<h2>LINE FRIENDS บริษัทดิจิทัลด้านความบันเทิงและทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ NewJeans ประกาศความร่วมมือดำเนินธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์ (Intellectual Property: IP) อย่างเป็นทางการของ NewJeans เพื่อเอาใจแฟนคลับทั่วโลก</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร่วมมือครั้งพิเศษระหว่าง LINE FRIENDS และ NewJeans ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โดย LINE FRIENDS ประสบความสำเร็จในการสร้างสูตรสำเร็จทางธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญาด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจประเภทนี้ โดยมีคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์ที่โด่งดังอย่าง BT21 และ TRUZ ในขณะที่ NewJeans เป็นวงที่ได้รับการชื่นชมจากความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของวงการ K-Pop ด้วยความสดใหม่และความเป็นเอกลักษณ์ในการปล่อยคาแรคเตอร์ใหม่ๆ แต่ละตัวออกมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 NewJeans เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีสมาชิก 5 คนจากค่าย ADOR เปิดตัวในฐานะวงน้องใหม่ระดับแนวหน้าที่มีสไตล์แหวกแนว เร้าใจ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติ ล่าสุด NewJeans กลับมาพร้อม 2nd EP "Get Up" มิวสิกวีดีโอของ NewJeans เป็นการทำงานร่วมกับแอนิเมชันยอดนิยมของ CARTOON NETWORK อย่าง THE POWERPUFF GIRS แบรนด์ Apple และอีกมากมาย อีกทั้ง มิวสิกวิดีโอของวงยังโด่งดังไปทั่วโลก เพลงพรีรีลีสของวง "Super Shy" ขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 48 ของ Billboard HOT 100 ด้วยยอดขาย 1 ล้านก็อปปี้ในวันแรกที่เปิดตัว ทำให้วง NewJeans โด่งดังอย่างต่อเนื่องและเป็นวงที่มีอัลบั้มในระดับ Best-selling ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/fkvRvpzWm8D7vNQ9AyJe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="fkvRvpzWm8D7vNQ9AyJe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,662" style="" data-index="0"></figure></div>bunini ในมิวสิกวิดีโอเพลง ASAP &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา LINE FRIENDS ได้ทำการเปิด Pop-Up Store ที่ร้าน LINE FRIENDS ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อฉลอง 2nd EP ของ NewJeans "Get Up" ความร่วมมือกันระหว่าง LINE FRIENDS และ NewJeans ครั้งนี้ทำให้เกิดคาแรคเตอร์ ชื่อ “bunini” ที่สร้างสรรค์จากสัญลักษณ์ของ NewJeans TOKKI (กระต่าย) และคาแรคเตอร์ชื่อดังของ LINE FRIENDS อย่าง “minini” โดย bunini ได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอ เพลง "ASAP" และกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ความสร้างสรรค์ที่เกิดจากความร่วมมือของ LINE FRIENDS และ NewJeans จะถูกนำไปสร้างสรรค์เป็นสินค้าต่างๆ อีกมากมาย เช่น ตุ๊กตา พวงกุญแจ อัลบั้มภาพ อุปกรณ์ติดด้านหลังมือถือ สติกเกอร์ หมวกเบสบอล และสติกเกอร์สำหรับข้อความมือถือในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สินค้าอื่นๆ เช่น Sticons, เคสมือถือ เคส Airpods ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ NewJeans จะมีกำหนดวางจำหน่ายในอนาคต เพื่อให้แฟนคลับนำไปประดับตกแต่งของใช้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/aP58H6GEJrgGRpFg79zV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="aP58H6GEJrgGRpFg79zV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="969,320" style="" data-index="1"></figure></div>ตัวอย่างสินค้าอื่นๆ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แฟนคลับ NewJeans และ LINE FRIENDS เตรียมตัวให้พร้อม เพราะตั้งแต่ 2 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ LINE FRIENDS ได้จัดเต็มขนสินค้าลิขสิทธิ์แท้จาก NewJeans มาให้เลือกซื้อกันอย่างเต็มอิ่มด้วยประเภทสินค้าหลากหลายเทียบเท่า Pop-Up Store ในประเทศเกาหลีที่ร้าน PLAY LINE FRIENDS&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Pop-Up Store ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน I โดย Pop-Up Store พิเศษนี้จะถูกตกแต่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น NewJeans พร้อมโปรโมชันและสินค้าสมนาคุณพิเศษ อาทิ ตุ๊กตากระดาษ พัดขนาดเล็กจาก THE POWEPUFF GIRLS X NewJeans โฟโต้การ์ดแบบใส จาก bunini&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าลิขสิทธิ์จาก NewJeans ได้ที่ Facebook page: LINE FRIENDS Thailand, Instagram: LINEFRIENDS_TH และ LINE Official Account : @playlinefriends_th &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%99" alt="จับกระแสโรงเรียนนานาชาติ กับแนวโน้มการแข่งขันที่เข้มข้น">จับกระแสโรงเรียนนานาชาติ กับแนวโน้มการแข่งขันที่เข้มข้น</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

LINE FRIENDS จับมือ NewJean เดินหน้าธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์ เอาใจแฟนเพลงทั่วโลก

Forbes Thailand สัมภาษณ์ออนไลน์กับ #BAMBAM "กันต์พิมุกต์ ภูวกุล" ขุมพลังคนรุ่นใหม่ถึงแนวคิด แรงบันดาลใจ และความใฝ่ฝันกับก้าวย่างแห่งความสำเร็จในเส้นทางใหม่ที่เป็นตัวตนมากขึ้น และ 'พี่กันต์' อ้อนพร้อมฝากผลงาน หยอดความคิดถึงถึงประเทศไทยและ "อากาเซ่" ชาวไทย

https://youtu.be/aEDVIqyZdX8

&nbsp;

<hr />

รับชมบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่น่าสนใจ กดติดตามแชลเนลวิดีโอของเราบนยูทูบได้ที่ <a href="https://www.youtube.com/user/ForbesThai">Forbes Thailand Magazine</a>

กันต์พิมุกต์ ภูวกุล BAMBAM x ABYSS เส้นทางศิลปินเดี่ยว และ GOT7forever (Video)

<h2>Airbnb จัดเทศกาลอินไซด์ K-Pop ผ่านเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์ ชวนแฟนคลับชาวไทยเจาะลึกวงการบันเทิงเกาหลี จับมือกับ Warner Music Korea เอาใจแฟนๆ K-Pop ทั่วโลก เปิดตัว “เทศกาล Inside K-Pop” ผ่านกิจกรรมเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์แบบจัดเต็ม 6 วัน</h2>
Airbnb ยกระดับวงการเคป๊อปไปอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Warner Music Korea ต้นสังกัดของศิลปินชื่อดังมากมาย “เทศกาล Inside K-Pop” เปิดพื้นที่วีไอพีให้แฟนเพลงเกาหลีทั่วโลกได้สัมผัสชีวิตหลังเวทีของศิลปินชื่อดังไปจนถึงการฝึกซ้อมของศิลปินหน้าใหม่ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์ของ Airbnb

