Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดียเผยวางแผนเตรียมเกษียณส่งต่อธุรกิจให้ 4 ทายาท

เปิดแฟ้มฉาว Adani

<h2>อันดับความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีชาวอินเดีย Gautam Adani ถึงกับสั่นคลอน หลังบริษัท Hindenburg Research ออกมาเปิดเผยข้อมูลทุจริต ไม่โปร่งใส และเข้าข่ายฟอกเงิน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเหล่านักลงทุนพร้อมใจกันเทขายหุ้นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ฉุดรายได้เจ้าของอาณาจักร Adani Group จากเดิมอยู่อันดับ 3 ของมหาเศรษฐีโลกร่วงลงมาอยู่อันดับ 16 ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นี่คือไทม์ไลน์ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ที่มหาเศรษฐีชาวอินเดีย Gautam Adani ต้องสูญเสียเงินมูลค่ามหาศาลไปกว่า 5.17 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทของเขาต้องต่อสู้กับข้อกล่าวหาเรื่องการยักย้ายถ่ายเทหุ้นและการฉ้อฉลทางบัญชีหลังจาก Hindenburg Research บริษัทวิจัยการลงทุนสัญชาติอเมริกันคือผู้ที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเขาที่ส่อแววทุจริต24 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hindenburg Research&nbsp;ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลถึงการขายชอร์ตหุ้นของบริษัทในเครือ Adani Group พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าบรรดาธุรกิจและบริษัทต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดย Adani Group ในแคริบเบียน มอริเชียส และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกในการทำทุจริต ฟอกเงิน ขณะเดียวกันก็ยังยักยอกเงินระหว่างบริษัทจดทะเบียนในเครือซึ่งทำธุรกิจตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงโรงไฟฟ้า ถือเป็นการฉ้อฉลจากการทำธุรกิจในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ Hindenburg คือ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบค้นการกระทำผิดทางการเงินและธุรกิจ และยังเชี่ยวชาญด้าน Short Selling หรือการขอยืมหุ้นราคาสูงมาขาย แล้วซื้อมาคืนในราคาที่ต่ำเพื่อเอากำไรจากส่วนต่างราคา ทำให้ผู้ซื้อขายหุ้นด้วยวิธีนี้จะได้กำไรเมื่อราคาหุ้นที่ซื้อไว้ short ราคาต่ำลง&nbsp;25 มกราคม 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jugeshinder Singh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Adani Group ได้ออกมาโต้แย้งและปฏิเสธข้อกล่าวหาเชิงลบที่มีต่อบริษัทผ่านคลิปวิดีโอที่โพสต์ลง youtube ทางช่อง Adani Group โดยมีใจความหลักว่า “เป็นเรื่องที่น่าอดสูยิ่งนักที่รายงานของ Hindenburg มีความประสงค์ร้าย ให้ข้อมูลผิดพลาด อีกทั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ยังได้รับการตรวจสอบโดยศาลสูงสุดของอินเดียแล้วว่าไม่มีมูลความจริง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งในวันเดียวกันนี้สถานะความมั่งคั่งของ Gautam Adani จากเดิมที่มีอยู่ 1.264 แสนล้านเหรียญ ได้เริ่มดิ่งลงมาอยู่ที่ 1.20 แสนล้านเหรียญทันที โดยเป็นผลมาจากตลาดหุ้นในอินเดียตอบสนองต่อกระแสข่าวในเชิงลบขณะที่เขาก็ยังคงสถานะผู้มีความมั่งคั่งร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสามของโลก26 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jatin