<h2>SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของมหาเศรษฐีพันล้าน Chey Tae-won แห่ง SK Group ประกาศความร่วมมือกับ Joby Aviation สตาร์ทอัพแท็กซี่อากาศไฟฟ้าจากสหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนาแท็กซี่อากาศไฟฟ้าในเกาหลีใต้</h2>
<figure><img class="wp-image-58523" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Joby-SK-Partnership_1400x1000-1024x731.jpg" alt="SK Telecom จับมือ Joby Aviation" width="720" height="514" /><figcaption> Ryu Young-sang ซีอีโอ SK Telecom และ JoeBen Bevirt ซีอีโอของ Joby Aviation</figcaption></figure>

ล่าสุด ทั้ง 2 บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือที่โรงงานผลิตของ Joby ในเมือง Marina รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าสำหรับขึ้นและลงจอดในแนวตั้ง หรือ eVTOL

แม้ว่าในปัจจุบัน แผนการเปิดตัวแท็กซี่ทางอากาศจะยังคงไม่ชัดเจน ทว่าความร่วมมือนี้นับเป็นย่าก้าวสำคัญของ SK Group ในการเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมการเดินทางทางอากาศ (Urban Air Mobility: UAM) หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการดำเนินธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และโทรคมนาคมในช่วงที่ผ่านมา 

<a href="https://ir.jobyaviation.com/news-events/press-releases/detail/26/skt-and-joby-join-forces-to-bring-air-taxi-service-to-south">Ryu Young-sang</a> ซีอีโอ SK Telecom มองว่า “การร่วมมือกับ Joby ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านนี้ คาดว่าจะมีส่วนในการเร่งการเดินทางของเราไปสู่ยุคแห่ง UAM ในฐานะผู้นำในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่น่าตื่นเต้น”

“การร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของการขับขี่อัตโนมัติในอนาคต” Ryu กล่าวเสริม

ด้าน Joby เผยว่า บริษัทได้ทดสอบการบินของเครื่องบินต้นแบบ 5 ที่นั่งจากระยะไกลมากกว่า 1,000 เที่ยวบิน และเมื่อเดือนที่แล้วก็ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองเที่ยวบิน 150 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่มากที่สุดที่บริษัทตั้งเป้าไว้ในขณะนี้

สำหรับการเรียกแท็กซี่ทางอากาศ ผู้ใช้จะต้องจองยานพาหนะผ่านแอปพลิเคชันก่อนที่จะขึ้นรถที่จุดรับที่กำหนด ซึ่งแม้ว่ารายละเอียดอื่นๆ จะยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ทาง SK Telecom เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า บริษัทต้องการที่จะพัฒนาระบบการจองรถ UAM ควบคู่ไปกับการเชื่อมต่อกับการขนส่งประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ บริการแท็กซี่ทางอากาศ Joby-SK นับว่าสอดคล้องกับแผนการของรัฐบาลเกาหลีใต้ในทศวรรษที่จะถึงนี้ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมากระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมของเกาหลีใต้ได้เผยแพร่แผนงานสำหรับการพัฒนา UAM ซึ่งตั้งเป้าหมายสำหรับการเดินทางทางอากาศเชิงพาณิชย์ในเมืองที่จะเริ่มในปี 2025

โดยการเดินทางทางอากาศดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวก อันมีสาเหตุมาจากการจราจรติดขัด ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบเจอในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่นของเกาหลีใต้ เช่น กรุงโซล เพื่อลดระยะเวลาการขับรถ 1 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 20 นาทีด้วยการโดยสารทางเครื่องบิน

<figure><img class="wp-image-58530" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/6bb8c3fb-0a86-4f00-821f-0a847669d252_Final-timeline-copy-1024x458-1024x458.jpg" alt="SK Telecom จับมือ Joby Aviation" width="720" height="322" /><figcaption> Joby Aviation สตาร์ทอัพแท็กซี่อากาศไฟฟ้าจากสหรัฐฯ</figcaption></figure>

ด้าน SK Telecom เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แท็กซี่ทางอากาศจะใช้ประโยชน์จาก T Map ของ SK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเคลื่อนย้ายและการนำทางที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และบริการเรียกรถ UT ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง SK Telecom และ Uber ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา SK ได้ก้าวเข้าสู่ตลาด UAM อาทิ การเป็นพันธมิตรกับ Hanwha Systems ในปี 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Hanwha Group ของเกาหลี รวมไปถึงสนามบินและสถาบันการขนส่งของเกาหลี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องบินที่จำเป็นสำหรับบริการ UAM

ขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่เริ่มเดินหน้าเข้าสู่อุตสากรรม UAM ได้แก่ Supernal ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดย Hyundai Motor, Hyundai Mobis และ Kia ซึ่งเพิ่งประกาศแผนการที่จะพัฒนาแท็กซี่ทางอากาศภายในปี 2028 เช่นกัน 

นอกเหนือจากเกาหลีใต้แล้ว Morgan Stanley รายงานว่า ตลาด UAM กำลังค่อยๆ เติบโตในทุกภาคส่วนของโลก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2040 และ 9 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2050

ล่าสุด Joby ซึ่งใช้เวลากว่าทศวรรษสามารถพิสูจน์ความปลอดภัยของเครื่องบินต่อองค์การบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration) เป็นที่เรียบร้อย และท่ามกลางการสนับสนุนจาก SK Telecom บริการแท็กซี่ทางอากาศของสตาร์ทอัพ จะยังคงดำเนินการโดยบริษัทโดยตรง และให้บริการแก่ผู้โดยสารผ่านแอป Joby หรือแอป Uber ในสหรัฐฯ

“ถ้าเราสามารถบินได้ เราก็สามารถเปลี่ยนถนนของเราให้เป็นสวนสาธารณะ และทำให้เมืองของเราน่าอยู่ขึ้น” JoeBen Bevirt ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Joby กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Forbes ในเดือนพฤศจิกายน 2020 โดยเขาหวังว่าจะทำให้การเดินทางทางอากาศ “เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Heads Up: SK Telecom Joins Forces With Joby Aviation To Launch Flying Taxis In South Korea เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/วิเคราะห์ความสำเร็จ-eileen-gu-นั.html">วิเคราะห์ความสำเร็จ Eileen Gu นักกีฬาทีมชาติจีนลูกครึ่งอเมริกัน ผ่านมุมมองนักการตลาด</a>

SK Telecom จับมือ Joby Aviation พัฒนาแท็กซี่อากาศไฟฟ้าในเกาหลีใต้

<h2>สตาร์ทอัพแท็กซี่อากาศไฟฟ้าซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีในการเตรียมพร้อมเพื่อให้บริการผู้โดยสารรายแรก และในที่สุดก็ได้ผลักดันให้ JoeBen Bevirt ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Joby Aviation ก้าวเข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีคนแรกของอุตสาหกรรม</h2>
<img class="alignnone wp-image-50118" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/Joby-aircraft-1024x683.jpg" alt="JoeBen Bevirt" width="720" height="480" />

หุ้นของบริษัทจากเมือง Santa Cruz รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 5.8 ที่ 10.90 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ 24 สิงหาคม ทำให้บริษัทมีมูลค่า ณ ราคาตลาด 6.8 พันล้านเหรียญ ขณะที่ JoeBen Bevirt วัย 47 ปี ผู้ซึ่งถือหุ้นในบริษัทอยู่ที่ 98.7 ล้านหุ้น มีทรัพย์สินมูลค่า 1.08 พันล้านเหรียญ

นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Bevirt ซึ่งเริ่มก่อตั้งธุรกิจตั้งแต่ปี 2009 เพื่อพัฒนาเครื่องบินที่สามารถบินขึ้นและลงจอดในแนวตั้งได้เสมือนเฮลิคอปเตอร์ในชุมชนเมืองที่คับแคบ และเปลี่ยนไปบินอย่างมีประสิทธิภาพด้วยปีกเหมือนเครื่องบิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะบนถนนแคบๆ และลดความจำเป็นของเครือข่ายถนนไปในที่สุด 

ทั้งนี้ การพัฒนาเครื่องบินลำนี้เกิดขึ้นอย่างลับๆ ที่ฟาร์มปศุสัตว์ของ Bevirt กลางป่าเรดวู้ดในเทือกเขา Santa Cruz ในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ใกล้กับชุมชนที่เขาเติบโตขึ้นมาที่เรียกว่า Last Chance ซึ่งสมาชิกในชุมชนต่างปลูกอาหารของตนเองบนที่ดินที่ Ron Bevirt และ Paula Fry ผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาซื้อในปี 1970 ร่วมกับนักเขียน Gurney Norman ที่โด่งดังจากการเดินทางด้วย Magic Bus ในปี 1960 

