<h2>จากปีที่ผ่านมาข่าวใหญ่ในธุรกิจยานยนต์คือ ดีลควบรวมกิจการระหว่าง Honda และ Nissan ที่เบื้องต้นเปิดเผยว่าอาจจะตั้งเป็น Holding Company ร่วมกันเพื่อสู้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ล่าสุดกลับมีกระแสข่าวว่าดีลนี้ไม่ราบรื่น สาเหตุเพราะหลังจาก Honda โยนหินถามทางไปว่า Nissan จะเข้ามาเป็นบริษัทย่อยในเครือแทนข้อเสนอเดิมได้ไหม สำนักข่าวญี่ปุ่นต่างอ้างถึงแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดออกมาบอกว่า Nissan อาจยกเลิกดีลควบรวมภายใต้ข้อเสนอล่าสุดนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;KYODO NEWS รายงานว่า จากงานแถลงข่าวเมื่อเดือน ธ.ค. 2024 ทั้ง Honda และ Nissan แจ้งว่าอยู่ระหว่างการทำข้อตกลงในการควบรวมกิจการภายใต้ Holding Company ในปี 2026 โดยยังคงแบรนด์เดิมไว้ แต่ดีลนี้ส่อแววไม่ราบรื่นนัก เพราะ Nissan ยังไม่สามารถจูงใจให้ทาง Honda เชื่อมั่นในแผนงานการพลิกฟื้นธุรกิจขึ้นมาได้ แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา (พ.ย. 2024) Nissan จะมีทั้งการสั่งลดตำแหน่งงานลงกว่า 9,000 ตำแหน่งทั่วโลก ตามกำไรสุทธิที่ลดลง รวมถึงกำลังวางแผนจะเสนอโปรแกรม Early Retirement ให้พนักงานในสหรัฐ และลดจำนวนพนักงานในไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้ล่าสุด Honda และ Nissan ออกมาเลื่อนการประกาศรายละเอียดดีลควบรวมนี้ออกไปเป็นกลางเดือน ก.พ. 2025 แทนแผนเดิมที่ต้องเปิดเผยข้อมูลช่วงปลายเดือน ม.ค. 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ฝั่งหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun ของญี่ปุ่นยังมีการรายงานว่าดีลนี้อาจถูกยกเลิกไป ส่วนข้อมูลจาก Reuters ยังอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า บอร์ดบริหารของ Nissan ได้เตรียมจัดการประชุมเร็วๆ นี้ เพื่อหารือเรื่องการยกเลิกดีลควบรวม ภายหลังจาก Honda ยื่นข้อเสนอการให้ Nissan เข้าเป็นบริษัทย่อยในเครือ ซึ่งแหล่งข่าวยังระบุว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขจากเจตนารมณ์เดิมที่เคยคุยกันไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา Nissan เจอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า และยังไม่ฟื้นตัวหลังจากเจอวิกฤตช่วงปี 2018 ที่มีข่าวการจับกุม และการปลดอดีตประธานกรรมการบริษัท Carlos Ghosn ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ช่วงเกิดข่าวดีลควบรวมกับ Honda พบว่าราคาหุ้น Nissan&nbsp;ยังเพิ่มสูงขึ้น โดยนักลงทุนมองว่าเป็นแนวทางที่ดีที่จะพลิกฟื้นธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ฝั่ง Honda ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงกว่า Nissan เกือบ 5 เท่า ในช่วงแรกที่มีข่าวดีลควบรวมนี้พบว่าราคาหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ดีลควบรวมเป็นอีกทางเลือกให้ Honda และ Nissan ในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางกระแส EV ที่เกิดขึ้น ซึ่งการควบรวมจะส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินการอาจลดลงได้ จากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของประเทศไทย ปี 2024 ที่ผ่านมา Nissan ได้ประกาศจะลดหรือโยกย้ายพนักงานราว 1,000 ตำแหน่ง โดย ณ ขณะนั้นมีโรงงานในไทย 2 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ โรงงานแห่งที่ 1 มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 220,000 คัน ส่วนโรงงานแห่งที่ 2 มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 150,000 คัน ซึ่งถือว่าไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ Nissan ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ฝั่ง Honda ในไทยปี 2024 ที่ผ่านมา มีการปรับแผนการผลิตโดยหยุดสายการผลิตรถยนต์ในโรงงานที่อยุธยา แต่จะย้ายฐานการผลิตไปรวมไว้ที่โรงงานในปราจีนบุรี ซึ่งสร้างไว้ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไทยเมื่อปี 2011 แหล่งที่มา- <a href="https://www.reuters.com/markets/deals/nissan-honda-may-call-off-merger-talks-asahi-says-2025-02-04/?fbclid=IwY2xjawIPvfhleHRuA2FlbQIxMAABHereblMU4yr2gFVJLAbh7JZDIn7dml56L9zth6eSI1q2CXHXrGMAmQa0Lg_aem_BUcRPiWPhvWSVlor9OZjXg" alt="Nissan may call off merger talks with Honda, source says">Nissan may call off merger talks with Honda, source says</a>​- <a href="https://english.kyodonews.net/news/2025/02/643a872d10e7-urgent-honda-sounds-out-nissan-about-becoming-honda-unit.html" alt="Honda eyes making Nissan its unit amid slow progress in merger talks">Honda eyes making Nissan its unit amid slow progress in merger talks</a>​ -&nbsp;<a href="https://www.bangkokpost.com/business/motoring/2906772/nissan-to-cut-or-transfer-about-1-000-jobs-in-thailand-sources-say" alt="Nissan to cut or transfer about 1,000 jobs in Thailand, sources say">Nissan to cut or transfer about 1,000 jobs in Thailand, sources say</a>-&nbsp;<a href="https://www.bangkokpost.com/business/motoring/2825941/honda-to-end-vehicle-production-at-ayutthaya-auto-plant" alt="Honda to end vehicle production at Ayutthaya plant">Honda to end vehicle production at Ayutthaya plant</a>​ภาพ: Honda, Nissan,&nbsp;<a href="https://www.freepik.com/free-photo/low-angle-businessmen-shaking-hands_5617973.htm#fromView=search&amp;page=5&amp;position=29&amp;uuid=170221f4-b45f-4129-b253-f51c9021e66a&amp;query=partner%2C+greeting+Invest+in+stocks" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/people/strategies/tgia-wasit-lamsam-jan-2025" alt="‘วาสิต ล่ำซำ’ เปิดมุมมอง TGIA ส่องเทรนด์เบี้ยประกันรถไฟฟ้าปี 68 ผ่าวิกฤตหั่นราคารถ EV - เคลมสูงเกิน 80%">‘วาสิต ล่ำซำ’ เปิดมุมมอง TGIA ส่องเทรนด์เบี้ยประกันรถไฟฟ้าปี 68 ผ่าวิกฤตหั่นราคารถ EV - เคลมสูงเกิน 80%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ดีล Honda - Nissan ไม่ราบรื่น! สื่อญี่ปุ่นชี้ส่อล่มเหตุ Nissan ไม่รับเงื่อนไขเป็นบริษัทย่อย

