<h2>ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เผย ปี 67 มีกำไรสุทธิ 7,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงความต้องการเดินทางทั่วโลกที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่ดีขึ้น<br></h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT</strong> กล่าวว่า ไตรมาส 4 ปี 2567 MINT มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาจากธุรกิจโรงแรมที่ยังเติบโตขึ้น สะท้อนจากการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนและการขยายตัวของตลาด ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยังที่ได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาแบรนด์และรูปแบบร้านค้าใหม่ๆ รวมถึงจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ธุรกิจโรงแรม </strong>พบว่า รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตแข็งแกร่ง และการขยายตลาดผลักดันผลการดำเนินงาน โดยได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการเดินทางทั่วโลกและการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดสำคัญ</p><p>&nbsp; &nbsp; ยุโรปและอเมริกา รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน นำโดยราคาห้องพักเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 6% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากวินัยด้านการกำหนดราคาและการเดินทางในภูมิภาคที่สม่ำเสมอ โดยสเปนเติบโตดีที่สุด รองลงมาคือยุโรปกลาง เบเนลักซ์ และอิตาลี</p><p>&nbsp; &nbsp; ประเทศไทย รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนพุ่งสูงขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การขยายเส้นทางการบิน และกลยุทธ์การขายแบบกำหนดเป้าหมายที่ดึงดูดนักเดินทางคุณภาพสูงจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>MINT ยังคงขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโรงแรมใหม่ 30 แห่งที่มีห้องพักกว่า 3,000 ห้องในปี 2567 ภายใต้โมเดลธุรกิจ Asset-light Model เป็นหลัก </strong>โดยการเปิดตัวโรงแรมครั้งสำคัญ ได้แก่ โรงแรม NH Collection Helsinki Grand Hansa ในประเทศฟินแลนด์ โรงแรม Anantara Stanley &amp; Livingstone Victoria Falls ในประเทศซิมบับเว และ Anantara Jewel Bagh Jaipur Hotel ในรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ธุรกิจร้านอาหาร</strong>&nbsp;เร่งใช้นวัตกรรมและแฟรนไชส์ขับเคลื่อนการเติบโต<br>ไมเนอร์ ฟู้ด ปี 2567 โดยมียอดขายโดยรวมทุกสาขา (TSS) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 8% และสิงคโปร์มียอดขายรวมเติบโตขึ้น 12% เป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายต่อร้านเดิม และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนานวัตกรรมและเปิดตัวแบรนด์ รวมถึงรูปแบบร้านค้าใหม่ๆ เช่น <strong>ร้าน สเต็ก แอนด์ มอร์ (ประเทศไทย) และร้าน แบทเทอร์แคช (สิงคโปร์)</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะเดียวกัน ไมเนอร์ ฟู้ดได้เร่งการขยายธุรกิจด้วย Asset-light Model ผ่านความสำเร็จของการขายแฟรนไชส์ทรัพย์สินทางปัญญาระดับโลกที่บริษัทเป็นเจ้าของ เช่น เบนิฮานา, ซิซซ์เล่อร์ และกาก้า โดยมีการเปิดร้านเบนิฮานาที่กรุงปารีส การเปิดสาขาซิซซ์เล่อร์หลายแห่งในประเทศญี่ปุ่นและเวียดนาม และการขยายสาขาร้านกาก้าทั่วประเทศไทย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ด้านฐานะการเงิน</strong> MINT ยังคงรักษาวินัยทางการเงินช่วยลดภาระหนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวดีขึ้นจาก 1.0 เท่าในปี 2566 เป็น 0.8 เท่าในปี 2567 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมลดลงจาก 4.9 เท่าเป็น 4.3 เท่า การลดภาระหนี้สินจำนวน 10,000 ล้านบาท ในปี 2567 ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเพิ่มศักยภาพในการสนับสนุนโครงการเติบโตที่ให้ผลตอบแทนสูง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนแผนงานปี 2568</strong> ยังคงมุ่งใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 นอกจากนี้ MINT อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวโรงแรมเชิงกลยุทธ์ในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายการดำเนินงานในตลาดสำคัญที่มีการเติบโตสูง ตลอดจนการเติบโตของร้านอาหารผ่านนวัตกรรมของแบรนด์ การปรับรูปแบบร้านค้าให้มีความหลากหลาย