Jalundhwala หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Adani Group ออกแถลงการณ์ว่าบริษัทกําลังประเมินบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องภายใต้กฎหมายทั้งของสหรัฐฯ และอินเดียสําหรับการแก้ไขคำครหาและบทลงโทษต่อการวิจัยของ Hindenburg ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงมูลค่ารายได้สุทธิของ Adani แต่อย่างใดเนื่องจากตลาดหุ้นยังคงปิดทําการในวันชาติของอินเดีย27 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หุ้นบริษัทจดทะเบียนของ Adani Group ถูกเทขายเป็นจำนวนมากหลังตลาดกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ส่งผลให้มูลค่ารายได้สุทธิของมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 9.81 หมื่นล้านเหรียญ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ชื่อของเขาหลุดจากโผรายชื่ออันดับ 3 มหาเศรษฐีโลก29 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มบริษัท Adani Group จัดทำรายงานจำนวน 413 หน้า ออกมาโต้แย้งคำกล่าวหาของ Hindenburg Research โดยเรียกการกระทําดังกล่าวว่า "การโจมตีอินเดียที่คำนวณไว้ล่วงหน้า ทั้งเรื่องความเป็นอิสระ ความซื่อสัตย์ คุณภาพของสถาบันต่างๆ รวมทั้งเรื่องราวการเติบโตอย่างทะเยอทะยานของอินเดีย"&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ รายงานของ Hindenburg ยังใช้คำครหาการดำเนินธุรกิจของ Adani Group ด้วยว่าสร้างภาพลักษณ์ฉากหน้าด้วยการประดับธงชาติของอินเดียเพราะมีความสนิทสนมเป็นอย่างดีกับ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีของประเทศ ขณะที่ฉากหลังได้ทำการทุจริตปล้นสะดมในประเทศอย่างเป็นระบบ30 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หุ้นของบริษัทจดทะเบียนเครือ Adani Group ยังคงได้รับผลกระทบจากการเทขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่ารายได้สุทธิของมหาเศรษฐี Adani ลดลงอีก 8.5 พันล้านเหรียญ เหลือ 8.82 หมื่นล้านเหรียญ31 มกราคม 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Adani Group ได้เสนอขายหุ้นผ่านการระดมทุนเพิ่มมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาดจากการมีผู้จองซื้อหุ้นเต็มจำนวนโดยเป็นผลมาจากความช่วยเหลือของมหาเศรษฐีอินเดียรายอื่นๆ และจากสถาบันการลงทุนในตะวันออกกลาง ส่งผลให้มูลค่ารายได้สุทธิของ Adani ขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 8.91 หมื่นล้านเหรียญ1 กุมภาพันธ์ 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทจดทะเบียนของ Adani Group เจอผลกระทบครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อหุ้น Adani Enterprises ซึ่งถือเป็นหุ้นตัวใหญ่และยังเป็นเรือธงของบริษัทมีราคาหลังปิดตลาดร่วงลงมาอยู่ในแดนลบถึง 28.20%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวันนี้ Adani ต้องสูญเสียตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งที่สุดในเอเชียให้แก่เพื่อนร่วมชาติอดีตเจ้าของตำแหน่งคนก่อนอย่าง Mukesh Ambani และยังถูกเลื่อนลงมาอยู่ในอันดับ 15 ของรายชื่อมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 7.47 หมื่นล้านเหรียญ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/02/MraEm9rN2NEfhhiZae9k.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MraEm9rN2NEfhhiZae9k.