<h2>หลังจากรถไฟฟ้าจากจีนได้เข้ามารุกตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์จนส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นหลายราย ล่าสุดทาง Honda และ Nissan จึงได้ออกมาประกาศกร้าวพร้อมผนึกกำลังควบรวมกิจการ อัปสปีดขีดความสามารถเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงภายในปี 2573&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทาง Honda และ Nissan ได้ออกมาประกาศร่วมกันถึงแผนการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการพร้อมจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกันภายในปี 2569 โดยแนวทางดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น ที่ตระหนักถึงภัยคุกคามอันเกิดขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่กำลังก่อตัวมากขึ้นอยู่ในปัจจุบันและยังส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก่าที่ครองตลาดมายาวนานของโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แผนการควบรวมดังกล่าวของ Honda Nissan และ Mitsubishi (ที่ Nissan เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 24%) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ถือเป็นการสร้างกลุ่มรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลกตามยอดขายรถยนต์ รองจาก Toyota ที่ครองแชมป์อันดับ 1 และ Volkswagen ที่ครองอันดับ 2 ตามลำดับ อีกทั้งข้อดีของการผนึกกำลังดังกล่าว ก็น่าจะส่งผลให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Tesla รถไฟฟ้าจากสหรัฐฯ&nbsp; และ BYD รถไฟฟ้าจากจีนที่กำลังอัปสปีดสร้างยอดขายให้เติบโตได้อย่างว่องไว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/tCbYfNj7PvtYH6tWUB8J.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tCbYfNj7PvtYH6tWUB8J.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แผนการควบรวมกิจการของ Honda และ Nissan น่าจะเป็นการควบรวมกิจการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Fiat Chrysler ได้เข้าร่วมกับ PSA Groupe ในฝรั่งเศสเพื่อก่อตั้ง Stellantis ในเดือนมกราคม 2564 ด้วยข้อตกลงที่มีมูลค่าราว 5.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยทาง Mitsubishi เองก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลสรุปได้ชัดเจนขึ้นภายในต้นปีหน้าหรือเดือนมกราคม 2568 ที่จะถึงนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในบรรยากาศการจัดงานแถลงข่าวของผู้บริหารระดับสูงจากทั้ง 3 ค่ายรถยนต์ที่จัดขึ้นโตเกียว โดยทาง Mr.Toshihiro Mibe ซีอีโอของ Honda กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนและผู้เล่นรายใหม่ได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ไปมาก ดังนั้นเราต้องสร้างขีดความสามารถเพื่อต่อสู้กับพวกเขาให้ได้ภายในปี 2573 ไม่เช่นนั้นเราจะพ่ายแพ้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริหารของ Honda และ Nissan ยังเผยถึงตัวเลขยอดขายรถยนต์ที่ตั้งเป้ารวมกันให้ได้ราว 30 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็นเงิน 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 3 ล้านล้านเยน หลังจากการควบรวมกิจการดังกล่าวได้เกิดขึ้น แปลและเรียบเรียงจากบทความ:&nbsp;<a href="https://www.reuters.com/markets/deals/honda-nissan-set-announce-launch-integration-talks-media-reports-say-2024-12-22/" alt="Honda, Nissan aim to merge by 2026 in historic pivot">Honda, Nissan aim to merge by 2026 in historic pivot</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/honda-and-nissan-from-japan-currently-merger-negotiations" alt="Honda และ Nissan 2 ค่ายยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น อยู่ระหว่างเจรจาควบรวมกิจการ">Honda และ Nissan 2 ค่ายยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น อยู่ระหว่างเจรจาควบรวมกิจการ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Honda - Nissan หวั่น 'รถไฟฟ้าจีน' แซงหน้า เร่งผนึกกำลัง Up ขีดความสามารถในปี 2573 

<h2>Honda และ Nissan มีแผนเจรจาการควบรวมกิจการเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น หลังจากค่ายรถไฟฟ้าจากจีนเข้าบุกตลาดและจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว </h2> &nbsp; &nbsp; หนังสือพิมพ์ Nikkei ของญี่ปุ่นได้รายงานข้อมูลเมื่อวันอังคารที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยานยนต์ อย่าง ฮอนด้า มอเตอร์ และ นิสสัน มอเตอร์ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงทั่วโลกและจากการที่อุตสาหกรรมดังกล่าวกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp; &nbsp; ฮอนด้าและนิสสันกำลังพิจารณาการดำเนินงานภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง และเร็วๆ นี้ ก็คาดว่าจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ ตามรายงาน อีกทั้งยังมีแผนที่จะนำ มิตซูบิชิ มอเตอร์ มาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้งด้วยเช่นกัน เนื่องจากนิสสัน เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 24%&nbsp;&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ หากมีการควบรวมบริษัท Honda-Nissan-Mitsubishi เกิดขึ้นจะทำให้มียอดขายรถยนต์มากกว่า 8 ล้านคันต่อปี และจากข้อมูลของ Nikkei นั้น ยังเผยด้วยว่า การควบรวมที่จะเกิดขึ้นนี้ จะทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ก็ยังต่ำกว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Toyota Motor ที่มียอดขาย 11.2 ล้านในปี 2566 ขณะที่ Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน มียอดขาย 9.2 ล้านคัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/ikNmUjf5oCPtQwGqWbxB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ikNmUjf5oCPtQwGqWbxB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; และจากแถลงการณ์ที่ปล่อยออกมาคล้ายกัน ทางฮอนด้าและนิสสันต่างไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธผลของการรายงานดังกล่าว “บริษัทของเราไม่ได้เผยแพร่เนื้อหาที่รายงาน ซึ่งตามประกาศในเดือนมีนาคมปีนี้ ฮอนด้าและนิสสันกำลังสำรวจความเป็นไปได้ต่างๆ สำหรับการทำงานร่วมกันในอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน เราจะแจ้งให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราทราบถึงการอัปเดตใดๆ ในเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง” ฮอนด้าเผย&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวการควบรวมกิจการนี้ เกิดขึ้นหลังจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นทั้ง 2 รายดังกล่าวได้เข้าสู่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เมื่อช่วงต้นปีเกี่ยวกับการใช้ส่วนประกอบและซอฟต์แวร์ยานยนต์ร่วมกัน&nbsp; &nbsp; การผนึกกำลังดังกล่าว น่าจะเป็นการควบรวมกิจการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Fiat Chrysler ได้เข้าร่วมกับ PSA Groupe ในฝรั่งเศสเพื่อก่อตั้ง Stellatiss ในเดือนมกราคม 2564&nbsp; &nbsp; อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ปรึกษาด้านยานยนต์และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ต่างเรียกร้องให้เพิ่มการควบรวมและซื้อกิจการเพื่อแบ่งปันต้นทุนและแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของสหรัฐฯ อย่าง Tesla ด้วย&nbsp; &nbsp; สำหรับหุ้นฮอนด้าที่ซื้อขายผ่านตลาดในสหรัฐฯ หลังจากปิดตัวในวันอังคารได้ดีดตัวขึ้นมาประมาณ 1% ขณะที่หุ้นของ Nissan ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง ได้พุ่งตัวสูงขึ้นมากกว่า 11% ภาพ: Nissan แปลและเรียบเรียงจากบทความ:&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/12/17/japans-honda-and-nissan-to-reportedly-begin-merger-talks.html" alt="Japan’s Honda and Nissan to reportedly begin merger talks">Japan’s Honda and Nissan to reportedly begin merger talks</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/global/nissan-ceo-cuts-salary-in-half-company-laying-off" alt="วิกฤต Nissan! เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หั่นเงินเดือน CEO ลงครึ่งหนึ่ง">วิกฤต Nissan! เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หั่นเงินเดือน CEO ลงครึ่งหนึ่ง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Honda และ Nissan 2 ค่ายยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น อยู่ระหว่างเจรจาควบรวมกิจการ

