Classique 7145 Lunar New Year 2025

Breguet (เบรเกต์) รังสรรค์ที่สุดแห่งเรือนเวลา ได้คัดสรรค์ 5 คอลเลกชันเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่มีความความสง่างามเหนือกาลเวลา ​คลาสสิคเหนือกาลเวลา <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/y1bBQBTcwid6hgR7FSwy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="," data-align="center" data-index="12" data-file-name="y1bBQBTcwid6hgR7FSwy.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="569px,379px" style="" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto"><figcaption><div>Breguet Classique 7337</div></figcaption></figure></div><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/m3R4Era6Jwov7Q3HBrqy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="13" data-file-name="m3R4Era6Jwov7Q3HBrqy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลเลกชัน Classique ร่วมรำลึกถึงสไตล์และการออกแบบของผู่ก่อตั้ง Breguet ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาพก No. 3833 นาฬิกาข้อมือเรือนนี้มาพร้อมฟังก์ชันแสดงวัน, วันที่ และข้างขึ้น-ข้างแรม บนหน้าปัดแกะสลักลายด้วยมือ กับตัวเรือนขนาด 39 มม. พร้อมขอบตัวเรือนขัดเงางดงาม หน้าปัดสีโรสโกลด์ให้ความหรูหรา ใช้กลไกอัตโนมัติขั้นสูงและมีความซับซ้อนทั้ง การสำรองพลังงาน, เข็มวินาทีขนาดเล็ก, ข้างขึ้น-ข้างแรม, วันที่ และวัน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/dZg214vxCSzCQ5RCt7yQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="7" data-file-name="dZg214vxCSzCQ5RCt7yQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>Breguet Classique 7137</div></figcaption></figure></div><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/guQwVjDkSdFwtqAsafLm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="8" data-file-name="guQwVjDkSdFwtqAsafLm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Breguet Classique รุ่น 7137 ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาพก No. 5 อันโด่งดังของแบรนด์ โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำขาว 18k พร้อมกลไกอัตโนมัติแบบบางพิเศษ มาพร้อมฟังก์ชันบอกเวลา, วันที่, ข้างขึ้น-ข้างแรม, อายุของดวงจันทร์ และการสำรองพลังงาน หน้าปัดสีฟ้าโดดเด่น และฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นความงดงามของกลไก รุ่นนี้ยังมีตัวเลือกในตัวเรือนทองและโรสโกลด์ พร้อมหน้าปัดสีที่แตกต่างกัน ผลงานอมตะแห่งโลกเวลา <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/hTdwUTvAxKWhunzbhBMP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="," data-align="center" data-index="11" data-file-name="hTdwUTvAxKWhunzbhBMP.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="569px,379px" style="" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto"><figcaption><div>​Classique Tourbillon Extra-Plat 5367</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Breguet ผู้เชี่ยวชาญหลากศาสตร์ รวมถึงดาราศาสตร์ ใช้ชื่อ "Tourbillon" ซึ่งหมายถึงวงโคจรของดวงดาว ตั้งชื่อกลไกที่เขาคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาแรงโน้มถ่วงกระทบความแม่นยำ โดยใช้ "กรง" หมุนชุดกลไกเพื่อลดแรงกด กลไกนี้ถือเป็นนวัตกรรมสูงสุดในวงการนาฬิกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิกาเรือนนี้มีหน้าปัดเคลือบ "Grand feu" และ Tourbillon บางพิเศษที่มองเห็นได้ผ่านฝาคริสตัลแซฟไฟร์ การออกแบบเรียบง่ายเพื่อเน้น Tourbillon อันโดดเด่น พร้อมแท่งยึดปรับองศา ประดับสปิเนล เข็มสีน้ำเงิน Breguet ตัดกับพื้นขาวชัดเจน ตัวเลขอารบิกเยื้องศูนย์ที่ 11 นาฬิกา ตรงข้าม Tourbillon ที่ตำแหน่ง 5 นาฬิกา ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาพกของ A.-L. Breguet ผู้ซึ่งพลิกโฉมนาฬิกาในยุคนั้น ​หลอมรวมสุนทรียศาสตร์ดั้งเดิมเข้ากับความล้ำนำสมัย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/cf8z7DcRuwYKQGrXT2iy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="15" data-file-name="cf8z7DcRuwYKQGrXT2iy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>​Tradition Seconde Rétrograde 7097</div></figcaption></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิการุ่นนี้จากคอลเลกชัน Tradition หน้าปัดเยื้องศูนย์อันเป็นเอกลักษณ์ มีการแสดงเข็มวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ด้วยกลไก retrograde hand โดดเด่นด้วยการออกแบบสมมาตร โดยเผยองค์ประกอบกลไกสำคัญ เช่น bridges, wheels, escapement และ barrel บนแผ่นหลัก จุดเด่นอีกประการคือระบบ pare-chute ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของ Breguet เพื่อป้องกันแรงกระแทกที่แกนบาลานซ์ และยังถือเป็นต้นแบบของระบบป้องกันแรงกระแทกในยุคสมัยปัจจุบันอีกด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/sUvvTqCQxoyWcsuThEQe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="," data-align="center" data-index="14" data-file-name="sUvvTqCQxoyWcsuThEQe.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="569px,379px" style="" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto"><figcaption><div>​Tradition 7038</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Breguet ผสานความงามของเครื่องประดับเข้ากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสุดประณีต หน้าปัดเล็กเผยลวดลายกุหลาบบนตัวเรือนหลัก และบาร์เรลที่มองเห็นได้ผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ ขอบตัวเรือนและบัคเคิลประดับเพชรเจียระไนแบบ brilliant-cut พร้อมเม็ดมะยมตกแต่งด้วยอัญมณี เติมเต็มความหรูหราอย่างลงตัว ไอคอนแห่งเรือนเวลาชั้นสูงสำหรับสุภาพสตรี <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/gZKyCZREQ8WG3xrcohPs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="16" data-file-name="gZKyCZREQ8WG3xrcohPs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>​Reine de Naples 8918</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Breguet คือ พระนางคาโรลีน มูราต์ ราชินีแห่งนครเนเปิลส์ ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของจักรพรรดินโปเลียน หลังจากที่ทรงซื้อทั้งนาฬิกาตั้งโต๊ะและนาฬิกาพกจาก Breguet หลายเรือน พระองค์ได้มีรับสั่งในปี 1810 ให้ผลิต "นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก" ขึ้น ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี 1812 โดยในปัจจุบัน นาฬิกาเรือนนี้ได้ถูกตีความใหม่ในคอลเลคชั่น Reine de Naples หรือ Queen of Naples ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิการุ่นนี้โดดเด่นด้วยตัวเลข Breguet ขนาดใหญ่ล้อมรอบวงบอกเวลา และเข็มแบบพระจันทร์เสี้ยวอันสง่างาม ประดับอัญมณีทรงลูกแพร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตัวเชื่อมสายทรงกลม ขอบตัวเรือน ขอบหน้าปัด และเม็ดมะยมประดับเพชรเพิ่มความเจิดจรัส ด้วยตัวเรือนขนาด 35.60 x 28.45 มม. ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/7YuznS1HyvE2fCMUaZNG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="18" data-file-name="7YuznS1HyvE2fCMUaZNG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>​Reine de Naples 9838</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งผลงานที่โดดเด่นคือ นาฬิกาที่มีเข็มนาทีที่เปลี่ยนรูปตามตำแหน่งบนหน้าปัดทรงรี ด้วยกลไกอันชาญฉลาดที่ได้รับการจดสิทธิบัตรจาก Breguet เข็มนาทีประกอบด้วยแขนสองข้างที่เชื่อมต่อกันที่ปลาย แต่เคลื่อนไหวแยกจากกันอย่างอิสระ แขนทั้งสองจะยืดและหดตามการเคลื่อนไหวของเข็ม โดยแต่ละข้างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน ทำให้เข็มดูพลิ้วไหวและเปลี่ยนรูปร่างไปตามเส้นทางจากตำแหน่ง 12 นาฬิกาไปยัง 6 นาฬิกา การเคลื่อนไหวนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นโค้งในคอลเลคชั่น Reine de Naples&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีขาวที่ตัดกับสายหนังอัลลิเกเตอร์สีน้ำเงินเข้ม ตัวเรือนทองคำขาวประดับไพลินสีน้ำเงินที่ขอบตัวเรือน ขอบหน้าปัด และเม็ดมะยม เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร เรือนเวลาระดับตำนานแห่งการบิน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/r8E7V6k9jxPp4Wi4VXT3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="19" data-file-name="r8E7V6k9jxPp4Wi4VXT3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>​Type XX Chronographe 2067</div></figcaption></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Breguet มีประวัติยาวนานในวงการการบินและทหาร โดยเริ่มต้นจากการออกแบบนาฬิกาสำหรับนักบินและเครื่องมือสำหรับการบินในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยได้รับคำสั่งจากกองทัพฝรั่งเศส การออกแบบเหล่านี้ช่วยให้การเดินทางทางอากาศแม่นยำยิ่งขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Breguet เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์ที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านเทคโนโลยีการบินและนาฬิกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิกาสตีลขนาด 42 มม. รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกา Type XX รุ่นพลเรือนในยุค 1950-1960 หน้าปัดสีดำแสดงฟังก์ชันจับเวลา ได้แก่ ตัวนับ 15 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ตัวนับ 12 ชั่วโมงที่ 6 นาฬิกา และเข็มวินาทีที่ 9 นาฬิกา ตัวเลขอารบิก เข็มนาฬิกา และสามเหลี่ยมบนขอบหน้าปัดเคลือบสารเรืองแสงสีงาช้าง พร้อมช่องแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 4:30