โดยนอกจากการนำเสนอประสบการณ์ทางดนตรีที่หลากหลายแล้ว เอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์ในเทศกาลนี้ยังพาไปเจาะอาหาร แฟชั่น และวัฒนธรรมเกาหลี รวมถึงเปิดบ้านธีมดนตรี ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับทริปเดินทางต่อไปในอนาคต

Catherine Powell  Global Head of Hosting ของ Airbnb เปิดเผยว่า “ในขณะที่ยังมีการจำกัดการเดินทาง เทศกาลเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์ Inside K-Pop เปรียบเหมือนพาสปอร์ตที่จะพาทุกคนเดินทางไปยังกรุงโซล เพื่อพบกับกิจกรรมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของศิลปินเคป๊อปชื่อดังแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่นัก(อยาก)เดินทางทุกคนจะได้เชื่อมต่อกับชุมชนที่มีชีวิตชีวา บรรดาศิลปินที่มีมากความสามารถเหล่านี้พร้อมที่จะมอบความสุขให้กับคนทั่วโลกในฐานะผู้จัดเอ็กซ์พีเรียนซ์ออนไลน์กับ Airbnb”

<img class="alignnone size-full wp-image-40359" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/เทศกาล-Inside-K-Pop_003.jpg" alt="" width="600" height="400" />

เทศกาล Inside K-Pop สุดพิเศษนี้จะจัดขึ้นทั้งหมด 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-30 มกราคม 2564 โดย Airbnb ขนเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์เอาใจแฟนๆ เคป๊อปมาให้ถึง 14 รายการ จัดเต็มทั้งซ้อมเต้น ฝึกร้องเพลง สอนแต่งหน้า แชร์เทคนิคถ่ายรูปและอีกมากมาย ซึ่งจะจัดเป็นภาษาอังกฤษ เกาหลี จีน และญี่ปุ่น นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์ตรงในการเทรนนิ่งอย่างเข้มงวดของเหล่าศิลปินเคป๊อปแล้ว แฟนๆ ยังจะได้เห็นแง่มุมในชีวิตประจำวันที่ไม่ค่อยได้เห็นของบรรดาไอดอล

K-Pop เป็นหัวใจหลักของกระแสฮันรยูหรือคลื่นวัฒนธรรมเกาหลี ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งออกวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ แนวเพลงเคป๊อปเป็นการอ้างอิงสไตล์ดนตรีจากทั่วโลก ทั้งแนวร็อก แจ๊ส ฮิปฮอป และ R&amp;B จังหวะดนตรีที่ติดหูและพลังของท่าเต้นที่พร้อมเพรียงกันเป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้แฟนเพลงหลงใหล และส่งผลให้ความสำเร็จนี้ขยายวงกว้างออกไปนอกพรมแดนของเกาหลีใต้

ในช่วงเวลาที่การจัดคอนเสิร์ตทั่วทุกมุมโลกต้องยกเลิกและอาจเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เทศกาล Inside K-Pop ของ Airbnb จะพาทุกคนเดินทางไปกรุงโซล ศูนย์กลางของเคป๊อปด้วยกิจกรรมน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เช่น
<ul>
 	<li>มุกบังกับ Monsta X พบกันหนุ่มๆ วง Monsta X ที่จะมาพูดคุยกับคุณขณะที่กินขนมและอาหารจากร้านสะดวกซื้อที่พวกเขาชอบไป เพื่อเติมพลังงานหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากตารางฝึกที่อัดแน่น</li>
 	<li>ทำงานฝีมือกับ The Boyz หากคุณเป็นคนชอบงานประดิษฐ์ประดอย อย่าลืมมาร่วมกับหนุ่มๆ The Boyz ร้อยสร้อยข้อมือลูกปัด ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่หนุ่มๆ ทำคลายเครียด พร้อมชมความสวยงามของ บ้านฮันอก หรือบ้านเกาหลีแบบโบราณที่เปิดให้เข้าพักบน Airbnb</li>
 	<li>แต่งหน้ากับ Jamie เจมี่ ศิลปินสาวสวยเสียงดี จะมาแชร์ everyday look ของเธอพร้อมกับเทคนิคแต่งหน้าที่สาวๆ สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน</li>
</ul>
ด้าน Clayton Jin ประธานกรรมการบริหารของ Warner Music Korea กล่าวเสริมว่า “เราตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Airbnb ในการทำแคมเปญ Inside K-Pop ซึ่งเป็นการยกระดับโลกของดนตรีเคป๊อปให้กับผู้ชมทั่วโลก และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่เรามีกับศิลปินเกาหลีมากความสามารถ พร้อมพาดาวรุ่งดวงใหม่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญสุดพิเศษครั้งนี้ได้”

<img class="alignnone size-full wp-image-40360" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/เทศกาล-Inside-K-Pop_004.jpg" alt="" width="600" height="400" />

เอ็กซ์พีเรียนซ์ของ Airbnb เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2559 โดยเป็นกิจกรรมที่ได้รับการออกแบบให้เป็นที่จดจำและมีความแตกต่างไม่เหมือนใคร เพราะจัดขึ้นโดยคนในชุมชนที่เป็นมากกว่าแค่การนำทัวร์หรือจัดเวิร์คช็อปทั่วๆ ไป แต่ลงลึกไปถึงข้อมูลเชิงลึกและแบ่งปันความหลงใหลจากผู้จัดเอ็กซ์พีเรียนซ์ถึงผู้เข้าร่วม และยังเป็นการเพิ่มประสบการณ์ใหม่จากการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ

นอกจากนั้น Airbnb ยังมีเอ็กซ์พีเรียนซ์ ออนไลน์ ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วและได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้จัดเอ็กซ์พีเรียนซ์มีช่องทางในการสร้างรายได้ พร้อมกับให้คนทั่วไปได้มีช่องทางใหม่ในการเชื่อมต่อกับชุมชนอื่นๆ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกบ้าน ในโลกปัจจุบันที่การเดินทาง การใช้ชีวิต และการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แพลตฟอร์มนี้จะเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อและแบ่งบันระหว่างกันได้เป็นอย่างดี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่<a href="https://th.airbnb.com/s/experiences/online?_set_bev_on_new_domain=1607506726_ZjBiMWZmMGY3Y2Nh"> airbnb.com/online-experiences</a>

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/global-world/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-eric-baker-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1.html">“สัญญาสาหัส” ของ Eric Baker ผู้ร่วมก่อตั้ง StubHub</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
&nbsp;

Airbnb จับมือกับ Warner Music Korea เปิดตัว “เทศกาล Inside K-Pop”

<h2>ทวีตเกี่ยวกับ K-Pop แตะ 6.1 พันล้านข้อความทั่วโลกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และไทยครองแชมป์ทวีตข้อความ K-Pop มากที่สุดในโลก</h2>
ทวิตเตอร์เผยข้อมูล #KpopTwitter World Map รวบรวมข้อมูลทวิตเตอร์และ K-Pop ซึ่งเติบโตด้วยกันมากว่า 10 ปี โดย #KpopTwitter นับเป็นบทสนทนาระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนทวิตเตอร์และแม้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ไม่ได้ส่งผลให้บทสนทนาเหล่านี้ลดน้อยลงได้เลย

