<h2>จาก McDonald’s ถึง Wendy’s งานในร้านฟาสต์ฟู้ดอาจมอบสิ่งที่มากกว่าค่าแรงรายชั่วโมง เพราะนี่คือห้องเรียนสำคัญที่สร้างการเรียนรู้และแนวคิดส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจให้บรรดามหาเศรษฐีระดับโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฤดูร้อนปี 1980 Jeff Bezos วัย 16 ปี เดินเข้าไปที่ร้าน McDonald’s ใน Miami กรอกใบสมัครและได้งานแรกในชีวิต “พ่อผมก็เคยทำงานที่ McDonald’s ตอนหนุ่มๆ เหมือนกัน มันเลยเหมือนเป็นพิธีผ่านทางอย่างหนึ่ง” Bezos เล่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตอนนั้นเขาเป็นพนักงานครัว ทำหน้าที่ตอกไข่วันละ 300 ฟอง พลิกเบอร์เกอร์ และขัดห้องน้ำ ครั้งหนึ่งถังซอสมะเขือเทศ 5 แกลลอนหกเลอะเต็มพื้นครัว และเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำความสะอาด “ผมเป็นน้องเล็กสุดในทีม” เขาย้อนความจำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้จะต่างจากการจัดงานแต่งมูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ Venice หรือการขึ้นไปสู่อวกาศ แต่ประสบการณ์นั้นก็สอนบทเรียนที่มีค่า “ไม่มีงานไหนต่ำต้อยเกินไป” Bezos วัย 61 กล่าว พร้อมเสริมว่า "คนเราควรสร้างนิสัยในการทำงานตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้ได้งานใหญ่ก่อนแล้วค่อยทุ่มเท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงเวลาที่ได้ทำงานภายใต้แบรนด์โลโก้ตัว M โค้งสีเหลือง ยังทำให้เขาหลงใหลเรื่องระบบ และสอนว่าการทำงานต้องกระชับ เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “แม้จะยังเป็นวัยรุ่น แต่ผมก็เห็นว่า การออกแบบที่รอบคอบนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างไม่ล้มเหลว” เขาบอก “ที่ McDonald’s ถ้าอะไรเสีย คุณจะรู้สึกได้ทันที มันย้ำกับผมว่ากระบวนการสำคัญ และระบบที่ดีช่วยให้ใครก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่วันที่ Bezos แขวนชุดพนักงาน McDonald’s เขาก็นำบทเรียนเหล่านั้นมาใช้สร้าง Amazon จนกลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีพนักงานกว่าล้านคน และเครือข่ายโลจิสติกส์ครอบคลุมกว่า 125 ประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Amazon เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยดีมานด์” Matthew Davis ผู้ทำงานด้านวางแผนและส่งมอบศูนย์ข้อมูลของ Amazon Web Services กล่าว “ที่ McDonald’s Bezos แยกดีมานด์ออกเป็นส่วนๆ คือ เบอร์เกอร์ 300 ชิ้น หมายถึงขนมปัง 300 ชิ้น เนื้อ 300 ชิ้น ชีส 300 แผ่น เราก็ทำเหมือนกันที่ Amazon ถ้าลูกค้าต้องการกี่กิกะวัตต์ เราคำนวณว่าต้องใช้ rack กี่ตัว ต้องสร้าง data center กี่แห่ง นี่คือหลักการที่มาจากฟาสต์ฟู้ดโดยตรง คือ คุณต้องการอะไร และเราจะส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างไร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Bezos เป็นเพียงตัวอย่างเด่นที่สุดของกลุ่มมหาเศรษฐีที่เริ่มเรียนรู้บทเรียนธุรกิจครั้งแรกใต้แสงไฟร้านอาหาร ตามการนับของ Forbes แล้ว มหาเศรษฐีอย่างน้อย 14 คนเคยรับค่าแรงแรกจากร้านเหล่านี้ ที่ต้องทำงานนานหลายชั่วโมงเพื่อทอดอาหาร ขัดห้องน้ำ และเทขยะ แลกกับค่าแรงขั้นต่ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มนี้รวมถึง CZ ผู้ก่อตั้ง Binance ที่เคยพลิกเบอร์เกอร์ที่ McDonald’s ก่อนทำกะดึกที่ Chevron ใน Vancouver นอกจากนี้ยังมี Todd Graves ที่เคยทำงานที่ร้าน Guthrie’s ก่อนจะสร้างแบรนด์ไก่ทอดของตัวเอง และ Sebastian Siemiatkowski มหาเศรษฐีฟินเทคชาวสวีเดนที่เคยยืนอยู่หน้าเตา Burger King และที่นั่นเองเขาได้พบ Niklas Adalberth ผู้ที่จะมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Klarna ในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวอย่างหนึ่งของมหาเศรษฐีที่เคยทำงานในร้านฟาสต์ฟู้ดคือ Russ Weiner โดยหลายปีก่อนจะก่อตั้ง Rockstar Energy เขาเริ่มจากงานค่าแรงชั่วโมงละ 3.50 เหรียญที่ Wendy’s ใน California ทำหน้าที่ทอดอาหารและดูแลไดรฟ์ทรู ตอนนั้นเขาอายุเพียง 15 ปี และรู้สึกอายที่จะถูกเห็นในชุดยูนิฟอร์มของร้าน จึงนั่งรถบัสไปด้วยเสื้อผ้าธรรมดา บอกเพื่อนๆ ว่าทำงานร้านอุปกรณ์กีฬา แล้วค่อยเปลี่ยนชุดเมื่อถึงที่ทำงาน เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่เขาเสียใจในภายหลัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บทเรียนอีกอย่างที่ติดตัวมาจากช่วงเวลานั้น เกิดขึ้นเมื่อมีลูกค้าคนหนึ่งบอกให้เขาเก็บเงินทอนเอาไว้ “มันแค่ประมาณ 1.50 เหรียญ แต่ตอนนั้นค่าแรงขั้นต่ำคือ 3.50 เหรียญต่อชั่วโมงในปี 1986” Weiner เล่า แม้จะเป็นเงินไม่มาก แต่เหตุการณ์เล็กๆ นี้กลับมีอิทธิพลต่อมุมมองเรื่องเงิน และแนวทางที่เขาใช้ดูแลพนักงานของตัวเองจนถึงทุกวันนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Mark Stevens นักลงทุน venture capital ผู้ที่หนุนหลัง Nvidia และ LinkedIn บอกว่าแนวคิด “hustler” ของเขามาจากวัยเด็กใน Culver City, California ที่อายุ 16 เขาได้ค่าแรง 2.50 เหรียญต่อชั่วโมง ทอด onion rings และมันฝรั่งที่ Jack in the Box “มันสอนเรื่องการจัดการสต็อกและรายละเอียดต่างๆ” เขาเล่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนจะกลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 10 ของโลก Jensen Huang ย้ายจากไต้หวันมาอเมริกา และเมื่ออายุ 15 ได้งานที่ Denny’s ใน Oregon ล้างจาน เสิร์ฟ และทำความสะอาดห้องน้ำ เขาไต่เต้าขึ้นมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ รับออเดอร์และเสิร์ฟกาแฟ Huang บอกว่างานนี้ช่วยให้เขาเอาชนะความขี้อาย ต่อมาเขาเจอเพื่อนสายเทคใน Silicon Valley และในปี 1993 ที่นั่นเอง เขากับผู้ร่วมก่อตั้งได้คิดไอเดียชิปที่สร้างกราฟิก 3D สมจริงบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และตั้งชื่อบริษัทว่า Nvidia&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ Huang, Bezos และคนอื่นๆ จะประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ห่างไกลจากร้านที่พวกเขาเริ่มต้น แต่บางคนก็เลือกอยู่ต่อและรวยจากธุรกิจนี้โดยตรง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Peter Cancro มหาเศรษฐีเจ้าของ Jersey Mike’s Subs เริ่มทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านตั้งแต่อายุ 14 และเมื่อร้านประกาศขาย เขาอายุเพียง 17 แต่ตัดสินใจแบบลุ้นเสี่ยง หยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาคนลงทุนช่วยซื้อร้าน สุดท้ายเขาเกลี้ยกล่อม Rod Smith โค้ชฟุตบอลเก่าและ VP ของ Ocean County National Bank ให้ปล่อยกู้ 125,000 เหรียญที่ดอกเบี้ย 10% เพื่อลงทุนในร้านกว่า 3,000 สาขา ก่อนจะดีลขายหุ้นใหญ่ให้ Blackstone