และการขยายแฟรนไชส์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แผนงานเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2567–2570 MINT ตั้งเป้าหมาย ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราการเติบโตของรายได้ต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 6-8%<br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การเติบโตของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่ 15-20%<br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนมากกว่า 12%<br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การขยายกลุ่มธุรกิจทั่วโลกสู่โรงแรม 850 แห่งและร้านอาหาร 4,000 แห่งภายในปี 2570<br></p><p><br></p><p><br></p><p>ภาพ:&nbsp;บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)</p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/property/paul-kanjanapas-build-impact-to-tourism-destination" alt="‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ เปิดแผนปั้นเมืองทองธานีสู่ Tourism Destination ลุยสร้างโรงแรมใหม่รวม 1,000 ห้อง">‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ เปิดแผนปั้นเมืองทองธานีสู่ Tourism Destination ลุยสร้างโรงแรมใหม่รวม 1,000 ห้อง</a></span></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

MINT เผยกำไรสุทธิปี 67 พุ่ง 7,750 ล้าน เติบโต 43% มองไกลปี 70 ขยายโรงแรม 850 แห่ง 

<h2>บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) และ บริษัท รอยัล โฮลดิ้งส์ จำกัด (Royal Holdings Co., Ltd.) ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว มีความภูมิใจที่จะประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการก้าวเข้าสู่ตลาดโรงแรมระดับหรูและไลฟ์สไตล์ของไมเนอร์ในญี่ปุ่น</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่การจัดตั้ง <strong>บริษัท รอยัล ไมเนอร์ โฮเทลส์ จำกัด (Royal Minor Hotels Co., Ltd.)</strong> <strong>ในรูปแบบบริษัทร่วมทุนสัดส่วน 50:50 </strong>โดยการร่วมทุนซึ่งมีกำหนดจัดตั้งอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2568 มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์การบริการที่เป็นเลิศและขยายธุรกิจโรงแรมของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในตลาดญี่ปุ่น โดยบริษัทจะจับมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นในการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้ 3 แบรนด์ระดับโลก อันได้แก่ อนันตรา (Anantara) อวานี (Avani) และทิโวลี (Tivoli) ภายใต้สัญญาบริหารจัดการและสัญญาเช่า โดยวางเป้าขยายพอร์ตโฟลิโอให้ครบ 21 แห่งภายในปี 2578</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/rad4ejw8Y9wtKAUPf4vj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rad4ejw8Y9wtKAUPf4vj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ รอยัล ได้ต่อยอดความร่วมมืออันยาวนานบนพื้นฐานความเชื่อมั่นและเป้าหมายที่มีร่วมกัน ซึ่งเริ่มต้นมาจากความสำเร็จในการร่วมดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์ซิสเลอร์ (Sizzler) ของไมเนอร์ในประเทศญี่ปุ่น ความสัมพันธ์อันดีและยั่งยืนนี้จึงเป็นรากฐานสำคัญในการจับมือเข้าสู่ธุรกิจภาคการบริการระดับหรูและไลฟ์สไตล์ในประเทศญี่ปุ่น<span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);"><br></span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>รอยัล เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมริชมอนด์ (Richmond Hotels) กว่า 43 แห่งทั่วประเทศ</strong> <strong>ผ่านบริษัทในเครือ อาร์เอ็นที โฮเทลส์ จำกัด (RNT HOTELS CO., Ltd)</strong> จะนำความเข้าใจตลาดท้องถิ่นมาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรมระดับโลกของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนระดับลักชูรีผสานเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นเข้ากับมาตรฐานสากลที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; <strong>มาซาทากะ อาเบะ (Masataka Abe) ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัทรอยัล</strong> กล่าว “การร่วมทุนครั้งสำคัญนี้นับเป็นความก้าวหน้าเชิงกลยุทธ์ในการนำแบรนด์โรงแรมระดับโลกมาสู่ญี่ปุ่น ด้วยการผสานจุดแข็งระหว่างความเชี่ยวชาญด้านตลาดท้องถิ่นของบริษัท และประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารโรงแรมระดับลักชูรีของ ไมเนอร์ โฮเทลส์”</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเดินหน้าขยายการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาโครงการในเมืองศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวสำคัญ ด้วยกลยุทธ์ในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มตลาดการท่องเที่ยวระดับลักชูรีและไลฟ์สไตล์ โดยการร่วมทุนครั้งนี้จะผนวกความเชี่ยวชาญระดับสากลของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ เข้ากับองค์ความรู้ด้านตลาดท้องถิ่น เพื่อพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางที่หลากหลาย</span></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/RAGzsyNiS1U6mr9u1Rtc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RAGzsyNiS1U6mr9u1Rtc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​<br></span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; <strong>ดิลิป ราชากาเรีย (Dillip Rajakarier) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์</strong> กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักในการขยายธุรกิจของบริษัท ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับรอยัล โดยเราตั้งเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การบริการที่เหนือระดับ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น พร้อมเผยให้เห็นถึงความเป็นเลิศระดับโลกของแบรนด์โรงแรมต่าง ๆ ของเรา”</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การร่วมทุนครั้งใหม่นี้จะใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการโรงแรมในระดับโลกของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ สนับสนุนด้วยความแข็งแกร่งทางด้านการดำเนินงานและความรู้ทางการตลาดเชิงลึกในตลาดญี่ปุ่นของรอยัล&nbsp;เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่ราบรื่นและการเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมโรงแรมญี่ปุ่นที่มีอัตราการขยายตัวสูง นอกจากนี้ <strong>GHA DISCOVERY ซึ่งเป็นโปรแกรมสมาชิกของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาฐานลูกค้าและดึงดูดสมาชิกใหม่ให้เข้ามาใช้บริการโรงแรมที่กำลังขยายตัว</strong> โดยโปรแกรมดังกล่าวจะนำเสนอสิทธิประโยชน์เหนือระดับและประสบการณ์ที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของบริษัท</span></p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">ภาพ:&nbsp;บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)</span></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)"><br></span></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)"><br></span></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/oic-tgia-new-standard-motor-insurance-jan-2025" alt="ทำไมประเทศไทยต้องบังคับใช้ประกันภัยรถยนต์แบบ ‘ระบุคนขับ’ เริ่มรถสันดาปป้ายแดงปีนี้ ใช้ทั้งระบบปี 69!"></a><a href="https://forbesthailand.com/people/strategies/tgia-wasit-lamsam-jan-2025" alt="‘วาสิต ล่ำซำ’ เปิดมุมมอง TGIA ส่องเทรนด์เบี้ยประกันรถไฟฟ้าปี 68 ผ่าวิกฤตหั่นราคารถ EV - เคลมสูงเกิน 80%"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/property/awc-invests-16-billion-baht-build-mixed-use-project-woeng-nakorn-kasem-yaowaraj" alt="AWC ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน สร้างโปรเจกต์ยักษ์ 'เวิ้งนครเกษม เยาวราช' เตรียมเปิดเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ปี 2572">AWC ทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน สร้างโปรเจกต์ยักษ์ 'เวิ้งนครเกษม เยาวราช' เตรียมเปิดเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ปี 2572</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/emirates-world-first-autism-certified-airline" alt="Emirates มุ่งสู่สายการบินแรกของโลกที่ได้การรับรองจาก IBCCES ในการให้บริการผู้โดยสารออทิสติก"></a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือ รอยัล โฮลดิ้งส์  บุกตลาดโรงแรมหรูและไลฟ์สไตล์ในญี่ปุ่น

