<h2>​'ไทวัสดุ' เผย หลังปรับโมเดลธุรกิจเป็น White Format โดยผนึกกำลังร่วมกับ 'บีเอ็นบี โฮม' ในการเป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้รับเหมา ควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อย ช่วยหนุนยอดขายปี 2566 โตขึ้น 30% พร้อมรุกตลาดในปีนี้ขยายสาขาเพิ่มรวมทั้งหมดเป็น 16 แห่ง </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยถึงกลยุทธ์การใช้โมเดลธุรกิจ White Format (ไฮบริดสโตร์) ที่ผสานความแข็งแกร่งของทั้ง 2 แบรนด์ อย่าง 'ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม' ในการเชื่อมโยงศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง สินค้าโครงสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าตกแต่งบ้าน มารวมไว้ที่เดียวกัน โดยโมเดลดังกล่าวช่วยหนุนรายได้ปี 2023 โตเพิ่มจากโมเดลธุรกิจแบบเดิมกว่า 30%&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ไทวัสดุได้ริเริ่ม New Business Model ในรูปแบบไฮบริดสโตร์ ที่เรียกว่า White Format เป็นโมเดลทดลองแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ในปี 2562 โดยได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี&nbsp; &nbsp; ต่อมาในปี 2564 จึงได้เปิดตัว White Format อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกที่สาขาศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี และได้รุกขยายเปิดสาขาเพิ่มขึ้นทั่วทุกภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับในปี 2567 จะมี White Format รวมทั้งสิ้น 16 สาขา ได้แก่ ศรีสมาน, บางแสน, รังสิต คลอง4, ภูเก็ต ฉลอง, เมืองเอก, สมุทรปราการ, เชียงใหม่ สันทราย, บางใหญ่ ,นครอินทร์, อุดรธานี กุดสระ, พระราม 3 , บางนา, บางบัวทอง, สุขาภิบาล 3, ขอนแก่น และภูเก็ต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยว่า การปรับโมเดลธุรกิจให้เป็น White Format (ไฮบริดสโตร์) ถือเป็น Game Changer ที่เข้ามาพลิกวงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน&nbsp;&nbsp; &nbsp; "ไทวัสดุถือเป็นรายแรกที่นำโมเดลดังกล่าวมาใช้เป็นเจ้าแรกในตลาด ที่จะเน้นปักหมุดตามหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพสูง มีพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. ให้บริการไลน์สินค้าครบทุกหมวดหมู่มากกว่า 50,000 รายการ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้างรวมถึงของตกแต่งบ้านที่เน้นความหลากหลายและพรีเมียมมากขึ้น ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าในเมืองที่เป็นกลุ่ม Mid-to-High ที่มีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี" สุทธิสาร กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/NeJ7Q5SqkCWytZ9kRDx9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NeJ7Q5SqkCWytZ9kRDx9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp; โดยกุญแจสำคัญของ White Format คือ การนำ Insight และ Shopping lifestyle ของลูกค้าทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของสินค้า คุณภาพ ราคา รวมถึงการบริการ และช่องทางการขายจนได้เป็นกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จของ White Format ดังนี้1.&nbsp;White Format Revolution ปราฏการณ์ใหม่ของวงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ในรูปแบบไฮบริดสโตร์ซึ่งมีการพัฒนาไลน์สินค้าเพื่อตอบโจทย์ตามเป้า Customer Mix ที่แบ่งเป็นลูกค้าเจ้าของบ้านเพิ่มขึ้น 60% และลูกค้ากลุ่มช่าง ผู้ประกอบการ 40%&nbsp;2.&nbsp;Product Variety, Branded and House Brand เพิ่มความหลากหลายของไลน์สินค้าและครบครันมากขึ้นทั้งแบรนด์ชั้นนำและ House brand รวมมากกว่า 50,000 รายการ ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือและอุปกรณ์งานช่าง ตลอดจนสินค้าของตกแต่งในบ้านอีกมากมาย&nbsp;3.&nbsp;Product Premiumization ยกระดับประสบการณ์การตกแต่งบ้านสู่ความพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Mid-to-High และ High-End&nbsp;4.&nbsp;Upgrade Shopping Ambience การอัพเกรดสินค้าและบรรยากาศ ด้วยความร่วมมือกับคู่ค้าพันธมิตร5.&nbsp;Reachable &amp; Localized Location การเปิดสาขาให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค และเร่งขยายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในกลุ่มหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งภายในปี 2567 นี้จะเปิด White Format รวมเป็น 16 สาขา และยังคงรุกขยายเปิดสาขาอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของไทวัสดุ ยังกล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากการรุกขยายสาขาในปีนี้ทั้งหมด 16 สาขาแล้ว ในปีหน้ายังมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 10 สาขา โดยแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนมากกว่าปกติที่ 50 ล้าน เป็น 100 ล้านบาท และถึงแม้ปัจุจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านใหม่จะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจแต่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของบ้านหลังเดิมก็ยังคงมีการต่อเติมหรือซ่อมแซ่มบ้านใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/6xoEqEfz2XiHJpS8sKtn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6xoEqEfz2XiHJpS8sKtn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ภาพ : ไทวัสดุ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/maguro-group-prepares-to-launch-fifth-brand-coucou" alt="MAGURO แรงต่อไม่หยุด เปิดตัว CouCou แบรนด์ที่ 5 ส่งท้ายปี 67 เตรียม Soft Opening 25 ธันวาคมนี้">MAGURO แรงต่อไม่หยุด เปิดตัว CouCou แบรนด์ที่ 5 ส่งท้ายปี 67 เตรียม Soft Opening 25 ธันวาคมนี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

