<h2>ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ประกาศความยิ่งใหญ่และความมุ่งมั่นครั้งสำคัญ เดินหน้าลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เสริมแกร่งและสนับสนุนระบบนิเวศ EV ในไทย พร้อมเปิดตัว “IONIQ 5N” รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นล่าสุด ราคา 3,790,000 บาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย มุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืน ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมมากมาย โดยเรามุ่งเน้นที่การพัฒนาอีโคซิสเต็มยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การลงทุนด้านการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศครั้งนี้ ทำให้เราสามารถวางตำแหน่งประเทศไทยให้กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมขับเคลื่อนความก้าวหน้า ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังอนาคต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนมากขึ้น”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/ahcQErUCpmZ8WCeapCs2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ahcQErUCpmZ8WCeapCs2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>เจ กิว จอง</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฮุนไดยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้วยการจัดตั้งโครงการ EV3.5 ผ่าน บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเตอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1 พันล้านบาท ด้วยความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรในประเทศไทย โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม บนเนื้อที่กว่า 28,500 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยอาคาร 17,500 ตารางเมตร ซึ่งมีทั้งส่วนโรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ กำหนดเริ่มการผลิตในปี 2569 โดยตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 5,000 คันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายในประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงงานแห่งใหม่นี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของฮุนได ซึ่งรวมถึงแบรนด์ IONIQ โดยจะมุ่งเน้นการใช้ส่วนประกอบหลักจากในประเทศ การเสริมสร้างความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ไทย การส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น และการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้าของไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลงทุนครั้งนี้จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฮุนไดต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศในระยะยาว จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับอีโคซิสเต็มของยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้มแข็งและมั่นคง เผยโฉม IONIQ 5N นิยามใหม่แห่งยนตรกรรมสมรรถนะสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ฮุนไดได้เปิดตัว IONIQ ไปแล้ว 2 รุ่น คือ IONIQ 5 และ IONIQ 6&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย IONIQ 5 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย มอบระยะการขับขี่ไกลสูงสุดถึง 481 กิโลเมตร และความสามารถชาร์จไฟเร็วเป็นพิเศษ (10-80% ในเวลาเพียง 18 นาที) มาพร้อมฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย เช่น ระบบจอดรถอัตโนมัติและ Hyundai SmartSense โดย IONIQ 5 มีราคาจำหน่ายในเมืองไทยเริ่มต้นที่ 1,699,000 - 1,829,000 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน IONIQ 6 รถซีดานที่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยสไตล์อันโดดเด่น มอบระยะทางการขับขี่สูงสุด 545 กิโลเมตร และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.4 วินาที และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ ระบบชาร์จ Multi-Charging System 400V และ 800V ซึ่งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนล่าสุดได้เปิดตัว IONIQ 5N รถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูงสุดของฮุนได ก้าวข้ามขีดจำกัดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ด้วยกำลังขับเคลื่อนถึง 601 แรงม้า มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจอย่างไร้คู่แข่ง เสริมการทำงานด้วยโหมด N Grin Boost ซึ่งจะเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 641 แรงม้า มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/ETV34aoPC1XQaWXTBrzq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ETV34aoPC1XQaWXTBrzq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption><div>IONIQ 5N</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย IONIQ 5N มีราคาจำหน่าย 3,790,000 บาท ด้วยสมรรถนะการขับขี่อันน่าทึ่ง ผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าของฮุนได IONIQ 5N จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้น พละกำลัง และนวัตกรรมล้ำยุค เพื่อมุ่งสู่อนาคตแห่งการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/uhwsqkJJy5vm99h3DzaR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uhwsqkJJy5vm99h3DzaR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> นวัตกรรม E-Pit พร้อมให้บริการแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสเดียวกันนี้ ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ยังเปิดตัว E-Pit สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Ultra-fast charging ซึ่งพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ที่ IONIQ Lab โดยมาพร้อมกับแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 โวลต์ / 350 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จไฟเพียง 5 นาที ให้ขับขี่ IONIQ 5 ไปได้ไกลอีก 100 กิโลเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นวัตกรรมที่ชาร์จ E-Pit แห่งนี้สงวนสิทธิ์การให้บริการสำหรับลูกค้า IONIQ 5, IONIQ 6 และ IONIQ 5N เท่านั้น โดยยังให้บริการฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายจนถึงสิ้นปีนี้อีกด้วย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนขยายจุดให้บริการสถานีชาร์จ E-Pit โดยจะตั้งขึ้นที่ H-Space ในอนาคตอันใกล้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/3D1qbt41qn9BbjuFEwHL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3D1qbt41qn9BbjuFEwHL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"><figcaption><div>ที่ชาร์จ E-Pit</div></figcaption></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์ IONIQ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฮุนไดในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างครอบคลุม IONIQ 5N จึงเป็นอีกหนึ่งหลักชัยสำคัญบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของเรา ผ่านการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างสุดยอดประสิทธิภาพ เทคโนโลยีขั้นสูง และความยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เป้าหมายของเราคือการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเมืองไทย พร้อมด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่กระตุ้นเร้าแรงบันดาลใจ เสริมสร้างความเชื่อมั่น และร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรา ฮุนไดขอมอบแพ็กเกจระดับพรีเมียม ด้วยการรับประกันแบตเตอรีไฟฟ้าแรงสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. และการรับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปีหรือ 150,000 กม. เพื่อมอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/dx4RMNZeqgNT5FZcHC3b.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dx4RMNZeqgNT5FZcHC3b.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"><figcaption><div>วัลลภ เฉลิมวงศาเวช</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ เรายังเพิ่มความอุ่นใจที่เหนือระดับสำหรับลูกค้า IONIQ ด้วยแพ็คเกจบริการหลังการขายสุดพิเศษ ด้วยบริการฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 10 ปีหรือ 150,000 กม. ฟรีเครื่องชาร์จ Home Charger พร้อมฟรีค่าติดตั้ง พร้อมเครื่องชาร์จพกพากระแสไฟฟ้า AC ความยาวสายไฟ 6 เมตร ซึ่งรับประกันนาน 3 ปี ทั้งยังมีบริการชาร์จไฟ V2L ฟรี 3 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เหนือสิ่งอื่นใด ฮุนไดยังบริการส่งมอบยานยนต์ถึงบ้านปีละสองครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ฮุนไดยังมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ยกรถฟรีไปยังศูนย์บริการฮุนไดหรือสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด นานสูงสุดเป็นเวลา 5 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งเป็นบริการพิเศษสุดสำหรับลูกค้าฮุนไดเท่านั้น” นายวัลลภ กล่าวสรุป เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/riddara-ev-truck-to-launch-in-thailand-in-october-2024" alt="EV จีนบุกไทยอีกราย! RIDDARA กระบะไฟฟ้าเครือ GEELY เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ต.ค.นี้">EV จีนบุกไทยอีกราย! RIDDARA กระบะไฟฟ้าเครือ GEELY เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ต.ค.นี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ฮุนได’ ประกาศลงทุน 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงาน EV ในไทย ตั้งเป้าผลิตรถปีละ 5,000 คัน