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> 2 กุมภาพันธ์ 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังถูกกล่าวหาโดย Hindenburg ถึงการดำเนินธุรกิจที่ไม่โปร่งใส ล่าสุด Adani ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกด้วยการกล่าวยกเลิกแผนระดมทุนเพิ่มมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญท่ามกลางภาวะตลาดปั่นป่วน ทั้งที่เพิ่งมีการประกาศแผนระดมทุนก่อนหน้าไปพียงไม่กี่วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถ้อยแถลงของมหาเศรษฐีชาวอินเดียในครั้งนี้ ฉุดรายได้สุทธิของเขาให้ลดต่ำลงไปอีกเหลืออยู่ที่ 6.42 หมื่นล้านเหรียญ และรายชื่อของเขายังร่วงหล่นลงไปอยู่ในอันดับที่ 16 จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีทั่วโลกของ Forbesมูลค่ามหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเลข 1.07 แสนล้านเหรียญ คือ มูลค่าจากการประเมินของบริษัทจดทะเบียนในเครือ Adani Group ที่มีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ตามบันทึกการรายงานของสำนักข่าว Bloomberg โดยทั้งหมดนี้เป็นผลมาจาก Hindenburg ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลพร้อมตั้งขอสงสัยถึงการดำเนินธุรกิจที่เติบโตเร็วอย่างก้าวกระโดดสถานการณ์ต่อไปที่ต้องจับตา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายกรัฐมนตรี Narendra Modi และรัฐบาลของอินเดียต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากพรรคฝ่ายค้านเกี่ยวกับความนิ่งเฉยหลังบริษัท Adani Group ถูกครหาถึงการดำเนินธุรกิจที่ไม่โปร่งใส เข้าข่ายปั่นหุ้น ตกแต่งบัญชีและมีการฟอกเงิน โดยล่าสุดสำนักข่าว Reuters ยังรายงานด้วยว่า ได้ติดต่อกับคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (SEBI) เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยหน่วยงานกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะจัดทํารายงานต่อรัฐบาลในเร็วๆ นี้ รวมถึงธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะขอรายละเอียดจากธนาคารในประเทศเกี่ยวกับการเปิดรับกองทุน Adani Group รวมถึงหลักประกันที่ใช้ในการคืนเงินกู้ให้กับกลุ่มบริษัทต่อไป แปลและเรียบเรียงจากบทความ:&nbsp; How Gautam Adani Lost More Than $50 Billion In A Week—And His Ranking As Asia’s Richest&nbsp;ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/wristcheck-%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E-%E0%B8%AE%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1-%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B9" alt="​Wristcheck แพลตฟอร์มนาฬิกาหรูคว้าเงินระดมทุน 8 ล้านเหรียญฯ"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-3-m-microsoft-google-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%99" alt="เปิดปี 2023 บริษัทเอกชนในสหรัฐฯ ลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงาน">เปิดปี 2023 บริษัทเอกชนในสหรัฐฯ ลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงาน</a>​ <hr class="__se__solid">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine?mibextid=LQQJ4d" alt="Forbes Thailand Magazine">Forbes Thailand Magazine</a>​