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนทวีตเกี่ยวกับ K-Pop กว่า 6.1 พันล้านข้อความทั่วโลก และมีจำนวนหัวข้อ (Topics) กว่า 300 หัวข้อแยกตามชื่อศิลปิน โดยแฟน K-Pop ทั่วโลกสามารถเห็นทวีตที่ดีที่สุด ตลอดจนร่วมวงสนทนาเกี่ยวกับศิลปินสุดโปรดได้อย่างง่ายดาย และเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จ 10 ปีของ #KpopTwitter

ทวิตเตอร์ จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ K-Pop Radar เผยข้อมูลเชิงลึกของ K-Pop ใน 20 ประเทศทั่วโลก เพื่อแสดงพลังของแฟน K-Pop ทั่วโลกที่แสดงออกถึงความรักและเชื่อมโยงกับกับศิลปินคนโปรดของพวกเขาได้อย่างมากมายบนทวิตเตอร์

<img class="alignnone size-full wp-image-34850" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/thumbnail_1_Global-growth-of-KpopTwitter-conversations-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

คิม ยอนจอง หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรวงการ K-Pop ระดับโลก ทวิตเตอร์ กล่าวว่า “เราขอขอบคุณผู้ใช้ทวิตเตอร์เป็นอย่างยิ่งที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของ K-Pop มายาวนานกว่า 10 ปี ทวิตเตอร์นับเป็นช่องทางสำคัญที่ศิลปิน K-Pop สามารถเชื่อมโยงกับแฟนๆ ทั่วโลก ที่ต้องการเป็นคนแรกๆ ในการอัปเดตข่าวสารและพูดคุยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับศิลปินคนโปรด โดยเหล่าบรรดาแฟนคลับ K-Pop รุ่นใหม่จากทั่วทุกมุมโลกยังเข้าร่วมพูดคุยผ่าน #KpopTwitter เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน K-Pop ระดับโลกได้อีกด้วย”

<img class="alignnone size-full wp-image-34851" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/thumbnail_3_KpopTwitter-conversation-growth-curve-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

#KpopTwitter เป็นชุมชนระดับโลกอย่างแท้จริงเนื่องจากมีประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 20 ประเทศที่มีความโดดเด่นในบทสนทนาที่เกี่ยวกับ K-Pop ติดอันดับมากที่สุด ครอบคลุมในทุกทวีปทั่วโลก (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 - วันที่ 30 มิถุนายน 2563) กระแสความนิยมของ K-Pop ภายในประเทศไทย ส่งผลให้ไทยจัดอยู่ใน 10 อันดับประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่พูดถึง K-Pop มากที่สุดในโลก และยังครองแชมป์อันดับ 1 ประเทศที่มีการทวีตข้อความเกี่ยวกับ K-Pop มากที่สุดในโลกอีกด้วย

<img class="alignnone size-full wp-image-34852" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/20-markets-by-unique-voices-on-Twitter-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-34853" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/Top-20-markets.jpg" alt="" width="720" height="480" />

วง BTS เป็นศิลปินที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในทุกตลาดทั่วโลก (ยกเว้นประเทศไทยที่วง GOT7 อยู่ในอันดับ 1) 

ส่วนอีก 10 อันดับของศิลปินที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดนั้นแตกต่างกันไปตามตลาดของแต่ละประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในบรรดากลุ่มแฟนคลับ K-Pop บนทวิตเตอร์ทั่วโลก
(ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 - วันที่ 30 มิถุนายน 2563)

<img class="alignnone size-full wp-image-34854" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/thumbnail_6_Most-mentioned-K-Pop-artists-by-market-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

และนับว่าเป็นครั้งแรกที่ ทวิตเตอร์จับมือกับ K-pop Radar ร่วมกันเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกของ K-Pop ใน 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีการ จัดอันดับศิลปินที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และ เพลงที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด (โดยวัดจากจำนวนทวีต) รวมถึงศิลปินดาวรุ่ง (วัดจากการเติบโตของจำนวนทวีตที่สูงที่สุด)
บนทวิตเตอร์ในประเทศไทย (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 - วันที่ 30 มิถุนายน 2563)

<img class="alignnone size-full wp-image-34855" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/10-most-mentioned-K-Pop-artists-in-Thailand.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-34856" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/10-most-mentioned-K-Pop-songs-in-Thailand-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-34857" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/10-fastest-rising-K-Pop-artists-in-Thailand-THA_h.jpg" alt="" width="720" height="480" />

คิม ยอนจอง กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้คอนเสิร์ต การออกทัวร์ทั่วโลก อีเวนต์ต่างๆ และการพบปะกับแฟนๆ ถูกยกเลิกไป แต่เรากลับพบว่าปริมาณการทวีตข้อความที่เกี่ยวกับ #KpopTwitter ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แฟนๆ K-Pop ยังคงต้องการที่จะเชื่อมโยงถึงกันและแสดงความรู้สึกของพวกเขากับศิลปินผ่านทวิตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเชียร์เพลงใหม่ของศิลปินคนโปรดหรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวต่างๆ เรารู้สึกตื่นเต้นมากว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าของวงการ K-Pop และทวิตเตอร์ทั่วโลกจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง”

&nbsp;

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

<hr />

ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003366;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine </a>
และ <a style="color: #33cccc;" href="https://twitter.com/Forbes_TH">ทวิตเตอร์ Forbes Thailand</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

ไทยครองแชมป์ทวีตข้อความ K-Pop มากที่สุดในโลก พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี #KpopTwitter

<h2>ปี 2020 ควรจะเป็นปีทองของ Big Hit Entertainment ค่ายเพลงจากกรุง Seoul เพราะปีที่แล้วกิจการของค่ายนี้รุ่งสุดๆ ทั้งยอดขายและกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ แถมยังเตรียมเปิดขายหุ้นไอพีโออีกด้วย แต่แล้วโควิด-19 ก็มาพร้อมกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุด</h2>
การที่ Big Hit ผงาดขึ้นมานั้นเกือบทั้งหมดเป็นเพราะความสำเร็จอย่างล้นหลามของวงเคป๊อป BTS ในปี 2019 7 หนุ่มวงนี้มีอัลบั้มที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard 200 ของสหรัฐฯ ถึง 3 อัลบั้ม ซึ่งนับเป็นวงแรกที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในรอบ 25 ปี

และเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว BTS กลายเป็นวงที่มีรายได้ก่อนหักภาษีสูงที่สุดของเอเชียในทำเนียบ Forbes Celebrity 100 (และเป็นอันดับ 3 ของโลก) มีรายงานว่าทัวร์คอนเสิร์ต Love Yourself World Tour นาน 8 เดือนของวงนี้ ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนตุลาคมกวาดรายได้ไปกว่า 196 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

<figure><img class="wp-image-33209 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/08/BTSแทรก.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> วงเคป๊อป BTS</figcaption></figure>

