาร์คได้รับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฎิบัติงานภายในอาคารและอาคารที่มีความสูงถึง 10 เมตร ทำให้สามารถติดตั้งชั้นวางสินค้าได้หลายชั้นจึงช่วยลดต้นทุนให้แก่ลูกค้า ประหยัดพลังงาน และมีระบบระบายอากาศที่มีมากเพียงพอที่จะสร้างความรู้สึกสบายให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในอาคาร

ทั้งนี้ วีรพันธ์กล่าวเพิ่มเติมถึงที่ดินในย่านบางพลีของ TICON ที่พัฒนาแล้วและกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้นมากกว่า 600 ไร่ คิดเป็นพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ารวมกว่า 500,000 ตารางเมตร ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อลูกค้าเดิมที่ต้องการขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างทันท่วงที รวมถึงลูกค้ารายใหม่ที่มีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าแบบเร่งด่วน จึงสามารถใช้บริการได้ทันที

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events