ธุรกิจไม่โปร่งใส ฉุดรายได้ Gautam Adani ร่วง "อันดับ 3 มหาเศรษฐีโลก”

<h2 class="p1">Gautam Adani และครอบครัว ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคเงิน 6 พันล้านรูปี (7.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 60 ปี และเพื่อเป็นการรำลึกถึงวันครบรอบ 100 ปีของ Shantilal Adani ผู้เป็นพ่อ</h2>
<figure><img class="wp-image-64800 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_2022-01-13T041520Z_1_2_1_LE9JG9CC.jpeg" alt="Gautam Adani" width="720" height="535" /><figcaption> Adani Group สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่รัฐ Gujarat</figcaption></figure>
เงินทุนนี้ ซึ่งจะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ Adani Foundation จะถูกนำไปใช้สำหรับกิจกรรมการกุศลในด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา และการพัฒนาทักษะ โดยเน้นไปที่พื้นที่ชนบทของอินเดียเป็นการเฉพาะ
“ประสบการณ์ของเราในการวางแผนและการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ๆ และการเรียนรู้จากงานที่ทำโดย Adani Foundation จะช่วยให้เราบริหารจัดการโครงการเหล่านี้ให้เร็วขึ้น ด้วยรูปแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร” Gautam Adani กล่าวในแถลงการณ์ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2022
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของอินเดียรายนี้เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าบริจาคเงิน เพื่อกิจกรรมด้านการกุศลไม่มากพอ ซึ่งในที่นี้รายงาน The India Philanthropy Report 2021 ซึ่งจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก Bain and Co. เผยว่า มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 5 แสนรูปี บริจาคเงินราวร้อยละ 0.5 ของความมั่งคั่งที่มี
“ความมุ่งมั่นของ Gautam Adani และครอบครัวที่มีต่อกิจกรรมการกุศลควรเป็นแบบอย่างที่เราทุกคนสามารถดำเนินชีวิตตามหลักการ Trusteeship of Wealth ของมหาตมะ คานธี ณ จุดสูงสุดของความสำเร็จทางธุรกิจ” Azim Premji ผู้ก่อตั้งและประธาน Wipro ผู้ซึ่งบริจาคทรัพย์สินของครอบครัว 1.3 พันล้านเหรียญให้กับสังคมในปี 2021
ด้าน Adani Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน ทั้งในด้านสุขภาพ โภชนาการ และการศึกษา เริ่มจากพื้นที่ชุมชนชนบทใน Mundra, Gujarat กระทั่งในปัจจุบันมีผู้ได้รับผลประโยชน์ราว 3.7 ล้านคนใน 2,409 หมู่บ้านใน 16 รัฐของอินเดีย
ปัจจุบัน Adani ดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งและประธาน Adani Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจท่าเรือและพลังงานที่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียมากถึง 6 แห่ง โดยเขาและครอบครัวมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิราว 9.55 หมื่นล้านเหรียญ ครองอันดับที่ 6 ในทำเนียบมหาเศรษฐีโลก แซงหน้า Larry Ellison และ Warren Buffet
ทั้งนี้ เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการของ Adani เริ่มต้นขึ้นในปี 1988 จากการก่อตั้งธุรกิจส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย และปฏิเสธที่จะสานต่อร้านสิ่งทอของพ่อ ในที่สุดปี 2008 Adani ก็มีรายชื่อปรากฎในทำเนียบมหาเศรษฐีเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 9.3 พันล้านเหรียญ ทว่าธุรกิจกลับได้อานิสงส์ในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดครั้นเกิดวิกฤตโควิด-19 จากการเข้าลงทุนในพลังงานหมุนเวียนสื่อสนามบินและธุรกิจต่างๆในช่วงที่ผ่านมา
ส่งผลให้ทรัพย์สินของ Adani เพิ่มขึ้นจาก 8.9 พันล้านเหรียญเป็น 5.05 หมื่นล้านเหรียญในเดือนเมษายน 2021 ทั้งยังแซงหน้า Mukesh Adani แห่ง Reliance Industries ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย หลังมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแตะ 9 หมื่นล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ล่าสุด Adani มีความตั้งใจที่จะก้าวขึ้นเป็น "ผู้ผลิตพลังงานสีเขียวรายใหญ่ที่สุดในโลก" หลังทุ่มเงินลงทุนกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญในโครงการพลังงานหมุนเวียน

<article id="post-64768" class="post-64768 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-america category-world tag-james-mulvaney tag-matchmaker-fm tag-podcast-co tag-radio-co tag-wavestreaming tag-11632 tag-16489 tag-1134">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Asia’s Richest Billionaire, Gautam Adani, Pledges $7.7 Billion For Charity เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/james-mulvany-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99-radio-co.html">James Mulvany ปลุกปั้น Radio.co ด้วยพลังเสียงของพอดแคสต์</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</div>
</article>

Gautam Adani มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย บริจาค 7.7 พันล้านเหรียญฯ เพื่อการกุศล

<h2>ท่ามกลางปีแห่งบล็อคบัสเตอร์สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ในอินเดีย ซึ่งมีบริษัทมากกว่า 60 แห่งระดมทุนไปแล้วกว่า 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่นเดียวกับจำนวนมหาเศรษฐีอินเดียที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 166 รายจาก 140 รายในปีที่แล้ว ขณะที่ทรัพย์สินรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 26 เป็น 7.5 แสนล้านเหรียญ</h2>
ปีนี้ Mukesh Ambani ยังคงรั้งตำแหน่ง “บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย” และมีรายชื่อติดโผใน 10 อันดับแรกของมหาเศรษฐีโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 7 จากการขับเคลื่อน Reliance Industries บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในอินเดีย

ตามมาด้วย Gautam Adani ผู้ประกอบการด้านโครงสร้างพื้นฐานและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นราว 4 หมื่นล้านเหรียญ และครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 2 ของเอเชีย โดยปัจจุบันทั้ง Ambani และ Adani ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนด้วยเงินลงทุนหลายหมื่นล้านเหรียญ