5 คอลเลกชัน เรือนเวลาสุดเลอค่าจาก Breguet

<h2>The House of Breguet และ Marc Hayek ประธานบริษัท มีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้ง Gregory Kissling เป็น CEO ของ Breguet</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Gregory Kissling เป็นวิศวกรด้านไมโครเทคโนโลยีและมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA) รวมถึงปริญญาโทด้านการจัดการธุรกิจลักชัวรี เขาได้ร่วมงานกับ Swatch Group มานานกว่า 20 ปี โดยเข้าบริหารดูแลแบรนด์ Omega และดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง กระทั่งในปี 2022 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธาน Vice President ดูแลด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เขายังมีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างในอุตสาหกรรม และเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านทางเทคนิคความสวยงามของการออกแบบ และความสามารถในการเป็นผู้นำ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ของ Breguet อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2024 เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเข้ารับตำแหน่งของคุณ Kissling ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตของ Breguet ในตลาดโลก และถือเป็นการเริ่มต้นบทใหม่สำหรับบริษัทเรือนเวลาชั้นนำแห่งนี้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/forbes-life/the-eye/hublot-big-bang-e-gen-3-uefa-euro-2024-wathc-popup-store" alt="HUBLOT เผยโฉมนาฬิกาสำหรับยูฟ่า ยูโร 2024™ พร้อมเปิดตัว Popup Store เอาใจสาวกแบรนด์ผู้ชื่นชอบฟุตบอลถึง 7 ก.ค.นี้">HUBLOT เผยโฉมนาฬิกาสำหรับยูฟ่า ยูโร 2024™ พร้อมเปิดตัว Popup Store เอาใจสาวกแบรนด์ผู้ชื่นชอบฟุตบอลถึง 7 ก.ค.นี้</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Gregory Kissling ได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ของ Breguet

เรือนเวลาชั้นสูงอันน่าจับตา Classique Double Tourbillon "Quai de l'Horloge" 5345

เรือนเวลาที่มาพร้อมนิยามบทใหม่จาก House of Breguet สะท้อนถึงความรักด้วยรายละเอียดลูกเล่นโทนสีแดง ที่งดงามโดดเด่นอย่างกลมกลืนกับหน้าปัดสีขาวมุก mother-of-pearl ขอบหน้าปัดด้านในตกแต่งด้วยทับทิมสีแดงทำมือจำนวน 66 เม็ด พร้อมขอบหน้าปัดเรียงร้อยประดับเพชร คู่ไปกับเม็ดมะยมตกแต่งทับทิมเจียระไนทรงหลังเบี้ย หน้าปัดย่อยแบบ offset ถูกแต่งแต้มเป็นรูปหัวใจดวงเล็กๆ เข็มชั่วโมงและนาทีก็มาในสีแดงเช่นกัน เข้ากันอย่างลงตัวกับสายหนังอัลลิเกเตอร์สีแดง นอกจากนี้ ขานาฬิกาและตัวล็อคสายนาฬิกาก็ยังประดับเพชรด้วยมืออีกด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/NMKFpeATza3aueW26gCF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NMKFpeATza3aueW26gCF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/6gWdE63P2tQW56nLJehk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6gWdE63P2tQW56nLJehk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​กลไก ณ ใจกลางหน้าปัดขนาด 33 มม. เป็นที่ตั้งของกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ 586/1 ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วน 180 ชิ้น สามารถสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์ คาลิเบอร์ประกอบด้วยบาลานซ์สปริงที่ทำจากซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติหลากหลาย นอกจากจะทนทานต่อการกัดกร่อนและการสวมใส่แล้วซิลิคอนยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กด้วย ดังนั้นจึงช่วยให้กลไกมีความเที่ยงตรงยิ่งขึ้น ด้านชิ้นส่วนกลไก ไม่ว่าจะเป็นชิ้นที่อวดโฉมให้เห็นหรือแม้แต่ชิ้นที่มองไม่เห็นก็ตาม ทุกชิ้นล้วนผ่านการตกแต่งอย่างประณีตด้วยมือตามแบบฉบับของ Breguet ทั้งสิ้น ด้านหลังหน้าปัดไวท์โกลด์กรุคริสตัลแซฟไฟร์ เผยให้เห็นโรเตอร์แพลทินัม ที่ตกแต่งด้วยลาย Côtes de Genève (โกท เดอ เฌอแนฟ) และเทคนิคการลบเหลี่ยมคม (beveling) ของชิ้นส่วนกลไก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/nVu2StciCoTVk5bLLPKj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nVu2StciCoTVk5bLLPKj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​เรือนเวลาแห่งราชินีด้วยความหลงใหลในศิลปะ เมื่อครั้งทรงครองแคว้นเนเปิลส์ พระราชินีแคโรลีน มูราต์ (Caroline Murat) พระขนิษฐาในจักพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) ทรงได้ให้การอุปถัมภ์สนับสนุนผลงานศิลป์ และยังทรงครอบครองนาฬิกาและนาฬิกาข้อมือ Breguet กว่า 30 เรือนอีกด้วย ในยุคสมัยที่สตรีสวมใส่นาฬิกาในรูปแบบสร้อยคอ พระราชินีแคโรลีน มูราต์ ได้ทรงมีพระราชดำริให้อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ (Abraham-Louis Breguet) รังสรรค์นาฬิกาแบบล้ำยุคขึ้น นั่นคือ นาฬิกาที่สำหรับสวมใส่บนข้อมือ ดังนั้นในปี 1810 อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ จึงได้เริ่มสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกและชิ้นเดียวขึ้น นั้นคือนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกริเริ่มจากอิสตรี รังสรรค์โดยบุรุษ นาฬิกาแห่งประวัติศาสตร์เรือนนี้เสร็จสมบูรณ์ในปี 1812 และผ่านการซ่อมแซมในปี 1849 และ 1855 ตามที่ปรากฏในบันทึกของ Breguet ซึ่งเมื่อไล่ย้อนดูตามประวัติศาสตร์และคุณลักษณะของนาฬิกาเรือนนี้ ปรากฏว่าไม่พบหลักฐานใดๆ อีกเลยในบันทึกหลังจากนั้น นาฬิการูปทรงไข่นี้หน้าปัดทำจากเงินสลักตกแต่งลวดลายกิลโยเช่ (guilloche) ดูงดงามหรูหราอย่างยิ่ง และยังประกอบด้วยกลไกขั้นสูงไม่ว่าจะเป็น minute repeater, moon phase แสดงข้างขึ้นข้างแรม และสายทำจากเส้นผมถักผสานกับเส้นด้ายทองคำ ที่ช่วยให้สามารถสวมใส่บนข้อมือได้ ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/2m122CDAH4boZ1wq7XeC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2m122CDAH4boZ1wq7XeC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> ​คุณสมบัติของนาฬิกา&nbsp;Reine de Naples 8925BB/58/944 D0 ลิมิเต็ด อิดิชั่น เพียง 28 เรือนเท่านั้นในโลกตัวเรือน: ไวท์โกลด์ 18K, ด้านหลังกรุคริสตัลแซฟไฟร์, ขอบหน้าปัดและตัวล็อคสายประดับเพชร 73 เม็ด (ประมาณ 1.062 กะรัต) ขอบหน้าปัดด้านในประดับทับทิม 66 เม็ด (ประมาณ 0.145 กะรัต), เม็ดมะยมตกแต่งด้วยทับทิม 0.27 กะรัต)ขนาด: 33 มม. X 24.95 มม.ความหนา: 8.5 มม.หน้าปัด: มุก mother-of-pearl สีธรรมชาติ, หน้าปัดย่อยแบบ offset พร้อมตัวเลขอารบิกในแบบฉบับของ Breguetเข็มนาฬิกา: สีแดงเคลืบเงา แบบ open-tipped ในแบบฉบับเฉพาะของ Breguetฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมงและนาทีระบบกลไก: ขึ้นลานอัตโนมัติเอสเคปเมนท์: บาลานซ์สปริงแบบ flat ทำจากซิลิคอนประสิทธิภาพการกันน้ำ: 3 บาร์ (30 ม.)กลไก: คาลิเบอร์ 586/1ความถี่: 3 เฮิรตซ์สำรองพลังงาน: 38 ชั่วโมงสายนาฬิกา: สายหนังอัลลิเกเตอร์ ตัวล็อคสายประดับเพชร 28 เม็ด (ประมาณ 0.164 กะรัต)

