&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธุรกิจ SME เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คิดเป็นสัดส่วนมากถึงกว่า 35% ของ GDP และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อที่ลดลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น การแข่งขันในช่องทางออนไลน์ที่รุนแรง และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ล่าสุด LINE ประเทศไทย จัดงาน BOOTCAMP DAY งานสัมมนาที่มุ่งให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME ไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจในงาน คือ พลังของการสร้างแบรนด์ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือความท้าทายเหล่านี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สองผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ประเทศไทย กวินทร์ สวัสดิ์ศรี หัวหน้าทีม LINE OA Campaign &amp; Communication และ จิรพัฒน์ เดชดนู หัวหน้าทีม LINE Ads Product &amp; Marketing Strategy ได้แนะนำแนวทางสำคัญในการสร้าง "แบรนด์ที่แข็งแกร่ง" ผ่านกลยุทธ์ 3+1L ที่ช่วยให้ SME สร้างแบรนด์ให้แตกต่างจากคู่แข่ง ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยให้ SME ฝ่าฟันอุปสรรคทางธุรกิจ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตในระยะยาว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มต้นด้วย L แรก คือ "Look" (ภาพลักษณ์แบรนด์) คือสิ่งที่ผู้บริโภคสัมผัสและจดจำเป็นอันดับแรก ทุกธุรกิจจำเป็นต้องพิถีพิถันกับทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ โทนสี ตัวอักษร และการออกแบบที่สื่อถึงอัตลักษณ์และบุคลิกของแบรนด์อย่างชัดเจนในทุกช่องทางการสื่อสาร ถัดมา "Language" (ภาษาและการเล่าเรื่อง) ควรสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ นำเสนอคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจและตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและความประทับใจ และ "Long-Term Relationship" (การรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว) มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ตลาดมีทางเลือกมากมาย ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ไม่ได้เกิดจากคุณภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการอัปเดตข้อมูล นำเสนอหรือแนะนำสินค้าใหม่ที่ตรงใจ เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรดำเนินการเป็นประจำสม่ำเสมอและต่อเนื่อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และ 1L สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือ "LINE" แพลตฟอร์มหลักที่เอื้อให้ SME สร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทย ด้วยเครื่องมือหลากหลาย พร้อมให้ SME ได้เลือกใช้เพื่อสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยทั้งสองกูรูยังได้แนะนำถึง 4 เทคนิคการใช้เครื่องมือ โซลูชันต่างๆ บน LINE เพื่อพาแบรนด์ SME สู่ความสำเร็จ ตอบโจทย์ความต้องการและดึงดูดลูกค้าตลอดเส้นทางการช้อป (Customer Journey) <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/xBsbVDFYXCkpCrxBptT5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="xBsbVDFYXCkpCrxBptT5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. การทำความรู้จัก ด้วยการสร้างหน้าร้านแบบมือโปร ผ่านการสมัครใช้ "พรีเมียมไอดี" ช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านค้าได้ง่าย ค้นหาได้ไวบนโลกออนไลน์ ในขณะที่การสมัครเป็น "บัญชีรับรอง" (Verified Account) เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าร้านค้ามีตัวตนจริง จากข้อมูลของ LINE พบว่าบัญชีรับรอง ซึ่งจะมีโล่สีน้ำเงินกำกับไว้ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนติดตามเพิ่มขึ้นได้ถึง 19 เท่า นอกจากการสร้างหน้าร้านแบบมือโปรแล้ว การเดินหน้าหาลูกค้าที่ใช่ ด้วยการลงโฆษณาผ่าน "LINE