<h2>จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวประกอบกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV เริ่มแข่งขันเดือด เห็นได้จากแบรนด์รถยนต์ค่ายต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์จีนเริ่มเข้ามาตีตลาดในไทย ส่งผลกระทบให้ยอดขายรถฮอนด้าไม่เติบโตเท่าที่ควร ล่าสุดเตรียมปิดไลน์ผลิตรถยนต์ในโรงงาน จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วนำไปรวมกับไลน์ผลิตในโรงงาน จ.ปราจีนบุรี ภายในปี 2568 </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันอังคารที่ 9 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมาประกาศ ‘การปฏิรูปฟังก์ชันสายการผลิตรถยนต์ของไทย’ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป รวมถึงเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ xEV หรือการนำพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมารถยนต์ในกลุ่ม "e:HEV series" ซึ่งเป็นระบบฟูลไฮบริดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฮอนด้า มีสัดส่วนยอดขายเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยตัวเลขผลประกอบการปี 2566 รถในกลุ่มนี้มีสัดส่วนการขาย 32% ซึ่งในปี 2567 นี้ ฮอนด้าตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นอย่างก้าวกระโดดให้เป็น 70% อีกดด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ทางฮอนด้ามีแผนปฏิรูปโรงงานในไทยซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 2 แห่ง ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยโรงงาน จ.ปราจีนบุรี จะพัฒนาให้เป็นฐานการผลิต และส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) ที่สมบูรณ์แบบ โดยการใช้ประโยชน์จากสายการผลิตที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความสามารถในการรองรับธุรกิจ&nbsp;ขณะที่โรงงาน จ.พระนครศรีอยุธยา วางแผนจะหยุดทำการผลิตรถยนต์ภายในปี 2568 และย้ายกำลังการผลิตทั้งหมดไปรวมไว้ที่โรงงาน จ.ปราจีนบุรีแทน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/tr64SPWRy1pMeZm6DtBb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tr64SPWRy1pMeZm6DtBb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน สำนักข่าว Nikkei Asia ได้รายงานถึงประเด็นนี้ว่า การตัดสินใจดังกล่าวของฮอนด้าในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นผลกระทบมาจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกำลังรุกเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยอย่างหนัก จากการดึงดูดผู้บริโภคด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมซอฟต์แวร์อันทันสมัยและยังมีมีราคาถูก จึงส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคไทยในปัจจุบันเริ่มขยับตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม โฆษกของฮอนด้า ยังระบุด้วยว่า ฮอนด้าได้ส่งออกรถที่ผลิตจากโรงงานในไทย ไปยังตลาดอื่นๆ ในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ทั้งนี้ จะยังไม่มีแผนการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ยอดการผลิตรวมของทั้ง 2 โรงงาน นับตั้งแต่ปี 2562-2566 หรือ 4 ปีหลังมานี้ มีจำนวนการผลิตรถลดลงจาก 228,000 คัน เหลือเพียงไม่ถึง 150,000 คันต่อปี อีกทั้ง ตัวเลขยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยช่วง 4 ปีหลังสุดนี้ ยังต่ำกว่า 100,000 คันต่อปี&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/9Q7suMwcht6JwRivN4ov.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9Q7suMwcht6JwRivN4ov.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/volvo-ec-40-and-ex-40" alt="เปลี่ยนชื่อใหม่สู่ Volvo EC40 และ EX40 พร้อมเปิดตัว Black Edition ราคารุ่นพิเศษเริ่ม 2.39 ล้านบาท">เปลี่ยนชื่อใหม่สู่ Volvo EC40 และ EX40 พร้อมเปิดตัว Black Edition ราคารุ่นพิเศษเริ่ม 2.39 ล้านบาท</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

 รถ EV จีนบุกตีตลาดไทย กระทบ 'ฮอนด้า' เตรียมปิดไลน์ผลิตรถยนต์ จ.อยุธยา ย้ายมาโรงงาน จ.ปราจีนบุรี ปี 68

ฮอนด้าเตรียมเปิดตัว “Honda 0 Series” ซีรีส์ EV รุ่นใหม่สำหรับตลาดโลก พร้อมเปิดตัวโลโก้ H Mark ใหม่

ในวันที่โลกทั้งใบอยู่ในสถานการณ์โรคระบาดที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร กุญแจสำคัญที่จะพาให้ธุรกิจรอดคือ การปรับตัวแบบไม่ยึดติดกระบวนท่า และไม่มองข้ามการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและการบริการ

หนึ่งในธุรกิจที่สะท้อนแล้วว่า กุญแจดังกล่าว เป็นเหมือนแสงสว่างที่ทำให้ธุรกิจยังคงยืนหยัดและเติบโตได้ในช่วงวิกฤติคือ บริษัท พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจยานยนต์ที่ได้รับความไว้วางใจมานานกว่า 25 ปี ในฐานะศูนย์รถยนต์ฮอนด้าครบวงจร ให้บริการตั้งแต่การส่งมอบรถยนต์ฮอนด้า การรับซื้อ-แลกเปลี่ยนรถยนต์มือสอง ประกันรถยนต์ ไปจนถึงรถเช่า

ภายใต้การบริหารงานของเกียรติ ตั้งตรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า    ออโตโมบิล จำกัด ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนา และพร้อมปรับทิศทางในการดำเนินธุรกิจให้ทันกับพฤติกรรมของลูกค้า ควบคู่ไปกับสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ทำให้พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ไม่เพียงเป็นเจ้าของรางวัลส่วนแบ่งการตลาดยอดขายรถยนต์ฮอนด้าสูงที่สุด สร้างสถิติผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้ารายแรกที่ส่งมอบรถยนต์ใหม่เกิน 10,000 คัน ภายใน 1 ปี ให้บริการลูกค้ากว่า 200,000 ราย ล่าสุดยังได้รับรางวัล “Thailand Top Company Awards 2020” ประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการบริการยอดเยี่ยม

<figure><img class="wp-image-61228 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/onn.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption>บริษัท พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด</figcaption></figure>

เปิดคัมภีร์เอาตัวรอดจากวิกฤติ

แม้จะฝ่าวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง แต่เกียรติยอมรับว่าไม่มีครั้งไหนที่ต้องรับศึกหนักเท่าโควิด-19 เนื่องจากเป็นวิกฤติที่ควบคุมไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร

“ตอนเจอน้ำท่วม ปิดโรงงานไม่มีรถขายอยู่ 1 ปี ผมว่ายังไม่เท่าไรนะ พอเจอโควิด-19 เข้าไป รอบนี้หนักที่สุด”

ท่ามกลางความท้าทาย สิ่งที่สำคัญที่ผู้นำองค์กรทำได้และต้องทำคือ การตั้งสติและคิดวิธีแก้ปัญหา วิธีการแก้ปัญหาของเกียรติในเวลานั้นคือ การปรับตัวที่ไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในยุค New Normal แบบทุกมิติ

หนึ่งในบริการที่พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า พัฒนาขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า คือ การจัดทำ Virtual Showroom เพื่อให้ลูกค้า​สามารถ​ชมรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น สามารถเลือกอุปกรณ์ ต่อรองราคากับพนักงานขาย และชำระเงินจองผ่านระบบออนไลน์ได้ โดยที่ไม่ต้องเข้ามาที่โชว์รูมเลย ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พิสูจน์ได้จากจำนวนผู้เข้าใช้เยี่ยมชม Virtual Showroom ที่มากถึงวันละ 400-500 ราย

สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากใช้เวลาในโชว์รูมนาน พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ก็มีบริการ Drop n Go จุดเด่นของบริการนี้ คือ ลูกค้าสามารถจอดรถทิ้งไว้ให้เจ้าหน้าที่ และเดินทางกลับไปได้เลย โดยพนักงานจะติดต่อ รายงานผลการตรวจสอบ และชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่ที่โชว์รูมน้อยที่สุดลดความเสี่ยงในการแพร่หรือติดเชื้อโควิด-19

<img class="alignnone size-full wp-image-61685" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/tee-1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

นอกจากเรื่องการพัฒนาบริการเพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์เฉพาะหน้า พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ยังไม่หยุดนิ่งที่จะปรับตัวให้ทันกับเทรนด์โลก เนื่องจากลูกค้ามีความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดรถยนต์ในประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีของรถยนต์ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้เร็วขึ้น แม่นยำมากขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น

“ลูกค้าต้องการรถที่ประหยัดพลังงาน มีเทคโนโลยีที่สูง ง่ายต่อการใช้งาน สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายที่เราต้องเปลี่ยนแปลง เพราะพนักงานของเราเติบโตมากับเครื่องยนต์ ICE (Internal Combustion Engine) อาจจะไม่รู้เรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้ามากนัก จึงต้องมีการทำความเข้าใจเรื่องวงจรไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น พร้อมสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น” เกียรติฉายภาพให้เห็นถึงการพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง

ต่อยอดความสำเร็จอย่างยั่งยืน

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ คือ การสร้างวงจรแห่งความสุข เพื่อต่อยอดไปสู่การให้บริการด้วยหัวใจ เกียรติบอกว่า เคล็ดลับในการสร้างค่านิยมนี้ ไม่ได้มาจากการกำหนดนโยบาย แต่เกิดจากบ่มเพาะให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข​ ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากองค์กร แล้วส่งต่อความสุขไปยังลูกค้า​

“การจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุดได้ ลูกค้าต้องมีความสุขในการติดต่อเรา ไม่ว่าผ่านช่องทางไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าซื้อรถ รถมีปัญหา ปัญหามันเกิดขึ้นได้ แต่สุดท้ายเขาต้องพอใจ และมีความสุขกับการได้มาติดต่อเรา เพราะฉะนั้นในการถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ ต้องเริ่มต้นจากทัศนคติของตัวพนักงาน และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงานและความสุขในการทำงาน​ รวมไปถึงการให้เกียรติซึ่งกันและกันในองค์กร”

อย่างไรก็ตาม นอกจากความสุขจะส่งผ่านการให้บริการของพนักงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มรอยยิ้มให้ลูกค้า พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า​ ยังใส่ใจไปถึงคนในครอบครัวของลูกค้า ที่ผ่านมาจึงมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ครอบครัวของลูกค้าเกิดความคุ้นเคยกับโชว์รูม พร้อมมอบความสะดวกสบาย และความสุขทุกครั้งที่ได้ติดต่อ รวมถึงจัดกิจกรรมงานวันเด็ก Honda Children Day อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะพักไป เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ผมมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้าและครอบครัวในวันที่เขามารับรถคันใหม่ที่โชว์รูม หรือการได้นำรถไปส่งให้ถึงที่บ้านของลูกค้า มันทำให้พวกเราอิ่มเอิบ​ หัวใจพองโต ในการที่จะรักษาคำมั่นสัญญาและมาตรฐานในงานบริการของพวกเราตลอดไป เพราะความสุขของผม คือการได้เห็นคนรอบตัวรักเรา ไม่ว่าจะเพื่อน ครอบครัว พนักงานด้วยกัน ลูกค้า ได้อยู่ในวงจรของความสุขเหล่านี้”

<figure><img class="wp-image-61242 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/se.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption>เกียรติ ตั้งตรงศักดิ์ และครอบครัว</figcaption></figure>

ถอดสูทผู้บริหาร สวมบทคุณพ่อ

นอกจากมุมมองการบริหารในการนำทัพองค์กรให้ยืนหยัดและเติบโตอย่างมั่นคงแล้ว ในฐานะคุณพ่อของลูกสาว 4 คน 4 สไตล์ เกียรติก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง เพราะนิยามความสำเร็จของคุณเกียรติ ไม่ได้ยึดโยงอยู่เพียงแค่ด้านใดด้านหนึ่งของชีวิต แต่ให้คุณค่ากับความสุขในชีวิตทุกด้าน ทั้งเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว

“ความสำเร็จของผม สามารถวัดได้จากความสุขที่มีอยู่ในตัวเอง ทั้งความสุขที่มีครอบครัวที่อบอุ่น ความสุขที่มีสุขภาพที่ดี ความสุขที่ได้เห็นองค์กรเจริญเติบโต และความรักที่ได้จากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน พนักงาน และลูกค้า”

ทุกวันนี้ นอกจากการทำงาน เกียรติยังแบ่งเวลาให้กับการกำลังกาย ทั้งตีกอล์ฟ ปั่นจักรยาน พร้อมกับดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่

“ผมและภรรยาตั้งใจว่า จะมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับลูกๆ นั่นก็คือการศึกษา เพื่อให้เขาได้นำความสามารถของตัวเองออกมาหรือนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และทำให้ตัวเองมีความสุขกับการดำเนินชีวิตในอนาคต สำหรับลูกสาวทั้ง 4 คน ผมคาดหวังให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ได้ทำหรือศึกษาในสิ่งตัวเองชอบ และสามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป”

แน่นอนว่า ชีวิตที่ลงตัวทั้งในแง่การทำงานและครอบครัวของผู้บริหารเก่ง ยังมีอีกหนึ่งผู้ช่วยสำคัญ นั่นคือ ttb reserve ซึ่งเป็นมากกว่าผู้ช่วยเรื่องธุรกิจ แต่ตอบโจทย์ทุกด้านสำคัญของชีวิต โดยเกียรติเป็นลูกค้าทางธุรกิจของ ttb มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนเมื่อลูกสาวคนที่สองต้องเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทที่อังกฤษ เกียรติก็เลือกสมัครบัตรเครดิต ttb reserve ประเภทบัตรเสริมให้ลูกติดตัวไว้

“ผมมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยกับการใช้งานบัตรเครดิต ttb reserve ในต่างประเทศ เพราะสามารถผูกบัตรวีซ่าเข้ากับแอป ttb touch ได้ สามารถตั้งวงเงินของบัตรเสริมแยกออกต่างหากจากบัตรหลัก และดูรายละเอียดการใช้จ่ายบัตรเสริมของลูกสาวได้อย่างสะดวกสบาย และใช้งานง่ายจริงๆ ที่สำคัญไม่เสียค่าธรรมเนียม 2.5 % จากอัตราแลกเงินจากในต่างประเทศมาเป็นเงินบาท ทำให้ไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินสดให้ลูกสาวมากจนเกินไป ช่วยเรื่องความปลอดภัยในการใช้จ่าย”

นอกจากความมั่นใจและความพึงพอใจดังกล่าว อีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจ คือ สามารถนำคะแนนสะสมมาแลกเอกสิทธิ์พิเศษที่หลากหลาย เช่น สามารถนำคะแนนมาแลกค่ากรีนฟี (Green Fee) สนามกอล์ฟ ทำให้บัตรเครดิต ttb reserve ตอบโจทย์การใช้งานทั้งด้านการใช้จ่ายและด้านไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

ไขกุญแจการบริหารธุรกิจฝ่าวิกฤติ ในแบบฉบับ เกียรติ ตั้งตรงศักดิ์ หัวเรือใหญ่แห่งบริษัท พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด

เราต่างก็เห็นค่าแบรนด์ต่างๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป บ้างก็ทั้งมูลค่าและคุณภาพเยี่ยม บ้างก็ตรงกับค่านิยมและตัวตนของเราเหมือนกับมีข้อความที่คัดสรรมาให้ตรงกับสิ่งที่เราเป็น หรือไม่ก็สิ่งที่เราอยากเป็นมากที่สุด ในปีแรกของการจัดอันดับ Forbes Halo 100 นี้ ทาง Forbes อยากจะเน้นไปที่ความสุดยอดในการมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องการเป็นหลัก เราจะวัดว่าแบรนด์ต่างๆ ให้บริการผู้บริโภคในสหรัฐได้ดี และอย่างมีความรับผิดชอบมากขนาดไหน

ก่อนจะเริ่ม เราได้จับมือกับ HundredX บริษัทวิเคราะห์ดาต้าจาก Dallas ที่ได้พัฒนานวัตกรรมสุดล้ำในการเก็บความคิดเห็นจากลูกค้า โดยลูกค้าจะเลือกแบรนด์มาไม่เกิน 75 แบรนด์ที่สำคัญต่อพวกเขาจากตัวเลือกกว่า 2,000 ตัวเลือก และแชร์ความคิดเห็น รวมถึงประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์นั้นๆ สุดท้ายทาง HundredX ก็จะนำเงินไปมอบให้กับมูลนิธิที่ถูกใจพวกเขาที่สุดเป็นการตอบแทน

เป้าหมายก็คือ “เพื่อที่จะวัดผลลัพธ์ที่คุณกำลังสร้างให้กับลูกค้าตัวเองเมื่อเทียบกับตัวเลือกที่พวกเขามี” Rob Pace ผู้ก่อตั้งกล่าว ลิสต์นี้มาจากการเก็บความคิดเห็นของลูกค้ากว่า 110,000 คนจากมากกว่า 2.8 ล้านปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นได้ชัดมากขึ้นว่าใครกำลังไปได้สวยกับกลุ่มลูกค้าไหนบ้าง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเก็บข้อมูล Forbes Halo 100 สามารถอ่านได้<a href="http://www.forbes.com/sites/dianebrady/2021/12/16/halo-100-methodology-calculating-customer-satisfaction-and-social-good/">ที่นี่</a>