มูลค่า 8 พันล้านเหรียญในเวลาต่อมา เรียกว่าการเสี่ยงครั้งนั้นก็ได้ผลตอบแทนมหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมี Steve Ells ซึ่งเคยฝึกงานที่ Culinary Institute of America และทำงาน sous chef ในร้านหรู แต่แรงบันดาลใจมาจากร้านทาโก้ใน San Francisco ที่ทำให้เขาเริ่ม Chipotle ในปี 1993 ใกล้ University of Denver ซึ่งเป็นโปรเจกต์เสริมเพื่อหาเงินเปิดร้าน fine dining ตอนนี้ Chipotle ขยายกว่า 3,800 สาขา และขาย burrito ได้กว่าพันล้านชิ้นต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่ง Andrew Cherng ผู้อพยพจากจีน หลังเรียนจบ Baker University ใน Kansas เขาช่วยญาติเขาเปิดร้านอาหารจีน ก่อนจะเปิด Panda Inn ที่ Pasadena กับพ่อในปี 1972 จากนั้นภรรยา Peggy Cherng ที่จบปริญญาเอกวิศวกรรมไฟฟ้า และเคยทำงานด้าน facial recognition ที่ 3M ก็ช่วยทำงานหลังเลิกงานและวันหยุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สิ่งนี้กลายเป็นรากฐานของ Panda Express ที่เปิดสาขาแรกใน Glendale ปี 1983 ด้วยพื้นฐานวิศวกรรม Peggy พัฒนาซอฟต์แวร์ วิเคราะห์ยอดขาย และสร้างระบบการบริหารฝึกอบรมพนักงานกว่า 50,000 คน ส่วน Andrew ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง “บางคืนเราไม่มีแขกเลย” เขาเล่า ทำให้เขาเข้าใจว่าต้องยืดหยุ่น “ถ้าอะไรไม่เวิร์กก็เปลี่ยนไป” เขาบอก พร้อมยอมรับสุภาษิตจีน 薄利多销 (bó lì duō xiāo) หรือ “กำไรน้อย ขายมาก” วันนี้ Panda Express มี 2,300 สาขา และรายได้เกือบ 6 พันล้านเหรียญต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ไม่ใช่ทุกมหาเศรษฐีที่จะมองงานแรกในร้านอาหารด้วยความทรงจำที่ดี Shahid Khan เจ้าของ Jacksonville Jaguars ย้ายจากปากีสถานมา Illinois ตอนอายุ 16 มีเงินติดตัวเพียง 500 เหรียญ งานแรกๆ ของเขาคือส่งพิซซ่า เขาเล่าว่าลูกค้ามักพูดจาแย่ๆ และไม่เคยให้ทิป “ถูกด่า ถูกเหยียด ถูกดูถูก – ผมไม่เชื่อในวิธีนั้น” เขากล่าว “คนที่ประสบความสำเร็จอย่าง Steve Jobs หรือ Elon Musk อาจใช้สไตล์นี้ แต่มันไม่ใช่สไตล์ของผม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีทุกคนเห็นตรงกันอย่างหนึ่ง คือ พวกเขายินดีจ้างคนที่เคยทำงานฟาสต์ฟู้ด “ฟาสต์ฟู้ดเป็นงานที่ต้องเร็วและทำงานอย่างหนัก” Stevens นักลงทุนกล่าว “คุณต้องพร้อมตลอดเวลา มันทำให้คุณเข้าใจพนักงานรายชั่วโมงจริงๆ งานมันยาก ต้องยืนทั้งวัน ได้ค่าแรงไม่มาก แต่คุณจะได้เรียนรู้ความอดทน และนั่นจะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbes.com/sites/martinacastellanos/2025/09/06/these-fast-food-workers-including-jeff-bezos-and-jensen-huang-became-billionaires-after-working-at-fast-food-chains-like-wendys-mcdonalds" alt="McBillionaires: The Super Successful Entrepreneurs Who Got Their Starts At Fast-Food Chains">McBillionaires: The Super Successful Entrepreneurs Who Got Their Starts At Fast-Food Chains</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/roger-federer-former-world-number-one-tennis-player-becomes-a-billionaire-after-taking-a-stake-the-shoe-company-on" alt="'รวยไม่หยุด ฉุดไม่อยู่' Roger Federer อดีต 'นักเทนนิสมือ 1 โลก' นั่งแท่นมหาเศรษฐี ผลจากราคาหุ้นรองเท้า 'On'">'รวยไม่หยุด ฉุดไม่อยู่' Roger Federer อดีต 'นักเทนนิสมือ 1 โลก' นั่งแท่นมหาเศรษฐี ผลจากราคาหุ้นรองเท้า 'On'</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

McBillionaires เมื่อร้านฟาสต์ฟู้ด คือห้องเรียนสร้างมหาเศรษฐีโลก

<h2>Jensen Huang ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nvidia บริษัทมูลค่า 3.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ผู้ผลิตชิปของเครื่องมือ AI ชื่อดังหลายตัว ระบุว่า “ไม่ต้องกลัวว่า AI จะมาแย่งงานคุณโดยตรง แต่จงกลัวคนที่ใช้ AI ได้ดีกว่าคุณ”</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการประชุม Milken Institute’s Global Conference 2025 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา Huang กล่าวว่า “ทุกอาชีพจะได้รับผลกระทบจาก AI และจะเกิดขึ้นทันที มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องสงสัยอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ตกงานเพราะ AI แต่จะตกงานเพราะคนที่ใช้ AI ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ปัจจุบันยังไม่มีตำแหน่งงานใดใน Indeed ที่สามารถทำได้โดย AI เพียงลำพัง แต่ซีอีโอ Chris Hyams ก็ยอมรับว่า กว่า 2 ใน 3 ของตำแหน่งบนแพลตฟอร์มนั้นมีบางส่วนที่ AI ทำได้ดีพอสมควร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jensen Huang เสริมว่า ความต้องการบุคลากรที่เข้าใจการทำงานและสามารถฝึกสอน AI จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบันมีเพียงราว 30 ล้านคนทั่วโลกที่รู้วิธีเขียนโปรแกรมและใช้เทคโนโลยีนี้อย่างเชี่ยวชาญ ในขณะที่อีกกว่า 7,500 ล้านคนยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนในวงการ AI ที่เห็นด้วยกับเขา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic มองว่า AI อาจทำให้ครึ่งหนึ่งของงานระดับเริ่มต้นในสายออฟฟิศหายไป ภายใน 1-5 ปีข้างหน้า เขาคาดว่าแม้ AI จะช่วยรักษามะเร็งได้ เศรษฐกิจโตขึ้น 10% ต่อปี และงบประมาณรัฐสมดุล แต่ “20% ของประชากรอาจไม่มีงานทำ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บางบริษัทเริ่มปรับตัวแล้ว เช่น Shopify, Duolingo และ Fiverr ต่างสนับสนุนหรือบังคับให้พนักงานนำ AI มาใช้ในการทำงาน โดย Shopify ถึงกับมีนโยบายให้ผู้จัดการ “ใช้ AI ให้เต็มที่ก่อนจะขอจ้างพนักงานเพิ่ม” ตามอีเมลภายในจากซีอีโอ Tobi Lutke&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถึงกระนั้น Jensen Huang ก็เชื่อว่า AI จะไม่เพียงแต่แย่งงาน แต่จะสร้างงานใหม่จำนวนมากโดยเฉพาะในสายเทคโนโลยี เช่น วิศวกรรมซอฟต์แวร์ และโปรแกรมเมอร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ซอฟต์แวร์ที่เคยเขียนโดยมนุษย์และทำงานบน CPU ตอนนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Machine Learning และรันบน GPU ทุกชั้นของระบบกำลังถูกสร้างใหม่หมด ซึ่งก่อให้เกิดงานใหม่มหาศาลในแต่ละระดับ” อย่าเป็นคนที่ละเลย AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jensen Huang ยังเล่าด้วยว่า เขาเองใช้ AI อย่างเช่น ChatGPT และ Google Gemini ในการเขียนร่างแรกของเนื้อหาต่างๆ อยู่เป็นประจำ พร้อมแนะว่า AI ไม่ได้มีไว้ใช้แค่เรื่องพื้นฐาน แต่ยังช่วยในงานซับซ้อน เช่น การเขียนโค้ด แม้จะไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คุณไม่รู้วิธีเขียนโปรแกรม? บอก AI ว่า ‘ช่วยสอนฉันหน่อย’ มันก็จะสอนคุณได้ทันที คุณจะวาดแผนผังหรือภาพประกอบแล้วถาม AI ว่าควรทำอะไรต่อก็ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คำแนะนำของเขาชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนและเยาวชน “จงทำความคุ้นเคยกับ AI และใช้ประโยชน์จากมัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในทำนองเดียวกัน มหาเศรษฐี Mark Cuban ก็แนะนำให้เด็กยุคใหม่เรียนรู้การใช้ AI อย่างจริงจัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ถ้าผมอายุ 12 ตอนนี้ ผมจะอ่านหนังสือ และเรียนรู้การใช้ AI ในทุกมิติเท่าที่จะทำได้” เขาโพสต์ใน BlueSky เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Cuban ยังลงทุนเงินหลายล้านเหรียญ จัดค่าย AI ฟรีให้เด็กมัธยมในชุมชนรายได้น้อยในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2019 โดยหวังว่าจะสร้าง “กลุ่มคนมีศักยภาพที่ยังไม่ถูกค้นพบ” ซึ่งสามารถช่วยขับเคลื่อนการแข่งขันระดับโลกของประเทศในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในตอนท้ายของเวทีประชุม Huang เน้นย้ำว่า “AI อาจเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเพิ่ม GDP ของเรา อย่าเป็นคนที่เมินเทคโนโลยีนี้... จงใช้ประโยชน์จาก AI ให้มากที่สุด” Photo by THIBAUD MORITZ / AFP แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2025/05/28/nvidia-ceo-jensen-huang-youll-lose-your-job-to-somebody-who-uses-ai.html" alt="Nvidia CEO: You won’t lose your job to AI—you’ll ‘lose your job to somebody who uses AI’">Nvidia CEO: You won’t lose your job to AI—you’ll ‘lose your job to somebody who uses AI’</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/newsglobalit/jensen-huang-said-ai-will-create-more-millionaires" alt="“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน">“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“คุณจะไม่ตกงานเพราะ AI แต่จะโดนคนที่ใช้ AI เป็นแย่งงาน” คำเตือนจาก Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia

<h2>Jensen Huang ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia เผยในพอดแคสต์ The All-In Podcast ว่า เทคโนโลยี AI จะสร้างเศรษฐีหน้าใหม่ได้มากกว่าที่อินเทอร์เน็ตเคยทำได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และทั้งหมดจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang มองว่า AI คือเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถสร้างสิ่งใหม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะทาง เช่น การเขียนโค้ด เนื่องจากด้วย AI ใครๆ ก็สามารถสร้างแอปหรือเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเรียนรู้ภาษาโปรแกรมอย่าง Python หรือ C++&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“AI คือเครื่องมือที่ช่วยลดช่องว่างของทักษะอย่างแท้จริง” Jensen Huang กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังย้ำว่า AI ช่วยสร้างงานมากกว่าทำลายงาน เพราะมันทำให้คนสามารถผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการได้ง่ายขึ้น ทุกคนสามารถ “พูด” กับ AI ด้วยภาษาธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสายครีเอทีฟหรือสายเทคนิค ต่างก็ได้ประโยชน์จาก AI เท่ากัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า “ถ้าคุณไม่ใช้ AI สุดท้ายงานของคุณจะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้บางอาชีพจะถูกแทนที่โดยสมบูรณ์ แต่ Huang เชื่อว่า AI จะสร้างอาชีพใหม่ๆ ขึ้นอีกมากมาย และทำให้งานของทุกคน “เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแน่นอน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านธุรกิจ Nvidia กำลังเป็นผู้นำในกระแส AI อย่างแท้จริง โดยครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI ระหว่าง 70–95% และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI ยอดนิยมอย่าง ChatGPT, Amazon, Meta และอีกมากมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Nvidia เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก โดยเพิ่งทำสถิติมูลค่าทะลุ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 1,554% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang ยังกล่าวปิดท้ายอย่างภาคภูมิใจว่า “ผมสร้างมหาเศรษฐีในทีมผู้บริหารมากกว่าซีอีโอคนไหนในโลก” แปละและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.entrepreneur.com/business-news/nvidia-ceo-jensen-huang-says-ai-will-create-millionaires/495134" alt="AI Will Create More Millionaires in the Next 5 Years Than the Internet Did in 2 Decades, According to Nvidia's CEO">AI Will Create More Millionaires in the Next 5 Years Than the Internet Did in 2 Decades, According to Nvidia's CEO</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/newsglobalit/nvidia-ceo-jensen-huang-study-field-computer-science" alt="ซีอีโอ Nvidia เผย ถ้าตอนนี้อายุ 20 จะเลือกเรียน ‘วิทย์กายภาพ’ เช่น ฟิสิกส์ แทนซอฟต์แวร์ เพราะคือคลื่นลูกใหม่ของ AI">ซีอีโอ Nvidia เผย ถ้าตอนนี้อายุ 20 จะเลือกเรียน ‘วิทย์กายภาพ’ เช่น ฟิสิกส์ แทนซอฟต์แวร์ เพราะคือคลื่นลูกใหม่ของ AI</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน

<h2>Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยระหว่างการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งว่า ถ้าเขาเป็นนักศึกษาอายุ 20 ปีในยุคนี้ เขาจะเลือกเรียน “วิทยาศาสตร์กายภาพ” แทนสายซอฟต์แวร์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเขาเป็นตัวเองในเวอร์ชันอายุ 22 ปีที่เพิ่งเรียนจบในปี 2025 แต่ยังมีความทะเยอทะยานแบบเดิม เขาจะเลือกมุ่งเน้นด้านไหน? Huang ตอบว่า ตัวเขาในวัย 20 ปีที่เพิ่งจบใหม่อาจเลือกเรียนในสายวิทยาศาสตร์กายภาพมากกว่าวิทยาศาสตร์ด้านซอฟต์แวร์ พร้อมเสริมว่าเขาเองเรียนจบปริญญาตรีตั้งแต่อายุ 20 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ วิทยาศาสตร์กายภาพ เป็นแขนงที่ศึกษาเกี่ยวกับระบบที่ไม่มีชีวิต เช่น ฟิสิกส์ เคมี ดาราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งแตกต่างจากวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่เน้นสิ่งมีชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก Oregon State University ในปี 1984 และต่อปริญญาโทด้านเดียวกันที่ Stanford University ในปี 1992 ก่อนจะร่วมก่อตั้ง Nvidia ร่วมกับวิศวกรอีกสองคนในร้านอาหาร Denny’s ที่แคลิฟอร์เนีย ปีถัดมา (1993)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก และเป็นบริษัทแรกที่แตะระดับ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ Huang จะไม่ได้อธิบายโดยตรงว่าทำไมถึงเลือกวิทยาศาสตร์กายภาพ แต่เขาเคยพูดถึงแนวคิด “Physical AI” หรือ “คลื่นลูกต่อไปของ AI” อย่างชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเวที The Hill &amp; Valley Forum ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาอธิบายวิวัฒนาการของ AI ไว้ว่า:&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.	