​'ไทวัสดุ' ปลื้มโมเดล 'White Format' หนุนยอดขายปี 66 โต 30% ผนึกกำลัง 'บีเอ็นบี โฮม' ขยายสาขารวม 16 แห่ง ในปี 67

<h2>‘เซ็นทรัล รีเทล’ โตสวนกระแส ทำกำไรไตรมาส 3 พุ่ง 86% ส่วนรายได้ 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 193,538 ล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องธุรกิจรับไฮซีซั่น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “สำหรับผลการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ในไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 63,114 ล้านบาท (+6% YOY) กำไรสุทธิ 2,129 ล้านบาท (+86% YOY) อันเป็นผลมาจากการเดินหน้าขยายธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการปรับโฉมห้างร้านต่างๆ การเพิ่มเติมแบรนด์สินค้าใหม่ๆ ในพอร์ตโฟลิโอ ทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ตลอดจนการบริหาร 3C (Cash, Cost, Capex) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในไตรมาส 3 เซ็นทรัล รีเทล ได้มีการขยายสาขาใหม่ 2 สาขาของไทวัสดุ รวมถึงการขยาย โก โฮลเซลล์ โซนภาคใต้ ที่จังหวัดภูเก็ต 2 สาขา และการเปิดศูนย์การค้า GO! และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! อีก 1 สาขา ในประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2567 ยังเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยรายได้รวม 193,538 ล้านบาท (+6% YOY) กำไรสุทธิ 5,960 ล้านบาท (+22% YOY)”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เซ็นทรัล รีเทล เตรียมเดินหน้าสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องรับช่วงไฮซีซั่น โดยมีไฮไลต์แผนงาน ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ธุรกิจแฟชั่น - ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม เตรียมฉลอง Grand Opening “The Store of Bangkok” อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 พร้อมมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบ ‘One-Stop-Shopping’ ระดับเวิลด์คลาสลักชัวรี่ให้แก่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ธุรกิจฮาร์ดไลน์ - ไทวัสดุ เตรียมขยายเพิ่มอีก 1 สาขาที่จังหวัดแพร่ ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 DIY Home Retailer ของไทย ด้วยจำนวน 86 สาขาภายในสิ้นปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ธุรกิจฟู้ด - Tops เดินหน้าขยายสาขาท็อปส์ทุก Format อีก 9 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2567 มีท็อปส์รวมกันทั้งสิ้น 690 สาขาทั่วไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ GO Wholesale เตรียมเปิดสาขาเจริญราษฎร์ ในเดือนธันวาคม พร้อมตั้งเป้าปิดปี 2567 รวม 10 สาขาทั่วไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งศูนย์ค้าส่งอาหารที่ครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Grow with Go” และการเป็น New Growth Engine ที่สำคัญของเซ็นทรัล รีเทล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านซูเปอร์มาร์เก็ต go! (มินิ โก!) ในเวียดนาม เตรียมขยายเพิ่มอีก 4 สาขา ซึ่งจะทำให้มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 14 สาขา ใน 10 จังหวัด ภายในสิ้นปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ - ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เตรียมเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ “Strip Mall” หรือรูปแบบค้าปลีกที่มีร้านค้าหลายร้านตั้งเรียงกันเป็นแถว โดยจะเปิดตัวโมเดลนี้เป็นครั้งแรกที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขากาญจนบุรี ครบครันไปด้วยร้านค้าและบริการหลากหลาย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการ ดึงดูดทราฟฟิกลูกค้าให้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนศูนย์การค้า GO! และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในเวียดนาม เร่งเครื่องขยายเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขา Bac Lieu และสาขา Ninh Thuan เพื่อสร้างการเติบโต ตอบรับกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยตั้งเป้าปิดปี 2567 ด้วยจำนวนศูนย์การค้า GO! ทั้งสิ้น 42 สาขา ใน 32 จังหวัดทั่วเวียดนาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากแผนขยายสาขาของธุรกิจในเครือที่เติบโตแบบก้าวกระโดด เซ็นทรัล รีเทล และกลุ่มธุรกิจในเครือยังได้เตรียมจัดแคมเปญใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ CELEBRATION OF HAPPINESS เทศกาลปลายปีสุดอลังการ ที่จะเนรมิตบรรยากาศความสุขตลอดเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ต้อนรับนักท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/or-space-ramkhamhang-29" alt="จากปั๊มน้ำมันสู่การทำ ‘ค้าปลีก’ เปิดตัว ‘OR Space รามคำแหง 129’ ศูนย์การค้าแนวใหม่ Non-Oil 100%">จากปั๊มน้ำมันสู่การทำ ‘ค้าปลีก’ เปิดตัว ‘OR Space รามคำแหง 129’ ศูนย์การค้าแนวใหม่ Non-Oil 100%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