แบรนด์ที่มาเหนือใครเลยคือ Costco ซึ่งได้ทำการเช่าเรือเป็นของตัวเองเพื่อรักษาราคาสินค้าให้ต่ำ และมีซัพพลายให้กับกว่า 113 ล้านสาขาของทางบริษัทอยู่ตลอดเวลา

<figure><img class="wp-image-56506" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/food_chain_content4.jpg" alt="" width="600" height="411" /><figcaption> Chick-fil-A</figcaption></figure>

ตามมาด้วย In-N-Out Burger และ Chick-fil-A สองแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่ลูกค้าชอบทั้งอาหาร, ความสะอาด และการบริการชั้นยอดในขณะเดียวกัน แต่ละแบรนด์ก็มีเรื่องให้ปวดหัวของตัวเองกันอยู่

ทาง In-N-Out เองก็ยึดมั่นในหลักธรรมของชาวคริสเตียนมาเนิ่นนาน จนกระทั่งตีพิมพ์ข้อพระคัมภีร์ลงไปบนกระดาษห่อเบอร์เกอร์ ทำให้มีทั้งแฟนคลับและคนไม่ชอบขี้หน้า ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น คอมเมนต์ของ Dan Cathy ซีอีโอของ Chick-fil-A เกี่ยวกับการสมรสเท่าเทียมและเห็นด้วยกับกลุ่มต่อต้าน LGBTQ+ เป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมแบรนด์ที่คะแนนสูงแบรนด์นี้ถึงมีเรตติ้งต่ำกว่าในด้านความไว้วางใจและคุณค่าของแบรนด์

ทั้งนี้ ก็ยังมีแบรนด์ที่ได้รับสปอตไลท์น้อยกว่าเพื่อนแต่ก็กำลังแซงหน้าไปอย่างเงียบๆ เช่น แบรนด์จาก Florida อย่าง Publix ติดโผมาในอันดับที่สูงกว่า Trader Joe’s เป็นต้น ในขณะเดียวกันก็มีหลายแบรนด์ที่กำลังได้ชัยชนะด้วยแนวคิดแบบ function-over-fashion เช่น Columbia Sportswear เป็นต้น

<figure><img class="wp-image-56505 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5d8b0b1a6de3150009a509e7-0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" /><figcaption> Tim Boyle ซีอีโอ Columbia Sportswear</figcaption></figure>

Tim Boyle ซีอีโอของ Columbia Sportswear ยังคงเป็นบุคคลที่หลายๆ คนมีภาพติดตาว่าเมื่อช่วงปี 1980s โดน Gert แม่ของเขา (ซีอีโอ ณ ตอนนั้น) ผลักเขาไปในเครื่องล้างรถอัตโนมัติเพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงความทนทานของเสื้อโค้ตแบบเดียวกับที่ Columbia วางขายอยู่ในทุกวันนี้ และด้วยคุณค่าที่ส่งมอบให้กับลูกค้านั้น บวกกับราคา อาจเป็นตัวอธิบายว่าทำไมแบรนด์เสื้อผ้า Outdoor นี้ถึงเป็นที่ 1 เมื่อพูดถึงการรับรู้ถึงคุณค่าของแบรนด์และความไว้วางใจที่ลูกค้าหลากหลายกลุ่มมีให้ต่อแบรนด์นี้ โดยในบทสัมภาษณ์กับ Forbes Boyle ให้เหตุผลว่าทั้งหมดนี้มากจากของแบรนด์เขา “ความเข้าถึงได้” ของแบรนด์เขา

ความไว้วางใจและคุณค่าของแบรนด์คือหัวใจหลักที่จะเป็นตัวสินว่าผู้บริโภคจะรู้สึกอย่างไรต่อแบรนด์นั้นๆ นี่คือหนึ่งเหตุผลที่ Toyota แซงแบรนด์รถยนต์อื่นๆ ในรายชื่อของปีนี้ โดยร้อยละ 80 ของลูกค้ากล่าวว่าพวกเขาจะซื้อจากแบรนด์นี้อีก

แบรนด์อย่าง Netflix กำลังไปได้สวยเมื่อเราพูดถึงการตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่ใช่ชาวผิวขาว ซึ่งมาจากคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายบนบนริการสตรีมมิ่งนี้นั่นเอง โดย Andre Benjamin รองประธานด้านกลยุทธ์แห่ง HundredX อธิบายว่า เมื่อเราดูที่การตอบรับของลูกค้า “ชาวเอเชียบอกว่า พวกเขาชอบที่อนิเมะและซีรีย์เกาหลีได้รับความสนใจ [และ] ชาวผิวดำบางคนก็ชอบที่ละครตลกและภาพยนตร์ของชาวผิวดำได้รับความสนใจ”

ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์นั้นมันก็ค่อนข้างจะส่วนตัว เมื่อบริษัททำให้คุณรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ของเขาถูกดีไซน์มาเพื่อคุณ คุณก็จะมีประสบการณ์ดีๆ เมื่อได้ใช้มัน เมื่อคุณรู้สึกว่าแบรนด์นั้นๆ ยังเป็นพลังบวกให้แก่โลกด้วยล่ะก็ มันก็ยิ่งมีอะไรที่ดึงคุณกลับมาหาแบรนด์นั้นมากกว่าเดิม
<h3>10 อันดับแบรนด์จากทำเนียบ Forbes Halo 100</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-56495" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Costco.jpg" alt="Forbes Halo 100_Costco" width="350" height="350" />

อันดับ 1

Costco

อุตสาหกรรม: ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

สำนักงานใหญ่: Issaquah, Washington

<img class="alignnone size-full wp-image-56490" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_In-N-Out.jpg" alt="Forbes Halo 100_In-N-Out" width="350" height="350" />

อันดับ 2

In-N-Out Burger

อุตสาหกรรม: ฟาสต์ฟู้ด

สำนักงานใหญ่: Irvine, California

<img class="alignnone size-full wp-image-56494" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Chick-fil-A.jpg" alt="Forbes Halo 100_Chick-fil-A" width="350" height="350" />

อันดับ 3

Chick-fil-A

อุตสาหกรรม: ฟาสต์ฟู้ด

สำนักงานใหญ่: Atlanta, Georgia

<img class="alignnone size-full wp-image-56493" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Publix.jpg" alt="Forbes Halo 100_Publix" width="350" height="350" />

อันดับ 4

Publix Super Markets

อุตสาหกรรม: ค้าปลีกประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต

สำนักงานใหญ่: Lakeland, Florida

<img class="alignnone size-full wp-image-56488" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Trader-Joes.jpg" alt="Forbes Halo 100_Trader Joe's" width="350" height="350" />

อันดับ 5

Trader Joe's

อุตสาหกรรม: ค้าปลีกประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต

สำนักงานใหญ่: Monrovia, California

&nbsp;

อันดับ 6

Toyota

อุตสาหกรรม: ยานยนต์

สำนักงานใหญ่: Tokyo, Japan

<img class="alignnone size-full wp-image-56489" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Honda.jpg" alt="Forbes Halo 100_Honda" width="350" height="350" />

อันดับ 7

Honda

อุตสาหกรรม: ยานยนต์

สำนักงานใหญ่: Tokyo, Japan

<img class="alignnone size-full wp-image-56491" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Marriott.jpg" alt="Forbes Halo 100_Marriott" width="350" height="350" />

อันดับ 8

Marriott

อุตสาหกรรม: โรงแรม

สำนักงานใหญ่: Bethesda, Maryland

<img class="alignnone wp-image-56486 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Apple.jpg" alt="Forbes Halo 100_Apple" width="350" height="350" />