แต่ตอนนี้อนาคตของงานแสดงสด ซึ่งเป็นตัวสร้างรายได้สำคัญดูท่าจะยังไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ขณะที่ Forbes Asia ตีพิมพ์เรื่องนี้โฆษกของค่ายกล่าวว่า Big Hit กำลังจัดตารางคอนเสิร์ตทั้งหมดใหม่ และคืนเงินค่าตั๋วคอนเสิร์ตทั้งหมดในเกาหลีใต้ที่เคยมีกำหนดจะจัดในเดือนเมษายน เมื่อการแสดงสดหายไปในช่วงนี้ กลยุทธ์ดิจิทัลของค่ายจึงยิ่งสำคัญมากเป็นพิเศษ

ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ Big Hit ทำได้ยอดเยี่ยม กลยุทธ์สื่อโซเชียลของค่ายนี้เปลี่ยนวิธีทำการตลาดวงเคป๊อป อาจกล่าวได้ว่านี่คือ สิ่งที่เปลี่ยนให้ BTS กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ Yoon Seok-joon (ฉายา Lenzo) ซีอีโอร่วม วัย 42 ปีของ Big Hit อย่างมาก

<figure><img class="wp-image-33200 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/08/รูปแทรกประธาน.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Lenzo Yoon (Yoon Seok-Joon) - CEO, Global &amp; Business Big Hit Entertainment</figcaption></figure>

Yoon เริ่มใช้กลยุทธ์สื่อโซเชียลสำหรับวง BTS มานานแล้วตั้งแต่ก่อนจะเริ่มเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี 2013 บริษัทดึงดูดแฟนๆ ด้วยการเปิดให้ติดตามชีวิตของทั้ง 7 หนุ่มผ่านเว็บไซต์อย่าง Twitter และ YouTube วิดีโอแบบไม่มีสคริปต์ กลับสร้างยอดวิวได้หลายร้อยล้านวิวอย่างต่อเนื่อง

คลิปหนึ่งของ BTS ที่ออกมาในช่วงแรกเมื่อปี 2013 เป็นภาพหัวหน้าวง ซึ่งใช้ชื่อการแสดงว่า RM อยู่ในสตูดิโอตอนเที่ยงคืนเขาพูดกับกล้องว่า “เอาจริงๆ นะ ผมทั้งหนาว หิว แล้วก็ง่วงด้วย อยากกลับบ้านแล้ว” วิดีโอแบบนี้แหละที่ช่วยให้ BTS เข้าถึงใจแฟนๆ

“แฟนเคป๊อปน่ะซับซ้อน พวกเขาไม่ได้แค่ชอบเพลงหรือเนื้อเพลง แต่มันเหมือนพวกเขาคบเป็นแฟนกับศิลปินจริงๆ” Yoon กล่าว “เราเน้นการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากๆ แบบเดียวกับคลิปที่เราอัพโหลดใน YouTube แม้ทุกวันนี้ใครๆ ก็ทำกัน แต่ Big Hit ทำมา 7 ปีแล้ว เราเป็นผู้บุกเบิก”

<figure><img class="wp-image-33208 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/08/รูปแทรก2.jpg" alt="" width="567" height="800" /><figcaption> Bang Si-hyuk ผู้ก่อตั้ง Big Hit Entertainment</figcaption></figure>

Bang Si-hyuk ฉายา Hitman (นักฆ่า) เริ่มก่อตั้ง Big Hit Entertainment เมื่อปี 2005 หลังจากทำงานเป็นนักแต่งเพลงให้ JYP Entertainment หนึ่งในค่ายเพลงชั้นนำ 3 อันดับแรกของเกาหลี แม้จะขลุกขลักในช่วงเริ่มต้นแต่ไม่นาน Big Hit ก็ได้ชื่นชมความสำเร็จของวง 8Eight ซึ่งเป็นวงนักร้อง 3 คน และวง 2AM บอยแบนด์ 4 คน ที่ค่ายนี้เป็นผู้จัดการร่วมกับ JYP ในปี 2010 Bang เซ็นสัญญากับสมาชิกคนแรกของ BTS คือ RM ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นแร็ปเปอร์อายุ 15 ปีในวงการเพลงฮิปฮอปใต้ดินของเกาหลี และ Yoon ซึ่งกลายมาเป็นซีอีโอร่วมกับ Bang ตั้งแต่ปีที่แล้วก็เข้ามาร่วมงานกับ Big Hit ในปี 2010 เช่นกัน

พลังของวงนี้ในสื่อโซเชียลเป็นสิ่งยืนยันความหลักแหลมของ Yoon ตั้งแต่ช่วงแรกแอคเคาท์ Twitter ของ BTS มีผู้ติดตาม 19 ล้านคน ส่วน Instagram มีผู้ติดตาม 24 ล้านคน ช่อง YouTube ของ BTS มีสมาชิก 28 ล้านคน โดยมีมิวสิควิดีโอฮิตที่สุดคือเพลง “DNA” ซึ่งกวาดยอดวิวไปแล้ว 960 ล้านครั้ง ในปี 2017 BTS ได้รางวัล Top Social Artist จาก Billboard ซึ่งตัดสินด้วยคะแนนโหวตจากแฟนๆ และในปีต่อมา BTS ก็เข้าทำเนียบรายชื่อ 30 Under 30 Asia ของ Forbes

Yoon กล่าวว่า ความสำเร็จของ BTS นั้นยั่งยืน “ผมไม่คิดว่าศิลปินจะเสียคุณค่าในตลาดไปแค่เพราะอายุ ดูอย่างวง U2 สิ ถึงจะแก่แต่เลิกเก๋าไหมล่ะ” เขาถาม “เมื่อศิลปิน [BTS] อายุ 30 กว่า ผมเชื่อว่าพวกเขาจะสื่อสารหรือส่งแรงบันดาลใจต่างออกไปตามวัยของพวกเขาที่แปรเปลี่ยน และเมื่อพวกเขาอายุ 50 กว่าก็จะเป็นอีกแบบ”

Big Hit หาแหล่งรายได้ใหม่ด้วยการก่อตั้งฝ่ายงานด้านเทคโนโลยี ซึ่งเปิดตัวแอป Weverse สำหรับฐานแฟนเพลงทั่วโลกเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว “แอป Weverse ช่วยสร้างโอกาสได้มาก” แอปนี้มีผู้ใช้งาน 7 ล้านคน ขายสินค้าแบรนด์ของค่าย และหาเงินจากคอนเสิร์ตกับวิดีโอแบบยาว และศิลปินสามารถสื่อสารกับแฟนๆ

ปัจจุบันยังไม่แน่ชัดว่า BTS และวงอื่นๆ จะกลับมาแสดงสดได้เมื่อไร แต่เรื่องดีเรื่องหนึ่งคือ จีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญของงานแสดงสดกำลังค่อยๆ กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้วอย่างน้อยก็ในตอนนี้ แต่ก็ยังมีเรื่องการขายหุ้นไอพีโอ

ซึ่งมีรายงานว่า Big Hit สามารถหาผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ได้หลายรายแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งรวมถึง JPMorgan และช่วงเวลาหนึ่งค่ายเพลงแห่งนี้เคยมีมูลค่าประเมินสูงถึง 5 ล้านล้านวอน (4.1 พันล้านเหรียญ) ซึ่งอาจทำให้ Bang ผู้ถือหุ้น 45% ใน Big Hit กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน

แต่เมื่อเกิดโรคระบาดและสมาชิกหนึ่งใน 7 ของวง ซึ่งเป็นทรัพย์สินก้อนใหญ่ที่สุดของ Big Hit มีกำหนดจะต้องไปเกณฑ์ทหาร อนาคตการขายหุ้นไอพีโอจึงดูขุ่นมัว

<img class="alignnone size-full wp-image-33214" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/08/หดดำดำำดำ.jpg" alt="" width="720" height="480" />

แต่ Big Hit ก็เคยพลิกแต้มต่อเอาชนะคู่แข่งที่ใหญ่กว่าและอยู่มานานกว่ามากได้ ในช่วงปี 2016-2019 ยอดขายของ Big Hit โตมากกว่า 1,500% เป็น 507 ล้านเหรียญ ขณะที่รายได้สุทธิโดดขึ้น 8 เท่าในช่วงเดียวกัน

Yoon กล่าวว่า ความสำเร็จของ Big Hit มาจากการให้แฟนเพลงเป็นศูนย์กลางของโมเดลธุรกิจ “เพลงที่ดีก็สำคัญ แต่สิ่งที่แฟนๆ สนใจมากจริงๆ ก็คือ การได้สื่อสารกับศิลปินของพวกเขา” เขากล่าว “ผมขอย้ำว่า แฟนๆ ของเราคือทุกสิ่งทุกอย่าง เราคอยถามอยู่เสมอว่า ‘เราจะปรับปรุงค่ายเราได้อย่างไรบ้าง’”

&nbsp;

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/fd5b917d-ad9a-47ba-bd65-3f5c24cf2dec/july-2020">คลิกอ่าน “BIG HIT เจ็บลงลึก!" ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-33121 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3-.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--780x1024.jpg 780w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3-.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-86-JULY-3--780x1024.jpg 780w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

&nbsp;

BIG HIT ค่ายเพลงวงเคป๊อปมาแรง BTS เจ็บลงลึก! ปรับกลยุทธ์รับมือโควิด-19

<h2>โฟร์โนล็อค บริษัทที่อยู่เบื้องหลังนำศิลปินเกาหลีดังๆ อย่าง TVXQ! หรือ ดงบังชินกิ BigBang และ GOT7 เข้ามาจัดในประเทศไทย เอาใจสาวกบอยแบนด์เกาหลี และภายใต้เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คงต้องยกความดีความชอบให้กับ อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ในฐานะผู้ก่อตั้งและปัจจุบันนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทที่กำลังเตรียมการในแผนใหญ่ส่งออกบันเทิงไทยสู่สากล</h2>
“เมื่อเกาหลีทำได้ เราก็ทำได้ ...เสียดายไหมละที่เห็นศิลปินคนไทยไปโด่งดังในตลาดเกาหลี ดูอย่าง Lisa วง Blackpink สิ มีคนติดตามเธอทั่วโลก” อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฟร์โนล็อค จำกัด กล่าวกับ Forbes Thailand

อนุวัติเชื่อว่า ความสามารถของคนไทยก็ไม่ต่างจากเกาหลี หากเกาหลีทำได้ ประเทศเราก็ต้องทำได้ แต่การจะการเดินทางไปสู่ความสำเร็จนั้น ทุกคนต้องทำงานกันอย่างหนัก มีระบบ มีขั้นมีตอน มีทีมงานที่เป็นมืออาชีพในระดับสากลเข้าช่วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องหาคนที่ “ใช่” มาฟูมฟักเป็นศิลปินอาชีพ มีคาแรคเตอร์ชัด มีจุดขาย มีคุณภาพเสียงที่ดี เพียบพร้อมด้วยความสามารถในหลายๆ ด้าน

กระบวนการนี้ ต้องใช้เวลาถึง 10,000 ชั่วโมงกับการสร้างศิลปินคนหนึ่ง และว่าที่ศิลปินคนนั้นต้อง “รอ” อย่างอดทน รอเวลาที่ใช่เข้าสู่ตลาด ซึ่งไม่ต่างจากเกาหลี ว่าที่ศิลปินส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาฟูกฟักถึง 3 ปี ใช้เวลา 6 วันในหนึ่งอาทิตย์ฝึกทุกรูปแบบ ดูอย่าง Lisa วง Blackpink ที่ไปโด่งดังทั่วโลกในทุกวันนี้ ต้องใช้เวลาฝึกอย่างหนักถึง 5 ปีเลยทีเดียว

“ทุกวันนี้ศิลปินเกาหลีเข้ามาเล่นคอนเสิร์ตในไทยปีละ 100 งาน โดยคนที่ซื้อบัตรกว่า 50% เป็นคนไทย ส่วนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติที่บินเข้ามาดูคอนเสิร์ต ซึ่งทำรายได้แต่ละรอบประมาณ 35-50 ล้านบาท หากแต่ละงานจัด 1 รอบ ก็จะมีรายได้จากคอนเสิร์ตดังกล่าวปีละ 3,500-5,000 ล้านบาท” อนุวัติ กล่าว

<figure><img class="wp-image-21228 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/อนุวัติ-วิเชียรณรัตน์-02.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของ บริษัท โฟร์โนล็อค จำกัด</figcaption></figure>

นี่คือโอกาสของ โฟร์โนล็อค และอนุวัติมั่นใจว่า หากมีการปั้นศิลปินขึ้นเองแล้วส่งเข้าไปในตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะสร้างส่วนแบ่งการตลาดในตลาดนี้ เพราะปกติศิลปินเกาหลีมาไทยยังขายได้ ดังนั้น ถ้าเราปั้นศิลปินไทยไปขายเกาหลีหรือประเทศอื่นบ้างก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

โฟร์โนล็อค ในช่วง 4 ปีนี้ (ระหว่างปี 2562 และ 2565) ได้เตรียมเงินลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อทำธุรกิจเพลง พัฒนาศิลปินไทยขึ้นเองครั้งแรกจำนวน 4 วง เน้นขาย “ความสามารถ” เป็นศิลปินมืออาชีพ เพราะตระหนักดีกว่า หากจะไประดับภูมิภาคอย่างสง่างามและได้รับการยอมรับต้องใช้ความสามารถล้วนๆ ที่จะพิชิตหัวใจบรรดาแฟนเพลงในระดับภูมิภาค โดยมีการจัดคอนเสิร์ตทั้งในตลาดไทยและส่งออกต่างประเทศ พร้อมกับรับงานบันเทิงในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะโฆษณาหรือรายการโทรทัศน์ควบคู่กันไป

“จริงๆ เราอยากไปทั่วโลก แต่เริ่มที่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งศิลปินเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว เพราะเรามีแฟนคลับอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ ปี 2562 บริษัทได้เริ่มเปิดตัว 4 ศิลปิน วงทรินิตี้ ประกอบด้วย เจมส์-ธีรดนย์, เติร์ด-ลภัส, ปอร์เช่-ศิวกร และ แจ๊คกี้-จักริน ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มแฟนคลับวัยรุ่นขึ้นก่อน จากนั้นปีถัดไปจะพัฒนาศิลปินใหม่ๆ เพิ่มอีก 3 วง เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับคนไทยทั้งเรื่องการร้องเพลง รวมทั้งอาจใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า งานโฆษณา ต่างๆ ซึ่งช่วงแรกยังเน้นตลาดไทยเป็นหลัก ก่อนจะนำไปขายในต่างประเทศ