ด้านภาคส่วนเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 แสนล้านเหรียญในปีงบประมาณล่าสุด ได้มีส่วนช่วยเพิ่มความมั่งคั่งของผู้ประกอบการด้านไอทีอย่าง Shiv Nadar ราวร้อยละ 22 เช่นเดียวกับ Cyrus Poonawalla ผู้อยู่เบื้องหลัง <a style="color: #333333;" href="https://www.seruminstitute.com/">Serum Institute of India</a> ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกในด้านจำนวนโดสที่ผลิต ที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีจากการส่งออกวัคซีนราคาไม่แพง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 2.43 หมื่นล้านเหรียญ 

ขณะที่ราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นได้ผลักดันให้ Savitri Jindal ก้าวเข้าสู่ 10 อันดับแรกของมหาเศรษฐีอินเดียในปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐินีที่โดดเด่นทั้ง 13 ราย อาทิ Falguni Nayar ผู้ก่อตั้ง Nykaa ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอางหรือ Sephora แห่งอินเดีย

พบกับ 10 อันดับ “มหาเศรษฐีอินเดีย” ประจำปี 2022 จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2022

<img class="alignnone size-full wp-image-61458" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/1.-Mukesh-Ambani.png" alt="" width="300" height="300" />

อันดับ 1

Mukesh Ambani 

ทรัพย์สินสุทธิ: 9.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Reliance Industries

แหล่งพำนัก: Mumbai 

Ambani ประสบความสำเร็จในการกระจายพอร์ตรายได้จากอาณาจักรน้ำมันและก๊าซ ไปสู่ธุรกิจโทรคมนาคมและร้านค้าปลีก ล่าสุดมหาเศรษฐีผู้นี้ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ด้วยเงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งหมายรวมถึงการสร้างนิคมแห่งใหม่ ที่ตั้งชื่อตามพ่อผู้ล่วงลับของเขา Dhirubhai Ambani ผู้ก่อตั้ง Reliance ซึ่งประกอบด้วยโรงงานขนาดใหญ่ 4 แห่งใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทในเมือง Jamnagar ทางตะวันตกของอินเดีย

<img class="alignnone size-full wp-image-61459" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/2.-Gautam-Adani.png" alt="" width="300" height="300" />

อันดับ 2 

Gautam Adani

ทรัพย์สินสุทธิ: 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Adani Green Energy, Adani Enterprises

แหล่งพำนัก: Ahmedabad

ความมั่งคั่งของ Adani ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยส่วนหนึ่งมาจากหุ้นที่เพิ่มขึ้นของบริษัทผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่จดทะเบียนในชื่อ Adani Green Energy นอกจากนี้เขายังเดินหน้าลงทุน 7 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของโลกภายในปี 2030

<img class="alignnone size-full wp-image-61468" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/3.-Shiv-Nadar.png" alt="" width="300" height="300" />

อันดับ 3 

Shiv Nadar

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: HCL Technologies

แหล่งพำนัก: Delhi

ผู้ร่วมก่อตั้ง HCL Technologies ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกิตติคุณและที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ขณะที่ Roshni Nadar Malhotra บุตรสาวของเขาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งมีพนักงาน 198,000 คนใน 52 ประเทศ

<img class="alignnone size-full wp-image-61469" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/4.-Cyrus-Poonawalla.png" alt="" width="300" height="300" />

อันดับ 4 

Cyrus Poonawalla

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.43 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Serum Institute of India

แหล่งพำนัก: Pune

Serum Institute of India ของ Poonawalla ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ผลิตวัคซีน Covishield ภายใต้ใบอนุญาตจาก AstraZeneca เพิ่งได้รับรางวัล Padma Bhushan ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลพลเรือนดีเด่นสูงสุดของอินเดีย

<img class="alignnone size-full wp-image-61470" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/5.-Radhakishan-Damani.png" alt="" width="300" height="300" />