อันดับ 9

Apple

อุตสาหกรรม: อิเล็กทรอนิกส์

สำนักงานใหญ่: Cupertino, California

<img class="alignnone size-full wp-image-56492" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Forbes-Halo-100_Subaru.jpg" alt="Forbes Halo 100_Subaru" width="350" height="350" />

อันดับ 10

Subaru

อุตสาหกรรม: ยานยนต์

สำนักงานใหญ่: Tokyo, Japan

สามารถดูอันดับที่ 11-100 ต่อได้ใน<a href="https://www.forbes.com/halo-100/#303c87af32da">บทความนี้</a>
แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ  The Forbes Halo 100 2022 เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%94.html">มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ดาวเด่นประจำปี 2021</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Forbes Halo 100: บริษัทผู้สร้างแบรนด์ขวัญใจมหาชน

<h2>Toshihiro Mibe จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร Honda บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายน 2021 ต่อจาก Takahiro Hashigo ประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบัน</h2>
<figure><img class="wp-image-41976" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/960x0-5.jpg" alt="Toshihiro Mibe" width="720" height="540" /><figcaption> Honda e รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก เปิดตัวในปี 2020</figcaption></figure>

การแถลงข่าวจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/peterlyon/2021/02/19/honda-announces-new-ceo-to-streamline-shift-to-electrification/">Hashigo</a> ในครั้งนี้ จัดขึ้นอย่างกะทันหันที่สำนักงานใหญ่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ ว่าเขาจะลงจากตำแหน่งในช่วงต้นเดือนเมษายน

Toshihiro Mibe ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกการวิจัยและพัฒนา จะก้าวขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหารคนใหม่เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนบริษัทสู่ผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มกำลัง ตลอดจนสานต่อการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์รายใหญ่อย่าง General Motors หลังจากที่ทางบริษัทได้เปิดตัว Honda e รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกไปเมื่อไม่นานนี้

โดยในช่วงที่ผ่านมา Mibe ได้ปรับโครงสร้างและแนวทางการดำเนินงานของแผนกการวิจัยและพัฒนา ปิดโรงงาน และลดกำลังการผลิตโมเดลรถยนต์บางรุ่นลง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทลดภาระค่าใช้จ่ายได้แล้ว ยังสามารถสร้างผลกำไรแม้ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เช่นกัน โดยบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2021 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 4.65 แสนล้านเยน หรือ 4.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Mibe ในวัย 59 ปี เข้าทำงานที่ Honda ตั้งแต่ปี 1987  และได้รับความไว้วางใจจากคณะผู้บริหารเป็นอย่างมากหลังจากประสบความสำเร็จในการนำบริษัทผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิเช่น General Motors ในการวิจัยและพัฒนาการให้บริการในส่วนของยานยนต์ และ Contemporary Amperex Technology Ltd. ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่สัญชาติจีน

นอกจากการประกาศเรื่องการลงจากตำแหน่งของตนแล้ว Hashigo ยังได้ระบุถึงการถอนตัวออกจากการแข่งขัน Formula One เพื่อที่จะนำทรัพยากรในส่วนนั้นไปใช้ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพัฒนาโปรแกรมเซลล์เชื้อเพลิง

ทั้งนี้ ในช่วงกว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา Mibe ยังได้มีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในโครงการ “Connected, Autonomous, Shared and Electric Vehicles” หรือ เทคโนโลยี C.A.S.E. ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน 

“Mibe คือ บุคคลที่สำคัญมากทั้งในส่วนของการบริหารจัดการงานด้านรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ดังนั้นเขาจึงเชี่ยวชาญงานในด้านนี้เป็นอย่างมาก” Hashigo กล่าว ณ งานแถลงข่าว

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเลือกให้รับผิดชอบงานในระดับสูง ทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับข้อท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดและการที่อุตสาหกรรมกำลังเดินหน้าไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ” Mibe กล่าวพร้อมเสริมว่า “เพราะฉะนั้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์แค่เพียงรถยนต์ไฟฟ้าจึงไม่เพียงพอ เราต้องพัฒนาสิ่งที่ดีกว่านี้ออกมาอีก”

ในที่นี้ Honda วางวิสัยทัศน์ 2030 ไว้ว่าจะมุ่งเน้นด้านการส่งมอบความสุขและเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิต โดยมีเป้าหมายภายใต้ 2 ทิศทางหลัก ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่สังคมปลอดมลพิษ และด้านความปลอดภัย เพื่อก้าวไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Honda Reveals New CEO To Boost Electric Vehicle Strategy เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/toyota-ขึ้นครองอันดับ-1-บริษัท.html">Toyota ขึ้นครองอันดับ 1 บริษัทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดประจำปี 2020</a>

Toshihiro Mibe ว่าที่ประธานกรรมการบริหาร Honda คนใหม่

<h2>ในที่สุดค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่มักชอบฉายเดี่ยวก็ยอมรับแล้วว่า บริษัทไม่สามารถมุ่งสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้เพียงลำพัง ทีนี้เหล่าบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley จะพร้อมจับมือผนึกกำลังหรือไม่ล่ะ?</h2>
Honda Motor Co. กำลังซุ่มเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตขององค์กรอย่างใจเย็น ณ ศูนย์วิจัยลับใน Mountain View รัฐ California

“Nick” Sugimoto ลูกหม้อมากประสบการณ์ของ Honda วัย 55 ปีใช้เป็นฐานบัญชาการเพื่อเสาะหาพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก สองโครงการล่าสุดจากศูนย์วิจัยของ Sugimoto คือหน้าจอแสดงผลภายในรถยนต์ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสามมิติและ “ไมโครโฟน” รับส่งสัญญาณผ่านเส้นใยแก้วนำแสงที่ทำให้คุณสมบัติวิเคราะห์เสียงพูดแม่นยำขึ้นอย่างมากด้วยเทคโนโลยีประมวลผลแรงสั่นสะเทือนบนผิวหน้าสิ่งนี้เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาสาวกยานยนต์และผู้หลงใหลเทคโนโลยีในงาน Consumer Electronics Show ซึ่งจัดขึ้นที่ Las Vegas เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/454f259040e942bc006145d9f1bac416.png" alt="" width="680" height="382" /><figcaption> ที่มาภาพ: www.autoblog.com</figcaption></figure>

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/6839dbac0f566f024bd09f5ac49508e9.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ที่มาภาพ: www.autoblog.com</figcaption></figure>

“เมื่อพูดถึงนวัตกรรม การคิดค้นพัฒนาทุกอย่างจากภายในองค์กรไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง” Sugimotoกล่าวโดยสะท้อนถึงแนวทางใหม่ของบริษัท “การเปิดให้มีความร่วมมือจากภายนอกคือกุญแจสำคัญ”เหมือนเป็นการเน้นย้ำถึงแนวทางวางหมากธุรกิจดังกล่าว เมื่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 8 ของโลกประกาศว่าได้เจรจาร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Waymo บริษัทลูกของ Alphabet ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อหน่วยงานพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ Google

ทั้งนี้ นอกจาก Fiat Chrysler ที่ได้นำเอาเทคโนโลยีของ Waymo ไปบรรจุในรถมินิแวนที่ผลิตขึ้นจำนวน 100 คันของตน บริษัทผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นต่างพากันระแวดระวัง Google เนื่องจากกังวลว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกจะรุกสู่ธุรกิจและแย่งส่วนแบ่งตลาดเข้าสักวัน

ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องปรับตัวของค่ายยานยนต์ผู้ผลิตรถรุ่นขวัญใจชาว babyboomer อย่าง Civic, Accord และ CR-V โดย Honda ขึ้นชื่อมายาวนานเรื่องความมุ่งมั่นและหลงใหลในการบุกเบิกพัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ด้วยตัวเอง นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1948 Honda ได้ผลิตมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เครื่องตัดหญ้าเครื่องบินไอพ่น เซลล์เชื้อเพลิง หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เองทุกอย่าง ทว่า ในตลาดยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่รถยนต์เริ่มกลายเป็นเหมือนอุปกรณ์เทคโนโลยีขับเคลื่อนได้ จุดแข็งของ Honda ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์จึงเริ่มไม่เพียงพอ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน Honda จำเป็นต้องทิ้งนิสัยปิดกั้นความคิดจากภายนอกองค์กรที่มีมาแต่เดิม และดังที่ศูนย์วิจัยภายใต้การนำทัพของ Sugimoto รวมถึงการเปิดโต๊ะเจรจากับ Waymo สื่อให้เห็นว่าบริษัทกำลังก้าวไปข้างหน้า