<h2>MINT เปิดงบไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิตามงบที่ 1,146 ล้านบาท ฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนเกือบพันล้านบาท โดยกำไีรฯ นี้ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนฯ 919 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานยังขาดทุน 352 ล้านบาท เพราะเป็นช่วง Low season ของโรงแรมในยุโรป</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT </strong>เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า มีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 66 ที่ขาดทุน 976 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรมปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ กำไรฯ ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวอย่าง <strong>กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหรียญสหรัฐที่ 919 ล้านบาท</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ <strong>มีรายได้รวม 38,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) </strong>โดยธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารของ MINT ต่างเห็นอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถใช้การกําหนดราคาเชิงกลยุทธ์ (Dynamic Pricing) ผลักดันปริมาณการรับประทานอาหารในร้านให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประเทศไทย ไมเนอร์ โฮเทลส์ ออสเตรเลีย และไมเนอร์ ฟู้ดล้วนมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10%YoY ขณะที่ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา มีผลขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/LpHQQCom8mjpTxXBLb48.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LpHQQCom8mjpTxXBLb48.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,389" style="" data-index="0"><figcaption><div>Anantara Shaoxing Resort</div></figcaption></figure></div><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ผลประกอบการจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567 MINT มีผลขาดทุนสุทธิ 352 ล้านบาท ขาดทุนน้อยลง 46% จากปีก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของธุรกิจโรงแรมในยุโรป</p><p>&nbsp; &nbsp; ในด้าน<strong>ธุรกิจโรงแรม หรือ ด้าน ไมเนอร์ โฮเทลส์ พบว่า มีรายได้รวมที่ 29,606 ล้านบาท เติบโต 17%YoY</strong> มาจากกิจกรรมการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกา ไทย และออสเตรเลีย โดยรายได้จากการรับบริหารเพิ่มขึ้น 26%YoY จากการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ธุรกิจร้านอาหาร  ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาในไตรมาส 1 ปี 2567 เติบโต 2.7%YoY</strong> เนื่องจากการเพิ่มสาขาใหม่ในประเทศไทย สิงคโปร์ และการเข้าซื้อสิทธิในแบรนด์ Sizzler ส่งผลให้สามารถรวมสาขาแฟรนไชส์ที่มีอยู่ในญี่ปุ่นได้ นอกจากในไทยยอดขายโดยรวมทุกสาขายังเติบโตที่ 7.4%YoY มาจากความถี่ของการใช้บริการของลูกค้าที่มากขึ้น รวมถึงยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในระยะต่อไป ในแต่ละส่วนงาน ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ไมเนอร์ โฮเทลส์</strong> ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่มีสัดส่วนรายได้ที่มากที่สุดของ MINT อีกทั้งยังมีการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้า อีกทั้ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกาจะได้รับอนิสงค์จากการแข่งขันกีฬาและความบันเทิง รวมถึงโอลิมปิกฤดูร้อน ฟุตบอลยูโร 2567 <br>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ งานคอนเสิร์ตดนตรี เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอมีความแข็งแกร่งในทําเลสําคัญๆ ในเมืองที่มีการจัดกิจกรรม ควบคู่ไปกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแ ละการริเริ่มการอัปเกรดแบรนด์โรงแรม คาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยจะสามารถเพิ่มขึ้น รายได้รวมในเดือน เม.ย. ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (10% ขึ้นไป)ในขณะที่ยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในเดือน พ.ค. มีการเติบโต 12%YoY ในส่วนของไทยคาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน</p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ไมเนอร์ ฟู้ด</strong>มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากการซื้อซ้ำของลูกค้าประจํา และขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่ การนําเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น การเปิดตัวกิจกรรมพิเศษในเวลาจํากัด และการขับเคลื่อนโปรแกรมสมาชิกโดยมุ่งเน้นที่ความเป็นเลิศในการดําเนินงาน ไมเนอร์ ฟู้ดยังคงขยายธุรกิจในเอเชียด้วยการเปิดตัว Sizzler ในเวียดนาม เดอะ พิซซ่า คอมปะนีในสิงคโปร์ และการต่อยอดของธุรกิจแดรี่ ควีนที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการในอินโดนีเซีย</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ณ 31 มี.