<h2>อะไรทำให้ CLUB 21? อดีตมือวางอันดับหนึ่งซึ่งทำตลาดแบรนด์แฟชั่นหรูนับสิบแบรนด์ในไทยอย่าง Prada, Paul Smith จนถึง Yves Saint Laurent ต้องลุกขึ้นมาทำแคมเปญการตลาดครั้งแรก หลังเปิดตัวเต็ม 3 ทศวรรษในไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลาดแฟชั่นในเมืองไทยเมื่อ 30 ปีก่อนมีขนาดเล็กมากแค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของฮ่องกง แบรนด์ดังๆ ที่เข้ามาเมืองไทยจึงจำหน่ายและทำตลาดผ่านบริษัทจัดจำหน่ายในช่วงแรกๆ และบริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด&nbsp;เป็นหนึ่งในผู้นำเข้าแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเสียง ได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายและทำตลาดให้กับแฟชั่นแบรนด์ที่คุ้นเคยกับคนไทยอย่างดีหลายแบรนด์ ตั้งแต่ Prada, DKNY, Paul Smith, Yves Saint Laurent, Armani Exchange และ Miu Miu&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ปัจจุบัน ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นตลาดหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเห็นจากการที่แบรนด์ใหญ่ๆ เข้ามาดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง ไม่ผ่านผู้แทนจำหน่ายเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการขยายสาขาในรูปแบบ Duplex และขยายพื้นที่ไปยังโซนใหม่ๆ เช่น ไอคอนสยาม และภูเก็ต ด้วยงบการตลาดที่สูงมาก ทำให้ตลาดแฟชั่นในไทยต้องเผชิญกับความท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โสภาวดี เพชรชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ธุรกิจของคลับ 21 ในเมืองไทยมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง มีสะดุดบ้างจากวิกฤตบางช่วง อาทิ ต้มยำกุ้ง และปัญหาการประท้วงทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ทำให้ยอดขายที่เคยสูง 2,400 ล้านบาทในปี 2019 ตกลงมาประมาณ 50% หรือเหลือน้อยกว่า 2,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่บริษัทก็พลิกฟื้นยอดขายกลับมาเท่ากับยุคก่อนโควิดได้ และคาดว่าในปี 2024 นี้จะปิดยอดขายรวมได้ถึง 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากช่องทางออนไลน์ 500 ล้านบาท จาก 129 ล้านในปี 2019 และที่เหลือเป็นช่องทางค้าปลีก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/Ey9Mg5tz9S9wVF4ERQNN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Ey9Mg5tz9S9wVF4ERQNN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="514,720"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม CLUB 21 ในฐานะผู้แทนจำหน่ายก็จำเป็นต้องปรับตัว หาจุดขาย หรือคุณค่าอื่นๆ ที่ทำให้โดดเด่น และสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/zM8LiK1r1fqoMTzbR9xP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zM8LiK1r1fqoMTzbR9xP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงปี 2021-2023 CLUB 21 ได้ปรับกลยุทธ์ขยายฐานธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อายุน้อยลง ทบทวนแบรนด์ที่มีในพอร์ตทั้งหมด และปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยตัดจำนวนแบรนด์ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคนรุ่นใหม่ออกไป เช่น Armani Group, CK Calvin Klein, DKNY เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันก็เดินหน้าคัดสรรเอาแบรนด์ที่อยู่ในความสนใจของกลุ่มคนแฟชั่นที่ร่วมสมัย เช่น Thom Browne แบรนด์เสื้อผ้าดังที่เห็นคุ้นตาจากซีรีส์เกาหลีหลายเรื่อง, แบรนด์ Jacquemus และ Sacai เป็นต้น เข้ามาอยู่ในพอร์ตมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/LbBHXP5Teo652AkE7peq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LbBHXP5Teo652AkE7peq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,423"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันบริษัทได้ปิดร้านประเภท Mono Brand ลง และมาเน้นการขยายร้านค้า CLUB 21 Multi Label Store เพื่อนำเสนอ retail experience ให้ลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันร้านแบบ Multi Label Store ยังทำหน้าที่เป็นที่ทดลองตลาดสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ ก่อนที่จะไปเปิดในแบบ Mono Brand Store หากพิสูจน์ว่าไปต่อได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับแผนครั้งนี้ทำให้พนักงานที่เคยมีถึง 600 คนเหลือเพียง 300 คน ส่วนแบรนด์ที่ CLUB 21 ยังทำตลาดอยู่ขณะนี้ได้แก่ Issey Miyake, Pleats Please Issey Miyake, Bao Bao Issey Miyake, Mulberry, COMME des GARCONS, Balmain และ Alexander Wang เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/maM6qes7JqPRgn6Y9ySh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="maM6qes7JqPRgn6Y9ySh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,540"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันร้าน CLUB 21 มีทั้งหมด 5 สาขาคือ เกษร, สยามดิสคัฟเวอรี่, เซ็นทรัลชิดลม, เอ็มโพเรียม และภายใต้ร้านชื่อ CLUB 21 LAB ที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยร้านของ CLUB 21 แต่ละร้านจะสะท้อนคาแร็กเตอร์และตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละทำเลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะร้าน