อันดับ 5 

Radhakishan Damani

ทรัพย์สินสุทธิ: 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: 

แหล่งพำนัก: Mumbai

นักลงทุนในตลาดหุ้นรุ่นเก่าที่เดินหน้าเปิดเชนซูเปอร์มาร์เก็ต Avenue Supermarts ตั้งแต่ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จนปัจจุบันมีร้านค้าในชื่อ D-Mart เปิดให้บริการกว่า 271 แห่งทั่วประเทศ

<img class="alignnone wp-image-61471 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/6.-Lakshmi-Mittal.png" alt="มหาเศรษฐีอินเดีย 2022 " width="300" height="300" />

อันดับ 6

Lakshmi Mittal

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.79 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ArcelorMittal

แหล่งพำนัก: London

ราคาเหล็กที่พุ่งสูงขึ้นช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับประธานกรรมการบริหารของ ArcelorMittal ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กรายใหญ่ที่สร้างรายได้กว่า 7.66 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา พร้อมรายงานผลกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านเหรียญเทียบกับมูลค่าการขาดทุน 733 ล้านเหรียญในปี 2020 

<img class="alignnone wp-image-61472 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/7.-Savitri-Jindal.png" alt="มหาเศรษฐีอินเดีย 2022 " width="300" height="300" />

อันดับ 7

Savitri Jindal

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: JSW Steel, JSW Energy

แหล่งพำนัก: Hisar

Jindal ประธานกิตติคุณของ O.P.Jindal กลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็กและพลังงาน ได้รับประโยชน์จากหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นของกลุ่มบริษัท JSW Steel และ JSW Energy ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 2 บริษัทอยู่ภายใต้การบริหารงานของบุตรชายของเธอ Sajjan Jindal 

<img class="alignnone wp-image-61473 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/8.Kumar-Birla.png" alt="มหาเศรษฐีอินเดีย 2022 " width="300" height="300" />

อันดับ 8

Kumar Birla

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Aditya Birla Group

แหล่งพำนัก: Mumbai

Birla ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group ที่สร้างรายได้กว่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญ ล่าสุดในปีที่ผ่านมา Birla ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานของบริษัทโทรคมนาคม Vodafone Idea ที่ประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งก่อตั้งในปี 2018 จากการควบรวมกิจการระหว่าง Idea Cellular และ Vodafone Group

<img class="alignnone wp-image-61474 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/9-Dilip-Shanghvi.png" alt="มหาเศรษฐีอินเดีย 2022 " width="300" height="300" />

อันดับ 9

Dilip Shanghvi

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.56 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Sun Pharmaceuticals

แหล่งพำนัก: Mumbai

Sun Pharmaceuticals บริษัทผู้ผลิตยาสามัญเฉพาะทางรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกและบริษัทยาที่มีมูลค่าสูงที่สุดของอินเดีย สร้างรายได้กว่า 4.5 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว โดยกว่า 2 ใน 3 มาจากตลาดต่างประเทศ ล่าสุดในเดือนมีนาคม บริษัทตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 485 ล้านเหรียญเพื่อยุติคดีความกับ Ranbaxy Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งเข้าซื้อกิจการในปี 2014

<img class="alignnone wp-image-61475 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/10.-Uday-Kotak.png" alt="มหาเศรษฐีอินเดีย 2022 " width="300" height="300" />

อันดับ 10 

Uday Kotak

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.43 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Kotak Mahindra Bank

แหล่งพำนัก: Mumbai

นายธนาคารที่สร้างฐานะด้วยตัวเองที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดีย ได้เปลี่ยนธุรกิจการเงินเป็น Kotak Mahindra Bank หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจการธนาคารเมื่อ 19 ปีที่แล้ว

แปลและเรียบเรียงจากบทความ India’s 10 Richest Billionaires 2022 โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-อันดับ-มหาเศรษฐีจีน-ป.html">10 อันดับ “มหาเศรษฐีจีน” ประจำปี 2022</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