Breguet (เบรเกต์) ต้อนรับวันวาเลนไทน์ด้วยเรือนเวลาสุดไอคอนิค Reine de Naples (แรน เดอ นาปล์) รุ่นใหม่ ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความงดงามดั่งบทกวี อีกทั้งยังเป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นสุดพิเศษที่มีเพียง 28 เรือนเท่านั้นในโลก

<h2>Breguet เผยโฉมคอลเล็กชันใหม่ Reine de Naples เรือนเวลาสุดล้ำค่าแด่เหล่าสุภาพสตรีผู้หลงใหลเครื่องประดับอันงดงามและความประณีต โดยศิลปะแห่งการรังสรรค์ผลิตผลงานรุ่นดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก </h2> &nbsp; &nbsp; ความงดงามของคอลเล็กชัน แรน เดอ นาปล์ (Reine de Naples)&nbsp;8918&nbsp;แบรนด์นาฬิกาหรูที่มีประวัติมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษอย่าง&nbsp;Breguet&nbsp;ถือเป็นสุดยอดไอคอนแห่งเรือนเวลาชั้นสูงสำหรับสุภาพสตรีที่รังสรรค์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกซึ่งประดิษฐ์ขึ้นในปี 1812 เพื่อถวายแด่&nbsp;แคร์โรลีน มูราต์ (Caroline Murat) พระราชินีแห่งเนเปิลส์ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/xCZuy2EdB2AcRMUjytt1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xCZuy2EdB2AcRMUjytt1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามบันทึกกล่าวไว้ว่า เรือนเวลานี้เป็นรูปทรงไข่ ส่วนรูปทรงรีในปัจจุบันนั้นเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทั่วโลก และยังมีกลไกเอ็กซ์คลูซีฟหลากหลายที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ เช่น “Day-Night" และ "Striking Hour" นี่จึงไม่ใช่การนำนาฬิกาของสุภาพบุรุษมาปรับแต่งลดขนาดและประดับเพชรเพิ่มเติมอย่างแน่นอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้มีด้วยกันหลากหลายรุ่น นับตั้งแต่สไตล์แคชชวลแต่ยังคงความหรูหรา อย่างรุ่น “Princess” ต่อเนื่องไปจนถึงเรือนเวลาประดับเพชรอันงามสง่า ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้สวมใส่อย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/LSR9Si6nFziBh5zQ84Cg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LSR9Si6nFziBh5zQ84Cg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ดีไซน์สุดหรูหราเพื่อความงามอันล้ำค่าแก่สุภาพสตรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเรือนของ แรน เดอ นาปล์ (Reine de Naples) รุ่นนี้ ผลิตขึ้นโดยเลือกใช้วัสดุโรสโกลด์ 18K ด้านหลังกรุคริสตัลแซฟไฟร์ ขอบหน้าปัดและเพลทหน้าปัด (dial flange) ประดับเพชร 117 เม็ด เม็ดมะยมประดับเพชร หน้าปัดเคลือบสีลงยา ด้วยเทคนิค “grand feu” (กรองด์ เฟอ) ซึ่งเทคนิคดังกล่าว ปัจจุบันมีช่างฝีมือชาวสวิสผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรังสรรค์ศิลปะแขนงนี้ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของกรอบหน้าปัดทรง off-centered และตัวเลขอารบิกถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์หรือ signature ของแบรนด์เบร์เกต์ พร้อมประดับเพชรทรงหยดน้ำ ด้านกลไกเพื่อใช้บอกเวลาได้อย่างแม่นยำเที่ยงตรงเป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติ ประกอบด้วยเอสเคปเมนท์ซิลิคอนและโรเตอร์แพลตตินั่มสลักลาย guilloche&nbsp;(กิลโยเช่) ด้วยมือ ขณะที่สายของนาฬิกานั้นผ่านคัดสรรมาอย่างดีจากหนังของลูกวัว ส่วนตัวล็อคของสายนาฬิกามีการประดับเพชรเพื่อเปล่งประกายแวววาวสร้างความหรูหราอีกจำนวน 28 เม็ด ซึ่งเรือนเวลาอันสุดล้ำค่ารุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ที่ระดับ 3 บาร์ (30ม.)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/JLudTFDX54kFXT8xS3XS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JLudTFDX54kFXT8xS3XS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/global/breguet-%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%8C-streaming-time-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-frieze-seoul-2023" alt="Breguet ชูคอนเซ็ปต์ “Streaming Time” ตอกย้ำศาสตร์แห่งศิลป์ในงาน Frieze Seoul 2023">Breguet ชูคอนเซ็ปต์ “Streaming Time” ตอกย้ำศาสตร์แห่งศิลป์ในงาน Frieze Seoul 2023</a>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-type-xx-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-7-%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99" alt="เบรเกต์ เผยโฉมใหม่ Type XX ไอคอนกว่า 7 ทศวรรษแห่งประวัติศาสตร์การบิน">เบรเกต์ เผยโฉมใหม่ Type XX ไอคอนกว่า 7 ทศวรรษแห่งประวัติศาสตร์การบิน</a>​ <a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes" alt="คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a>&nbsp;

Breguet เผยโฉมใหม่ Reine de Naples เรือนเวลาสุดหรูเพื่อสตรีผู้หลงใหลศิลปะแห่งความประณีต