<h2>ค่ายรถยนต์อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ “ฮุนได” ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV และแบตเตอรี่ครบวงจร พร้อมเดินเครื่องผลิตต้นปี 2569 บีโอไอเผยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกรายล่าสุดที่ได้ตัดสินใจลงทุนในประเทศไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการของบริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และผลิตแบตเตอรี่โดยเริ่มจากขั้นตอนการประกอบโมดูล เพื่อป้อนให้กับสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด และบริษัท ธนบุรี เอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นพันธมิตรสำคัญในการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งบริษัทพร้อมจะเริ่มลงทุนทันที และตั้งเป้าจะเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2569&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนจัดหาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งบีโอไอจะทำงานร่วมกับบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อเชื่อมโยง Supply Chain ในประเทศให้ได้มากที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก และค่ายรถยนต์รายใหญ่อย่างฮุนได ก็ถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การลงทุนสร้างฐานการผลิตรถยนต์ EV ของค่ายเกาหลีในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยและนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ ยังแสดงถึงทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การลงทุนของฮุนไดในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับไทยเพื่อมุ่งสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทในระดับโลก และจะช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยในการเข้าสู่ Supply Chain ของอุตสาหกรรมระดับโลกด้วย” นายนฤตม์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แนวโน้มตลาด EV ทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่อง จากข้อมูล Global EV Outlook 2024 โดย IEA พบว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลก มีอัตราเติบโตร้อยละ 25 และคาดว่าสิ้นปี 2567 จะมียอดขายรถยนต์ EV รวมกันกว่า 17 ล้านคัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยปัจจุบันบีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งการผลิตยานยนต์ BEV ประเภทต่างๆ แบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ รวมทั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/motoring/scbeic-ev-motor-thailand-2024" alt="SCB EIC เผยตลาดรถยนต์ไทยแข่ง ‘หั่นราคา’ แม้ EV ใช้แล้วราคาร่วงแรง แต่ค่าใช้จ่ายรวมฯ ยังถูกกว่า">SCB EIC เผยตลาดรถยนต์ไทยแข่ง ‘หั่นราคา’ แม้ EV ใช้แล้วราคาร่วงแรง แต่ค่าใช้จ่ายรวมฯ ยังถูกกว่า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ฮุนได’ ทุ่ม 1,000 ล้าน ปักธงไทยฐานผลิต EV บีโอไอไฟเขียวลงทุนผลิต BEV - แบตเตอรี่