10 อันดับ “มหาเศรษฐีอินเดีย” ประจำปี 2022

<h2>Adani Airport Holdings Ltd. (AAHL) ของมหาเศรษฐี Gautam Adani ได้รับการอนุมัติให้เข้าบริการกิจการท่าอากาศยานนานาชาติ Chhatrapati Shivaji Maharaj International Airport ในมุมไบ ซึ่งเป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ</h2>
<figure><img class="wp-image-48355" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-60f12da918dc6b1572bdea50-960x0.jpgfitscale.jpg" alt="Gautam Adani" width="720" height="480" /><figcaption> Chhatrapati Shivaji Maharaj International Airport (เดิมชื่อ Sahar International Airport) ในเมือง Mumbai รัฐ Maharashtra ประเทศอินเดีย</figcaption></figure>

<a href="https://www.forbes.com/profile/gautam-adani-1/?sh=1b32e1a05b0e">AAHL</a> ได้ลงนามในข้อตกลงกับ <a href="https://adanienterprises.com/newsroom/media-releases/AAHL-takes-control-of-Mumbai-International-Airport">GVK Group</a> ซึ่งตั้งอยู่ใน Hyderabad เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 เพื่อเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 50.5 ใน Mumbai International Airport Ltd. (MIAL) ผู้สร้างและบริหารสนามบินมุมไบมาจนถึงปัจจุบัน 

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ AAHL ได้เข้าซื้อหุ้นอีกร้อยละ 23.5 คิดเป็นมูลค่า 1.685 หมื่นล้านรูปี (225 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) จากหุ้นส่วนต่างชาติ 2 รายในบริษัท ได้แก่ Airport Company of South Africa และ Bidvest ซึ่งทำให้มีส่วนในการถือหุ้นสูงถึงร้อยละ 74 ขณะที่การท่าอากาศยานของอินเดียที่รัฐบาลเป็นเจ้าของถือครองส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 26

AAHL เป็นบริษัทในเครือของ Adani Enterprises ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในรัฐ Gujarat มีความสนใจในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ บริการขุดเหมืองแร่ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ถนน บริการสนามบิน และศูนย์ข้อมูล

นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวยังทำให้ Adani ถือหุ้นร้อยละ 74 ใน Navi Mumbai International Airport ว่าที่สนามบินแห่งที่ 2 สำหรับเมืองหลวงทางการค้าของอินเดีย ที่มีมูลค่าราว 2.2 พันล้านเหรียญ โดย Navi Mumbai จะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2023 และคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยภายในปี 2031

ปัจจุบัน Mumbai International Airport เป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ทั้งในด้านผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า รองจาก Delhi International Airport ซึ่งบริหารโดย GMR กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน

ทั้งนี้ เว็บไซต์ ของ Airports Authority of India ณ เดือนพฤษภาคม 2021 ระบุว่า Mumbai International Airport สามารถรองรับผู้โดยสาร 434,680 คน - 380,495 คนในประเทศและ 54,185 คนระหว่างประเทศ หรือร้อยละ 9.8 ของปริมาณผู้โดยสารทางอากาศทั้งหมดในประเทศ 

มากกว่านั้น สนามบินยังสามารถรองรับร้อยละ 9.5 ของการเคลื่อนไหวของเครื่องบินทั้งหมดในเดือนเดียวกัน ขณะที่อีกราวร้อยละ 26 ของการขนส่งทางอากาศทั้งหมดในประเทศผ่านสนามบินในช่วงเวลาเดียวกันได้

ทั้งนี้ ก่อนเกิดโรคระบาดในเดือนพฤษภาคม 2019 MIAL สามารถรองรับร้อยละ 13.5 ของปริมาณผู้โดยสารทั้งหมด ขณะที่อีกร้อยละ 11.5 เป็นการเคลื่อนไหวของเครื่องบินทั้งหมด และร้อยละ 26.7 ของการขนส่งทางอากาศทั้งหมด ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่การสัญจรบนเที่ยวบินปกติยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ที่สนามบินหลายแห่งในประเทศเนื่องจากการล็อกดาวน์ช่วงวิกฤตโรคระบาด