<h2>Breguet ชูคอนเซ็ปต์ Streaming Time ตอกย้ำศาสตร์แห่งศิลป์ของแบรนด์นาฬิกาสุดหรู ร่วมโชว์ในงาน Frieze Seoul 2023 ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อตอกย้ำคุณค่าแห่งศิลปะและการเป็นผู้ผลิตเรือนเวลาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 250 ปี แบรนด์นาฬิกาดังสุดหรูอย่าง Breguet จึงคงคอนเซ็ปต์ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลแสดงศิลปะระดับโลก Frieze Seoul 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยงานดังกล่าวได้จัดขึ้นล่าสุด ณ ศูนย์ประชุม Coex กรุงโซล เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 6-9 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางบรรยากาศอันเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้าเยี่ยมชมภายในงาน พื้นที่สำหรับจัดแสดงเรื่องราวศาสตร์และศิลป์แห่งการผลิตเรือนเวลาชั้นสูงของแบรนด์ Breguet สามารถดึงดูดให้กลุ่มคนหลากหลาย ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน รวมถึงกลุ่มคนผู้ชื่นชอบ หลงใหล และสะสมงานศิลปะ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาชมส่วนต่างๆ ภายในบูธกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/ZewZ4R8ATqS2bxDQExiL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ZewZ4R8ATqS2bxDQExiL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/jsV2ANAS8jZxUeCVBqzL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="jsV2ANAS8jZxUeCVBqzL.jpg" data-file-size="0" origin-size="1479,1109" data-origin="1050px,788px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/VLEJcNM1Qk7r3kCnRkg9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VLEJcNM1Qk7r3kCnRkg9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Streaming Time” คือ คอนเซ็ปต์การนำเสนอเรื่องราวของ Breguet ในปีนี้ โดยประสานความร่วมมือกับ Somi Sim ภัณฑารักษ์ (curator) ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต การออกแบบ และศิลปะร่วมสมัย จากเกาหลีใต้ ในการเรียงร้อยถ้อยคำพร้อมรังสรรค์คัดเลือกผลงานต่างๆ ให้เกิดขึ้นมาได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในพื้นที่การจัดแสดง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรุงโซล ถือเป็น 1 ในมหานครที่ไม่เคยหลับไหล ผู้คนต่างไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวภายใต้แสงไฟ... “เวลา” ที่เกิดขึ้นของกรุงโซลขับเคลื่อนตัวด้วยพลังงานอันน่าทึ่งโดยไม่มีการแบ่งขอบเขตระหว่างกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังถือเป็น 1 ในเมืองใหญ่จากทั่วโลกที่มีเอกลักษณ์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเนื้อหาทางวัฒนธรรมใหม่ และยังคงขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับระบบเทคโนโลยีการ Streaming คอนเทนต์เนื้อหาในรูปแบบต่างๆ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/b3NSzuEFu5MsT74NiKCR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="b3NSzuEFu5MsT74NiKCR.jpg" data-file-size="0" origin-size="1479,1109" data-origin="1068px,801px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Somi Sim บอกเล่าถึงความร่วมมือกับ Breguet ในครั้งนี้ว่า “เป็นผลมาจากความประทับใจในความรู้ ความชำนาญ และความพิถีพิถันของช่างฝีมือ Breguet ซึ่งเลื่องชื่อในการประดิษฐ์นาฬิกาและยังพัฒนาศาสตร์แห่งศิลป์ของการบอกเวลาควบรวมเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น การเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกยุคดิจิทัลที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เช่น เรื่องของเวลาในการ Streaming ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและผ่านไป จะเป็นตัวเชื่อมในการสร้างบทสนทนาระหว่างศิลปะและศาสตร์แห่งศิลป์ของการบอกเวลาได้เป็นอย่างดี” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ 2 ศิลปินรุ่นใหม่ของเกาหลีใต้ที่ได้รับเลือกจาก Somi Sim ให้เป็นตัวแทนนำเสนอเรื่องราวศิลปะและการบอกเล่าเรื่องราวของเวลา จากแนวคิดของรูปแบบงานศิลป์ที่แตกต่างกันแต่ยังคงอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Streaming Time” ได้แก่ Sungseok Ahn และ Heemin Chung&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านผลงานของ Sungseok Ahn ประกอบด้วยภาพถ่ายแบบดิจิทัลและวิดีโอที่แสดงอยู่บนผนังของบูธจัดงาน ซึ่งภาพที่ปรากฎอยู่บนผนังและวิดีโอ คือการตั้งใจนำเสนอให้ผู้ชมได้เห็นถึงความเปราะบางของยุคที่เกิดขึ้นแบบร่วมสมัย การแข่งขัน การร่วมมือ รวมถึงหายนะที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์กับอารยธรรม โดย “เวลาของการ streaming ได้หายไปอย่างรวดเร็ว และเราอาจจะตามไม่ทันจนถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง”&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/hspAS3faZyasD96Tw428.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="hspAS3faZyasD96Tw428.jpg" data-file-size="0" origin-size="1479,1109" data-origin="1068px,801px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="4"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/rk24p3HnE4H5QoaPt4BS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rk24p3HnE4H5QoaPt4BS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="5"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ผลงานของ Heemin Chung ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ โดยเธอเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวที่หลุดกรอบไปจากรูปแบบเดิมๆ ด้วยการสร้างเลเยอร์ของกลีบดอกไม้ที่มีอยู่หลากหลายชั้น "เปรียบเสมือนเรื่องราวความประณีตของช่างฝีมือผู้ผลิตเรือนเวลาของ Breguet ที่ภายในตัวเรือนนาฬิกาก็จะมีกลไกที่ซับซ้อนหลากหลายเลเยอร์ด้วยเช่นกัน" ซึ่งวัสดุหลักที่เธอเลือกใช้นำมายึดติดกับผลงานอะคริลิคเหล่านี้ ก็คือ gel medium นั่นเอง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/Ey4XG9TsqqP2KruZJZHZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Ey4XG9TsqqP2KruZJZHZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="6"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/AfPH2bGaMjX5psiwYW76.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AfPH2bGaMjX5psiwYW76.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="7"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์เด่นภายในบูธ Breguet ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีการสาธิตจากช่างผู้ชำนาญการผลิตเรือนเวลาพร้อมด้วยเครื่องกิโยเช่ที่ใช้แกะสลักแผ่นหน้าปัดที่ส่งตรงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมบูธได้ทดลองนั่งแกะสลักได้ด้วยเช่นกัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 50%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/e6crZVDMfnAU7iZLvD3C.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="e6crZVDMfnAU7iZLvD3C.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="8"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/fgUp54z8gg1iiYmAF2Zc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="fgUp54z8gg1iiYmAF2Zc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="9"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 50%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/bPS8KmQWFJME4TvCUYda.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bPS8KmQWFJME4TvCUYda.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="10"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการร่วมจัดแสดงในงาน Frieze Seoul 2023 ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่แบรนด์ Breguet ได้ตกลงความร่วมมือกับทาง Frieze ซึ่งเป็นผู้จัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยระดับโลก ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2003 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยงานเทศกาลของ Frieze ในแต่ละปีจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 4 มหานครใหญ่ๆ อย่าง ลอนดอน, นิวยอร์ค, ลอสแอนเจลิส และกรุงโซล โดยจากข้อตกลงเบื้องต้นนี้ ทาง Breguet จะเข้าร่วมจัดแสดงในงาน Frieze นับตั้งปี 2022 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024&nbsp; อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-68-%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-44-%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-3-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97" alt="“บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 68 โชว์ความสำเร็จผู้เข้าชมล้นทะลุเป้า ยอดสั่งซื้อกว่า 3 พันล้านบาท">“บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 68 โชว์ความสำเร็จผู้เข้าชมล้นทะลุเป้า ยอดสั่งซื้อกว่า 3 พันล้านบาท</a>​ ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Breguet ชูคอนเซ็ปต์ “Streaming Time” ตอกย้ำศาสตร์แห่งศิลป์ในงาน Frieze Seoul 2023