<h2 class="p1">Sylvan Group บริษัทไพรเวทอิควิตี้ที่ก่อตั้งโดย Chung Kyungsun หลานชายของ Chung Ju-Yung ผู้ก่อตั้ง Hyundai Group เดินหน้าลงทุน 140.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัทด้านการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม 4 แห่งในสิงคโปร์</h2>
<figure><img class="wp-image-58889 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/5e5fe4fa6fd0525658495ccc_artemis-headquarters-building-1024x512.jpeg" alt="" width="640" height="320" /><figcaption> Artemis Health Ventures ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก</figcaption></figure>
ได้แก่ <a href="https://www.juniperbiologics.com/">Juniper Biologics </a>ผู้พัฒนายารักษาโรคมะเร็ง Juniper Therapeutics ซึ่งเชี่ยวชาญในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม Artemis Health Ventures ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และ DX Imaging บริษัทรังสีวิทยา
“บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำกำไรได้ แต่ยังสร้างความแตกต่างในวิธีที่พวกเขาดูแลสุขภาพผ่านการพัฒนาด้านนวัตกรรม พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการลงทุนด้านเทคโนโลยี” Chung ผู้ร่วมก่อตั้ง Sylvan กล่าวในแถลงการณ์ “เราหวังว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยเร่งภารกิจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตและพลิกโฉมการดูแลสุขภาพในอนาคต”
ด้าน Sylvan Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดย Chung และ Scott Jeun เพื่อนร่วมชั้นจาก Columbia University โดยมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในบริษัทที่มูลค่าตั้งแต่ 200 ล้านเหรียญถึง 1 พันล้านเหรียญที่มีโอกาสทำกำไรได้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ยั่งยืนของ United Nation 
ด้วยเหตุนี้นอกจากธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพแล้ว บริษัทจึงกำลังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและการศึกษา โดยเชื่อว่าภาคส่วนเหล่านี้จะมีผลกระทบเชิงบวกมากที่สุดต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
“หากไม่ได้รับผลตอบแทนที่มีความหมาย ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถเพิ่มขนาดของการลงทุนได้เลย” Chung กล่าวพร้อมเผยถึงตัวเลขอัตราผลตอบแทน ซึ่งปัจจุบันวางเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 25
ทั้งนี้ Kyungsun ในฐานะลูกชายคนเดียวของ Chung Mong-yoon ประธานบริษัท Hyundai Marine &amp; Fire Insurance Co. อาจเลือกที่จะทำงานในธุรกิจของครอบครัวที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมยานยนต์ วิศวกรรมก่อสร้าง และการต่อเรือ เช่นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ทว่าปู่ผู้ล่วงลับได้เคยพูดกับเขาว่า ‘คนรวยมีความรับผิดชอบในการตอบแทนสังคม’ แลคำพูดนั้นก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำงานในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในฐานะที่ปรึกษาให้กับ Rockefeller Philanthropy ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก่อนที่จะก่อตั้ง Sylvan เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน Sylvan ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัวของ Chung ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้ และมหาเศรษฐีสิงคโปร์<a href="https://www.forbes.com/profile/wee-cho-yaw/?list=singapore-billionaires&amp;sh=6980efc77209"> Wee Cho Yaw </a>จาก United Overseas Bank, Hanwha Life Insurance และ Kolon Industries ล่าสุด บริษัทตั้งเป้าที่จะระดมทุนเพิ่มอีก 400 ล้านเหรียญ ซึ่งครึ่งหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Hyundai Scion’s Buyout Firm Invests $140.5 Million In Four Singapore Healthcare, Pharma Companies เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/people/fabulous-40s-and-50s/%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%87%e0%b8%a9%e0%b9%8c-%e0%b8%8a%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%8c-biz-%e0%b8%98.html">สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ “BIZ” ธุรกิจเพื่อมะเร็ง</a>