ต่อจากนี้ Adani Group จะต้องระดมทุน 1-1.5 พันล้านเหรียญ เพื่อชำระหนี้สะสมของ Mumbai International Airport Ltd. (MIAL) และเริ่มบริหารงานที่ Navi Mumbai International Airport เนื่องจาก GVK Group ไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธุรกิจสนามบินได้ จึงต้องขายหุ้นในส่วนนี้ออกไป

<figure><img class="wp-image-48360" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/12bdb5f6-d4f2-11e2-9302-00144feab7de-1024x576.jpg" alt="Gautam Adani " width="720" height="405" /><figcaption> Gautam Adani ผู้ก่อตั้งและประธาน Adani Group</figcaption></figure>

ก่อนหน้านี้ AAHL ชนะการประมูลเพื่อปรับปรุงและบริหารสนามบินขนาดเล็ก 6 แห่งในประเทศ ได้แก่ Ahmedabad, Lucknow, Mangaluru, Jaipur, Guwahati และ Thiruvananthapuram เป็นเวลา 50 ปี ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทสามารถประกอบธุรกิจสนามบินในทุกภูมิภาคของประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการบินกล่าวว่า Adani Group ไม่น่าจะเผชิญปัญหาในการระดมทุนสำหรับ MIAL เนื่องจากสามารถค้ำประกันหนี้ได้ แต่อาจจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4.60 แสนล้านรูปี เป็นเหตุให้มีธนาคารเพียงไม่กี่แห่งที่ยินที่จะให้ยืมเงินทุนจำนวนมหาศาล

เป็นไปได้ว่า Adani Group กำลังอยู่ระหว่างการเดิมพันในระยะยาว แต่จะต้องเอาชนะความท้าทายที่สำคัญในระยะสั้นและระยะกลาง ท่ามกลางความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะมีส่วนในการกระตุ้นการสัญจรทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่างประเทศ 

เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากการดำเนินการเที่ยวบินและนอกภาคการบิน รวมทั้งจากผู้รับสัมปทาน

ทั้งนี้ แถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันอังคารโดย AAHL ระบุว่า การเข้าซื้อหุ้นใน MIAL ทำให้บริษัทมีโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของการเดินทางที่สนามบินทั้งหมด และ 1 ใน 3 ของการขนส่งสินค้าทางอากาศของอินเดีย 

โดย AAHL คาดว่าจะสามารถให้บริการแก่ฐานผู้บริโภคที่แข็งแกร่งหลังเกิดโรคระบาดราว 300 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยนักบินและคนที่ไม่ใช่นักบิน

Gautam Adani ประธาน Adani Group กล่าวในแถลงการณ์ว่า เป้าหมายของกลุ่มบริษัท คือ การสร้างสนามบินขึ้นมาใหม่ในฐานะระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น

“กลยุทธ์การขยายสนามบินของเรามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยหลอมรวมเมืองระดับ Tier 1 ของประเทศของเราเข้ากับเมือง Tier 2 และ Tier 3 ในรูปแบบศูนย์กลาง ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจรอบสนามบิน พร้อมๆ กับเมืองในอนาคตที่จะถูกสร้างขึ้นโดยมีสนามบินเป็นจุดศูนย์กลาง” เขากล่าวในแถลงการณ์

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางคนแสดงความกังวลว่า ผู้ให้บริการ 1 รายที่บริหารจัดการสนามบินจำนวนมากอาจนำไปสู่การรวมศูนย์อำนาจและเบียดเบียนผู้เล่นรายอื่นๆ ในระยะยาว

แปลและเรียบเรียงจากบทความ India’s Second-Richest Man Is Now The Country’s Largest Airport Operator โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/jeff-bezos-บริจารเงิน-200-ล้านเหรียญ.html"> Jeff Bezos บริจาคเงิน 200 ล้านเหรียญ ส่งเสริมการศึกษาด้านอวกาศ ก่อนบินจริง 20 ก.ค.</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events