CLUB 21 LAB จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ทั้งในแง่ของการดีไซน์ร้านค้า และสินค้า เพื่อให้ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่ใหม่ขึ้นและกว้างขึ้นได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตอนนี้เรามีแบรนด์ที่ขายในร้าน CLUB 21 ร่วม 100 แบรนด์ ขายตามแต่ละสาขาในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป ทั้งหมดเป็นแบรนด์ที่เป็น up and coming อยู่ใน fashion runway ของแฟชั่นวีค เราต้องการเข้าถึงลูกค้าอายุ 25-40 ปี” โสภาวดีบอก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/LTb7ALmyv3RvCStAZRUf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LTb7ALmyv3RvCStAZRUf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทมีแผนจะเปิดร้าน CLUB 21 แห่งที่ 6 ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ที่ One Bangkok และเปิดร้าน mono store ของร้าน Thom Browne ที่สยามพารากอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากขยายร้านค้า บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางขายทาง Online ทั้ง E-commerce และการขายทาง LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่หรือจังหวัดที่บริษัทไม่สามารถเปิดร้านได้ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงบาลานซ์และให้ความสำคัญและรักษาลูกค้ากลุ่มเดิมอย่างต่อเนื่องผ่านการให้บริการในแบบ personalize&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“กลยุทธ์ขยายธุรกิจผ่านร้าน CLUB 21 multi label stores ทำให้ยอดขายดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนแบรนด์และร้านค้าโดยรวมของเครือจะน้อยลงก็ตาม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างแบรนด์ Club 21 ให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อตอกย้ำถึงแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายและอยู่ในกระแส ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นทุกกลุ่ม” โสภาวดีกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/JNg4Sbo42meWLf6TpynB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JNg4Sbo42meWLf6TpynB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันฐานลูกค้าหลักของ CLUB 21 เป็นคนไทย และ 70% เป็นลูกค้าประจำ ซึ่งครึ่งหนึ่งจาก 70% นี้เป็นฐานลูกค้าที่ใช้เงินซื้อสินค้าระหว่าง 375,000 บาท ถึง 2,500,000 ล้านบาทต่อปี และทำยอดขายให้บริษัทถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด และมากกว่า 60% ของลูกค้าสมาชิกของ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งอยู่ในกลุ่มเจเนอเรชัน Baby Boomer, X และ Y&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ด้วยสัดส่วนของลูกค้า CLUB 21 ต้องปรับวิธีคิด วางแผน และการทำการตลาด และทำการสื่อสารที่เหมาะสม เพื่อให้เข้าถึงตลาดคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยที่ไม่เสียคนเก่าๆ ไป” โสภาวดีย้ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท สร้างแบรนด์และตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ของ CLUB 21 ให้ชัดเจนขึ้น ผ่านแคมเปญ “SALUTE THE DETAIL” เริ่มแพร่ภาพวันนี้ในโซเชียลมีเดีย และสื่อ out of home คาดว่าแคมเปญนี้จะสร้างวงจรการตลาดที่เชื่อมโยงตั้งแต่การสร้างการรับรู้ ไปจนถึงการมีส่วนร่วม และการเปลี่ยนแปลงเป็นการซื้อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ถือเป็นครั้งแรกที่คลับ 21 ประเทศไทย ลุกขึ้นมาทำหนังสร้าง corporate branding มุ่งสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ชมในวงกว้างที่ไม่จำกัดเพียงขอบเขตของวงการแฟชั่น CLUB 21 ไม่ใช่แค่ just another fashion brand แต่เป็น style maker ที่ curate หลากหลายแบรนด์ที่มี personality ไม่เหมือนกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราหวังว่าหนังชุดนี้จะกระตุกคนกลุ่มใหม่ให้หันมามองเรา และทำให้เราก้าวขึ้นสู่ยอดขาย 3,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า” โสภาวดีกล่าว และว่า ในเมืองไทยมีแบรนด์สินค้าให้เลือกมากมาย แต่มี 5 เหตุผลที่ลูกค้าควรมา CLUB 21 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ในร้านมีแบรนด์เกือบ 100 แบรนด์ที่ทีมงานที่มีประสบการณ์ในวงการแฟชั่นมา 30 ปีได้เลือกและคัดสรรมาให้แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.เชื่อถือได้ว่าเป็นของแท้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.พนักงานที่รู้ใจ สามารถจำรายละเอียด รู้ความต้องการอย่างที่ลูกค้าคาดไม่ถึงหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.สิทธิประโยชน์และส่วนลดพิเศษ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5.มี pre-select สำหรับ new collection ให้ fit กับลูกค้าประจำ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/crc-supersport-rev-edition" alt="หลังเครือเซ็นทรัลถือหุ้น 75% ‘เรฟ อีดิชั่น’ กางแผนลุยตลาดรองเท้าครั้งใหญ่ เล็งเปิดสาขาแรกปีหน้าที่สิงคโปร์">หลังเครือเซ็นทรัลถือหุ้น 75% ‘เรฟ อีดิชั่น’ กางแผนลุยตลาดรองเท้าครั้งใหญ่ เล็งเปิดสาขาแรกปีหน้าที่สิงคโปร์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events