Breguet (เบรเกต์) รังสรรค์ที่สุดแห่งเรือนเวลา เพื่อเข้าร่วมสุดยอดการประมูลนาฬิกาเพื่อการกุศล the Only Watch (ดิ โองลี่ วอชท์) ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ สองปีโดยมูลนิธิ the Only Watch Foundation โดยจะเปิดประมูลเรือนเวลาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกจากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งในปี 2023 นี้จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุม Palexpo (ปาเล็กซ์โป) ณ เมือง&nbsp; เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ “Marine Hora Mundi x Only Watch”สำหรับการประมูลครั้งนี้ Breguet ภูมิใจนำเสนอเรือนเวลา Marine Hora Mundi ที่มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้นในโลก โดยนาฬิการุ่นนี้เผยโฉมครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งหลอมรวมทั้งกลไกอันซับซ้อนและสุนทรียศาสตร์แห่งความงดงามเข้าไว้ด้วยกัน กลไกสิทธิบัตรเฉพาะที่ Breguet เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นนั้น คือกลไกหนึ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนไทม์โซนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น ด้วยการกด pusher และเม็ดมะยม เมื่อผู้สวมใส่ตั้งเวลาและวันที่ของเมืองแรกเรียบร้อยแล้ว ก็เพียงแค่ตั้งชื่อเมืองที่สอง โดยกลไกของนาฬิกาเรือนนี้จะคำนวณวันที่และเวลาของเมืองที่สองโดยอาศัยระบบอันชาญฉลาด ซึ่งประกอบด้วย cams, hammers และระบบคำนวณความต่างแบบบูรณาการง่ายดายแค่เพียงกด pusher ก็สามารถเดินทางไปยังอีกซีกโลกได้โดยที่กลไกยังคงทำงานอย่างเที่ยงตรงแม่นยำไม่มีสะดุด<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/NKmmsdH9QZ33n9eXR2BL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NKmmsdH9QZ33n9eXR2BL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> นอกจากนี้ หน้าปัดยังถ่ายทอดนิยามแห่งพิภพมาไว้บนข้อมือได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์ กับลูกเล่นการผสมผสานหลากหลายวัสดุ และการเรียงซ้อนความงดงามไว้หลายมิติ หน้าปัดสีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst (ลายแสงพระอาทิตย์)&nbsp; &nbsp; แบคกราวด์สลักลวดลาย “เกลียวคลื่น” ซ้อนด้วยชั้นแซฟไฟร์ที่แสดงสัญลักษณ์ชั่วโมงในสีทองเรืองแสง ตกแต่งด้วยแผนที่สลักเป็นทวีปต่างๆ ของโลกในสีกรมท่า และเพื่อเน้นย้ำว่าโลกไม่เคยหลับใหล เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ จึงมีบรรดาจุดกลมสีโรสโกลด์ที่ดูโดดเด่นอยู่บนผืนโลก และท้ายสุดคือการใช้ flang ด้านนอกเพื่อยึดโยงความหลากหลายต่างๆ บนหน้าปัดเข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นผลลัพธ์อันงดงามสมส่วน และรูปลักษณ์ที่รังสรรค์จากฝีมือความเชี่ยวชาญชั้นสูง ด้วยการผสมผสานขั้นตอนแตกต่างหลากหลายที่ต้องอาศัยเวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะเสร็จสมบูรณ์​ความสำคัญของรายละเอียด สำหรับ Breguet แล้ว ความหรูหรานั้นอยู่ในรายละเอียด ซึ่งเป็นคำตอบอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีจึงเติมแต่งด้วยวัสดุเรืองแสงสีแดง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่ง the Only Watch 2023 รวมถึงสัญลักษณ์แสดงชั่วโมง และรูปสมอบ่งชี้ชื่อเมือง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้สีแดงก็เพื่อเป็นเกียรติแก่ the Only Foundation ซึ่งจากเดิมสนับสนุนโดยกรุงปารีสมาอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของกษัตริย์แห่งโมนาโกนั่นเอง<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/Xq5ZgF5paJ1ru6iXwxQs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Xq5ZgF5paJ1ru6iXwxQs.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ตีขึ้นรูปด้วยมือ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกาให้ความรู้สึกสมจริงอย่างยิ่ง ดวงอาทิตย์ ฉายแสงสีโรสโกลด์ ในขณะที่ดวงจันทร์ที่รังสรรค์จากโรเดียมก็ส่องรัศมีสีเทาดูน่าค้นหา หน้าต่างแสดงวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เสริมด้วยระบบเข็มแสดงวันที่แบบ retrograde (ระบบเข็มที่เดินไปจนสุดมาตรแล้วตีย้อนกลับมายังตำแหน่งเริ่มต้น) ซึ่งซ่อนไว้อย่างอัจฉริยะอยู่ด้านหลังหน้าต่างแสดงวันที่เข็มรูปตัว U โอบรับตัวเลขแสดงวันที่การขัดแต่งแบบ brouillé&nbsp;หรือแบบเบลอเบาๆ เป็นเทคนิคการตกแต่งนาฬิกาที่มีประวัติศาตร์มายาวนาน มาในเทคนิคล้ำสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ผิวสัมผัสแบบแมตต์แต่ยังคงความเงางาม ซึ่งช่วยให้ดูเวลาได้ง่ายและงดงามกลมกลืน<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/5YSgKZ7xjPLQRm6tK4JK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5YSgKZ7xjPLQRm6tK4JK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​กลไกที่ไม่เหมือนใครตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.9 มม. ประกอบด้วยกลไก Calibre 77F1 บาลานซ์ทำงานที่ความถี่ 4 เฮิรตซ์ กลไกขึ้นลานอัตโนมัติประกอบด้วย escapement ซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งทนทานต่อการกัดกร่อนและการสวมใส่และยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กอีกด้วย ความแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์ของกลไกคาลิเบอร์ 77F1 คือระบบกลไกสิทธิบัตรที่เพิ่มเติมเข้ามา มีทั้งระบบ dual-time แสดงเวลาพร้อมกันสองไทม์โซน, ระบบแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง, ระบบวีลที่ตั้งล่วงหน้าได้และปรับตั้งใหม่ได้ และการแสดงวันและคืนด้วย pointerโดยสามารถยลโฉมกลไกอัจฉริยะส่วนหนึ่งได้จากด้านหลังตัวเรือนกรุคริสตัลแซฟไฟร์ ขัดแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลาย Côtes de Genève (โกท เดอ เฌอแนฟ) รวมถึงลวดลาย guilloche (กิลโยเฌ่) และ snail หรือ ลายก้นหอย ส่วน oscillating weight ที่มีรูปร่างโดดเด่นคล้ายหางเสือทำจากทองคำรมดำ และยังสลักข้อความ "Pièce Unique" และ "Only Watch 2023" ณ ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ตามลำดับอีกด้วย ​Marine Hora Mundi รุ่นใหม่นี้ พร้อมแล้วที่จะท่องโลกไปพร้อมกับสายรับเบอร์สีมิดไนท์บลู ​Breguet และราชนาวี ชีวิตของ Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม-หลุยส์ เบร์เกต์) ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์คิดค้นกลไกมือฉมัง มีความผูกพันกับกองทัพเรือฝรั่งเศส ในปี 1814 เขารับแต่งตั้งโดย พระราชกฤษฎีกา ให้เป็นสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิของสำนัก the Bureau des Longitudes ร่วมกับนักวิชาการระดับแนวหน้าอย่าง Delambre, Biot และ Laplace ซึ่งหนึ่งในบทบาทหลักของสำนักแห่งนี้คือการหาวิธีแก้ปัญหาเชิงดาราศาสตร์ในการกำหนดลองติจูดการเดินเรือ หนึ่งปีต่อมา กษัตริย์หลุยส์ที่ 18 ก็ได้ทรงแต่งตั้งตำแหน่ง อันทรงเกียรติอย่างยิ่งให้กับเขา นั่นคือ Chronometer-Maker แห่งกองทัพเรือฝรั่งเศส แล้วกองทัพเรือ นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้ออกเดินเรือด้วยระบบบอกเวลาของ Breguet จวบจนปัจจุบันจิตวิญญาณแห่งราชนาวียังคงฉายเด่นอยู่ในความสง่างามและกลิ่นอายสปอร์ตนี้ ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นที่โดดเด่นที่สุด คอลเลคชั่นหนึ่งของแบรนด์​ข้อมูลเชิงเทคนิค 5555 – Marine Hora Mundi – 5555BR/YS/5WV – One-of-a-kind model<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/L5SNbR938whZkUEherdK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="L5SNbR938whZkUEherdK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>ตัวเรือน: โรสโกลด์ 18K เส้นผ่านศูนย์กลาง: 43.9 มม. ความหนา: 13.80 มม. หน้าปัด:&nbsp;สีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst และ guilloche ระบบกลไก: ขึ้นลานอัตโนมัติ ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมง, นาที และ วินาที, ตั้งระบบ dual-time ล่วงหน้าได้ โดยสามารถแสดงเวลาไทม์โซนทั้งสองได้ในทันที รวมถึงแสดงวันที่, กลางวัน/ กลางคืน และแสดงชื่อเมือง เอสเคปเมนท์: แบบ inverted straight-line lever ฮอร์นซิลิคอน และบาลานซ์สปริงซิลิคอนแบบ flat ประสิทธิภาพการกันน้ำ: 10 บาร์ (100 เมตร) กลไก: คาลิเบอร์ 77F1 ความถี่: 4 เฮิร์ตซ์ สำรองพลังงาน: 55 ชั่วโมง ชิ้นส่วน: 384 ชิ้น สายนาฬิกา: สายรับเบอร์สีมิดไนท์บลูพร้อมตัวล็อคสายโรสโกลด์ 18K แบบพับทบสามชั้น

เรือนเวลาหนึ่งเดียวในโลก Breguet Marine Hora Mundi เตรียมเผยโฉม ณ สุดยอดงานประมูลการกุศล Only Watch 2023