ตั้งเป้าหมายช่วยผลักดันให้ปี 2565 มีรายได้รวม 1 พันล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้เติบโต 10-20% หรือประมาณ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจอีเวนท์ 50% และเอเจนซี่นำเข้าศิลปินต่างชาติ 50%

<img class="alignnone wp-image-21223 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/4nologue.jpg" alt="T-Pop ปะทะ K-Pop ส่งออกบันเทิงในแผนของ โฟร์โนล็อค" width="800" height="533" />


บริษัท โฟร์โนล็อค จำกัด เป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร ก่อตั้งเมื่อปี 2550 ในปี 2559 บริษัทมีการลงทุนกว่า 80 ล้านบาททางด้านอุปกรณ์โปรดักชั่นสำหรับการจัดงานคอนเสิร์ตและอีเวนท์ครบวงจร ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมบันเทิงที่น่าจับตามอง

ในปี 2561 ได้ก้าวเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ครบวงจร ประเดิมด้วยโครงการ 9X9 (ไนน์ บาย นาย) ซึ่งเป็นการรวมตัว 9 ไอดอลแห่งยุค นำโดย ต่อ-ธนภพ, เจมส์-ธีรดนย์, กัปตัน-ชลธร, เติร์ด-ลภัส, ปอร์เช่- ศิวกร, ไอซ์-พาริส, แจ๊คกี้-จักริน, ริว-วชิรวิชญ์ โดยมีการลงทุนกว่า 150 ล้านบาทในการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ แบบครบถ้วนในทุกช่องทาง ทั้งรายการเพลง ละคร และคอนเสิร์ต

นับจากนี้ถึงปี 2563 บริษัทมุ่งเป้าจะเป็นบริษัทอันดับหนึ่งด้าน Entertainment ในเอเชีย ผลิตงานครบวงจร รวมไปด้วย เพลง รายการ ซีรี่ส์ คอนเทนต์ โฆษณา พรีเซ็นเตอร์ อีเวนท์ คอนเสิร์ต เฟสติวัล โปรโมเตอร์ และ อาคาเดมี่

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความด้านธุรกิจ ติดตามได้ที่ Facebook: Forbes Thailand Magazine</a>

T-Pop ปะทะ K-Pop ส่งออกบันเทิงในแผนของ โฟร์โนล็อค

<h2 class="p1">ความนิยมเพลง K-Pop ที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลกได้สร้างผู้มั่งคั่งหน้าใหม่ในวงการเพลงเกาหลีใต้หลายราย โดย Bang Jun-hyuk ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัทเกมมือถือสัญชาติเกาหลีอย่าง Netmarble กำลังเป็นตัวอย่างสำคัญของผู้ประกอบการที่เข้ามาโหนโจนทะยานไปกับ hallyu หรือ Korean wave ซึ่งก็คือคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่แพร่ไปทั่วโลก</h2>
โดยในเดือนเมษายน 2018 บริษัทเกมอย่าง Netmarble เข้าซื้อหุ้นเกือบ 26% ของค่ายเพลง Big Hit Entertainment ซึ่งส่งผลให้ Bang ที่ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอยู่ในลำดับที่ 13 ของการจัดอันดับเศรษฐีเกาหลีใต้ปี 2019 โดย Forbes กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 2 ของค่ายที่ดูแลบอยแบนด์ K-Pop สุดฮอตอย่างวง BTS

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/global/10-%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%95%e0%b9%89-2019.html">10 อันดับ “เศรษฐีเกาหลีใต้” 2019 – ติดกับดักสงครามการค้า</a></li>
</ul>
BTS ที่ย่อมาจาก bangtan sonyeondan ซึ่งมีความหมายในภาษาเกาหลีว่า ลูกเสือกันกระสุน (bulletproof Boy Scouts) ถือเป็นวง K-pop ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าจะบัตรคอนเสิร์ตที่ขายหมดทุกครั้ง, ยอดดาวน์โหลดเพลงหลายพันล้านครั้ง และยอดการสตรีมวิดีโอบนแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า BTS เป็นวงที่ชนะใจแฟนๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ BTS เป็นวงที่สร้างและบริหารงานโดยลูกพี่ลูกน้องของ Bang อย่าง Bang Si-hyuk ซึ่งก่อตั้งค่ายเพลงนี้ในปี 2005
จากการประสบความสำเร็จของ BTS หลังเปิดตัวอัลบั้มแรกในปี 2014 ส่งผลให้ค่าย Big Hit ที่ถึงแม้จะเป็นค่ายเล็กๆ และมูลค่ายังไม่มาก แต่กลับมีรัศมีการเติบโตบดบัง 3 ค่ายใหญ่อย่าง SM Entertainment, YG Entertainment และ JYP Entertainment ไปโดยปริยาย


<figure><img class="size-full wp-image-11679" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/bts.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> วง BTS (ภาพจาก BTS Official Facebook)</figcaption></figure>
โดยกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้นสองเท่าในปี 2018 มาอยู่ที่ 5 หมื่นล้านวอน (44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ขณะที่รายได้ก็ไต่ขึ้นสู่ 2.14 แสนล้านวอน หรือเพิ่มขึ้นถึง 132% ผลจากความนิยมของวงที่เพิ่มขึ้นมหาศาล นอกจากนี้ ลูกพี่ลูกน้องของ Bang ยังสร้างความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 บริษัทในการพัฒนาเกมมือถือที่แสดงให้เห็นถึงดนตรีและภาพลักษณ์ของวง BTS ด้วย โดย Netmarble ได้เปิดให้ดาวน์โหลดเกมนี้ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมาในชื่อเกมว่า BTS World ซึ่งให้ผู้เล่นรับบทบาทเป็นผู้จัดการวง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือปั้นเหล่าสมาชิกวงให้เป็นซูเปอร์สตาร์ดัง
นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า Netmarble สามารถสร้างรายได้จากเกมนี้ผ่านความนิยมชมชอบวง BTS ที่มีอยู่ทั่วโลก โดย Douglas Kim นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์การวิจัย Smartkarma กล่าวกว่า เกม BTS World จะช่วยดึงผู้คนกลุ่มใหม่ๆ ไปยังฐานผู้ใช้ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ “ผู้เล่นเกมของ Netmarble ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นผู้ชาย ขณะที่ฐานแฟนของวง BTS นั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง”
นอกจากเพลงป๊อปและเกมต่างๆ แล้ว Bang Jun-hyuk ในวัย 51 ปี ยังพยายามอย่างยิ่งในการเป็นเจ้าของบริษัทเกมใหม่ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ร่วมกับกลุ่มนักลงทุนเพื่อสู้ศึกการประมูลบริษัทเกมคู่แข่งในเกาหลีใต้อย่าง Nexon ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Kim Jung-ju เศรษฐีเกาหลีลำดับที่ 3 ของการจัดอันดับโดย Forbes แต่สุดท้าย Kim  ก็ระงับการขายหุ้นในครั้งนั้น