9 เดือนปีนี้ CRC รายได้ 193,538 ล้าน สิ้นปีเปิดท็อปส์ครบ 690 สาขา โรบินสันเตรียมเปิดโมเดลใหม่ ‘Strip Mall’ ที่กาญจนบุรี

<h2>ไทวัสดุ เดินหน้ากลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ทุ่ม 480 ล้านบาท รุกขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องเป็นอันดับที่ 83 เพื่อรองรับการขยายตัว EEC โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพซึ่งเป็นถนนทางหลวงสายหลัก อ.แกลง และยังถือเป็นสาขาแห่งที่ 3 ของจ.ระยอง ต่อจากสาขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านฉางและตัวเมือง </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไทวัสดุ ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล รุกขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยล่าสุดปักหมุดล้อมเมืองระยอง ด้วยงบลงทุน 480 ล้านบาท&nbsp;กับการเปิดสาขาใหม่อันดับที่ 83 ของประเทศ “ไทวัสดุ สาขาแกลง”&nbsp; และนับเป็นร้านไทวัสดุสาขาที่ 3 ของจังหวัด ต่อจากสาขาบ้านฉาง และสาขาระยอง เพื่อตอบรับทุกดีมานด์ ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม และกำลังซื้อของจังหวัดระยองที่มี GDP และ GPP&nbsp; สูงที่สุดติดต่อกันนับสิบปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสาขาดังกล่าวยังอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีมูลค่าอุตสาหกรรรมของจังหวัดระยอง ที่มีสัดส่วนมากถึง 15.8% ของอุตสาหกรรมทั้งประเทศ และเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำหลายแห่ง นอกจากนี้ การเปิด “ไทวัสดุ สาขาแกลง” ยังมีจุดเด่นคือทำเลศักยภาพซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงสายหลัก ริมถนนสุขุมวิท ตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ให้บริการมากกว่า 15,500 ตร.ม. พร้อมด้วยทัพสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าตกแต่งบ้าน และไลน์สินค้าอีกมากมายกว่า 40,000 รายการ ทั้งนี้ในพิธีเปิด “ไทวัสดุ สาขาแกลง” ได้รับเกียรติจาก นางสาวสลารีวรรณ ทัพทวี&nbsp; รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานราชการและเอกชนมาร่วมแสดงความยินดี <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/z591cYvuMcKwVv23fax3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="z591cYvuMcKwVv23fax3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เผยว่า การเปิดไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นการขยายฐานลูกค้าที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 129,000 คนในพื้นที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตในภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการ EEC ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมขนส่ง นิคมอุตสาหกรรม การลงทุนธุรกิจใหม่ในพื้นที่ของบริษัทต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศที่เข้ามาอยู่อาศัยหนาแน่นขึ้น จึงทำให้ความต้องการด้านบ้านพักอยู่อาศัย อาคารห้องชุด อาคารพาณิชย์ และโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ มีแนวโน้มสูงมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง“ไทวัสดุ สาขาแกลง” จะสามารถรองรับดีมานด์ตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ในกลุ่มลูกค้าทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ช่างรับเหมา ช่างก่อสร้าง และลูกค้ารายย่อยทั่วไป พร้อมเติมเต็มทุกมิติเรื่องงานก่อสร้างและตกแต่ง ซ่อมแซ่มบ้านให้กับชาวเมืองแกลงและพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดระยองได้เป็นอย่างดี <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/uUn4PW9Zrcq7WYT58ZU6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uUn4PW9Zrcq7WYT58ZU6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สุทธิสาร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้วางกลยุทธ์เพื่อเสริมความโดดเด่นไทวัสดุ สาขาแกลง 4 ด้าน เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำโมเดิร์นเทรดธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่มีศักยภาพสูงสุดในภูมิภาคตะวันออกดังนี้1. ตรงทุกความต้องการ ‘ไทวัสดุ สาขาแกลง’ เป็นโมเดิร์นเทรดที่รวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจรสาขาที่ 3 ของจังหวัดระยอง ครอบคลุมทั้งวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือช่าง กระเบื้อง สีและเคมีภัณฑ์ ปั้มน้ำ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงไลน์สินค้าอื่นๆ จากแบรนด์ชั้นนำมากถึง 40,000 รายการ พร้อมโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสุดคุ้มมากมาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าผู้รับเหมา ผู้ประกอบการ นายช่าง และลูกค้าทั่วไปที่อยากจะตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน ได้อย่างสะดวกสบาย ได้ของครบถูกใจและคุ้มค่ามากที่สุด2. ตรงทุกเป้าการเติบโต พื้นที่อำเภอแกลงเป็นหัวเมืองที่สำคัญของจังหวัดระยอง ด้วยความหลากหลายของสภาพภูมิศาสตร์ จึงทำให้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกรรมที่มีพืชและผลไม้เศรษฐกิจเช่น ยางพารา ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง เป็นต้น&nbsp; ด้านการท่องเที่ยวเช่น ชายหาดแหลมแม่พิมพ์ อ่าวไข่ ทุ่งโปรงทอง จุดชมวิวแหลมสน รวมถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง “ไทวัสดุ สาขาแกลง” จะมีส่วนช่วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมืองแกลงมากขึ้น อีกทั้งเกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ได้มากถึง 200 อัตรา ทำให้เกิดการกระจายรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น3. ตรงและเข้าถึงทุกรอยต่อ ไทวัสดุ สาขาแกลง ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นทางหลวงและเส้นทางคมนาคมสายสำคัญของจังหวัดระยองที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพไปยังจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี จันทบุรี ตราด และเส้นทางสายใหม่จากโครงการพัฒนาภาคตะวันออกหรืออีอีซี สามารถเชื่อมระยะทางจากกรุงเทพถึงอำเภอแกลงเพียง 170 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเส้นทางไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และเส้นทางรถไฟสายตะวันออก กับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงทำให้ไทวัสดุ สาขาแกลง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการรองรับกำลังซื้อของลูกค้าได้ทุกกลุ่มในอำเภอแกลงและพื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดระยอง4. ตรงใจทุกประสบการณ์ช้อป ไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นโมเดิร์นเทรดที่มอบประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องกรองน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน และไลน์สินค้าอีกมากมายกว่า 40,000 รายการ ในพื้นที่สโตร์ที่ทันสมัย กว้างขวาง พร้อมด้วยห้อง Construction Showroom โดยไทวัสดุเป็นเจ้าแรกที่ได้มีการจัดดิสเพลย์ตัวอย่างวัสดุและสินค้าจริงกว่า 5,000 รายการ อาทิ กระเบื้องหลังคาบ้าน เหล็กรูปพรรณ อุปกรณ์นั่งร้าน ฯลฯ พร้อมด้วยการให้บริการจากพนักงานที่เชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางช้อปปิ้งแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกสบาย ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ด้วยบริการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.thaiwatsadu.com ที่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงบริการ Chat &amp; Shop ผ่าน Line @Thaiwatsadu และสั่งซื้อผ่าน Call Center 1308&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ณ ปัจจุบัน มีสาขาครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค รวมแล้ว 48 จังหวัด โดยในปี 2567 นี้ ได้เปิดตัวสาขาใหม่แล้วทั้งสิ้น 3 สาขา ได้แก่ 1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาอุดรธานี กุดสระ 2. ไทวัสดุ สาขาอรัญประเทศ 3. ไทวัสดุ สาขาสระแก้ว โดย ไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นสาขาที่ 4 ของปีนี้ อีกทั้งนับเป็นสาขาที่ 83 ของประเทศ และยังมีแผนเปิดสาขาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/thai-watsadu-invests-500-million-baht-branch-81-aranyaprathet" alt="ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน">ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทวัสดุ เดินหน้ากลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เปิดใหม่สาขา 3 อำเภอ 'แกลง' จ.ระยอง รองรับการขยายตัว EEC