“Honda ตั้งใจที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เพื่อเบิกทางสร้างนวัตกรรมร่วมกับบริษัทอื่นๆ และขณะเดียวกันก็แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท” Takahiro Hachigo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Honda กล่าวผ่านอีเมล์

การเดินหมากครั้งนี้มีเดิมพันสูงลิบ วงการยานยนต์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้ง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ระบบเซ็นเซอร์แอพพลิเคชั่นและบริการรถร่วมโดยสาร เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์รายอื่น ผู้บริหารของ Honda กำลังเดินแผนภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างประสบการณ์ขับเคลื่อนแบบมีส่วนร่วม (Cooperative Mobility Ecosystem)” โดยมุ่งผลิตรถยนต์ที่สามารถสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้ขับ รถยนต์ที่อยู่โดยรอบและเซ็นเซอร์บนถนนสะพานและอาคารต่างๆ เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้น

Honda รายงานยอดขายรถยนต์ 4.4 ล้านคันในปี2015 ตัวเลขดังกล่าวไม่ถึงครึ่งของบริษัทคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Toyota, VW และ GM ส่วนรายได้สำหรับปีงบประมาณ 2016 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 9.6% มาอยู่ที่ 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่บริษัทประมาณการว่ารายได้ของปีปัจจุบันจะลดลง 6% ขณะที่คาดว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ S&amp;P Global Ratings ยังได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทลงเมื่อไม่นานมานี้ข้อมูลด้านอื่นๆ ที่ไม่อาจประเมินวัดได้ด้วยตัวเลขก็ส่งสัญญาณน่ากังวลเช่นกัน หากพูดถึงเทคโนโลยีภายในรถยนต์ “คะแนนประเมินของ Honda อยู่ที่ระดับปานกลาง” Alexander Edwards ประธานของ Strategic Vision บริษัทวิจัยจาก San Diego กล่าว

Honda ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ติดอันดับความน่าเชื่อถือมาเป็นเวลานาน แต่บริษัทรั้งอันดับที่ 6 ในการสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภคโดยนิตยสาร Consumer Reports ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ตอนนี้จึงถึงคิวของผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์และเปิดรับนวัตกรรมอย่าง Sugimoto ที่จะช่วยเข้ามาพัฒนาบริษัท “เทคโนโลยีต่างๆ ไปใช้ในการผลิตจริงให้เร็วที่สุด” Sugimoto ซึ่งจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์จาก University of Tokyo และปริญญาโท MBA จาก Haas School of Business แห่ง UC Berkeley กล่าว

หนึ่งในโครงการเหล่านั้นคือจอแสดงผลระบบ 3 มิติในรถยนต์ ภายในเวลาเพียง 6 เดือนวิศวกรจาก Leia 3D ธุรกิจเกิดใหม่ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในย่าน Menlo Park ได้ร่วมพัฒนาเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้เชี่ยวชาญของ Honda เพื่อปรับแต่งนาโนเทคโนโลยีที่ Leia พัฒนาขึ้นให้เหมาะสมกับการใช้งานในรถยนต์ ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะอันล้ำยุคซึ่งผู้ขับขี่สามารถมองเห็นความลึกตื้นของภาพแม้ในเวลาที่ศีรษะมีการเคลื่อนไหวและมุมการมองเปลี่ยนไปจากเดิม Sugimoto กล่าวว่าเทคโนโลยีนี้มาจากหนึ่งใน “สิบกว่า” โครงการที่มีต้นกำเนิดจากศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ Xcelerator ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือธุรกิจเกิดใหม่เป็นเวลานาน 2 ปี Xcelerator คือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเกิดใหม่ผ่านประสบการณ์จริงโดยจะจัดหาสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจ เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เงินทุนและทีมงานที่ปรึกษา ไมโครโฟนใยแก้วนำแสงซึ่งมาจากความร่วมมือระหว่าง Honda และ Vocal Zoom ธุรกิจเกิดใหม่จากอิสราเอลก็มาจากโครงการ Xcelerator เช่นกัน

ในปี 2014 ศูนย์วิจัย Honda ได้เปิดห้องปฏิบัติการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อร่วมมือกับผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นในการผสานเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้าไปในรถยนต์ Honda และ Acura บริษัทยังได้จับมือกับ Visa ในการพัฒนารถยนต์ให้สามารถชำระค่าที่จอดรถและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบอัตโนมัติ และจับมือกับเครือธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเพื่อให้ผู้ขับรถยนต์ที่เกิดหิวระหว่างทางสามารถสั่งและชำระค่าอาหารล่วงหน้า

&nbsp;

<hr />

<a href="https://goo.gl/PHHCQw">คลิกอ่าน "Honda หาแนวร่วม" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/PHHCQw"><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ce332a7d68848adbf8b65d73e9329ca9.png" alt="" /></a>

Honda หาแนวร่วม

เรื่อง: Joann Muller เรียบเรียง: เสาวรภย์ ปัญญาชีวิน 
&nbsp; 
ณ ลานจอดเครื่องบินแห่งหนึ่งในรัฐ North Carolina ห่างจากต้นกำเนิดการบินออกไปเพียง 400 กิโลเมตร Michimasa Fujino วิศวกร Honda ผู้มีใจรักความท้าทายกำลังง่วนอยู่กับงานที่เขามุ่งมั่นทุ่มเทมาตลอด 29 ปีในการทำธุรกิจเครื่องบินเจ็ทให้เกิดขึ้นจริง 
 
Fujino ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานบริหารบริษัท Honda Aircraft Co. กำลังปีนบันไดขึ้นไปบนนั่งร้านเพื่อตรวจดู &ldquo;แก้วตาดวงใจ&rdquo; ของเขา ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นเครื่องบินเจ็ทแบบทันสมัยซึ่งมีสายไฟห้อยระโยงและอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ ราว 3,000 ชิ้น เขากำลังเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ของโครงสร้างขณะที่เครื่องบินต้องเผชิญแรงกระแทกที่มากกว่าน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของตัวเครื่อง 
 
การทดสอบเครื่องบินมีขึ้นในห้องจำลองที่เมือง Greensboro รัฐ North Carolina ซึ่งผลปรากฎว่าลำตัวเครื่องทรงตัวได้ดีแม้ขณะเผชิญแรงกระแทกรุนแรง การทดสอบได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เราจึงไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องบินแห่งใหม่ที่อยู่ถัดไป ที่เตรียมประกอบ HondaJet เพื่อเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าที่เฝ้ารอมากว่า 8 ปี 
 
การรอคอยใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2015 องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) ได้ออกหนังสือรับรองแบบเฉพาะกาลให้กับเครื่องบินรุ่นนี้ ซึ่งเป็นการรับรองความปลอดภัยในการนำเครื่องขึ้นบิน โดยคาดว่าการให้ความเห็นชอบของ FAA ในขั้นตอนสุดท้ายจะเสร็จสิ้นภายใน 2-3 เดือนนี้ 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/JULY%202015/FO052515_092.jpg" /> 
&nbsp;HondaJet วางราคาไว้ที่ 4.5 ล้านเหรียญ โดยเจาะกลุ่มนักธุรกิจที่มีสินทรัพย์เฉลี่ย 20-40 ล้านเหรียญ จังหวะการเปิดตัวของ Honda แสนจะเหมาะเจาะ Rolland Vincent ที่ปรึกษาด้านการบินมองว่า ยอดขายเครื่องบินเจ็ททั่วโลกในปี 2014 เติบโตร้อยละ 6.5 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 722 ลำ แม้ว่ายอดขายเครื่องบินเจ็ทขนาดเล็ก (น้ำหนักประมาณ 4,200 กิโลกรัม) ยังคงรั้งท้ายกลุ่ม แต่เราพอเห็นสัญญาณกระเตื้องบ้างแล้ว ในปี 2014 
&nbsp; 
ด้านอากาศพลศาสตร์ Bruce Holmes อดีตวิศวกรวิจัยที่ NASA และผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์กล่าว &ldquo;นานๆ จะได้เห็นการปฏิวัตินอกกรอบของเครื่องบิน&rdquo; ทั้งยังกล่าวเพิ่ม &ldquo;ผมมองว่า HondaJet เป็นบทพิสูจน์ของการคิดนอกกรอบ&rdquo; เครื่องบิน HondaJet ดูสวยสะดุดตาแม้ขณะจอดนิ่งอยู่ ส่วนหัวของเครื่องมีลักษณะเป็นจงอยแหลม เครื่องบินส่วนใหญ่จะวางเครื่องยนต์ไว้ใต้ปีกหรือไม่ก็ยึดติดบริเวณลำตัวเครื่องด้านหลัง การออกแบบที่ฉีกข้อจำกัดทางโครงสร้างทำให้เครื่องบิน HondaJet (ซึ่งขนาดใหญ่กว่ารถมินิแวนประมาณ 2 เท่าครึ่ง) มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารและสัมภาระมากขึ้น เฉพาะห้องโดยสารมีพื้นที่มากกว่าเครื่องบินเจ็ทขนาดเดียวกันถึงร้อยละ 20 
&nbsp; 
Honda บอกว่าจุดเด่นของเครื่องบิน HondaJet อยู่ตรงที่สามารถบินได้เร็วกว่าและสูงกว่าเครื่องบินคู่แข่ง ไม่เพียงเท่านั้น HondaJet ยังประหยัดน้ำมันได้มากกว่าร้อยละ 15 และทำความเร็วในการบินได้สูงสุด 483 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยมีเพดานการบินสูงสุดที่ 43,000 ฟุต ซึ่งสูงกว่าฝูงบินพาณิชย์ทั่วไป พิสัยบินที่ 2,185 กิโลเมตร 
 
<a href="http://goo.gl/CuklCS"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/JULY%202015/FO052515_090.jpg" /></a> 
 
Fujino หลงใหลเครื่องบินมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงศึกษาต่อด้านวิศวกรรมอากาศยานที่มหาวิทยาลัยโตเกียว แต่เนื่องจากญี่ปุ่นไม่ได้มีอุตสาหกรรมประเภทนี้มากนัก เขาจึงทำได้แค่เพียงฝึกฝนในเรื่องทฤษฎี เขาเข้าทำงานที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนายานยนต์ของ Honda หลังจบการศึกษาในปี 1984 ด้วยวัย 24 ปี ประวัติการศึกษาของเขาไม่ได้รอดพ้นสายตาผู้บริหาร Honda 
 
โอกาสของเขาก็มาถึงในปี 1986 เมื่อบริษัทมีแผนจะทำโครงการวิจัยและพัฒนา อันเป็นไปตามวัฒนธรรมขององค์กรที่สนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อต่อยอด ด้วยวัยเพียง 26 ปีในเวลานั้น Fujino ค่อนข้างประหลาดใจและลังเลเมื่อได้รับมอบหมายภารกิจให้ทำงานกับทีมพัฒนาเครื่องบินทดลอง และเป็นเวลากว่า 10 ปีที่ Fujino และทีมพัฒนาเครื่องบินของ Honda ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคในเรื่องขีดจำกัดของเทคโนโลยี 
&nbsp; 
ปี 1997 เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงตอนที่ Fujino ย้ายบ้าน ขณะกำลังรื้อของที่ย้ายมาจากบ้านเก่า สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นตำราอากาศยานในทศวรรษ 1930 ของ Ludwig Prandtl ซึ่งเป็นวิศวกรอากาศยานของเยอรมนีที่วางรากฐานในเรื่องการศึกษาอากาศพลศาสตร์สมัยใหม่ เขานึกได้ว่าช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ในการจำลองเชิงตัวเลขหรือการคำนวณพลศาสตร์ของไหล Prandtl และทีมงานจึงใช้ทฤษฎีฟังก์ชันที่ซับซ้อนซึ่งเป็นวิธีคำนวณแบบโบราณในการวิเคราะห์การไหลของพลศาสตร์ 
&nbsp; 
จุดนี้เองทำให้ Fujino คิดได้ว่า แทนที่จะลดแรงต้านอากาศบริเวณปีกและเครื่องยนต์ ทำไมถึงไม่รวมพื้นที่ๆ กระทบอากาศไว้ด้วยกันและหาตำแหน่งที่ลงตัวที่สุดสำหรับแรงปะทะและแรงต้าน หรือ &ldquo;จุดที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งเครื่องยนต์บนปีก&rdquo; Fujino บอกว่า &ldquo;นั่นเป็นกระบวนคิดที่ฉีกรูปแบบเดิมมาก&rdquo; 
&nbsp; 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/JULY%202015/FO052515_087.jpg" /> 
 
ธันวาคม 1997 Fujino มีโอกาสเข้าไปนำเสนอแนวคิดนี้ต่อคณะกรรมบริษัท เขานำแบบร่างเครื่องบินออกมาแสดงพร้อมโน้มน้าวใจผู้ประชุมว่าเครื่องบินเจ็ทขนาดเล็กมีโอกาสในตลาดอเมริกา ตุลาคม ปี 2000 Honda อนุมัติให้เขาสร้างโรงวิจัยที่สนามบิน Greensboro เพื่อสร้างเครื่องบินต้นแบบ แม้จะประสบความสำเร็จแต่บริษัทยังต้องใช้เวลาอีก 2 ปี และลงทุนเงินจำนวนพอสมควรเพื่อทดสอบเครื่องบิน 
&nbsp; 
ปี 2005 Honda ยังไม่ได้มีแผนว่าจะสร้างเครื่องบินเจ็ทที่ออกแบบโดย Fujino ในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นเพื่อเรียกความสนใจของสาธารณชนและโน้มน้าวใจคณะกรรมการบริษัท Fujino จึงนำเครื่องบิน HondaJet ไปออกแสดงในงาน AirVenture Oshkosh ซึ่งจัดโดยสมาคมเครื่องบินทดลอง งานดังกล่าวจัดขึ้นที่สนามบิน Wittman Regional Airport ในเมือง Oshkosh รัฐ Wisconsin โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมงานประมาณ 500,000 คนต่อปีจาก 60 ประเทศทั่วโลก และในวันที่ 28 กรกฎาคม 2005 ภาพเครื่องบิน HondaJet สีน้ำเงินขาวขณะร่อนโฉบลงมาบนพื้นได้สะกดทุกสายตาที่รอชมเครื่องบินในทันที (มีคนวางเงินมัดจำให้ Fujino ทันที 50,000 เหรียญ) 
&nbsp; 
ด้วยเสียงตอบรับอันล้นหลาม Fujino กลับไปหาคณะกรรมการอีกครั้ง ผมจำได้ว่าตอนนั้นเป็นเดือนมีนาคม 2006 มี Takeo Fukui เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารในตอนนั้น บรรยากาศในห้องประชุมเงียบกริบก่อนที่ Fukui จะพูดขึ้นว่า &ldquo;อย่างที่ทราบกันดี Honda เป็นบริษัทที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่บริษัทตัดสินใจว่าจะเดินหน้าการผลิตเครื่องบิน HondaJet&rdquo; ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย 
&nbsp; 
ดูท่าทางแล้วเขาคงอยากจะพูดเรื่องเครื่องบินที่เพิ่งสร้างเสร็จมากกว่าเรื่องอื่นๆ รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องบิน พรั่งพรูออกจากปากเขาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
<hr />

	<a href="http://goo.gl/CuklCS">อ่านฉบับเต็ม "HondaJet เที่ยวบินชีวิต" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2015</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events