ยุคแรกคือ Perception AI: เริ่มต้นเมื่อประมาณ 12-14 ปีก่อน โดยเฉพาะหลังการเปิดตัวโมเดล AlexNet ในปี 2012 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการรู้จำภาพผ่าน deep learning&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.	ยุคต่อมาคือ Generative AI: ที่ AI สามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลและสร้างเนื้อหาใหม่ เช่น ข้อความ รูปภาพ โค้ด และอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.	ปัจจุบันคือ Reasoning AI: ที่ AI ไม่เพียงแค่เข้าใจหรือสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยัง “ให้เหตุผล” ได้ เช่น การแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อน หรือการตัดสินใจเชิงเงื่อนไข ในยุคนี้ AI กลายเป็น “เอเจนต์ดิจิทัล” หรือ “หุ่นยนต์แรงงานในโลกดิจิทัล” ที่ทำงานซับซ้อนได้ และเป็นเป้าหมายของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Salesforce&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มองไปข้างหน้า Huang กล่าวว่า ‘Physical AI’ คือคลื่นลูกถัดไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาอธิบายว่า AI ยุคใหม่จะต้องเข้าใจกฎฟิสิกส์ เช่น แรงเสียดทาน ความเฉื่อย เหตุและผล รวมถึงแนวคิดพื้นฐานอย่าง “วัตถุยังคงอยู่แม้มองไม่เห็น” (object permanence) ความสามารถในการให้เหตุผลทางกายภาพจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เช่น:&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;•	ทำนายทิศทางการกลิ้งของลูกบอล &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;•	จับวัตถุโดยไม่ทำให้เสียหาย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;•	ระบุว่ามีคนเดินอยู่หลังรถหรือไม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อ AI แบบนี้รวมเข้ากับหุ่นยนต์จริง ก็จะได้ ‘หุ่นยนต์ทางกายภาพ’ (Physical Robots)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang กล่าวว่า สิ่งนี้จะมีความสำคัญมากในอนาคต เพราะโรงงานและสายการผลิตใหม่ๆ ทั่วอเมริกาจะใช้หุ่นยนต์มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หวังว่าใน 10 ปีข้างหน้า โรงงานเหล่านี้จะใช้หุ่นยนต์มากขึ้น เพื่อช่วยรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก” Huang กล่าวทิ้งท้าย ภาพ: AFP แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2025/07/18/nvidia-ceo-jensen-huang-study-field-computer-science-software-gpu-alexnet-generative-physical-ai-university.html" alt="Nvidia CEO: If I were a 20-year-old again today, this is the field I would focus on in college">Nvidia CEO: If I were a 20-year-old again today, this is the field I would focus on in college</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/nvidia-ceo-advises-career-path-in-ai-future" alt="“ไม่ต้องเรียนเขียนโค้ดหรอก” ซีอีโอ Nvidia แนะทักษะจำเป็นในโลกอนาคตที่ AI จะเข้ามาช่วยทำงาน">“ไม่ต้องเรียนเขียนโค้ดหรอก” ซีอีโอ Nvidia แนะทักษะจำเป็นในโลกอนาคตที่ AI จะเข้ามาช่วยทำงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
<div style="display:none;"><a href="https://villadelmarcanggu.com/contact-us" rel="dofollow">ug8</a></div>

ซีอีโอ Nvidia เผย ถ้าตอนนี้อายุ 20 จะเลือกเรียน ‘วิทย์กายภาพ’ เช่น ฟิสิกส์ แทนซอฟต์แวร์ เพราะคือคลื่นลูกใหม่ของ AI

Jensen Huang เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Nvidia ผู้ผลิตชิปกราฟิกในปี 1993 และดำรงตำแหน่งซีอีโอและประธานบริษัทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาHuang เป็นเจ้าของหุ้นประมาณ 3% ของ Nvidia ซึ่งเขานำหุ้นเข้าจดทะเบียนในปี 1999เขาเกิดที่ไต้หวัน ย้ายไปประเทศไทยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ครอบครัวของเขาส่งเขาและพี่ชายไปสหรัฐอเมริกาเนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเอเชียภายใต้การบริหารของ&nbsp;Huangจีพียูของ Nvidia กลายเป็นผู้นำในด้านเกมคอมพิวเตอร์ และปัจจุบันอยู่ในด้านปัญญาประดิษฐ์ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2024เขามอบเงิน 30 ล้านเหรียญให้มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเพื่อซื้อศูนย์วิศวกรรม และในปี 2022 มอบเงิน 50 ล้านเหรียญให้กับมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอเรกอนเพื่อซื้อศูนย์วิจัยที่มีชื่อเดียวกัน

Jensen Huang

<h2>บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Nvidia ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีน DeepSeek พลิกโฉมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และการสูญเสียครั้งใหญ่ดังกล่าวทำให้ซีอีโออย่าง Jensen Huang สูญเสียความมั่งคั่งไปกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญในวันเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;DeepSeek เปิดเผยว่าบริษัทได้สร้างโมเดล AI ใหม่ในเวลาเพียง 2 เดือนด้วยต้นทุนไม่ถึง 6 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าต้นทุนของคู่แข่งในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังไม่ได้ใช้ชิปคอมพิวเตอร์ทรงพลังราคาแพงของ Nvidia ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้ค่ำคืนที่ผ่านมา หุ้นของ Nvidia ร่วงลงเกือบ 17% เนื่องจากตลาดคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ซัพพลายเออร์ชิป AI รายใหญ่ที่สุดของโลกอาจเผชิญกับความต้องการที่น้อยลง เนื่องจากโมเดลต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และนั่นก็ทำให้ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ที่ถือหุ้นอยู่ 3% มีทรัพย์สินลดลง 16.74% หรือลดลง 2.08 หมื่นล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 1.036 แสนล้านเหรียญ ตามข้อมูลทรัพย์สินแบบเรียลไทม์ของ Forbes โดยเขาอยู่ในอันดับ 17 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/6oeKqsTqKGrmfJDnT3w7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6oeKqsTqKGrmfJDnT3w7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/it/nvidia-to-build-ai-research-data-centres-in-vietnam-with-govt" alt="Jensen Huang พา Nvidia จับมือรัฐบาลร่วมลงทุนทำศูนย์วิจัยและพัฒนา AI และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ในเวียดนาม">Jensen Huang พา Nvidia จับมือรัฐบาลร่วมลงทุนทำศูนย์วิจัยและพัฒนา AI และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ในเวียดนาม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Jensen Huang รวยลดลง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในวันเดียว หลังนักลงทุนเทขายหุ้น Nvidia จนร่วงกว่า 17%