<h2>ไทวัสดุ ลุยตลาดการค้าชายแดนปักหมุด “สาขาที่ 81 อรัญประเทศ” ขยายฐานกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านพร้อมนำความครบครัน กระตุ้นเศรษฐกิจ อสังหาฯ และภาคก่อสร้าง </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไทวัสดุ ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้ารุกเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่ง Red Format “ไทวัสดุ สาขาอรัญประเทศ” สาขาที่ 81 และสาขาแรกของจังหวัดสระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 ตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ โดยมีขนาดพื้นที่บริการมากกว่า 19,000 ตร.ม. จัดเต็มสินค้าวัสดุก่อสร้างคุณภาพแบรนด์ชั้นนำกว่า 40,000 รายการ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มช่างผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา ช่างมืออาชีพ ได้อย่างตรงใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สาขาดังกล่าวถือเป็นเป็นทำเลศักยภาพ และเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าชายแดนที่สำคัญ อาทิ ตลาดโรงเกลือและตลาดมิตรภาพ อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศกัมพูชา เช่น นครวัต-นครธม รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ตั้งของธุรกิจที่สำคัญของทั้งสองประเทศ โดยตั้งเป้าช่วยรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ในอรัญประเทศ ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดสระแก้ว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/cgro93qGWvByaM5KcGMF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="cgro93qGWvByaM5KcGMF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption> </figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เผยว่า ไทวัสดุ มีหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจคือการขยายสาขาให้มีจำนวนและความครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาท ปักหมุดสาขาอรัญประเทศ ซึ่งเป็นสาขาที่ 81 ของประเทศไทย โดยสาขานี้นับเป็นสาขาแรกของจังหวัดสระแก้ว ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจในจังหวัด โดยเฉพาะเขตการค้าชายแดน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ไทวัสดุได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่สูงของอำเภออรัญประเทศ ที่มีพื้นที่กับประเทศกัมพูชา เปรียบเสมือน “ประตูสู่อินโดจีน” และเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวที่สำคัญทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยมีจุดผ่านแดนถาวรที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ถึง 2 จุดด้วยกันคือ 1. ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก 2. จุดผ่อนปรนบ้านหนองปรือ ซึ่งมีมูลค่าการค้าส่งกับประเทศกัมพูชาปีละกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/dWzJdhi9n8KEJbDbH3wg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="dWzJdhi9n8KEJbDbH3wg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/fYNz6H2W3RDpY45VHSGd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="fYNz6H2W3RDpY45VHSGd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/ydm-marketing-trend-content-creator-increase-engagement-50-percent-streaming-platform" alt="YDM เผย เทรนด์มาร์เก็ตติ้งปี 2024 แนะกลยุทธ์ 5 ข้อ 'ใช้ Content Creator สร้างแบรนด์'">YDM เผย เทรนด์มาร์เก็ตติ้งปี 2024 แนะกลยุทธ์ 5 ข้อ 'ใช้ Content Creator สร้างแบรนด์'</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน

<h2>ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างของไทยนั้นมีหลายบริษัท รู้หรือไม่ว่ารายใหญ่ๆ นั้นแต่ละปีมีรายได้ในหลักหมื่นล้าน Forbes Thailand รวบรวม 3 บริษัทค้าปลีกวัสดุก่อสร้างของไทยมาให้ดูกันว่าแต่ละรายมีกิจการที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน และใครใหญ่กว่ากัน </h2> ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/st9YpiJCtHpUA2RVBTwC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="st9YpiJCtHpUA2RVBTwC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/property/crc-thaiwatsadu-revenue-2023" alt="‘ไทวัสดุ’ ในเครือ CRC จุดพลุรายได้ปี 66 ทะลุ 4 หมื่นล้าน วางเป้า 5 ปีกวาดรายได้ 7 หมื่นล้าน">‘ไทวัสดุ’ ในเครือ CRC จุดพลุรายได้ปี 66 ทะลุ 4 หมื่นล้าน วางเป้า 5 ปีกวาดรายได้ 7 หมื่นล้าน</a><a href="https://facebook.com/ForbesThailandMagazine/?wtsid=rdr_0UvrYUMU2aJLEMCgm" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ยักษ์ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างไทย ใหญ่แค่ไหนกัน?

<h2>บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม เผยความสำเร็จจากปี 2566 ยอดขายทะลุเป้ากว่า 40,000 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนรวม 7,000 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ปี 2566 นับเป็นปีแห่งความสำเร็จของซีอาร์ซี ไทวัสดุ ที่มียอดขายรวมโตสูงสุด 40,000 ล้านบาท จากการดำเนินธุรกิจตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ภายใต้งบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 11%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนอกจากความสำเร็จในเชิงรายได้แล้ว ยังได้มุ่งเร่งแผนการขยายสาขาไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮมทุกฟอร์แมตถึง 14 สาขา ภายในปีเดียว ถือว่าเป็นปรากฏการณ์การเติบโตที่สวนกระแสเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมมีจำนวนสาขาถึง 90 แห่ง ครอบคลุม 47 จังหวัดทุกภูมิภาค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในภาพของการเติบโตของช่องทางการขายออนไลน์ตั้งแต่ปี 2563-2566 ที่ได้รับแรงผลักดันต้องปรับตัวจาก วิกฤต COVID 19 และ Digital Disruption ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงทำให้เร่งพัฒนาระบบ E-Commerce เพื่อขายสินค้าและให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบทุกช่องทาง พัฒนาเพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ซึ่งมียอดขายพุ่งแตะระดับ 1,400 ล้านบาท ภายในเวลา 4 ปี อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ถึง 145% มีลูกค้าใหม่ที่ช็อปออนไลน์มากกว่า 5,000 คน/เดือน ครองใจลูกค้าเดิมให้มีการซื้อซ้ำถึง 60% และซื้อเฉลี่ย (basket size) สูงขึ้น 12%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจำนวนลูกค้าในภาพรวมที่ซื้อทั้งหน้าร้านและออนไลน์ (Omnichannel Customers) เติบโตสูงขึ้น 46%YoY จากตัวเลขดังกล่าวช่วยการันตีได้ว่าในทุกช่องทางการขายสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จที่ผ่านมา ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้ดำเนินธุรกิจและยึดมั่น Core value ในด้านของราคา และคุณภาพเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด Low-Cost Business Model โดยมี 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) Adequate Staff การจัดจ้างพนักงานในจำนวนที่เหมาะสมกับขนาดของแต่ละพื้นที่สาขา และพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) No Fancy Decor การตกแต่งสาขาเรียบง่าย และการจัดวางดิสเพลย์ที่เน้นใช้งานได้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) Big Volume Order การซื้อและจัดหาสินค้าที่เน้น Volume สูง เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ แต่ยังคงคุณภาพที่ดีทำให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าในราคาที่คุ้มค่าและถูกกว่าที่อื่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาขีดความสามารถด้านปฏิบัติการ (In-House Operations) ด้วยความเชี่ยวชาญของบุคลากร เพื่อช่วยลดต้นทุนภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการขนส่ง (Own Transport Fleet) ด้านการออกแบบ (Store Design) และการมีบุคลาการทางด้านไอที (IT Management) เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในองค์กร ทำให้ลดการพึ่งพาจากหน่วยงานภายนอก ส่งผลดีต่อลูกค้าที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาย่อมเยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของการยกระดับประสบการณ์ช็อปให้ตรงใจลูกค้า Customer Oriented Category Development ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้า และบริการเฉพาะทางให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เรื่องงานช่างและเรื่องบ้านได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ตรงตามกระแส อาทิ Solar World กลุ่มสินค้าโซลาร์เซลล์ที่ครบครันในทุกฟังก์ชันคุณภาพมาตรฐาน Tier 1 พร้อมแพ็คเกจติดตั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โซนเฟอร์นิเจอร์โฉมใหม่แบรนด์ CALINA ที่ยกระดับความหลากหลายสำหรับทุกห้องภายในบ้าน เน้นคอนเซ็ปต์ DIY Wardrobe ที่มีบริการออกแบบ 3D ให้ลงตัวตามพื้นที่และงบประมาณ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Bike Shop โซนจักรยานเพื่อทุกคนในครอบครัวที่รักการออกกำลังกาย Consumer Electrics แผนกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ Line up Range ครบทุกขนาดและฟังก์ชั่น บนพื้นที่ดิสเพลย์กว่า 1,000 ตร.