โดยชื่อของ Bevirt นั้น ได้รับการตั้งตามตัวละคร JoeBen ในนวนิยายของ Ken Kesey ผู้ซึ่งปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกบุญธรรม

เมื่อปีที่แล้ว Bevirt กล่าวกับ Forbes ว่า เขามีความตั้งใจที่จะสร้างเครื่องบินเตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ขณะที่เดินไปตามถนนสูงชัน 4.5 ไมล์หลังเลิกเรียนจากจุดที่รถบัสส่งเขาบนทางหลวง Pacific Coast “มันเป็นเนินเขาที่ยาวมาก” Bevirt หัวเราะ “มันทำให้ผมนึกถึงหนทางที่ดีกว่านี้”

Bevirt ซึ่งจบการศึกษาด้านวิศวกรรมจาก University of California จึงได้เริ่มทำตามความฝันของเขาด้วยเงิน 1.1 พันล้านเหรียญที่ Joby Aviation ระดมทุนได้จากการควบรวมกิจการกับ Reinvent Technology Partners ด้วยวิธีการ SPAC ก่อนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์

ในที่นี้ Joby เผยว่า บริษัทได้ทดสอบการบินของเครื่องบินต้นแบบ 5 ที่นั่งจากระยะไกลมากกว่า 1,000 เที่ยวบิน และเมื่อเดือนที่แล้วก็ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองเที่ยวบิน 150 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่มากที่สุดที่บริษัทตั้งเป้าไว้ในขณะนี้

ล่าสุด <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/jeremybogaisky/2021/08/11/joby-stock-spac-nyse/?sh=146738e57a41">Joby</a> กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ความปลอดภัยของเครื่องบินต่อองค์การบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration) ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้รับการรับรองในปี 2023 เพื่อเดินหน้าพัฒนาโรงงานผลิตเครื่องบินหลายพันลำต่อปี และสร้างเครือข่ายลานจอดในเมืองต่างๆ 

ปัจจุบัน Joby กำลังได้รับความช่วยเหลือที่สำคัญในการผลิตจาก Toyota Motor ซึ่งให้การสนับสนุนด้านเงินทุนประมาณ 400 ล้านเหรียญ ร่วมกับนักลงทุนรายอื่นๆ อาทิ Paul Sciarra ผู้ร่วมก่อตั้ง Pinterest ซึ่งลงทุนใน Joby ในรอบ Seed Round เมื่อปี 2013 และดำรงตำแหน่งประธานบริหารของบริษัท (มหาเศรษฐี Pinterest ถือหุ้นใน Joby มูลค่า 653.6 ล้านเหรียญในวันอังคาร) และ Capricorn Investment Group ของมหาเศรษฐีพันล้าน Jeff Skoll

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Electric Aviation Launches Its First Billionaire: Joby Founder JoeBen Bevirt เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/joby-aviation-สร้างรถยนต์เหินฟ้าจน.html">Joby Aviation สร้างรถยนต์เหินฟ้าจนได้</a>

JoeBen Bevirt ผู้ก่อตั้ง Joby Aviation ขึ้นแท่น "มหาเศรษฐีแท็กซี่อากาศไฟฟ้า"

Joby Aviation สร้างรถยนต์เหินฟ้าจนได้

<h2>ผู้บริหารของ Pinterest ที่สาธารณชนรู้จัก ได้แก่ Ben Silbermann และ Evan Sharp แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าในยุคก่อตั้งนั้นยังมีผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่ร่วมฝ่าฟันด้วยกันมานั่นคือ Paul Sciarra เขายังคงถือหุ้น 8% ในบริษัท และเมื่อ Pinterest เข้าเทรดในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ Sciarra จึงทำเงินได้มากกว่า 806 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่เปิดขาย ขณะที่ตัว Sciarra เองหันไปบริหารสตาร์ทอัพแห่งใหม่ซึ่งทำธุรกิจแท็กซี่อากาศยานพลังงานไฟฟ้า</h2>
Pinterest แพลตฟอร์มที่เป็นเหมือนกระดานปักหมุดไอเดียสร้างสรรค์ ก่อตั้งในปี 2010 และในที่สุดก็ได้เปิดระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ New York เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2019 บริษัทเปิดไอพีโอในราคาต่ำกว่าคาดที่ 19 เหรียญต่อหุ้น และเข้าตลาดในขณะที่บริษัทยังไม่ทำกำไร