Ads" เพื่อโปรโมตสินค้าหรือร้านค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยจากตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้งานพบว่า ช่วยเพิ่มเพื่อนให้ LINE OA ของร้านได้สูงสุดถึง 10 เท่า เมื่อลูกค้าเพิ่ม LINE OA ของร้านค้าเป็นเพื่อนแล้ว การสร้าง "ริชเมนู" บน LINE OA ให้มีข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า/ร้านค้าได้ครบครัน ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญช่วยสร้างความประทับใจแรกพบ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการเองได้ง่าย โดยช่วยเพิ่ม Engagement ได้สูงถึง 14%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. กระตุ้นความสนใจด้วยคอนเทนต์ที่ทำถึง การนำเสนอคอนเทนต์ที่ดึงดูดและตรงใจ จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าและบริการที่เห็นภาพ โดยการบรอดแคสต์ข้อความบน LINE OA ในรูปแบบ "ริชแมสเสจ" นับว่าช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี จนร้านค้า SME นิยมใช้งานสูงสุดถึง 3.2 เท่าหากเทียบกับการบรอดแคสต์ข้อความในรูปแบบอื่น ในขณะที่การบรอดแคสต์ข้อความในรูปแบบ "คูปอง" ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่านสูงกว่าการบรอดแคสต์ข้อความทั่วไปถึง 3.2 เท่า ในด้านโฆษณา การนำเสนอโฆษณาในรูปแบบวีดีโอ ยังคงเป็นที่สนใจสำหรับผู้บริโภคคนไทย โดยเฉพาะ "วีดีโอรีวิวสินค้า" จากตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้งาน "LINE Ads" เผยว่าสามารถสร้างยอดขายบน LINE ให้ร้านค้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 2 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ปิดการขายอย่างง่ายให้โดนใจลูกค้า ด้วยการใช้เครื่องมือ "MyShop" มาช่วยในการจัดการร้านค้าออนไลน์แบบมืออาชีพ นอกจากทำให้ผู้ประกอบการและทีมงานร้านค้า SME บริหารจัดการร้านค้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าเลือกสินค้า ดูรายละเอียด และกดสั่งซื้อโดยตรงเองได้สะดวกทันใจ โดย LINE พบว่าร้านค้าที่ใช้ LINE OA ร่วมกับเครื่องมือ MyShop สามารถเพิ่มโอกาสปิดการขายผ่านแชตได้สูงขึ้นถึง 15 เท่า นอกจากนี้ "ฟีเจอร์ Chat Tag" บน LINE OA ยังเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ช่วยให้ธุรกิจระบุกลุ่มลูกค้าจากข้อมูลการแชตได้ อาทิ การแบ่งกลุ่มตามประเภทสินค้าที่สนใจ ตามพฤติกรรมการซื้อ ตามโลเคชันของลูกค้าเป็นต้น เพื่อให้แบรนด์สามารถนำเสนอคอนเทนต์ได้ตรงกลุ่มตรงใจ การสื่อสารกับลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยปิดการขายได้ง่ายขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถนำข้อมูลการแบ่งกลุ่มที่ได้ ไปวิเคราะห์เพื่อออกแบบกิจกรรมการสื่อสาร การตลาดต่อได้อีกด้วย ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/VG5xANhMhYmW3eRc1eDt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="VG5xANhMhYmW3eRc1eDt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. มัดใจสร้างลูกค้าประจำด้วยระบบสมาชิก อย่าง "MyCustomer I CRM" ระบบสมาชิกสะสมแต้มที่ช่วยให้ร้านค้าสร้างความภักดีระยะยาวกับลูกค้า ผ่านการมอบสิทธิพิเศษ ข้อเสนอเฉพาะบุคคล กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลลูกค้า นำไปวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อเพื่อใช้ในกลยุทธ์การตลาดได้ต่อ สร้างการสื่อสารที่ตรงใจ มัดใจลูกค้าเดิม เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ ทำให้ธุรกิจสามารถรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย LINE ได้เผยสถิติจากธุรกิจ SME ที่ใช้งานระบบนี้มาเกินหนึ่งเดือน พบว่า การใช้งาน MyCustomer|CRM ช่วยเพิ่มยอดการสั่งซื้อจากลูกค้าประจำสูงขึ้นถึง 7 เท่า ยอดขายและธุรกิจภาพรวมเติบโตขึ้นถึง 74% และอัตราการบล็อก LINE OA ลดลงถึง 30%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การวางรากฐาน สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเป็นหัวใจสำคัญของ SME ไทย เพื่อสร้างความแตกต่างและเป็นที่จดจำในใจของลูกค้า ผู้บริโภคยุคใหม่ โดย LINE พร้อมเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ธุรกิจ SME ไทยเติบโตท่ามกลางความท้าทายรอบด้านได้ ผ่านแนวคิด เทคนิคความรู้ที่น่าสนใจ กิจกรรมส่งเสริมมากมาย และที่สำคัญหลากหลายเครื่องมือให้ SME ไทยได้เลือกใช้ ครอบคลุมทั้งในเชิงการสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย เพื่อการตั้งตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามเนื้อหาสรุปประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมติดตามรับชมงาน BOOTCAMP ย้อนหลังได้ทาง LINE OA: @linebizth และเฟซบุ๊กเพจ <a href="https://www.facebook.com/linebizth" alt="LINE for Business">LINE for Business</a>

LINE เผยแนวคิดการสร้างแบรนด์สำหรับ SME ไทย แนะเทคนิคใช้โซลูชัน LINE สร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายครบวงจร

<h2>ในยุคการตลาดดิจิทัลมาแรง LINE STICKERS ได้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่หลากหลายแบรนด์เลือกใช้ ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์สินค้าหรู ด้วยศักยภาพที่ไม่เพียงช่วยแบรนด์เพิ่มจำนวนผู้ติดตามบน LINE Official Account (LINE OA) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของแบรนด์ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังเช่นแคมเปญล่าสุดจากแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง Dior ที่ได้มีการใช้งาน LINE STICKERS เพื่อเข้าถึงลูกค้าชาวไทยในโอกาสฉลองเปิดตัว Dior Gold House เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Dior x LINE FRIENDS สติกเกอร์สุดพิเศษ ผสานโลกออนไลน์และแฟชั่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dior ได้เลือก LINE STICKERS ให้เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงโลกแฟชั่นระดับไฮเอนด์และความสนุกบนโลกออนไลน์ให้กับลูกค้าคนไทยในโอกาสเปิดตัว Dior Gold House แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุง โดยร่วมมือกับ LINE FRIENDS เปิดตัวสติกเกอร์ Dior x LINE FRIENDS สุดเอ็กซ์คลูซีฟ 2 เซต นำเสนอเอกลักษณ์และเรื่องราวของแบรนด์ผ่านเหล่าคาแรคเตอร์ LINE FRIENDS&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความหรูหราในแบบฉบับ Dior แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจคนไทยผ่านการผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์และโลกแห่งแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dior นับเป็นแบรนด์สินค้าหรูแบรนด์แรกในไทยที่ร่วมมือกับ LINE FRIENDS เปิดตัว LINE STICKERS ถึงสองเซต สองรูปแบบเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ในเชิงการตลาดเพื่อเข้าถึงแฟนชาวไทยได้อย่างดีเยี่ยม​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/gREoMBs42Xiopvy6Ujsd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gREoMBs42Xiopvy6Ujsd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="765,720" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; รูปแบบแรกคือ Sponsored Sticker เซต Dior Gold House Exclusive Stickers ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้ทันที เพียงเพิ่มเพื่อนหรือกดติดตาม LINE OA ของ Dior (@diorcouture) และสามารถใช้งานได้ 90 วันหลังดาวน์โหลด สติกเกอร์รูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานผู้ติดตามและเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อ สื่อสารกับลูกค้าในอนาคตได้แล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนรูปแบบที่สองคือ Secret Sticker เซต Dior Gold House Secret Stickers ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้ลูกค้าที่มาเยือน Dior Gold House โดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ดาวน์โหลดจะสามารถใช้งานสติกเกอร์ชุดนี้ได้ยาวนานถึง 180 วัน ช่วยสร้างการรับรู้และความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้ในระยะยาวขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การใช้ LINE STICKERS