ม. และ Construction Showroom ที่ไทวัสดุเป็นเจ้าแรกในวงการที่จัดทำห้อง Construction Showroom เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อสินค้าโครงสร้างขนาดใหญ่ให้เป็นเรื่องง่าย โดยได้รวบรวมสินค้าจริงกว่า 5,000 รายการ จัดดิสเพลย์ตัวอย่างวัสดุ ข้อมูลสินค้าเชิงลึก และโซลูชั่นต่างๆ ในพื้นที่กว่า 450 ตร.ม.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงการพัฒนาช่องทาง Omnichannel ยังถือเป็นหัวใจหลัก เพื่อให้การเลือกซื้อและจับจ่ายสินค้าได้หลากหลายตอกย้ำการเป็นตัวจริงเรื่อง O2O (Online-to-Offline) ผสานทั้งจุดแข็งของออฟไลน์ และความสะดวกสบายของออนไลน์ไว้ด้วยกัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/nUgy3UfQdmvurxJ536kF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="nUgy3UfQdmvurxJ536kF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับทิศทางสร้างการเติบโตของไทวัสดุในปี 2567 นี้ ยังคงขับเคลื่อนการปูพรมขยายสาขาทุกภูมิภาคทั่วไทย (Ambitious Expansion) ภายใต้แบรนด์แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ตั้งเป้าขยายทุกโมเดล ทั้ง Red Format รูปแบบมาตรฐาน, Hybrid Format (White Format) และ Blue Format ขนาดเล็ก เจาะกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย รวมทั้งสิ้น 103 แห่ง บนพื้นที่ขายรวมกว่า 1,400,000 ตร.ม.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แผน 5 ปี (2567-2571) ได้มุ่งเป้าหมายตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร “No.1 Omnichannel DIY Home Retailer ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดด้วยยอดขาย 70,000 ล้านบาท และอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 12% เหนือการเติบโตของตลาดในภาพรวม โดยมี 3 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยนำไทวัสดุเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน 3 เรื่องหลักๆ คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) Hybrid Format (White Format) เมื่อปี 2564 ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการธุรกิจค้าปลีก ในการผู้นำรายแรกเปิดตัว New Store Model รูปแบบ Hybrid Format (White Format) โดยผนึกจุดแข็งของแบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์งานช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเพื่อบ้าน ของตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้าทั้งผู้รับเหมา ช่าง และเจ้าของบ้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. รวบรวมสินค้ามากถึง 50,000 รายการ และยังเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% โดย ณ สิ้นปี 2567 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 16 สาขา ได้แก่ ศรีสมาน, บางแสน, รังสิต คลอง 4, ภูเก็ต ฉลอง, เมืองเอก, สมุทรปราการ, เชียงใหม่ สันทราย, บางใหญ่ ,นครอินทร์, อุดรธานี กุดสระ, พระราม 3 , บางนา, บางบัวทอง, สุขาภิบาล 3, ภูเก็ต และขอนแก่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) Outperforming Online Shopping ยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การช็อปปิ้งออนไลน์ไม่มีสะดุด โดยเฉพาะการพัฒนาฟีเจอร์ (Feature) ที่มีความเป็น Unique only at Thaiwatsadu ที่เดียวเท่านั้นผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็น การอัพเดตราคาเหล็กออนไลน์รายวัน สั่งซื้อได้ทันที, ลูกค้าและผู้รับเหมาสามารถเลือกซื้อสีผสมทาอาคารกว่า 20,000 เฉดสีได้ด้วยตัวเอง, โปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยให้การคำนวนผ้าม่านสั่งตัดเป็นเรื่องง่าย พร้อมมีบริการติดตั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในช่องทางออนไลน์ได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2571&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) Supply Chain Movement เป็นผู้นำเจ้าแรกในวงการธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เปิดตัวการใช้รถบรรทุกพ่วงแม่ลูกพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) เข้ามาใช้ในการขนส่งสินค้า รองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยในปี 2567 จะเพิ่มจำนวนรวม 80 คัน คิดเป็น 32% จากรถขนส่งทุกประเภททั้งหมด ขนส่งสินค้าได้มากกว่า 700,000 พาเลท ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ถึง 7,000 ตัน ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนราคารถพ่วง EV Truck จะสูงกว่ารถบรรทุกดีเซล แต่ในระยะยาวจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง และการดูแลเครื่องยนต์ลดลงได้ถึง 16% ต่อปี เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/marketing/centralretail-crc-q-1-2024" alt="'เซ็นทรัล รีเทล' เผยไตรมาส 1/67 รายได้ 67,255 ล้านบาท โต 6% กำไรฯ พุ่ง 14% เดินหน้าธุรกิจเวียดนาม">'เซ็นทรัล รีเทล' เผยไตรมาส 1/67 รายได้ 67,255 ล้านบาท โต 6% กำไรฯ พุ่ง 14% เดินหน้าธุรกิจเวียดนาม</a><a href="https://facebook.com/ForbesThailandMagazine/?wtsid=rdr_0UvrYUMU2aJLEMCgm" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ไทวัสดุ’ ในเครือ CRC จุดพลุรายได้ปี 66 ทะลุ 4 หมื่นล้าน วางเป้า 5 ปีกวาดรายได้ 7 หมื่นล้าน