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ใช้งาน 250 ล้านคนต่อเดือน รวมถึงรายได้จากโฆษณามูลค่า 755 ล้านเหรียญเมื่อปี 2018 ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 60% จากปีก่อนหน้า น่าจะเป็นแรงดึงดูดต่อนักลงทุน ทำให้ราคาหุ้น PINS หลังปิดตลาดวันแรกเพิ่มขึ้น 28% เป็น 24.40 เหรียญต่อหุ้น

สำหรับผู้ก่อตั้ง Pinterest ทั้งสามคนยังคงถือหุ้นในบริษัท Ben Silbermann ซีอีโอคนปัจจุบัน ถือหุ้น 11.6% (รวมที่ถือโดยครอบครัวของเขาด้วย) คิดเป็นมูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ Evan Sharp ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ถือหุ้น 2.6% คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านเหรียญ และผู้ร่วมก่อตั้งอีกรายคือ Paul Sciarra แม้ไม่ได้นั่งตำแหน่งใดๆ แล้วแต่เขายังคงมีหุ้นอยู่ถึง 8% สร้างความมั่งคั่งให้เขา 806 ล้านเหรียญ (*ทั้งหมดคำนวณจากมูลค่าหุ้น PINS ณ ราคาเปิดขาย 19 เหรียญต่อหุ้น)

&nbsp;
<h2>ความสำเร็จจากแอพฯ ที่ล้มเหลว</h2>
Sciarra เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับ Silbermann ที่ Yale University เมื่อ Silbermann เลือกจะทำตามความฝันที่จะสร้างผลิตภัณฑ์บางอย่างขึ้นมาเองและตัดสินใจลาออกจากงานที่ Google เขาชักชวน Sciarra ให้มาร่วมเส้นทางสตาร์ทอัพด้วยกัน แรกเริ่มพวกเขาก่อตั้งบริษัท Cold Brew Labs เมื่อปี 2008 เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่น Tote ซึ่งเป็นแอพฯ ช้อปปิ้งสินค้าบนแพลตฟอร์ม iOS

แต่แทนที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าผ่าน Tote พวกเขากลับใช้แอพฯ นี้ในการเก็บบันทึกไอเดียผลิตภัณฑ์ที่ตนสนใจ เหมือนกับการพับมุมหน้าแคตตาล็อกสินค้าเอาไว้ แอพฯ แรกที่กลุ่ม Cold Brew Labs พัฒนาไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็นำไปสู่การสร้าง Pinterest และการชักชวนผู้ร่วมก่อตั้งคนที่สามคือ Sharp เข้ามาร่วมงาน

<figure><img class="size-full wp-image-6825" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/1014_ben-bilbermann-evan-sharp_1200x675-e1555666753212.jpg" alt="" width="800" height="450" /><figcaption> Ben Silbermann และ Evan Sharp ผู้ร่วมก่อตั้ง Pinterest (PHOTO CREDIT: Jamel Toppin / Forbes.com)</figcaption></figure>

พวกเขาเล็งเห็นกระแสโซเชียลมีเดียที่ถือกำเนิดในยุคนั้นอย่าง Facebook หรือ Twitter ว่าเป็นกลุ่มชุมชนที่สนทนาผ่านข้อความเป็นหลักและเน้นเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน ดังนั้น Pinterest จึงแตกต่างด้วยการเน้นการสื่อสารผ่านรูปภาพ และเป็นการสร้างชุมชนของคนที่สนใจในสิ่งเดียวกันหรือมีกิจกรรมแบบเดียวกันแม้จะไม่ได้รู้จักกันในชีวิตจริง

ยุคก่อตั้งของ Pinterest ค่อนข้างลำบาก เทียบกับสตาร์ทอัพในยุคนั้นที่เติบโตแบบก้าวกระโดดและสร้างเครือข่ายมากมาย แอพฯ ของทั้งสามคนเติบโตอย่างช้าๆ บุคลากรที่ร่วมงานต้องนำคอมพิวเตอร์มาเองและไม่ได้รับสวัสดิการอะไรมาก แม้แต่การระดมทุนก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น

“เราถูกปฏิเสธจากเวนเจอร์แคปิตอลเกือบทุกแห่งในรอบระดมทุนรอบแรกๆ” Sciarra เปิดเผย แต่พวกเขาก็เติบโตมาได้จนถึงก่อนเปิดไอพีโอ Pinterest มีการระดมทุนสะสม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