<h2>เบรเกต์ (Breguet) แบรนด์หรูระดับตำนานเปิดตัว 2 เจเนอเรชั่นใหม่ของ Type XX ทั้ง Chronographe 2067 และ Chronographe 2057 โดยนาฬิกาคอลเล็กชั่นนี้ยังคงครองความเป็นไอคอนแห่งประวัติศาสตร์การบินมายาวนานกว่า 70 ปี และยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์ออกแบบได้อย่างร่วมสมัยผนวกไว้ซึ่งนวัตกรรมแห่งอุปกรณ์ควบคุมความเที่ยงตรงได้อย่างลงตัว</h2>&nbsp;&nbsp; &nbsp;แบรนด์หรูระดับตำนานอย่าง เบรเกต์ (Breguet)&nbsp;ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัว&nbsp;2 เจเนอเรชั่นล่าสุดของเรือนเวลาอย่าง Type XX ซึ่งถือได้ว่านาฬิการุ่นนี้เป็นไอคอนแห่งประวัติศาสตร์การบินที่มีมายาวนานกว่า 70 ปี นับตั้งแต่การรังสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 1950 ของการผลิตนาฬิกาออกมาได้ตรงตามความต้องการของเหล่ากองทัพอากาศประเทศต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/5rZRANrL5sJPZGMrqSRc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5rZRANrL5sJPZGMrqSRc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; เรือนเวลา Type XX Chronographe 2067 และ&nbsp;Type 20 Chronographe 2057 ที่ได้ทำการเปิดตัวทั้ง 2 รุ่นในครั้งนี้ มีการนำดีไซน์รูปแบบดั้งเดิมจากปี 1950 อันเป็นที่จดจำมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบขึ้นใหม่&nbsp; พร้อมเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตแห่งยุคปัจจุบันและดีไซน์แบบร่วมสมัยผนวกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 550px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/cZjZYoyotdquLTQomrwW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="550px,642px" data-align="center" data-file-name="cZjZYoyotdquLTQomrwW.jpg" data-file-size="0" origin-size="550,642" data-origin="550px,642px" style="width: 550px; height: 642px;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Type XX Chronographe 2067 นั้น ได้รับคำนิยามว่าเป็น "Civilian Version" อันหมายถึงเวอร์ชั่นสำหรับพลเรือน โดยหน้าปัดสีดำของรุ่นนี้ผลิตด้วยกรรมวิธีกัลวานิกเช่นเดียวกับรุ่น 2057 แต่มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ วงหน้าปัดจับเวลา 15 นาที ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนหน้าปัดที่ 6 นาฬิกา จะเป็นวงจับเวลา 12 ชั่วโมง และที่ 9 นาฬิกา เป็นวงวินาที&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/QP68yDweXaJLboJsrx7P.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="QP68yDweXaJLboJsrx7P.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขนาดตัวเรือนสเตนเลสสตีลของ 2067 ยังคงเท่ากับรุ่น 2057 แต่ใช้ขอบตัวเรือนเซาะร่องฟลุตที่มีสเกล 12 ชั่วโมง สลักลงสีดำไว้ เว้นแต่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่เป็นร่องสามเหลี่ยมเคลือบสารเรืองแสง ส่วนเม็ดมะยมขนาดใหญ่มากับทรงคล้ายลูกข่าง โดยจับคู่มากับสายหนังวัวสีกากีเย็บด้ายสีขาวและมีสายผ้าสีดำแบบ "NATO" มาให้สลับเปลี่ยนใช้งาน ซึ่งความใส่ใจในรายละเอียดของ Breguet ยังมีการสลักชื่อ "Type XX" Ref.2067 หรือ "Type 20" Ref.2057 ไว้อย่างชัดเจนตรงตามแต่ละรุ่น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 550px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/JxVMXjUq3wziSouSuMss.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="550px,550px" data-align="center" data-file-name="JxVMXjUq3wziSouSuMss.jpg" data-file-size="0" origin-size="550,550" data-origin="550px,550px" style="width: 550px; height: 550px;" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ Type 20 Chronographe 2057 ได้รับการนิยามว่าเป็น “Military Version” หรือเวอร์ชั่นสำหรับกองทัพ ตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล ขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร โดยมาพร้อมขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องฟลุตที่หมุนได้ 2 ทิศทาง ็เพื่อให้เหมือนกับรุ่นต้นฉบับที่ผลิตให้กับกองทัพอากาศในยุคก่อน ส่วนเม็ดมะยมเป็นรูปทรงลูกแพร์ชิ้นโตตามต้นฉบับเช่นกัน ขณะที่สายที่จับคู่มาจะเป็นหนังวัวสีดำและมีสาย "NATO" หรือวัสดุผ้าสีดำมาให้สลับเปลี่ยนใช้งานได้อย่างทนทาน&nbsp;&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลไกที่วางมาในนาฬิกาทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นกลไก "In-house" อัตโนมัติคาลิเบรอใหม่ที่ใช้เวลาในการพัฒนาทั้งสิ้น 4 ปี รหัสที่ให้ไว้ก็คือ Cal.728 สำหรับรุ่นพลเรือน 2067 และ Cal.7281 สำหรับรุ่นกองทัพ 2057 ทั้ง 2 คาลิเบรอนี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีกลไกจักรกลโครโนกราฟแบบสมัยใหม่ ด้วยความถี่การทำงานระดับสูง 36,000 ครั้ง/ชั่วโมง ผสานกับกลไกจับเวลาแบบ "Column-wheel" กับ "Vertical-clutch" สุดแสนคลาสสิกที่ชาวนาฬิกานิยมชื่นชอบผนวกเข้ากับฟังก์ชัน "Flyback" ให้สามารถกดเริ่มการจับเวลาครั้งใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องกดรีเซตก่อนซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ติดตั้งมากับกลไกของ Type XX Chronograph ทุกรุ่นตั้งแต่ปี 1954 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้กับนักบิน และยังสามารถให้พลังงานสำรองได้นานถึง 60 ชั่วโมง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/38v1o8ddZun4hYk7qmUM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="38v1o8ddZun4hYk7qmUM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"><figcaption><div>​ยลอร วัชรเพชร์ รองประธานแบรนด์ เบรเกต์ ประเทศไทย&nbsp;​</div></figcaption></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/Eiruoq1yKQnk4u25K7GH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Eiruoq1yKQnk4u25K7GH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5"><figcaption><div>บรรยากาศงานเปิดตัว Type XX&nbsp;คอลเล็กชั่นใหม่จาก "เบรเกต์"</div></figcaption></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/dabDfHKfaBu8nbZT7n99.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dabDfHKfaBu8nbZT7n99.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="6"><figcaption><div>​บรรยากาศงานเปิดตัว&nbsp;Type XX&nbsp;คอลเล็กชั่นใหม่จาก "เบรเกต์"​</div></figcaption></figure></div> ​ อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/98-wireless-super-flagship-real-estate" alt="&quot;98 WIRELESS&quot; คอนโดแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จากแสนสิริ ครองแชมป์อสังหาฯ ราคารีเซลล์พุ่ง 1,000,000 บาท ต่อ ตร.ม.สูงสุดในไทย">"98 WIRELESS" คอนโดแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จากแสนสิริ ครองแชมป์อสังหาฯ ราคารีเซลล์พุ่ง 1,000,000 บาท ต่อ ตร.ม.สูงสุดในไทย</a>​<hr class="__se__solid"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Breguet เผยโฉมใหม่ Type XX ไอคอนกว่า 7 ทศวรรษแห่งประวัติศาสตร์การบิน 

<h2 class="p1">Breguet เผยโฉมเรือนเวลารุ่นคลาสสิกตลอดกาลอย่าง Tradition Quantieme Retrograde ในเฉดสีใหม่ กับหน้าปัดสีน้ำเงินโมโนโครม ที่ยิ่งดูโดดเด่นเมื่อตัดกับบรรดากลไกในโทนสีดำเทาแอนทราไซต์</h2>
เรือนเวลารุ่น Tradition Quantieme Retrograde 7597 Regal Monochrome หวนสู่จุดกำเนิดแห่ง Breguet ตั้งแต่รูปทรงของบริดจ์ ไปจนถึงระบบป้องกันกลไกจากแรงกระแทก หรือ pare-chute รวมถึงขนาดของบาลานซ์และวีล
<img class="alignnone size-full wp-image-62947" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/7597BBGY9WU.jpg" alt="" width="720" height="480" />โดยทั้งหมดเหล่านี้รังสรรค์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสองนาฬิกาพกรุ่นคลาสสิคอย่าง “souscription” และ tact watches ซึ่ง Abraham​-Louis Breguet เป็นผู้คิดค้นขึ้น
เรือนเวลา Quantieme Rèetrograde โฉมใหม่นี้จึงโดดเด่น สะกดทุกสายตาด้วยกลไกคาลิเบอร์ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างงดงามและสมมาตร หน้าปัดรังสรรค์ขึ้นจากทองคำสลักมือด้วยเทคนิคกิโยเช่ (guilloche) เป็นลวดลาย “Clous de Paris” หรือมวลเมฆแห่งปารีส พร้อมตัวเลขโรมันสุดคลาสสิคและเข็มนาฬิกาสไตล์ Open-tipped เฉกเช่นเดียวกับนาฬิกาอันเป็นต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจ
เรือนเวลารุ่น 7597 ใหม่ล่าสุดนี้จึงประกอบด้วยเม็ดมะยมสามตำแหน่ง และการแสดงวันที่แบบเรโทรเกรด อันเป็นกลไกอันทรงคุณค่าของ Breguet ซึ่งผู้ก่อตั้งแบรนด์เป็นหนึ่งในผู้ประดิษฐ์กลไกชนิดนี้ขึ้นนั่นเอง และเพื่อให้มั่นใจว่าระบบกลไกนี้จะทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ตรงกลางและตัวเลขแสดงวันที่จึงต้องมีระยะห่างที่เหมาะเจาะ
อีกทั้งยังได้รังสรรค์เข็มบลูสตีลเพื่อชี้บอกวันที่ซึ่งทำงานแบบเล่นระดับ นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถดูวันที่ได้อย่างชัดเจนและง่ายดาย เลขวันที่จึงเรียงต่อกันแบบ 180 องศา ในเฉดสีนำ้เงินโทนเดียวกับหน้าปัด ตัวเลขแสดงวันที่ไล่เฉดสี จากเงินแล้วค่อยๆ ฟุ้งไล่เฉดเป็นสีทองดุจอัญมณี
เมื่อต้องการตั้งวันที่ ผู้สวมใส่เพียงหมุนสกรูเม็ดมะยมที่ใช้กดตั้งวันที่ ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกาและกดซ้ำติดต่อกันจนเข็มเดินไปยังตำแหน่งวันที่ที่ต้องการ และยังเคลือบเมนเพลตและบริดจ์ด้วยแอนทราไซต์ ที่สร้างเสนห์ความเท่ห์ เย้ายวนตา

<h3 class="p1">สถาปัตยกรรมแห่งกลไก </h3>
ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 40 มม. พร้อมกลไกลขึ้นลานด้วยมือ 505Q ซึ่งมี lever escapement ที่ทำงานแบบ invert และhornที่ ทำจากซิลิคอน บาลานซ์สปริงของ Breguet ก็ทำจากวัสดุนี้เช่นกัน ซึ่งมีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งทนทานต่อการกัดกร่อน และการสวมใส่ ป้องกันผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก รวมถึงช่วยให้นาฬิกาเดินได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
<img class="alignnone size-full wp-image-62948" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/7597BBGY9W.jpg" alt="" width="534" height="800" />
บาลานซข์องเรือนเวลา Tradition Quantieme Retrograde ทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์สามารถสำรองพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง ประกอบด้วยกลไก ทั้งหมด 269 ชิ้น ขนาดความหนาที่ 8.7 มม. 
หน้าปัดอวดโฉมความงดงามแห่งสถาปัตยกรรมอันเปี่ยมเสน่ห์ ด้านหลังตัวเรือนเป็นแซฟไฟร์ใสที่เผยให้เห็นตัวถ่วงน้ำหนักที่มีรูปทรงคล้ายกับนาฬิกา perpétuelle ที่ Abraham-Louis Breguet ได้รังสรรค์ขึ้นในปี 1780 
Tradition 7597 รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมสายหนังจระเข้สีมิดไนท์บลูและตัวล็อกสายสีทอง