Sylvan Group ลงทุน 140.5 ล้านเหรียญฯ ในธุรกิจเฮลท์แคร์ 4 แห่งของสิงคโปร์

<h2>Hyundai Motor ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเกาหลี และ Kia บริษัทลูกในเครือออกมาปฏิเสธการหารือกับ Apple เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ Apple Car</h2>
<img class="alignnone wp-image-41286" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/Apple-Car-launch-report-1024x512.jpg" alt="Hyundai Motor" width="720" height="360" />

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวท้องถิ่น <a style="color: #333333;" href="https://en.yna.co.kr/view/AEN20210208002252320?section=business/industry">Yonhap</a> ได้ออกมาเปิดเผยว่า <a href="https://www.kedglobal.com/newsView/ked202101080003">Hyundai Motor</a> ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับกับบริษัทหลายแห่ง โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นบริษัทใดบ้าง แต่เชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือ Apple 

ซึ่งหลังจากที่ทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้มูลค่าของ Hyundai ปรับตัวลงร้อยละ 6.2 ขณะที่หุ้นของ Kia ลดลงราวร้อยละ 15 ทั้งที่ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่มีข่าวลือดังกล่าวออกมาว่า Apple กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Hyundai ในประเด็นดังกล่าว หุ้นของบริษัททั้งสองก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากมูลค่าที่หุ้นที่ปรับตัวลงแล้ว สำนักข่าว Bloomberg ยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้บริหารทั้ง 11 คนของ Hyundai ยังได้ออกมาเทขายหุ้นของตนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน โดยในที่นี้ มีหนึ่งในผู้บริหารยอมขายหุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าราคาปิดตลาดของวันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2021 เสียอีก 

ในช่วงต้นเดือนมกราคม  Korean Economic Daily รายงานว่า Hyundai กำลังอยู่ระหว่างการเจราจากับ Apple ในฐานะพันธมิตรผู้ร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ซึ่งในที่นี้บริษัทสัญชาติเกาหลีก็ไม่ได้ออกมายอมรับหรือปฏิเสธการเจรจาเสียทีเดียว เพียงแต่กล่าวว่า Apple “อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทอีกหลายแห่งทั่วโลก” และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวคราวออกมาว่า ทาง Hyundai วางแผนจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่โรงงานของ Kia Motors ซึ่งเป็นบริษัทลูก ในรัฐจอร์เจีย หรือในโรงงานแห่งใหม่อีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 340,000 คันต่อปี ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Hyundai ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 20 ในวันเดียวกัน

ล่าสุด Reuters ได้ออกมารายงานว่า อุปสรรคที่สำคัญของ Hyundai คือ การที่ทางบริษัทใช้ระยะเวลายาวนานในการพิจารณาความร่วมมือกับบริษัทภายนอก ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานเอาไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การเจรจาระหว่าง Apple และ Hyundai นั้น "ได้หยุดลงชั่วคราวแล้ว" ทั้งนี้ Apple ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการเก็บความลับ

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Hyundai, Kia Shares Drop After Firms Say They Are Not In Talks With Apple To Develop Self-Driving Car เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/masayoshi-son-เตรียมนำบริษัทเข้าระ.html">Masayoshi Son เตรียมนำบริษัทเข้าระดมทุนเพิ่ม หลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุดดีเกินคาด</a>

Hyundai และ Kia ปฏิเสธการหารือกับ Apple เพื่อร่วมมือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ

<h2 class="p1">Hyundai Motor ร่วมกับ Ineos ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ พัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนสำหรับยานยนต์</h2>
<figure><img class="wp-image-37870" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/960x0.jpg" alt="" width="720" height="481" /><figcaption> Euisun Chung ประธานบริษัท Hyundai Motor จำกัด</figcaption></figure>
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมาว่า <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/james-ratcliffe/?sh=55ec669f5443">Jim Ratcliffe </a>มหาเศรษฐีพันล้านชาวอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Ineos แถลงการณ์ว่า ทางบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ Hyundai ในการผลิตและจัดส่งไฮโดรเจนสำหรับการใช้ในเชิงพาณิชย์
ปัจจุบัน บริษัท Hyundai Motor ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของประธานมหาเศรษฐีพันล้าน<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/euisun-chung/?sh=66bcc3855f3e"> Euisun Chung </a>ได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์จำนวนน้อยในโลก ที่สามารถผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนจำนวนมาก โดยรถยนต์ประเภทนี้จะปล่อยไอน้ำจากท่อไอเสีย จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ในข้อตกลงยังระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะทำการทดสอบการใช้ระบบปฏิบัติการเชื้อเพลิงซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ Hyundai ในรถ Off-Road รุ่นล่าสุดของ Ineos ที่พร้อมเปิดตัวคันแรกในปี 2022 อย่าง <a style="color: #333333;" href="https://ineosgrenadier.com/reveal/engine-and-transmission">Grenadier</a> ที่ออกแบบมาในรูปทรงบึกบึนเหมือนกับ Land Rover Defender ในอดีต โดยกลยุทธ์ที่วางไว้ข้างต้นนี้เป็นไปเพื่อขยายเชนธุรกิจยานยนต์ของ Ineos ไปสู่ตลาดเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในครั้งแรก
ในทำนองเดียวกัน “การลงนามในสัญญาพันธมิตรครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อ Hyundai เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริษัทสัญชาติเกาหลีมักเผชิญอุปสรรคในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน ที่ใช้ในการผลิตและจัดเก็บพลังงานไฮโดรเจน ด้วยเหตุนี้ความเชี่ยวชาญของ Ineos ในระบบการผลิตไฮโดรเจนจึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่จำเป็น ซึ่งอาจต่อยอดไปสู่การขยายตัวของจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฮโดรเจนบนถนนที่เพิ่มมากขึ้น” Yu Yuanshang นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Lux Research ในสิงคโปร์ กล่าว
ในที่นี้ Ineos ยืนยันไว้ในแถลงการณ์ว่า ระบบปฏิบัติการเชื้อเพลิงของ Hyundai ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า “น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ” จากการใช้งานของ <a style="color: #333333;" href="https://www.hyundaiusa.com/us/en/vehicles/nexo">Hyundai NEXO</a> รถเอสยูวีไฟฟ้าพลังไฮโดรเจน
โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2018 Chung ได้ประกาศจุดยืนว่า Hyundai Group และซัพพลายเออร์จะลงทุนในการวิจัยและการพัฒนาระบบปฏิบัติการพลังงานไฮโดรเจน เป็นมูลค่า 7.6 พันล้านวอน (6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) จนถึงปี 2030