<h2>ไม่ใช่แค่คุณหรอกที่คิดว่าเวลาไม่เคยพอสำหรับการทำแต่ละสิ่งให้เสร็จลุล่วง อยากให้วันหนึ่งมี 30 ชั่วโมง จะได้ได้ทำทุกอย่างที่ต้องการ แม้แต่มหาเศรษฐีอย่าง Jensen Huang ก็เคยกังวลว่าตัวเองจะไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการเช่นกัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ทุกวันนี้ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nvidia รายนี้หวังว่าเขาจะไม่ต้องกังวลมากแบบเดิมแล้ว “ยังมีเวลาอีกมาก ถ้าคุณจัดลำดับความสำคัญของตัวเองอย่างเหมาะสม และถ้าคุณมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยให้ [Microsoft] Outlook เป็นผู้ควบคุมเวลาของคุณ คุณก็จะมีเวลาเหลือเฟือ” Huang กล่าวในพอดแคสต์ “Acquired” เมื่อปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang เสริมว่าตัวเขาเองในวัยเด็กอาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในตอนนี้ แต่เขาก็ย้ำว่าคุณควรจะทำทุกอย่างที่ต้องการได้ หากคุณ “จัดลำดับความสำคัญของเวลาอย่างรอบคอบ” Huang ยังแนะนำว่าคนเราควรวางแผนและมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญที่สุดที่จำเป็นต้องได้รับความสนใจหรือความเกี่ยวข้องจากคุณ ทั้งเรื่องของที่ทำงานและที่บ้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อย่าทำทุกอย่าง” Huang กล่าว “จัดลำดับความสำคัญในชีวิตของคุณ เสียสละบางอย่าง อย่าปล่อยให้ Outlook ควบคุมสิ่งที่คุณทำทุกวัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเรียนรู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดของคุณ ทั้งที่ทำงานและในเวลาว่าง จะทำให้คุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบมากขึ้นได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่ง Huang คาดหวังให้พนักงานของเขาทำตาม โดยรายงานของ Business Insider ระบุว่าพนักงานของ Nvidia ได้รับแจ้งให้เขียนลำดับความสำคัญสูงสุดของตนเองในอีเมลถึงผู้จัดการและ Huang ทุกสัปดาห์ เพื่อปรับปรุงสมาธิและประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ เคยนิยามตัวเองว่าเป็น “ผู้รักความสมบูรณ์แบบ” เป็นเจ้านายที่ “เข้มงวด” และ “ไม่ง่ายที่จะทำงานด้วย” ดังนั้น อาจไม่น่าแปลกใจที่ได้ยินเขาพูดว่าครั้งหนึ่งเขาเคยกังวลว่าไม่มีเวลาเพียงพอในแต่ละวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ตัวเขาในวัยหนุ่มอาจต้องการคำแนะนำนี้ โดยเขาเคยพูดติดตลกเกี่ยวกับการอดนอนเพื่อให้มีเวลาเพิ่มในสุนทรพจน์เมื่อปี 2003 ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่า “นั่นเป็นทางเลือกที่ดีเสมอ เพราะจะได้มีเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อคุณไม่ได้นอน” เขากล่าวในตอนนั้น เวลาของคุณไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ว่าจะนอนหรือไม่นอน Huang ก็เข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมเวลาของตัวเอง “ในฐานะซีอีโอ เวลาของคุณไม่ได้เป็นของคุณเสมอไป ดังนั้นคุณต้องมีวินัยในการทำให้มันเป็นของคุณ” เขากล่าวในปี 2003 “ผมมักจะมาที่ออฟฟิศและบอกฝ่ายบริหารให้เคลียร์ปฏิทินของผมเพื่อที่จะได้มีเวลานั้นกลับคืนมา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huang ไม่ใช่คนเดียวที่ประสบความสำเร็จที่ดำเนินการในลักษณะนี้ “คุณต้องมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการเป็นเจ้าของปฏิทินของคุณ” Mary Callahan Erdoes ซีอีโอของแผนกการจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งของ J.P. Morgan กล่าวกับ CNBC Make It ในปี 2016&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หากคุณไม่สามารถควบคุมสิ่งนั้นได้อย่างเคร่งครัด สิ่งนั้นจะเข้ามาครอบงำคุณ และนั่นไม่ใช่วิธีที่จะจัดการและควบคุมทุกอย่างได้” เธอกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในกรณีของ Huang รายงานของ Financial Times ในปี 2020 บอกว่าเขาเริ่มวันใหม่ตั้งแต่ตี 4 เพื่อออกกำลังกายและใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ก่อนจะเริ่มวันทำงานด้วยจำนวนชั่วโมงปกติของเขาที่ 14 ชั่วโมง/วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Huang ยังชอบพบปะกับพนักงานของเขา บางครั้งก็รับประทานอาหารในโรงอาหารของ Nvidia เพื่อที่จะได้จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็น “หน้าที่อันดับหนึ่ง และสิ่งที่เชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือการเป็นผู้ดูแลวัฒนธรรมองค์กร” เขากล่าวในปี 2003&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมพยายามใช้เวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับสิ่งที่ผมเชื่อว่าจะมีอิทธิพลต่อบริษัทของเราในระยะยาว” Huang กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2024/05/31/nvidia-ceo-what-he-believes-now-that-younger-self-would-disagree-on.html" alt="Nvidia’s billionaire founder: The No. 1 thing I believe today that my younger self wouldn’t understand">Nvidia’s billionaire founder: The No. 1 thing I believe today that my younger self wouldn’t understand</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/nvidia-employees-work-7-days-a-week-until-2-am" alt="พนักงาน Nvidia ทำงาน 7 วัน ถึงตี 2 บางวันประชุม 10 แมตช์ แต่ไม่ค่อยมีใครลาออกเพราะเงินเดือนสูงลิบ!">พนักงาน Nvidia ทำงาน 7 วัน ถึงตี 2 บางวันประชุม 10 แมตช์ แต่ไม่ค่อยมีใครลาออกเพราะเงินเดือนสูงลิบ!</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“อย่าทำทุกอย่าง-จัดลำดับความสำคัญ” วิธีบริหารเวลาแบบ Jensen Huang