<h2 class="entry-title">เซ็นทรัล รีเทล ทุ่มงบ 500 ลบ. เปิด ไทวัสดุ สาขาที่ 61 ใหม่ล่าสุด พื้นที่กว่า 19,000 ตรม. รองรับการเติบโตตลาดอสังหาฯ ภาคอีสาน ชี้กำลังซื้อกลุ่มฮาร์ดไลน์วัสดุก่อสร้างเริ่มกลับ รับการฟื้นตัวธุรกิจโดยรวม</h2>
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ซีอาร์ซี เดินหน้าขยายธุรกิจ ประเดิมต้นปี 65 ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ “ไทวัสดุ สาขาชัยภูมิ” ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล บนพื้นที่กว่า 19,000 ตารางเมตร รองรับความต้องการการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชี้กำลังซื้อกลุ่มฮาร์ดไลน์วัสดุก่อสร้างเริ่มกลับ รับการฟื้นตัวธุรกิจโดยรวม คาดสร้างยอดขายเติบโต 15% พร้อมตั้งเป้าขยาย 10 สาขาในปี 2565

สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัดในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้เดินหน้าการขยายธุรกิจ ไทวัสดุ อย่างต่อเนื่องกว่า 60 สาขา ในระยะเวลา 12 ปี ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดสาขาที่ 61 สาขาชัยภูมิ ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดชัยภูมิที่เป็นจังหวัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญและเข้มแข็งแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท

เจาะกลุ่มเป้าหมายฐานลูกค้าเก่าซึ่งเป็นลูกค้าทั่วไปที่ต้องการปรับปรุง ซ่อมแซม บ้านเก่าและสร้างใหม่ รวมถึงกลุ่มผู้รับเหมา ด้วยแนวคิดศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย “ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี” และสานต่อกลยุทธ์ออมนิชาแนลผ่านช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างภายในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง

สำหรับสาขาชัยภูมิ อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ มีขนาดพื้นที่ 19,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนหลักทางหลวงหมายเลข 201 มีบ้านเรือนมากกว่า 170,000 ครัวเรือน ในรัศมี 30 กิโลเมตร ที่รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญและมีศักยภาพ ใกล้กับใจกลางเมือง แหล่งชุมชนและแหล่งช้อปปิ้ง

<img class="alignnone size-full wp-image-60260" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/ไทวัสดุ_00301.jpg" alt="" width="650" height="433" />

“การขยายสาขาไทวัสดุในครั้งนี้ นอกจากเป็นการส่งมอบสินค้าคุณภาพและบริการเกี่ยวกับบ้านที่มีคุณภาพให้กับชาวชัยภูมิแล้ว ยังคงเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชาวชัยภูมิ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจฮาร์ดไลน์ไทย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ตามเป้า”

ด้านภาพรวมสถานการณ์ของธุรกิจฮาร์ดไลน์สินค้าวัสดุก่อสร้างของประเทศ ในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา อยู่ในช่วงการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ สืบเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และมาตรการผ่อนคลายเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนโดยรวมของคนทั้งประเทศที่ส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น

แม้สถานการณ์โดยรวมในปี 2565 ยังคงมีความท้าทายแต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ดี ของธุรกิจฮาร์ดไลน์สินค้าวัสดุก่อสร้างที่จะมีการฟื้นตัวประมาณร้อยละ 15 ตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยคาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวมากขึ้นภายในครึ่งปีหลังของปี 2565 นี้ ด้วยเหตุนี้ ซีอาร์ซีฯ
พร้อมตอบรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างที่กำลังขยายตัวสวนกระแสเศรษฐกิจ เสริมศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างมั่นคง ตั้งเป้าการขยาย 10 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศในปี 2565 ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจฮาร์ดไลน์เบอร์หนึ่งของประเทศไทย” สุทธิสาร กล่าวปิดท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%AD-%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AA.html">ดับบลิวเอชเอ ผนึกกำลัง สมิติเวช พัฒนา WHAbit ตอบโจทย์ดิจิทัลเฮลธ์แคร์</a>