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%96%e0%b8%b7%e0%b8%ad-netmarble.html">Netmarble เซียนธุรกิจ “เกมมือถือ”</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/pamelaambler/2019/07/09/south-koreas-richest-2019-billionaire-backs-bts-k-pop-bands-big-hit-entertainment/#62a509467166">South Korea's Richest 2019: Billionaire Backs BTS K-Pop Band's Big Hit Entertainment</a></li>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/elaineramirez/2019/07/09/south-koreas-richest-2019-nexon-founder-net-worth/#43ecb6127e36">South Korea's Richest 2019: Nexon Founder Sees Net Worth Slide By 11% Amid Company Bidding War</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เศรษฐีเกาหลีบริษัทเกม Netmarble ผู้อยู่เบื้องหลังค่ายเพลงของวง K-Pop "BTS"

Twitter ไทย โตเร็วที่สุดในอาเซียน! รุกหนักจีบพันธมิตรสื่อเปิดช่องลงโฆษณา

คลื่นวัฒนธรรมเกาหลีใต้ในคอนเซ็ปต์ “Creative Korea”

<h2>Bigbang ทำรายได้ 44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ พวกเขาเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับดนตรีแนว K-Pop ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและแนวทางการทำเงินจากดนตรีในทั่วทุกมุมโลก Joojong Joe ผู้บริหารค่ายเพลง เดินแทรกตัวผ่านกลุ่มแฟนเพลงที่อัดแน่นเต็ม 19,000 ที่นั่งของ Honda Center ใน Anaheim รัฐ California ซึ่งมีการแสดงของวงบอยแบรนด์เกาหลี Bigbang เขาเห็นหญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งกำลังร้องไห้แต่เธอเองก็บอกไม่ได้ว่าร้องทำไม Joojong Joe รอจนมั่นใจว่าเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรแน่ๆ เขาจึงเดินต่อไป</h2>
“ก็เหมือนกับวง Backstreet Boys เมื่อก่อนนั่นแหละครับ” Joe กล่าวเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ “คนดูก็ร้องไห้กันตั้งมากมาย” แม้กระทั่งชาวรัสเซียยังคลั่งไคล้วง 5 หนุ่มเกาหลีหน้าหวานกับเขาด้วย

ในเวลานี้ K-Pop ป็อปสไตล์เกาหลีที่มีความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ไม่เหมือนใครกลายเป็นดนตรีป็อปที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกไปแล้ว ในปีที่ผ่านมา Bigbang ซึ่งเป็นวงดนตรีหัวแถวของแนวนี้ ทำรายได้ก่อนหักภาษีอยู่ที่ 44 ล้านเหรียญ ทิ้งห่าง Maroon 5 เจ้าของตำแหน่งวงป็อปเพลงติดหูชายล้วนที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันโกยรายได้ 33.5 ล้านเหรียญแบบไม่เห็นฝุ่น

Bigbang ติดโผท็อป 100 FORBES Celebrity แม้ว่ารายได้ของพวกเขาจะมาจากการแสดงดนตรีจนโด่งดังมากกว่าทักษะการบริหารธุรกิจของสมาชิกวงก็ตาม

“เราทำเงินมากกว่า Maroon 5 เหรอครับ” G-Dragon หรือ Kwon Jiyong หัวหน้าวงวัย 27 ปีให้สัมภาษณ์ผ่านล่าม “ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยแม่ผมเป็นคนดูแลเรื่องรายได้ให้น่ะครับ”

นับว่าโชคดีที่ผู้ดูแลบัญชีให้กับ Bigbang ไม่ได้มีแค่เหล่าแม่ๆ เท่านั้น แต่เบื้องหลังความสำเร็จของวงตัวจริงคือ อดีตไอดอล K-Pop “YG” Yang Hyun Suk กับบริษัทของเขาที่มีชื่อว่า YG เหมือนกัน ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนมูลค่า 630 ล้านเหรียญแห่งนี้เป็นทั้งค่ายเพลง แมวมอง และผู้จัดงานคอนเสิร์ต ดูแลงานในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นไปจนถึงการตลาดและภาพยนตร์ ทางบริษัทและผู้ก่อตั้งดูแลรับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานไม่ใช่แค่วง Bigbang เท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นผู้สร้างกระแส อีกทั้งสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แนวK-Pop ยุคใหม่ ซึ่งในเวลานี้กำลังแปรสภาพจากวงดนตรีดังที่ยึดตลาดภูมิภาคไว้ได้อย่างเหนียวแน่น สู่กระแสความคลั่งไคล้ในเวทีโลก

ศิลปินภายใต้สังกัด YG มีจำนวนมากมาย อย่างเช่น วงเกิร์ลกรุ๊ป 2NE1 ซึ่งขายตั๋วหมดเกลี้ยงมาแล้วทั่วโลก อีกทั้งยังได้ร่วมงานกับ Nicki Minaj ในภาพยนตร์โฆษณาให้กับ Adidas อีกด้วย ขณะที่มิวสิควิดีโอเพลง Gangnam Style ของศิลปินป็อปแร็พ Psy ครองสถิติผู้เข้าชมทางยูทูบมากที่สุดตลอดกาลถึง 2,600 ล้านวิว นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2012 หากย้อนเวลาไปเมื่อ 10 ปีก่อน กระแสนิยมผ่านสื่อออนไลน์ในลักษณะนี้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในเวลานั้นหากต้องการติดตาม K-Pop นอกทวีปเอเชียก็ต้องอาศัยการดาวน์โหลดผิดกฎหมายหรือร้านค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

“เมื่อก่อนนั้น การเผยแพร่และการเข้าถึงดนตรียังมีข้อจำกัด” Yang กล่าว บริษัทของเขากำลังจะทำรายได้อีก 250 ล้านเหรียญในปีนี้ “ยุคดิจิทัลในเวลานี้ ทำให้ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ไม่มีผลใดๆ”

กระแส K-Pop อาจจะดูเหมือนเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อิทธิพลของสหรัฐบุกชายฝั่งเกาหลีในช่วงยุค 1950 ผ่านสงครามเกาหลี ก่อให้เกิดผลพวงหลังสงครามจากกองทัพทหารที่ประจำอยู่ในพื้นที่ ทำให้ชาวเกาหลีได้รู้จักกับดนตรีป็อปและร็อกแอนด์โรลของฝั่งตะวันตก แต่กว่าอิทธิพลเหล่านั้นจะสามารถผสมผสานกับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ของยุโรปบวกฮิปฮอปแบบอเมริกัน เคล้าดนตรีพื้นบ้านของเอเชีย จนกลายเป็นต้นกำเนิดของดนตรี K-Pop ยุคใหม่ได้นั้น ก็ต้องรอจนถึงยุค 1990

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c45055f679af2f1b3499c4d5003d817b.png" alt="" />