<h2>เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา Nvidia ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับรัฐบาลเวียดนาม โดยจะร่วมกันจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ในเวียดนาม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Nvidia ยังกล่าวอีกว่าได้ซื้อกิจการสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพ VinBrain ซึ่งเป็นอีกธุรกิจของ Vingroup กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม แต่ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของข้อตกลงดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวระหว่างการเยือนกรุงฮานอยเมื่อปีที่แล้วว่า Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ ต้องการขยายความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเวียดนามและสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยี FPT ของเวียดนามระบุว่ามีแผนที่จะสร้างโรงงานปัญญาประดิษฐ์มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยใช้ชิปกราฟิกและซอฟต์แวร์ของ Nvidia&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อตกลงระหว่าง Nvidia และรัฐบาลเวียดนามเมื่อวันพฤหัสบดีได้ลงนาม ณ กรุงฮานอย โดยมี Huang และนายกรัฐมนตรีเวียดนาม Pham Minh Chinh เป็นสักขีพยาน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ให้รายละเอียดทางการเงินเกี่ยวกับการลงทุนศูนย์วิจัยและพัฒนา และดาต้าเซ็นเตอร์ตามข้อตกลงดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Chinh กล่าวว่าปัญญาประดิษฐ์จะกระตุ้นการเติบโต และเวียดนามยังต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามุ่งหวังที่จะพิชิตไม่เพียงแต่ AI เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอวกาศและมหาสมุทรด้วย” Chinh กล่าว “AI จะเปลี่ยนดวงอาทิตย์ ลม และคลื่นให้เป็นพลังงานสะอาดสำหรับเรา” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.reuters.com/technology/nvidia-signs-ai-cooperation-agreement-with-vietnamese-government-2024-12-05/" alt="Nvidia to build AI research, data centres in Vietnam with govt">Nvidia to build AI research, data centres in Vietnam with govt</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/cp-sends-true-idc-mou-siam-ai-cloud" alt="ซีพี ส่ง ‘ทรูไอดีซี’ MOU บริษัทพาร์ทเนอร์ของ Nvidia สร้างไทยเป็นฮับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาค">ซีพี ส่ง ‘ทรูไอดีซี’ MOU บริษัทพาร์ทเนอร์ของ Nvidia สร้างไทยเป็นฮับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาค</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Jensen Huang พา Nvidia จับมือรัฐบาลร่วมลงทุนทำศูนย์วิจัยและพัฒนา AI และดาต้าเซ็นเตอร์ AI ในเวียดนาม

<h2>เป็นประเด็นร้อนในแวดวงการทำงานช่วงนี้ หลังสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานถึงการทำงานในบริษัทชิปยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Nvidia ที่พนักงานบริษัทต้องนั่งทำงานที่โต๊ะ 7 วัน/สัปดาห์ และบ่อยครั้งที่ทำงานจนถึงตี 2 แต่พวกเขากลับไม่อยากลาออกเพราะบริษัทให้เงินเดือนสูง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามรายงานของ Bloomberg News ระบุว่าพนักงาน 10 คนที่เคยทำงานที่บริษัทนี้หรือยังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้อยู่ กล่าวถึงสภาพแวดล้อมที่กดดันจนทำให้การประชุมมักจะกลายเป็นการโต้เถียงกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อดีตพนักงานฝ่ายการตลาดของ Nvidia กล่าวกับ Bloomberg News ว่าเธอเข้าร่วมประชุมมากถึง 10 ครั้งต่อวัน โดยแต่ละครั้งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 30 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การประชุมมักจะเต็มไปด้วยการพูดกันเสียงดังราวกับตะโกนและการถกเถียงกัน แต่พนักงานก็อดทนได้ เพราะเงินเดือนสุงวลิบที่ได้รับเปรียบเสมือนการ “ใส่กุญแจมือทองคำ” ไว้กับพนักงานนั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nvidia ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ซึ่งมีฐานอยู่ในซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย มีอัตราการลาออกของพนักงานค่อนข้างต่ำ เนื่องจากพนักงานจะได้รับหุ้นพิเศษซึ่งโดยปกติแล้วจะได้รับสิทธิ์นี้ในช่วงระยะเวลาสี่ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่ปี 2019 ราคาหุ้นของ Nvidia พุ่งสูงขึ้น 3,776% ซึ่งหมายความว่าพนักงานที่ทำงานในบริษัทมาเป็นเวลาห้าปีที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะเป็นเศรษฐี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทได้กลายเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เนื่องจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัทเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้ความต้องการชิปเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามรายงานของ Bloomberg News แพ็คเกจค่าตอบแทนเป็นหุ้นนั้นเป็นแรงจูงใจอันทรงพลังสำหรับพนักงานที่จะอดทนกับงานหนักและอยู่กับบริษัทต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อปีที่แล้ว พนักงาน 5.3% ลาออกจาก Nvidia แต่หลังจากที่มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งเกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการลาออกของพนักงานก็ลดลงเหลือเพียง 2.7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามข้อมูลของ Nvidia ระบุว่าในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อัตราการลาออกของพนักงานสูงกว่านี้มาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 17.7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อดีตวิศวกรของ Nvidia บอกกับ Bloomberg News ว่าพนักงานที่ทำงานในบริษัทมาเป็นเวลา 10 ปี มีเงินมากพอที่จะเกษียณได้ แต่กลับเลือกที่จะทำงานมากขึ้นเพราะมีรายได้ก้อนโตที่รออยู่เมื่อหุ้นรอบต่อไปหมดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อดีตวิศวกรคนดังกล่าวยังกล่าวอีกว่าเขามักจะได้ยินพนักงานที่กลายมาเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่คุยโวเกี่ยวกับบ้านพักตากอากาศหลังใหม่ที่พวกเขาซื้อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาบอกกับ Bloomberg News ว่าเป็นเรื่องปกติที่พนักงานหลายคนจะแห่ซื้อตั๋วเข้าชมงานต่างๆ เช่น Super Bowl และ NBA Finals&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ตามรายงานของ Bloomberg News ที่จอดรถของพนักงาน Nvidia ยังเต็มไปด้วยรถยนต์ระดับไฮเอนด์ เช่น Porsche, Corvette และ Lamborghini สะท้อนถึงความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นในหมู่พนักงานของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย บอกกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าเขาเคยร่วมงานกับพนักงานของ Nvidia หลายคน ซึ่งบางคนจ่ายเงินดาวน์บ้านมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ถึง 40%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jensen Huang ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia ให้สัมภาษณ์กับรายการ “60 Minutes” ของ CBS ว่าเขากดดันพนักงานอย่างหนักเพราะ “ถ้าคุณต้องการทำสิ่งที่พิเศษ มันไม่ควรจะง่าย” ที่มา:&nbsp;<a target="_blank" href="https://finance.yahoo.com/news/nvidia-employees-7-days-week-171736476.html?guccounter=1&amp;guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&amp;guce_referrer_sig=AQAAACcbHDCF80KBJi6dsmqdhbA4vIXdqzsnXLoGZon0S5s6lhJh7ztN4vwnyn8TH26aGHoUYujOwagv-Gvwa06vioXN3SsbFrIftouC9iBSK2qFB1tXfeLuZKTz3F3hH4DK8eCD3-m3pEs__o6NNs2IRvEdNDIpMN8cHLZD-6WRLrQi" alt="Nvidia employees can work 7 days a week until 2 a.m. — but few leave because of AI chip giant’s lavish pay: report">Nvidia employees can work 7 days a week until 2 a.m. — but few leave because of AI chip giant’s lavish pay: report</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/panasonic-ceo-said-managers-need-more-sense-of-crisis" alt="ซีอีโอ Panasonic เผยผู้บริหารต้อง ‘ตื่นตัวต่อวิกฤต’ หรือไม่ก็ถูกเชิญออก">ซีอีโอ Panasonic เผยผู้บริหารต้อง ‘ตื่นตัวต่อวิกฤต’ หรือไม่ก็ถูกเชิญออก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พนักงาน Nvidia ทำงาน 7 วัน ถึงตี 2 บางวันประชุม 10 แมตช์ แต่ไม่ค่อยมีใครลาออกเพราะเงินเดือนสูงลิบ!

<h2>Nvidia บริษัทผลิตชิปซึ่งเป็นที่รู้จักมายาวนานในชุมชนเกม ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยหุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้น 3.6% ในวันอังคารที่ 18 มิ.ย. 2567 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3.34 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แซงหน้า Microsoft ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 3.32 ล้านล้านเหรียญ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Nvidia มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านเหรียญเป็นครั้งแรก และแซงหน้า Apple เป็นที่เรียบร้อย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จนถึงตอนนี้หุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้นมากกว่า 170% ในปีนี้ และปรับตัวสูงขึ้นหลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในเดือนพฤษภาคม หุ้นได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเก้าเท่านับตั้งแต่สิ้นปี 2565&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่หุ้นของ Apple ร่วงลง 1.1% เมื่อวันอังคาร ทำให้ผู้ผลิต iPhone รายนี้มีมูลค่าตลาด 3.29 ล้านล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nvidia มีสัดส่วนในตลาดประมาณ 80% สำหรับชิป AI ที่นำไปใช้ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีที่กำลังมุ่งสู่ AI อย่าง OpenAI, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Meta รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่กำลังต้องการโปรเซสเซอร์ที่จำเป็นในการสร้างโมเดล AI และรันเวิร์กโหลดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับไตรมาสล่าสุด รายรับในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของ Nvidia เพิ่มขึ้น 427% จากปีก่อนหน้า เป็น 22.6 พันล้านเหรียญ คิดเป็นประมาณ 86% ของยอดขายรวมของผู้ผลิตชิป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nvidia ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 โดย 2-3 ทศวรรษแรกเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์ที่ขายชิปสำหรับนักเล่นเกมเพื่อเล่นเกม 3D นอกจากนี้ Nvidia ยังอยู่ในแวดวงของชิปสำหรับการขุด cryptocurrency และการสมัครสมาชิกเกมบนคลาวด์อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หุ้นของ Nvidia พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ Wall Street ยอมรับเทคโนโลยีของบริษัทว่าเป็นกลไกที่อยู่เบื้องหลังการระเบิดของ AI ที่ไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัว ซึ่งนั่นทำให้ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโออย่าง Jensen Huang มีทรัพย์สินสุทธิพุ่งไปถึงราว 1.17 แสนล้านเหรียญ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 11 ของโลก ตามข้อมูลของ Forbes&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หุ้นของ Microsoft เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จนถึงปีนี้ ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์รายนี้ยังได้รับผลประโยชน์ที่สำคัญจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI หลังจากที่ได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI และรวมโมเดล AI ของสตาร์ทอัพเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดอย่าง Office และ Windows&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Microsoft เป็นหนึ่งในผู้ซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nvidia รายใหญ่ที่สุดสำหรับบริการ Azure cloud นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่งเปิดตัวแล็ปท็อปเจเนอเรชั่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานโมเดล AI ที่เรียกว่า Copilot+ ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nvidia เป็นบริษัทน้องใหม่ที่ได้รับตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การก้าวขึ้นมาของ Nvidia นั้นรวดเร็วมากจนยังไม่ได้เพิ่มบริษัทเข้าไปใน Dow Jones Industrial Average ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด 30 แห่งในสหรัฐอเมริกาเลยด้วยซ้ำ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2024/06/18/nvidia-passes-microsoft-in-market-cap-is-most-valuable-public-company.html" alt="Nvidia passes Microsoft in market cap to become most valuable public company">Nvidia passes Microsoft in market cap to become most valuable public company</a> ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/samsung-launches-3-premium-monitor-series" alt="จอมอนิเตอร์พรีเมียมโตแรง! ‘ซัมซุง’ เปิดตัวใหม่ 3 ซีรีส์ เดินหน้าบุก OLED ชูฟีเจอร์ AI">จอมอนิเตอร์พรีเมียมโตแรง! ‘ซัมซุง’ เปิดตัวใหม่ 3 ซีรีส์ เดินหน้าบุก OLED ชูฟีเจอร์ AI</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Nvidia แซงหน้า Microsoft เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในโลกแล้ว