&nbsp;

&nbsp;

เซ็นทรัล รีเทล เดินเกมรุกชัยภูมิ เปิด ไทวัสดุ รับการฟื้นตัวธุรกิจ

<h2 class="p1">ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจซบ รายได้พุ่ง 3 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายสาขา 7 แห่ง ปี 2563 ลงทุน 3.5 พันล้านบาท ผุดโมเดลใหม่ไซส์เล็ก รูปแบบดิจิทัล สโตร์ เจาะพฤติกรรมคนไทยซื้อของออนไลน์</h2>
 สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างในปีนี้ชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่หายไปในกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยในประเทศไทย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับไทวัสดุยังเติบโตสวนกระแสจากการขยายสาขาเพิ่ม ด้วยอัตราการเติบโต 20% รวมรายได้ 3 หมื่นล้านบาทในปีนี้
 “ภาพรวมของธุรกิจวัสดุก่อสร้างปีนี้ชะลอตัวกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและกลุ่มชาวต่างชาติที่หายไป โดยเฉพาะชาวจีนที่ก่อนหน้านี้เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และซื้อวัสดุ ของตกแต่งบ้าน ขณะที่ในกลุ่มมนักท่องเที่ยวก็ลดลง ส่งผลต่อธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารเปิดสาขาน้อยลง ความต้องการในตลาดวัสดุและของตกแต่งบ้านก็ลดลงตามไปด้วย” สุทธิสารกล่าว

<ul>
 	<li><header class="entry-header"><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/investment-outlook/%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%b2.html">กำลังซื้อคนจีน ในอสังหาฯ ไทย</a></header></li>
</ul>
&nbsp;
<h2 class="p1">ทุ่ม 3.5 พันล้านขยายสาขา</h2>
 สุทธิสาร กล่าวว่า ช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ ธุรกิจไทวัสดุไม่ขยายตัว เนื่องจากหยุดขยายสาขาเพื่อต้องการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและผู้รับเหมา หลังจากนั้นจึงเริ่มกลับมาขยายสาขาอีกครั้งตั้งแต่ปี 2560 จำนวน 3 สาขา ปี 2561 จำนวน 4 สาขา ปี 2562 จำนวน 5 สาขา และในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายขยายสาขารวม 7 แห่ง โดยใช้งบลงทุน 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นสาขาขนาดปกติที่มีพื้นที่ 30 ไร่ขึ้นไป จำนวน 5 สาขา และสาขาขนาดเล็ก พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ จำนวน 2 สาขา
ในปัจจุบัน ไทวัสดุมีสาขารวม 50 แห่ง แบ่งเป็นต่างจังหวัด 35 สาขา และกรุงเทพฯ 15 สาขา โดยสาขาล่าสุดสาขาที่ 50 อยู่ที่เขตหนองจอก เป็นรูปแบบใหม่ “ไทวัสดุ ก่อสร้าง ฮาร์ดแวร์ สุขภัณฑ์” เป็นดิจิทัล สโตร์ที่มีขนาดพื้นที่และจำนวนพนักงานลดลง 50% จากสาขาปกติ และใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยใช้งบลงทุน 300 ล้านบาท จากปกติจะใช้งบลงทุนสาขาละ 500 ล้านบาท
&nbsp;
<h2 class="p1">มุ่งไซส์เล็ก-ดิจิทัลสโตร์</h2>
 สุทธิสาร กล่าวว่า การขยายสาขาในรูปแบบใหม่ที่มีขนาดพื้นที่ลดลง เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในชุมชนได้มากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการในรัศมีการเดินทางไม่เกิน 15 กิโลเมตร แต่ยังมีสินค้าวัสดุก่อสร้างครบ จำนวนกว่า 20,000 รายการ โดยบริษัทได้นำระบบช็อปปิ้งผ่าน Android Application “Easy Shopping App” ที่ลูกค้าสามารถสแกน QR Code ของสินค้าที่ต้องการ เลือกจำนวน กดยืนยัน และชำระเงินที่จุด Check-Out จะได้รับสินค้าภายใน 15 นาที โดยที่ไม่ต้องหยิบสินค้าใส่รถเข็น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
<img class="alignnone size-full wp-image-24995" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/tw02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ E-ordering ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากที่บ้าน และมารับสินค้าที่สโตร์ หรือมีบริการส่งฟรีในรัศมี 30 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 และในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเป็นให้บริการอี-คอมเมิร์ซอย่างครบวงจร
 “ทุกวันนี้พฤติกรรมของลูกค้ายอมรับในเทคโนโลยีมากขึ้น นิยมช็อปปิ้งออนไลน์ แม้ในธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างยังมาไม่เต็มที่ แต่เทรนด์มาแน่นอน เราจึงเริ่มต้นทดลองให้บริการดิจิทัลสโตร์ที่สาขาหนองจอก ซึ่งถือเป็นแหล่งชุมชนที่มีที่อยู่อาศัยหนาแน่น” สุทธิสารกล่าว
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b9%8c-%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%9f%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%a5%e0%b9%8c-%e0%b9%80.html">อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เปิดเกมรุก Ho Chi Minh City</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events