<figure><img class="wp-image-37871" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/960x01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Hyundai เปิดตัวรถ Hyundai NEXO รถเอสยูวีไฟฟ้าพลังไฮโดรเจนในงาน Internationale Automobil-Ausstellung 2019</figcaption></figure>
นักวิเคราะห์ Yu ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมพันธมิตรกับบริษัทต่างประเทศครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ Hyundai เพราะที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ ในด้านเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับ อาทิเช่น Nvidia บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ และ Baidu.com เสิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของจีน ตลอดจน Grab และ Ola ในธุรกิจร่วมโดยสาร (ride-sharing)
Ineos เชื่อว่า <a style="color: #008000;" href="https://www.ineos.com/inch-magazine/articles/issue-16/how-hydrogen-fuel-cell-vehicles-work/">เทคโนโลยีไฮโดรเจนสำหรับยานยนต์</a>จะทำงานได้เป็นอย่างดี เพราะระบบปฏิบัติการตัวนี้จะไม่ปล่อยสารเคมีออกมาเช่นเดียวกับรถแบตเตอรี่ อีกทั้งยังสามารถองรับการใช้งานที่ยาวนานตราบที่ยังมีไฮโดรเจนหลวอยู่ในถัง
ล่าสุด ผลงานวิจัยของ<a style="color: #333333;" href="https://www.alliedmarketresearch.com/hydrogen-fuel-cell-vehicle-market"> Allied Market Research </a>ได้ระบุว่า ณ เวลานี้ Hyundai กำลังแข่งขันกับ BMW, Daimler, Honda, Toyota และผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นๆ ในการพัฒนารถยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งในปี 2018 มีมูลค่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 651.9 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงปี 2026 จากการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และการริเริ่มโครงการต่างๆ จากรัฐบาลในหลายๆประเทศ เพื่อการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภค
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Hyundai’s Hydrogen Car Ambitions Get A Boost From British Billionaire’s Chemical Giant เผยแพร่บน forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/bentley-ก้าวสู่ยุค-ยานยนต์ไฟฟ้.html">Bentley ก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในปี 2030</a>

Hyundai ร่วมกับ Ineos  ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่จากอังกฤษ พัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนสำหรับยานยนต์

10 อันดับ "เศรษฐีเกาหลีใต้” 2019 - ติดกับดักสงครามการค้า

<h2>การตั้งชื่อใหม่ พร้อมการเข้ามาของเจ้าของใหม่ กลับช่วยพลิกชะตาชีวิตบริษัทที่ประสบปัญหามาหลายต่อหลายปี อย่างบริษัทผู้ผลิตเมมโมรีชิป SK Hynix ที่โกยรายได้และผลกำไรเติบโตขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่ SK Group เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2012 จนกระทั่งในที่สุดก็สามารถเข้ามาติดโผการจัดอันดับ <a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=2146">Forbes Asia’s Fab 50</a>ได้เป็นครั้งแรก</h2>
SK Hynix ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1983 เพื่อเป็นเครื่องมือที่ Hyundai ใช้ตอบโต้ Samsung Electronicsต่อมาในปี 1996 บริษัทเปิดขายหุ้นให้แก่สาธารณชน ก่อนที่ Hyundai จะจับบริษัทนี้แยกตัวออกไปในปี 2001 ในเวลานั้นบริษัทยังคงมีชื่อว่า Hynix โดยตัวอักษร “Hy” มาจาก Hyundai ขณะที่ “nix” เลียนเสียงคำว่า “nics” จากคำว่า “electronics” นั่นเอง