สองเซตในรูปแบบมีจุดประสงค์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แต่สื่อถึงความหรูหราและเอกลักษณ์ของ Dior Gold House ร่วมกันได้อย่างชัดเจนของ Dior ในแคมเปญนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการแบรนด์สินค้าหรูในไทยแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ LINE STICKERS ในการเป็นเครื่องมือการตลาดยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเมื่อมีการใช้คาแรกเตอร์ที่ครองใจคนไทยอย่าง LINE FRIENDS มาสวมใส่คอสตูมสุดหรูจาก Dior พร้อมฉากหลังสุดพิเศษอย่างบรรยากาศร้าน Dior และ Cafe Dior แล้ว ยิ่งช่วยทำให้สติกเกอร์สองเซตนี้มีความโดดเด่น ดึงดูดใจ ร่วมกับการเลือกใช้ข้อความที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้ทั้งในบทสนทนาชีวิตประจำวันและในโอกาสสำคัญได้ ยิ่งช่วยทำให้ลูกค้านำสติกเกอร์จากแบรนด์ไปใช้ในโอกาสที่หลากหลาย สร้างความประทับใจในทุกการสนทนา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ LINE STICKERS ในการส่งต่อเรื่องราวของแบรนด์ Dior ได้เป็นอย่างดี ผสมผสานโลกแฟชั่นระดับไฮเอนด์เข้ากับการสื่อสารในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัว และสร้างกระแสตอบรับที่ดีมากในกลุ่มลูกค้าชาวไทย​เปิดโลก LINE STICKERS เครื่องมือการตลาดยุคใหม่ เข้าถึงทุกเป้าหมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปัจจุบัน ภาคธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถใช้งาน LINE STICKERS เพื่อการตลาดได้ 3 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของแบรนด์ที่มีเป้าหมายทางการตลาดแตกต่างกันไป โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นและประโยชน์เฉพาะตัวที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/wofovJsHuubdEX5Ke4oL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wofovJsHuubdEX5Ke4oL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="3841,2161" data-rotatex="" data-rotatey="" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp; 1. Sponsored Sticker เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยสติกเกอร์จะถูกนำเสนอใน Sticker Shop และสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี มีทั้งรูปแบบ Static Sticker หรือภาพนิ่ง โดยพบว่าสติกเกอร์รูปแบบนี้มีการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 9.7 ล้านครั้งต่อเซต ในขณะที่ Animated Sticker หรือสติกเกอร์แบบเคลื่อนไหว มีการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 17 ล้านครั้งต่อเซต และจากสถิติยังพบว่า Sponsored Sticker หนึ่งเซตสามารถสร้างยอดการใช้งานสูงสุดได้ถึง 100 ล้านครั้งเลยทีเดียว&nbsp; &nbsp; 2. Secret Sticker รูปแบบสติกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความพิเศษและเอ็กซ์คลูซีฟ โดยสติกเกอร์ประเภทนี้จะไม่สามารถค้นหาจากร้านค้าสติกเกอร์หรือ Sticker Shop ใน LINE ได้ โดยแบรนด์เป็นผู้ดำเนินการส่งมอบให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ตามเงื่อนไขที่ตนต้องการ เช่น ผู้ที่มาเยือนร้านค้า หรือผู้ที่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไขเฉพาะของแบรนด์ ดังเช่นกรณีของ Dior ที่ใช้ Secret Sticker ในการมอบประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้าที่มาเยือน Dior Gold House เท่านั้น เป็นต้น&nbsp; &nbsp; 3. Mission Sticker เป็นรูปแบบสติกเกอร์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมกับลูกค้า โดยกำหนดให้ผู้ใช้งานต้องทำภารกิจร่วมกับแบรนด์ตามที่แบรนด์กำหนดไว้ เช่น การกรอกแบบสอบถามหรือลิงก์บัญชี LINE จึงจะสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ได้ วิธีนี้ไม่เพียงช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ แต่ยังเป็นช่องทางให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เป็น 1st Party Data