<h3 class="p1">คอลเล็กชั่น Tradition </h3>
คอลเล็กชั่น Tradition หลอมรวมสุนทรียศาสตร์ดั้งเดิมเข้ากับความล้ำนำสมัย โดยคอลเล็กชั่นนี้เผยโฉมครั้งแรกในปี 2005 และเป็นเรือนเวลารุ่นแรกของแบรนด์ที่นำกลไกทุกชิ้นส่วนมาอวดโฉมอยู่บนหน้าปัด สะท้อนถึงถึงแรงบันดาลใจจากนาฬิกาพกรุ่น souscription และ tact watches 
นาฬิการุ่น souscription นั้นเปิดตัวในปี 1797 เป็นนาฬิกาพกแบบเข็มเดียว ที่ทำหน้าที่แสดงทั้งชั่วโมงและนาที ซึ่งนับว่าล้ำยุคมากในสมัยนั้น รวมถึงคอนเซ็ปต์ที่ให้ชำระเงินเป็นจำนวนหนึ่งในสี่ของราคาเต็มเพื่อจองซื้อนาฬิกาก็เช่นกัน
นอกจากนี้ Abraham​-Louis Breguet ยังได้นำกลไกคาลิเบอรข์องนาฬิการุ่นนี้มาสรา้งสรรค์เป็น tact watch รุ่นแรกที่เผยโฉมในอีกปีถัดมา ณ French Industrial Exhibition ในสมัยนั้นแสงไฟที่ไม่ค่อยสว่างทำให้ดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาได้ยาก แถมการดูนาฬิกาในยามออกงานสังคมก็ถือว่าไม่ค่อยสภุาพนัก ผู้ก่อตั้งแบรนด์จึงได้รังสรรค์นาฬิกาที่สามารถบอกเวลาได้จากการสัมผัส โดยที่ไม่ต้องหยิบนาฬิกาออกมาจากกระเป๋าเลยด้วยซำ้ เพียงแค่ใช้มือจับที่ลูกศรหรือเข็มบอกชั่วโมงที่ชี้ไปทางขอบหน้าปัด และเทียบตำแหน่งกับสัญลักษณ์บอกชั่วโมงที่อยู่ตรงขอบตัวเรือนเท่านั้นเอง
นาฬิกา Tradition รุ่นล่าสุดหยิบยกเอาเอกลักษณ์ของเบรเกต์ที่ทั้งแตกต่างและร่วมสมัย Quantieme Retrograde 7579 มา ในโทนสีนำ้เงินและเป็นผู้บุกเบิกความนำสมัยและดีไซน์ล้ำยุคอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8a-%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-sharismeta-%e0%b8%a3.html">"ชาริช เฮลท์" เปิดตัว “SharisMeta” รุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารระดับพรีเมียม</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Breguet เผยโฉม Tradition Quantieme Retrograde เฉดสีใหม่ สะดุดตา

<h2 class="p1">Breguet ขอเชิญให้คุณได้มาเพลิดเพลินไปกับการตีความใหม่ของเรือนเวลา Hora Mundi ในคอลเล็กชั่น Marine เครื่องบอกเวลาที่ผสานไว้ซึ่งคุณสมบัติทางเทคนิค และสุนทรียศาสตร์ใหม่ของกาลเวลา</h2>
ด้วยการตั้งค่าที่ง่ายเพียงลัดนิ้วมือจึงทำให้ Hora Mundi ได้รับความนิยมทันทีตั้งแต่การเปิดตัวนาฬิกาจักรกลที่มาพร้อมกับกลไกการแสดง 2 เขตเวลาที่สามารถเปลี่ยนในทันทีและสิทธิบัตรสำคัญถึง 4 ชิ้นซึ่งต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการพัฒนา
<img class="alignnone size-full wp-image-60664" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/5557BBYS5WV_lifestyle_06__72_dpi___JPG__12026-copy.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ความสำเร็จทางด้านเทคนิคนี้สามารถใช้งานได้โดยใช้เพียงการกดปุ่มกับเม็ดมะยม เริ่มด้วยการเลือกเวลากับวันที่ของเมืองต้นทาง จากนั้นเพียงแค่เลือกเพิ่มชื่อเมืองอีกแห่ง กลไกของนาฬิกาก็จะสามารถคำนวณเวลากับวันที่ผ่านชิ้นส่วนที่ผ่านการออกแบบอย่างชาญฉลาดอย่างลูกเบี้ยว แฮมเมอร์ และเฟืองท้ายที่ติดตั้งอยู่ภายในเรือนเวลานี้ โดยการกดเพียงปุ่มเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูเวลาข้ามซีกโลก และยังไม่รบกวนการทำงานอันเที่ยงตรงของนาฬิกาเรือนนี้อีกด้วย

<h3 class="p1">Visual Escapism </h3>
หน้าปัดถูกตีความด้วยการหยิบนำรูปโลกมาไว้บนข้อมือผ่านวัสดุ และแผ่นหน้าปัดลวดลายที่วางซ้อนทับกัน ชั้นแรกนั้นทำจากทองที่ตกแต่งด้วยการสลักลายกิโยเชต์ด้วยมือเป็นรูปคลื่นที่เคลื่อนกระทบผืนทวีปอย่างนุ่มนวล ฐานของหน้าปัด Sunburst ถูกแต่งแต้มด้วยสีน้ำเงินประดุจก้นสมุทรที่ช่วยสร้างสัมผัสให้ลายคลื่นเปรียบเสมือนมีการเลื่อนขยับอยู่ตลอดเวลา
อีกทั้งยังเสริมด้วยกรรมวิธีที่ใช้ในการจำลองภาพทวีป แผ่นแซฟไฟร์ที่ประดับด้วยเส้นเมอริเดียนจากโลหะ ผืนทวีปตกแต่งด้วยการขัดด้านแบบซาตินในแนวดิ่ง ในขณะที่ตามขอบตัดด้วยสี Metallic Turquoise
และที่ขาดไม่ได้คือวงขอบที่คอยทำหน้าที่ยึดโยงรายละเอียดต่างๆบนหน้าปัดเรือนเวลา เผยให้เห็นถึงความประณีตในการผลิตทั้งด้านมิติ และพื้นผิวนี้ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการผลิตหลากหลายขั้นตอนเป็นเวลานานหลายสัปดาห์

<h3 class="p1">ความสำคัญของรายละเอียด </h3>
หน้าปัดยังคงอ่านค่าได้ง่ายพร้อมทั้งตกแต่งความงดงามเป็นพิเศษ โดยสำหรับ Breguet รายละเอียดต่างๆ จะแฝงไว้ซึ่งความหรูหรา จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งเข็มชั่วโมง และเข็มนาที รวมไปถึงหลักชั่วโมงจะได้รับการบรรจุด้วยสารที่มีคุณสมบัติเรืองแสง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะสามารถอ่านเวลาได้แม้ในเวลากลางคืน
<img class="alignnone size-full wp-image-60663" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/5557BRYS9WV_lifestyle_04__72_dpi___JPG__11982-copy.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกาถูกตอกขึ้นด้วยมือเพื่อมอบรายละเอียดที่สมจริง ในขณะที่ดวงอาทิตย์เฉิดฉายด้วยโรสโกลด์ ดวงจันทร์ชุบโรเดียมก็ส่องประกายสีเทาลุ่มลึก และหน้าต่างที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาบอกวันที่ผ่านเข็มแบบเรโทเกรดปลายเข็มโค้งมนทรง “ตัวยู” คอยทำหน้าที่ระบุวันที่อยู่ข้างใต้อย่างชาญฉลาด
อีกทั้ง เรือนเวลานี้ยังใช้เทคนิคการขัดแต่งอย่างวิจิตรที่มีชื่อว่า ​Brouillage ซึ่งเป็นกรรมวิธีการตกแต่งแบบโบราณถูกนำมาปรับปรุงและได้ช่วยมอบพื้นผิวที่มีความด้านแต่ก็ยังสามารถสะท้อนแสงให้กับเรือนเวลาสุดหรูเรือนนี้ ซึ่งช่วยเสริมการอ่านเวลามีช้ันเชิงมากขึ้น
นอกจากนี้ เมืองต่างๆ ที่อยู่ในแต่ละเขตเวลาเผยอยู่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และสมอโลหะที่ปรากฏด้านบนหน้าต่างนี้ก็จะเป็นตัวช่วยระบุสถานที่อีกด้วย