<h2>ปฏิเสธไม่ได้ว่า Jensen Huang คือหนึ่งในนักธุรกิจคนสำคัญแห่งยุคนี้ ยิ่งเมื่อเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ดันให้อุตสาหกรรมผลิตชิปเฟื่องฟู พามูลค่าบริษัท Nvidia เพิ่มขึ้นมหาศาล ซึ่งล่าสุด Jensen Huang ก็ได้แบ่งปันแนวทางสู่ความสำเร็จอันแสนเรียบง่าย นั่นคือ “ความเจ็บปวด”</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา ซีอีโอแห่ง Nvidia ได้ไปร่วมพูดคุยกับเหล่านักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนจบมา ณ งาน 2024 SIEPR Economic Summit และเผยว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ความยิ่งใหญ่ไม่ใช่ความฉลาด ความยิ่งใหญ่มาจากบุคลิกภาพ และบุคลิกภาพก็ไม่ได้กำเนิดจากคนฉลาด แต่กำเนิดจากคนที่เจ็บปวด” นี่คือคำตอบของ Huang หลังจากบรรดานักศึกษาได้ถามเขาว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพของตนเองเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จได้อย่างไร&nbsp; &nbsp;&nbsp;การไขว่คว้าสำเร็จคือสิ่งที่ Huang รู้ดียิ่งกว่าใคร โดยในปี 1993 เขาร่วมก่อตั้งบริษัทชิปคอมพิวเตอร์ Nvidia ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งซีอีโอมานานกว่า 30 ปี ความสำเร็จของบริษัทพา Huang ทะยานสู่การเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน&nbsp; &nbsp;&nbsp;ณ ปัจจุบันนี้ความต้องการชิปก็พุ่งสูงสืบเนื่องจากความต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ AI จน Nvidia กลับกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกด้วยมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp;&nbsp;กระทั่งตัว Huang เองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก โดย Bloomberg ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของเขาไว้ที่ราว 7.76 หมื่นล้านเหรียญ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2024&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับ Huang แล้ว หนึ่งคุณลักษณะที่มีแนวโน้มพาให้ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้คือ ความสามารถในการฟื้นตัว ซึ่งเขาก็ได้อธิบายเรื่องนี้แก่บรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด คาดหวังสูง ฟื้นตัวช้า สัญญาณอันตราย&nbsp; &nbsp;&nbsp;“หนึ่งในข้อได้เปรียบสูงสุดของผมคือ ผมมีความคาดหวังน้อย” Huang อธิบายว่าบัณฑิตจากสแตนฟอร์ดมักมีความคาดหวังสูง อันเป็นผลจากเกียรติยศศักดิ์ศรีทางการศึกษา&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ผู้ที่มีความคาดหวังสูงมักฟื้นตัวได้ช้า” เพราะคนพวกนี้ไม่คุ้นชินหรือเตรียมตัวเผชิญความล้มเหลว&nbsp;“โชคร้ายที่ความสามารถในการฟื้นตัวจำเป็นต่อความสำเร็จ ผมไม่รู้ว่าจะสอนพวกคุณอย่างไร นอกเสียจากหวังว่าพวกคุณจะได้พบเจอกับความเจ็บปวด”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ความสามารถในการฟื้นตัวคือกุญแจสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จในอนาคต โดยเหล่านักจิตวิทยาทั้งหลายก็ค่อนข้างเห็นด้วย มีงานวิจัยเผยว่าคนที่มีความสามารถในการฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะเข้มแข็งและมั่นใจในการรับมือความท้าทายมากกว่า เมื่อล้มก็มีโอกาสลุกได้สูง&nbsp; &nbsp;&nbsp;Huang เองก็เคยต้องดิ้นรนในช่วงที่เพิ่งก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ ในปี 1996 นั้น Nvidia เคยเกือบต้องเลิกกิจการเพราะต้องแข่งขันกับผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ ทำให้ Huang ต้องปลดพนักงานออกเกินครึ่ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;Huang เคยบอกกับ Fortune ในปี 2001 ว่าประสบการณ์ในครั้งนั้นสอนเขาให้ “ไปฝึกอ่านตลาดและความต้องการของลูกค้าให้ชำนาญกว่านี้” ซึ่งหมายถึงการโละเทคโนโลยีเก่าของบริษัททิ้ง และเดิมพันกับชิปโมเดลใหม่ที่ท้ายสุดก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่&nbsp; &nbsp;&nbsp;“จนถึงทุกวันนี้ ผมยึดคติ ‘บาดแผลและความเจ็บปวด’ กับการทำงานในบริษัทด้วยความยินดีเชียวล่ะ” เขาบอกกับนักศึกษาสแตนฟอร์ด “ผมหมายถึงในทางที่ดีมีความสุขนะ เพราะการที่คุณจะขัดเกลาบุคลิกภาพของบริษัท คุณย่อมต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด” สร้างภูมิต้านทานความล้มเหลว&nbsp; &nbsp;&nbsp;Huang ชี้ว่า การมีความคาดหวังน้อยสามารถช่วยให้คุณเตรียมพร้อมเผชิญความท้าทายอันยากจะหลีกเลี่ยงในอนาคต เพราะหากคาดหวังเพียงว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่นนั้น เมื่อคุณพบกับอุปสรรคย่อมตกใจได้ง่าย ด้วยเหตุนั้น Huang จึงยังคงกังวลตลอดว่า Nvidia อาจล้มลงเมื่อไหร่ก็ได้ แม้ยามนี้จะประสบความสำเร็จมหาศาลก็ตาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;เขาเชื่อด้วยว่าผู้นำที่ดีต้องคอยคำนึงอยู่เสมอว่า บริษัทกำลังเข้าใกล้ความพินาศมากแค่ไหน “หากคุณไม่ทำตัวให้คุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนั้นละก็ คุณได้เลิกกิจการจริงๆ แน่” เขาเผยแก่ Columbia Business School ในเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;Huang ยังเคยบอกแก่นักศึกษาสแตนฟอร์ดในปี 2011 ว่าการระลึกถึงความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวสามารถช่วยสร้าง “ภูมิต้านทานความล้มเหลว” ซึ่งในท้ายที่สุดจะทำให้คุณสามารถปล่อยวางความกลัวที่จะผิดพลาดซึ่งคอยรั้งคุณจากความสำเร็จ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“หากไม่มีภูมิต้านทานความล้มเหลว คุณก็จะไม่ได้ทดลอง และหากไม่เคยได้ทดลอง คุณก็ไม่อาจเริ่มสร้างสิ่งใดขึ้นมาได้” คือคำพูดของเขาเมื่อตอนนั้น “หากคุณไม่เริ่มสร้างสิ่งใดขึ้นมา คุณก็จะไม่มีวันทำสำเร็จ”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วนในงาน 2024 SIEPR Economic Summit เมื่อ 7 มีนาคมที่ผ่านมา Huang ยังบอกบรรดานักศึกษาสแตนฟอร์ดว่า เขาหวังให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ต่อสู้เพื่อสร้างบุคลิกภาพของตัวเอง&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แด่นักศึกษาสแตนฟอร์ดทุกคน ผมขอให้พวกคุณจงดื่มด่ำกับบาดแผลและความเจ็บปวด” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/03/15/nvidia-ceo-huang-at-stanford-pain-and-suffering-breeds-success.html" alt="Success requires ‘ample doses of pain,’ billionaire Nvidia CEO tells Stanford students: ‘I hope suffering happens to you’">Success requires ‘ample doses of pain,’ billionaire Nvidia CEO tells Stanford students: ‘I hope suffering happens to you’</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/richard-branson-idea-first-figures-follow" alt="“โฟกัสไอเดีย ไม่ใช่ต้นทุน” คำแนะนำทำธุรกิจจาก Richard Branson เจ้าของบริษัทกว่า 400 แห่งทั่วโลก">“โฟกัสไอเดีย ไม่ใช่ต้นทุน” คำแนะนำทำธุรกิจจาก Richard Branson เจ้าของบริษัทกว่า 400 แห่งทั่วโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events