เพื่อนำไปใช้งานด้านการตลาดต่อได้ในอนาคต​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/MKCiMvbqBMUxBxcXqHHM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MKCiMvbqBMUxBxcXqHHM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,720" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"><figcaption><div>Dior Gold House</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยศักยภาพและรูปแบบของ LINE STICKERS ที่แบรนด์สามารถปรับใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดที่ตนต้องการได้อย่างหลากหลาย เสมือนเป็นพื้นที่ให้แบรนด์ได้สื่อสาร ส่งต่อเรื่องราว สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์บนโลกดิจิทัลได้น่าจดจำ น่าประทับใจ โดยสติกเกอร์ Dior x LINE FRIENDS ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี แสดงให้เห็นถึงวิถีการใช้งาน LINE STICKERS ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ ตอบโจทย์เชิงการตลาดได้อย่างน่าสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโลกที่ผู้บริโภคชาวไทยมีความผูกพันกับดิจิทัลมากขึ้น LINE STICKERS ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความสนุกในบทสนทนาอีกต่อไป แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและเป็น Top of Mind ในใจลูกค้าได้ ภาพ: Dior และ LINE ประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/cmmu-thai-luxmer-trend" alt="คนไทยติดหรูแม้รายได้ไม่เยอะ เงินเก็บน้อย! CMMU แนะ 4 กลยุทธ์ พิชิตใจชาว Luxumer">คนไทยติดหรูแม้รายได้ไม่เยอะ เงินเก็บน้อย! CMMU แนะ 4 กลยุทธ์ พิชิตใจชาว Luxumer</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะไอเดียการตลาด Dior แบรนด์หรูแรกที่ใช้สติกเกอร์ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าชาวไทย

LINE ชี้เส้นทางความสำเร็จ SME ยุคใหม่ สร้างประสบการณ์ประทับใจสู่ธุรกิจยั่งยืน

<h2>LINE for Business ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มเพื่อธุรกิจของคนไทย โชว์ศักยภาพเครื่องมือโฆษณา LINE Ads เผยเทรนด์การใช้งานปี 66 สะท้อนความสำเร็จแพลตฟอร์มที่ใช่เคียงข้างธุรกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมพัฒนาต่อเนื่อง ดันประสิทธิภาพโฆษณาสู่ผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่าเดิม </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;LINE เป็นแพลตฟอร์มเพื่อการสื่อสารยอดนิยมของคนไทย ด้วยตัวเลยผู้ใช้ 54 ล้านคนในปัจจุบัน และเวลาการใช้งานเฉลี่ยต่อคนบน LINE ถึง 90 นาที จึงทำให้กลายเป็นแพลตฟอร์มทรงพลังสำหรับธุรกิจที่ใช้ในการเข้าถึงลูกค้า ผ่านเครื่องมือโฆษณา LINE Ads ที่กระจายอยู่บนพื้นที่ศักยภาพมากถึง 6 ตำแหน่ง ได้แก่ หน้า HOME TAB หน้า CHAT LIST หน้า LINE VOOM หน้า LINE TODAY หน้า LINE WALLET และ หน้า LINE OpenChat&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีที่ผ่านมา LINE Ads ได้ปรับโฉมเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพโฆษณาให้สร้างผลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยมุ่งเน้นพัฒนาใน 3 ด้าน คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) พัฒนา Machine Learning มุ่งทำให้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลทำงานได้เต็มศักยภาพ ส่งผลให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นในราคาที่ถูกลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) พัฒนาฟังก์ชั่นการเลือกกลุ่มเป้าหมาย Persona Targeting ที่ละเอียดแม่นยำมากขึ้น ขยายการมองเห็นโฆษณาได้มากกว่าเดิม และ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(3) พัฒนารูปแบบโฆษณาให้หลากหลายกว่าเดิม ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและจดจำ พร้อมตำแหน่งโฆษณาที่เข้าถึงลูกค้าได้ทุกช่วงเวลา นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า โดยการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ สะท้อนสู่ผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ายิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็น