ตลอดระยะเวลา 10 ปีต่อมา สถานการณ์ทางการเงินของ SK Hynix เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จนกระทั่ง SK Telecom ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจหลักของ SK Group เข้าซื้อหุ้น 20.5% มาจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของ Hynix พร้อมกับเติม SK เข้าไปข้างหน้าชื่อบริษัท ปัจจุบัน SK Hynix เป็นบริษัทผู้ผลิตเมมโมรีชิปที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ แม้จะยังคงตามหลัง Samsung Electronics อยู่อีกไกล ผลประกอบการของ SK Hynix ได้รับอานิสงส์จากความต้องการเมมโมรีชิป (ผลิตภัณฑ์เดียวของบริษัท) ที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก ผนวกกับสไตล์การบริหารงานเชิงรุกของทีมผู้บริหารใหม่

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1536d2ba143ee55c2105bad996b4d123.png" alt="" />
SK Hynix บริษัทผลิตเมมโมรีชิปที่กู้สถานการณ์กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ หลัง SK Telecom เข้าซื้อกิจการมาจาก Hyundai (Cr: businesskorea.co.kr)

“SK Hynix โฉมใหม่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะลดช่องว่างกับ Samsung ในขณะที่ Hynix เดิมเน้นพัฒนาการผลิต แต่ Hynix ใหม่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนเทคโนโลยีสำหรับหน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่มแบบพลวัต (D-RAM) รวมทั้งเน้นการย่อส่วนหน่วยความจำแฟลชชนิด NAND ด้วย” Ahn Ki-Hyun กรรมการบริการ Korea Semiconductor Industry Association กล่าว Ahn Ki-Hyun นั้นเคยร่วมงานในตำแหน่งวิศวกรให้กับ Hynix เมื่อตอนที่ Hyundai ถอนตัวออกจากธุรกิจเมื่อปี 2001

สำหรับ SK Hynix คาดว่าจะมีรายได้แตะ 2.52 หมื่นล้านเหรียญในปีนี้ หรือพุ่งทะยานจากปี 2012 ถึง 180% ซึ่งต้องยกความดีความชอบส่วนใหญ่ให้กับ Park Sung-Wook ประธานเจ้าที่บริหารซึ่งเริ่มงานกับ Hynix เดิมในตำแหน่งวิศวกร ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาเรื่อยๆ และยังคงรักษาเก้าอี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในช่วงเปลี่ยนถ่ายบริษัทไปให้แก่ SK จนกระทั่งสามารถเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาได้อย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยผลงานบางส่วนมาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัทใน San Jose รัฐ California นั่นเอง

SK Hynix มีพนักงานเกือบ 3 หมื่นคนประจำอยู่ที่โรงงานผลิต 3 แห่ง โดย 2 แห่งอยู่ใกล้ Seoul ส่วนอีกแห่งอยู่ใน Wuxi ใกล้ Shanghai บริษัทขายชิปให้กับลูกค้าชาวต่างชาติถึง 90% ส่วนมากแล้วเป็นลูกค้าในสหรัฐฯ และจีน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/aa28c9bf42ab583eaa11078d79aae59d.png" alt="" />
Park Sung-Wook ซีอีโอ SK Hynix ลูกหม้อบริษัทที่ร่วมงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ SK Hynix ยังเป็นบริษัทในเครือ Hyundai (Cr: The Digital Times)