<h3 class="p1">กลไกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hora Mundi</h3>
นาฬิกาตัวเรือนขนาด 43.9 มม. เรือนนี้ มาพร้อมกับตัวเลือกวัสดุไวท์โกลด์ หรือโรสโกลด์ให้คุณเลือกได้ตรงกับตัวตนของคุณ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกลไก Calibre 77F1 ที่เดินด้วยความถี่ 4 เฮิร์ต
กลไกอัตโนมัติติดตั้งด้วยระบบปล่อยจักรจากวัสดุซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุที่ทั้งต้านทานต่อการกัดกร่อ นและการสึกหรอ อีกทั้งยังไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กอีกด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-60665" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/5557BRYS9WV_lifestyle_02__72_dpi___JPG__11990-copy.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ส่วนตัวกลไก Calibre 77F1 มีความพิเศษด้วยโมดูลกลไกเสริมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรสำหรับระบบการบอกสองเขตเวลา การแสดงเขตเวลาที่สอง กลไกของจักร บันทึกที่สามารถบันทึกและปรับการตั้งค่า รวมถึงลูกศรระบุกลางวัน/กลางคืน  อีกหนึ่งจุดเด่นของกลไกระดับสูงนี้คือสามารถสำรองพลังงานที่ยาวนานกว่า 55 ชั่วโมงที่สามารถรับชมได้ผ่านกระจก แซฟไฟร์บนฝาหลังซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยการขัดแต่งด้วยลาย Côtes de Genève, กิโยเชต์และลายก้นหอย
Marine Hora Mundi เรือนเวลารุ่นใหม่นี้พร้อมแล้วที่จะร่วมเดินทางไปกับคุณไม่ว่าจะเป็นสายหนัง สายนาฬิกายาง หรือสายนาฬิกาที่ผลิตจากทองคำ 

<h3 class="p1">Breguet กับกองทัพเรือ </h3>
Abraham-Louis Breguet เป็นที่รู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคชั้นแนวหน้า โชคชะตาของเขาเข้ามาบรรจบกับราชนาวีฝรั่งเศสในปี 1814 หลังมีได้รับแต่งตั้งจากทางราชสำนักให้เป็นสมาชิกของ Bureau des Longitudes ร่วมกับนักวิชาการอย่าง Delambre, Biot และ Laplace โดยหนึ่งในหน้าที่ของสำนักคือการแก้ปัญหาทางดาราศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคำนวนตำแหน่งทางลองจิจูดเมื่ออยู่ในทะเล
ในอีกหนึ่งปีให้หลัง พระเจ้าหลุยส์ที่ 17 ก็ได้พระราชทานหนึ่งในตำแหน่งที่ทรงเกียรติที่สุดแห่งยุคให้แก่ Breguet ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวก็คือช่างนาฬิกาหลวงแห่งราชนาวี นอกจากนี้ เรือของนักสำรวจที่ยิ่งใหญ่หลายรายต่างออกแล่นไปพร้อมกับอุปกรณ์บอกเวลาของ Breguet 
ในปัจจุบันนาฬิกากลุ่ม Marine ที่มาพร้อมความหรูหราแต่แฝงด้วยความสปอร์ตก็ได้กลายเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นสัญลักษณ์ของแบรนด์
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1-patek-philippe-%e0%b8%88%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%b4%e0%b8%81.html">ทำไม Patek Philippe จึงกลายเป็นนาฬิกาหรูขวัญใจคนรุ่นใหม่</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Breguet เผยโฉม 5557 Marine Hora Mundi เรือนเวลาเพื่อนักเดินทาง

Valentine's Day Guide: ของขวัญวาเลนไทน์ เพื่อเธอคนพิเศษ

The Price of Luxury

Breguet Classique Tourbillon Extra-Plat Automatic ในโฉมแพลทตินัมสุดสง่า ความงามของนาฬิกาเรือนบางพิเศษรุ่นนี้ผสานเป็นหนึ่งกับกลไกที่มีความซับซ้อน ละเอียดอ่อนระดับต้นๆของวงการนาฬิกาอย่างกลไกตูร์บิยองแบบเยื้องจุดศูนย์ กลางที่มีแคริเอจผลิตจากไทเทเนียมและมีสิทธิบัตรคุ้มครองผลงานประดิษฐ์

ตัวเครื่อง Calibre 581DR ของนาฬิการุ่นรหัส Ref. 5377 นี้ใช้บาลานซ์สปริงซึ่งผลิตจากซิลิคอนซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอิทธิพล ของสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี และเอสเคปเมนท์ก็ผลิตจากซิลิคอนและแอนไทแม็กเนติกสตีลเช่นกันทำให้เครื่อง รุ่นนี้สามารถทำงานได้ที่ความถี่ 4 เฮิทซ์ซึ่งถือว่าเป็นความถี่ที่สูงสำหรับตูร์บิยอง โดยที่ไม่เสียกำลังลานสำรองไปแต่อย่างใดเนื่องจากการใช้แบเรลกำลังสูงเพื่อ ให้ได้กำลังลานสำรองนานถึง 90 ชั่วโมง

ช่างนาฬิกาของ Breguet ประสบความสำเร็จในการผลิตเครื่องให้มีความบางเพียง 3 มม. เพื่อให้สามารถติดตั้งลงในตัวเรือนซึ่งหนา 7 มม. ได้ ทั้งนี้โดยอาศัยการออกแบบโรเตอร์ขึ้นลานสองทิศทางที่ผลิตจากแพลทตินัมให้ไป อยู่บนด้านรอบนอกของตัวเครื่อง ทำให้เครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องนาฬิกาตูร์บิยองแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่บาง ที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก

ในด้านรูปลักษณ์นั้นหน้าปัดของนาฬิกาแพลทติ นัมขนาด 42 มม.รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายเอ็นจิ้นเทิร์น 4 ลวดลายตามแบบฉบับของการประดิษฐ์นาฬิกาแบบดั้งเดิม ได้แก่ ลายฮ็อบเนลคลาวเดอปารีส์บริเวณวงบอกชั่วโมงและนาที ลายบาร์ลีย์คอร์นโดยรอบนอก ลายสเตรทเชฟรอนบริเวณเข็มบอกกำลังลานสำรองที่ตำแหน่ง 8.30 น. และลายครอสแฮทช์เพื่อตัดขอบพื้นที่ต่างๆ และที่ใจกลางตูร์บิยองบริดจ์ยังมีบลูแซฟไฟร์หนึ่งเม็ดประดับไว้เพื่อดึงดูด สายตาจากเข็มบอกเวลาอีกด้วย

Breguet Classique Tourbillon Extra-Plat Automatic คือนาฬิกา Breguet พันธุ์แท้ซึ่งนำเสนอทั้งความสง่างาม ความคลาสสิกเหนือกาลเวลาและความล้ำหน้าในทางเทคนิคในเรือนเวลาหนึ่งเดียว
<div class="video-container"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/Z9EbcJBmkcg" width="100%" height="450" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe></div>
รายละเอียดทางด้านเทคนิค
Ref. 5377PT/12/9WU 
<ul>
 	<li>ตัวเรือนแพลทตินัมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 42 มม. แถบด้านข้างตัวเรือนลายเซาะร่องละเอียด ขาตัวเรือนเชื่อมเข้ากับตัวเรือนพร้อมสกรูว์บาร์ ฝาหลังกระจกแซฟไฟร์คริสตอล กันน้ำถึงระดับ 3 บาร์ (30 เมตร)</li>
 	<li>หน้าปัดทอง 18 กะรัต ทำสีเงินและแกะสลักด้วยเทคนิคเอ็นจิ้นเทิร์นเป็นลวดลายต่างๆ 4 ลวดลาย หลักชั่วโมงเป็นเลขโรมัน เข็มบลูด์สตีลทรง Breguet แบบปลายเปิด มีระบุหมายเลขประจำตัวเรือนและลงชื่อ Breguet</li>
 	<li>เครื่องนาฬิกา Calibre 581DR แบบขึ้นลานอัตโนมัติบางพิเศษพร้อมด้วยกลไกตูร์บิยอง ขนาด 16 ลีน มี 42 จิวเวล มีเข็มวินาทีขนาดเล็กอยู่บนตูร์บิยอง มีระบุหมายเลขประจำตัวเรือนและลงชื่อ Breguet บอกกำลังลานสำรอง 90 ชั่วโมงที่ตำแหน่ง 8.30 นาฬิกาด้วยเข็ม แบเรลติดตั้งบนโรลเลอร์แบริ่ง ลาเทอรอลลีเวอร์เอสเคปเมนท์ผลิตจากซิลิคอนและแอนไทแม็กเนติกสตีล ซิลิคอนบาลานซ์สปริง ความถี่ 4 เฮิทซ์ ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงใน 6 ตำแหน่ง</li>
 	<li>สายหนังพร้อมบานพับแบบ 3 ทบ</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events