เลยทีเดียว Yang เติบโตขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสังคมรอบตัวเขาในขณะนั้น เขาใช้ชีวิตในวัยมัธยมเล่นดนตรีตามแบบ Soul Train ซึ่งเป็นดนตรีที่เขาชื่นชอบ พร้อมกับฝึกการเคลื่อนไหวตามแบบท่าเต้นของ Michael Jackson ไปด้วย ในปี 1992 Seo Taiji นักร้องในช่วงเวลานั้น ได้มาเรียนการเต้นกับ Yang ซึ่งต่อมาพวกเขาได้ร่วมทีมกันกับสมาชิกอีกคนเพื่อสร้างวง Seo Taiji and Boys ซึ่งเป็นการผสมผสานของดนตรีฮิปฮอปกับท่วงทำนองที่ติดหู เพลงฮิตแรกของพวกเขาคือ “Nan Arayo (I Know)” ติดอันดับเพลงของบอยแบนด์ที่ดีที่สุดตลอดกาลของ Rolling Stone ในปี 1996

ขณะที่ Seo Taiji and Boys กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก Yang ตัดสินใจอำลาวงมาเปิดบริษัท YG ที่เขาสร้างขึ้นเป็นโรงงาน K-Pop ศิลปินคนแรกๆ ที่เขาดูแลคือ G-Dragon ที่เรียนดนตรีกับ Yang ตั้งแต่อายุได้ประมาณ 12 ปี รวมถึง Taeyang Dong Youngbae ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นสมาชิกวง Bigbang เช่นเดียวกัน

หลังจากที่ทั้ง 2 คน ฝ่าด่านรายการโทรทัศน์สไตล์เดียวกับ American Idol มาได้แล้ว Yang จึงให้พวกเขากับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ รวมตัวกันฟอร์มวงบอยแบนด์ขึ้นมา เพื่อปลุกกระแสให้ถึงที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับที่ Simon Cowell สร้างวง One Direction ขึ้นมานั่นเอง

Bigbang สร้างผลงานสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2006 ด้วยการทำงานและตารางงานที่ยากลำบากและสุดโหด พวกเขาออกผลงาน 6 อัลบั้มใน 6 ปีถัดมา โดย 2 อัลบั้มเป็นภาษาเกาหลีและอีก 4 อัลบั้มเป็นภาษาญี่ปุ่น โดยมีเนื้อเพลงภาษาอังกฤษแซมตลอดเพลง หลังจากนั้น YouTube ก็ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก “แม้ว่าจะไม่ได้เงิน” Joojong Joe จาก YG กล่าว “แต่ก็เป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดีนะครับ”

YG เป็นบริษัทที่ดำเนินงานแบบรวบยอดเบ็ดเสร็จ ไม่เพียงแต่จะทำรายได้จากการขายแผ่นเพลงเท่านั้น แต่บริษัทยังกระทำเสมือนเป็นผู้จัดการที่ควบรวมหน้าที่หลากหลายให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ว่าผู้จัดคอนเสิร์ตและแมวมอง กลยุทธ์ของบริษัทแตกต่างจากวิธีการที่ Roc Nation บริษัทของ Jay Z ที่เพิ่งจะนามาใช้งานเมื่อเร็วๆ นี้ คือ YG ไม่ได้พึ่งพารายได้จากการขายแผ่นเพลงแต่เพียงอย่างเดียว เพราะรายได้ส่วนนี้คิดเป็นเพียง 25% ของรายได้รวมทั้งหมด แต่การแสดงดนตรีสดก็ทำเงินให้กับบริษัทได้มากพอๆ กัน ซึ่งโดยมากแล้วต้องยกความดีความชอบให้กับ Bigbang เช่นใน Made ซึ่งเป็นโปรแกรมทัวร์รอบโลกที่เพิ่งมีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ Bigbang โกยรายได้เฉลี่ย 2.3 ล้านเหรียญต่อเมืองเลยทีเดียว “แฟนๆ จะมาเข้าคิวหรือตั้งแคมป์รอกันรอบบริเวณงานซึ่งบางทีมากัน 24 ชั่วโมงก่อนที่การแสดงจะเริ่ม” Yongbae Cho กรรมการผู้จัดการของ Live Nation Korea ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตโปรโมเตอร์กล่าว “สำหรับศิลปินตะวันตก เราไม่คิดว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์อะไรอย่างนี้”

แม้ว่า Psy จะสามารถแจ้งเกิดในระดับโลก และ Bigbang ก็ทำรายได้มหาศาล แต่หากพิจารณาเฉพาะตัวเงินแล้ว YG มองว่าดนตรี K-Pop ยังจัดเป็นอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคเสียมากกว่า รายได้ที่มาจากเกาหลีใต้คิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่รายได้จากแฟนๆ ต่างประเทศมาจากญี่ปุ่น 36% และจีน 20% ในปี 2014 LVMH ตัดสินใจลงทุน 80 ล้านเหรียญเข้าซื้อหุ้น12% ของ YG นอกจากนี้บริษัทยังอาจจะมีเงินเพิ่มเติมจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย โดยในเวลานี้รัฐบาลกำลังหารือกับ YG เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสถานบันเทิงมูลค่า 100 ล้านเหรียญ นอกกรุงโซล

ข้อเสนอร่วมทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะก่อสร้าง Studio City แห่ง K-Pop ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า เวทีคอนเสิร์ต และสตูดิโอบันทึกเสียง เป้าหมายต่อไปอยู่ในอเมริกาเหนือ ซึ่งอุดมไปด้วยเวทีล้ำสมัยมากมาย ผู้คนพร้อมจะจับจ่ายไม่อั้น แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีสัดส่วนยอดขายของ YG เป็นตัวเลขเพียงหลักเดียวแต่คอนเสิร์ตระดับหัวแถวล้วนแต่สามารถขายบัตรเข้าชมหมดเกลี้ยงทั้งสองฝั่งทวีป เรื่องนี้ถึงกับส่งอิทธิพลให้ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวูดต้องเข้ามาร่วมวงด้วย เช่น Scooter Braun ที่เข้ามาเซ็นสัญญากับ Psy และสมาชิกอีกคนหนึ่งของวงเกิร์ลกรุ๊ป 2NE1 (YG จะยังคงรับหน้าที่ผู้จัดการให้กับไอดอล K-Pop ทั้ง 2 คน หากเป็นธุรกิจนอกสหรัฐฯ)

สำหรับ Scooter Braun เป็นผู้จัดการให้ศิลปินดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Justin Bieber นักร้องตัวพ่อที่ติดโผเซเลปท็อป 100 และ Martin Garrix ซึ่งติดโผการจัดอันดับท็อป 30 บุคคลในวัยต่ำกว่า 30 หรือ “30 Under 30” ที่น่าสนใจคือ Bigbang ทาเงินมากกว่า Garrix อยู่ไม่น้อย และเกือบจะมากเท่า Bieber เลยทีเดียว ในขณะที่หลายๆ คนอาจจะแปลกใจแต่ไม่ใช่ Yang “ผมไม่แปลกใจเลยครับที่พวกเขาประสบความสำเร็จผมมั่นใจอยู่แล้วว่าทั่วโลกจะต้องหลงรักพวกเขา” Yang กล่าว

<hr />

<a href="http://goo.gl/5ixXvJ">คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "การจัดอันดับ Celebrity 100" ได้ที่ Fobes Thailand Magazine ฉบับ SEPTEMBER 2016</a>
<a href="http://goo.gl/5ixXvJ"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d18fffd2a6e14edc4fb9936f32a1d320.png" alt="" width="297" height="388" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events