&nbsp;
<h2>จากสตาร์ทอัพมาเป็นนักลงทุน</h2>
Sciarra ไม่ได้อยู่กับบริษัทจนถึงยุครุ่งโรจน์ เขาเป็นประธานกรรมการและซีอีโอบริษัทตั้งแต่แรกก่อตั้งในปี 2010 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ Silbermann ในเดือนเมษายน 2012 “Ben คือผู้พัฒนาให้บริษัทไปสู่เฟสต่อไปได้ และเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม” Sciarra กล่าวในปี 2014 หลังจากที่เขาลาออกจากบริษัทแล้ว

หลังจากลาออก Sciarra หันเหไปเป็นผู้ประกอบการเวนเจอร์แคปิตอล Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้ามาลงทุนกับ Pinterest ด้วยเม็ดเงิน 27 ล้านเหรียญเมื่อปี 2011 จากการร่วมงานกับ Andreessen Horowitz นี่เองที่ทำให้ Sciarra ได้พบกับสตาร์ทอัพ Joby Aviation บริษัทผู้ผลิตแท็กซี่อากาศยานพลังงานไฟฟ้าซึ่งมุ่งเป้าตอบโจทย์การแก้ปัญหาการจราจรติดขัด

Sciarra และ Ron Conway อีกหนึ่งนักลงทุนในรอบระดมทุนแรกๆ ของ Pinterest เข้ามาเป็น angel investor ใน Joby Aviation ตัว Sciarra เองลงทุนตั้งแต่รอบ seed stage เมื่อปี 2016 จนถึงปัจจุบัน Joby ระดมทุนมาถึงรอบ Series B แล้ว และระดมทุนได้รวม 130 ล้านเหรียญ จากสารพัดกองทุน เช่น Capricorn Investment Group, 8VC, JetBlue Technology Ventures, Toyota AI Ventures, Intel Capital

<figure><img class="wp-image-6826 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/X-57-e1555667324976.jpg" alt="" width="800" height="540" /><figcaption> เครื่องบิน X-57 Maxwell ที่ Joby ร่วมพัฒนากับ NASA (PHOTO CREDIT: NASA)</figcaption></figure>

อดีตซีอีโอผู้ผันตัวเป็นนักลงทุนอย่าง Sciarra กำลังมุ่งมั่นกับ Joby เป็นอย่างมากในฐานะประธานกรรมการของบริษัท เขากล่าวถึง Joby ในบล็อกส่วนตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ว่า ภารกิจของบริษัทคือการประหยัดเวลา 1 ชั่วโมงต่อวันให้กับผู้คน จากการหลีกเลี่ยงรถติดด้วย “การคลิกเพียงครั้งเดียว” โดยพาหนะของบริษัทจะทำให้ผู้คนเดินทางได้เร็วขึ้น 5 เท่าเทียบกับการขับรถและไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่บรรยากาศ

แม้เขาจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ Sciarra เป็น “ตัวจริง” คนหนึ่งในวงการสตาร์ทอัพแห่งสหรัฐฯ เขาให้คำแนะนำกับเหล่าผู้ก่อตั้งและผู้ประกอบการที่กำลังไล่ล่าฝันว่าอะไรที่จะเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จ

“ในขั้นแรกๆ ของการก่อตั้งบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่าอะไรที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นอย่ารับฟังคำว่า ‘ไม่’ อย่างจริงจังเกินไป แม้แต่คำว่า ‘ไม่’ จากคนที่ฉลาดมากๆ หรือมีชื่อเสียงก็ตาม”

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li>บทสัมภาษณ์ทางอีเมลจาก<a href="https://www.forbes.com/sites/kathleenchaykowski/2019/04/17/meet-pinterests-little-known-third-cofounder-who-has-a-675-million-stake/?utm_source=newsletter&amp;utm_medium=email&amp;utm_campaign=daily-dozen#fb9e5ee8da2f"> Forbes.com</a></li>
 	<li><a href="https://www.washingtonpost.com/business/2019/04/18/pinterest-going-public-share-latest-wave-unicorn-ipos/?noredirect=on&amp;utm_term=.6e5cc9175a2f">Pinterest and Zoom surge in early trading after IPO</a></li>
 	<li><a href="http://startitup.in.th/introducing-pinterest-startup-from-a-guy-who-just-would-not-quit-on-his-dream/">ชายผู้ไม่ยอมแพ้ Bill Silbermann ผู้ให้กำเนิด Pinterest</a></li>
</ul>
&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events