CPM ลดลง 45% ต้นทุนต่อคลิกหรือ CPC ลดลง 40% ต้นทุนต่อการเพิ่มเพื่อนหรือ CPF ลดลง 18% และต้นทุนต่อการดูวิดีโอหรือ CPV ลดลง 57% โดยเปรียบเทียบข้อมูลในช่วงเดียวกันระหว่างปี 2022 กับ 2023​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/daHFi5btNxw94kwxvEAL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="daHFi5btNxw94kwxvEAL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="657,371"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากมองในด้านของการถูกนำไปใช้งาน LINE Ads ยังคงได้รับความนิยมใช้งานทั้งเพื่อการสร้างแบรนด์และการสร้างยอดขาย โดย 3 อันดับวัตถุประสงค์ที่แบรนด์นิยมใช้งานและเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การเข้าชมเว็บไซต์ (Website Visit) การเพิ่มเพื่อน (Gain Friends) และการเข้าถึง (Reach) ตามลำดับ และที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากธุรกิจ คือ วัตถุประสงค์ใหม่ล่าสุด Smart Channel Custom ที่ปรากฏอยู่บนหน้ารายการแชทที่มาพร้อมกับการแสดงผลโฆษณาที่มีขนาดใหญ่ รองรับทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอได้ ทำให้มีอัตราการใช้งานเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับวัตถุประสงค์อื่นในปีนี้ถึง 545% จาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม ธุรกิจเครื่องสำอางค์ และธุรกิจยานยนต์ ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดการณ์ว่าจะมียอดการลงทุนบน LINE Ads เติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกในปี 2566 นี้ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว (Travel) ถือเป็นธุรกิจม้ามืดมาแรง ด้วยยอดคาดการณ์การลงทุนเติบโตสูงขึ้นถึง 455% โดยเป็นผลมาจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ประกอบกับความคุ้นชินของผู้บริโภคในการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าถึงบริการท่องเที่ยว เดินทางต่างๆ ตามมาด้วยธุรกิจยานยนต์ (Automotive) คาดการณ์การเติบโตสูงขึ้นถึง 122% เชื่อว่าเกิดจากการส่งเสริมการใช้งานรถไฟฟ้า (EV) และการออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆ&nbsp;มาอย่างคึกคัก ทำให้การแข่งขันในตลาดดุเดือด ทุกแบรนด์ต่างต้องการสร้างการรับรู้ให้สินค้าของตนมากที่สุด และอันดับ 3 คือ ธุรกิจด้านฟิตเนสและสถานเสริมความงาม (Fitness and Medical Service) ที่คาดการณ์การเติบโตสูงขึ้น 113% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านความสนใจของผู้บริโภค โฆษณาบน LINE Ads ที่ดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุด คือ กลุ่มสื่อและบันเทิง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครองความสนใจของผู้บริโภคมาอย่างยาวนานในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้จะมีผล CTR สูงถึง 0.70% ตามด้วยกลุ่มยานยนต์ 0.60% และกลุ่มช้อปปิ้ง 0.55% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การวัดผลการทำโฆษณาบน LINE Ads อาจปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแคมเปญที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อโฆษณาออนไลน์กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ธุรกิจต้องมีควบคู่ไปกับการเปิดร้านออนไลน์ การเลือกแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ LINE Ads สามารถตอบโจทย์ให้กับธุรกิจได้ครบถ้วนทั้งในด้านปริมาณด้วยการเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 54 ล้านคน และด้านคุณภาพด้วยกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียดหลากหลาย จึงถือเป็นคำตอบที่เป็นสูตรสำเร็จในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในยุคนี้ได้อย่างสมบูรณ์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71175" alt="เอ็มจี เปิดตัว MG CYBERSTER ครั้งแรกในจีน ที่ เฉิงตู ออโต้ โชว์ 2023">เอ็มจี เปิดตัว MG CYBERSTER ครั้งแรกในจีน ที่ เฉิงตู ออโต้ โชว์ 2023</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events