ในเวลานี้ SK Hynix กำลังพยายามที่จะเข้าซื้อกิจการบางส่วนของ Toshiba ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปหน่วยความจำแฟลชชนิด NAND อันดับ 2 ของโลกต่อจาก Samsung และอันดับ 4 ในประเภทชิปทั้งหมดต่อจาก Samsung, SK Hynix และ Micron หาก Toshiba สามารถขายหน่วยธุรกิจเมมโมรีชิปออกไปได้นั้นก็น่าจะนำมาชดเชยผลขาดทุนมหาศาลของ Westinghouse ซึ่งเป็นบริษัทผลิตพลังงานนิวเคลียร์ในเครือได้

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ไม่ค่อยเห็นด้วยกับกลยุทธ์ดังกล่าวสักเท่าไหร่ อย่าง James Rooneyประธาน Advanced Capital Partners ในฮ่องกง Rooney บอกว่าการที่ SK Hynix “พยายามทำสัญญากับ Toshiba” นั้นแสดงให้เห็นว่า “บริษัทจะตกอยู่ในสถานการณ์กดดันทางการเงิน หรือเบี่ยงเบนความสนใจของฝ่ายบริหาร” ซึ่งเขาเตือนว่านี่อาจจะ “ก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหม่ในช่วงที่ตลาดกำลังทรุดตัวตามวัฏจักร”

Hank Morris นักวิเคราะห์ทางการเงินประจำ Seoul เชื่อว่า เป็นความโชคดีแท้ๆ ที่ SK เข้าซื้อ Hynix ได้ถูกจังหวะ “SK เข้าซื้อธุรกิจที่เผชิญความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นช่วงที่ธุรกิจนั้นกำลังดำเนินไปด้วยดี แม้ว่าตลาดเมมโมรีชิปจะขึ้นๆ ลงๆ ในเกาหลี มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งหรอกครับที่จะมีทรัพย์สินทางการเงินมากพอที่จะซื้อกิจการ Hynix ได้

ขณะที่รัฐบาลก็ไม่ต้องการให้ Samsung ได้สิทธิ์นั้น เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว Samsung จะครองส่วนแบ่งในตลาด D-RAM มากเกินไปจนสร้างปัญหาให้แก่รัฐบาลได้”

เรื่อง: Donald Kirk
เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม

<hr />

<a href="http://goo.gl/NqyVqC">คลิกเพื่ออ่าน "การจัดอันดับ 50 สุดยอดบริษัทมหาชน Fab50 ประจำปี 2017" ฉบับเต็ม จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/NqyVqC"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/fa338d6758136ad1b1c9c4bff5c426f6.png" alt="" /></a>

ชีวิตใหม่ของ SK Hynix บริษัทผลิตเมมโมรีชิปอันดับ 2 ในเกาหลีใต้

สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของตระกูลอยู่ภายใต้การบริหารของ Chung Mong-Koo ประธานกรรมการของ Hyundai Motor และลูกชายคนเดียวของเขา Eui-Sun ก่อนที่ Eui-Sun จะขึ้นเป็นรองประธานกรรมการของ Hyundai บริษัทยานยนต์อันดับ 2 ของประเทศ เขาเคยทำงานในสาขา New York ของ Itochu บริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น และต่อมาได้เป็นประธานบริษัท Kia ช่วงปี 2005-2009 
ประวัติการก่อตั้งของ Hyundai ถือกำเนิดในยุค 1940s ก่อตั้งโดย Chung Ju-yung บิดาของ Mong-Koo ผู้สร้างอาณาจักร Hyundai Group ขึ้น ก่อนที่จะมีการปรับโครงสร้างแยกบริษัทหลักออกจากกันในปี 2000 ปัจจุบันบริษัทที่ทำงานเป็นอิสระจากกันเหล่านี้ ได้แก่ Hyundai Motor, Hyundai Department Store, Hyundai Heavy Industries และ KCC ซึ่งบริหารงานโดยทายาทตระกูล Chung รุ่น 2 และ 3

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events