ค. 67 MINT มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนที่ 0.98 เท่า ลดลงจาก 1.01 เท่า ณ สิ้นปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนเชิงรุกของ MINT ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ จัดการต้นทุนทางการเงินอย่างเหมาะสม</span></p><p><br></p><p>หมายเหตุ (<span style="color: rgb(68, 68, 68)">ณ สิ้นปี 2566) *ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว&nbsp;</span>​<br>- สัดส่วนรายได้ของ MINT ได้แก่ 1)&nbsp;ไมเนอร์ โฮเทลส์&nbsp; 79%&nbsp;2)&nbsp;ไมเนอร์ ฟู้ด 20%&nbsp;3) ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ 1%<br>- สัดส่วนกำไรสุทธิ ได้แก่&nbsp;<span style="color: rgb(68, 68, 68)">1)&nbsp;ไมเนอร์ โฮเทลส์ 69%&nbsp;2)&nbsp;ไมเนอร์ ฟู้ด 29%&nbsp;3) ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ 2%</span>​<br></p><p><br></p><p><br></p><p>เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ip-q-1-0224-new-high-close-to-500-millions-baht-ready-to-bring-lab-pharmacy-to-trading-2025" alt="IP อวด Q1/67 ทำนิวไฮเฉียด 500 ล้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 2,000 ล้าน พร้อมนำ Lab Pharmacy เข้าเทรดต้นปี 68"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/cpn-q-1-2024-net-profit-4-154-millions-baht-5-years-investment-plan-budget-121-billions-baht" alt="CPN โชว์ผลงาน Q1 ปี 67 กำไรสุทธิ 4,154 ล้าน พร้อมเปิดแผนลงทุน 5 ปี ด้วยงบ 1.21 แสนล้านบาท">CPN โชว์ผลงาน Q1 ปี 67 กำไรสุทธิ 4,154 ล้าน พร้อมเปิดแผนลงทุน 5 ปี ด้วยงบ 1.21 แสนล้านบาท</a>​</p><p>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

ไมเนอร์ฯ เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 พลิกกำไร 1,146 ล้านบาท ผลดีจากกำไรค่าเงินฯ 919 ล้านบาท

<div>
	<strong><span style="color:#b22222;">Minor Hotel Group (MHG)</span> ผู้ประกอบการเชนโรงแรมยักษ์ใหญ่สัญชาติไทย ภายใต้ชื่อ <span style="color:#b22222;">Anantara</span> กำลังเดินหน้าหา &ldquo;โอกาส&rdquo; ขยายเครือข่ายโรงแรมทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดยุโรป เนื่องจาก ค่าเงินยูโรและปอนด์ ที่อ่อนตัวลง ทำให้สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในราคาที่ถูก</strong><br />
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">William Heinecke</span> ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีของบริษัท ที่จะเข้าตลาดยุโรป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เปิดเผยว่า ประเทศไหนที่บริษัทจะเข้าไปในปีนี้ แต่บอกว่า ทุกที่บนโลกใบนี้คือ &ldquo;โอกาส&rdquo; ของเขา และการตัดสินใจของบริษัทจะรวดเร็วเสมอ เมื่อคิดที่จะลงทุนในประเทศใด</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	การเข้าตลาดยุโรป บริษัทจะใช้ออฟฟิศที่ Portugal ซึ่งเป็นไปได้ ที่จะตั้งอยู่ที่กรุง Lisbon เมืองหลวง ที่บริษัทมีโรงแรมในเครือตั้งอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้เป็นฐานที่มั่น ขยายไปในภูมิภาคนี้ หลังจากวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในโรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli</span> ใน Portugal และ Brazil ด้วยเงิน 168 ล้านเหรียญ จุดมุ่งหมายเพื่อขยายธุรกิจโรงแรมสู่ 2 ทวีปใหม่ ซึ่ง Brazil จะเป็นฐานสำคัญ ที่จะขยายเข้าสู่ตลาดอเมริกาใต้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจในตลาดสหรัฐฯอีกด้วย</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	กลุ่มไมเนอร์มีทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร ก่อตั้งโดย <span style="color:#b22222;">Heinecke </span>คนไทยเชื้อสายอเมริกัน อายุ 65 ปี ตั้งบริษัทเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันบริษัทได้เติบโตกลายเป็นกลุ่มโรงแรมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ช่วงเริ่มก่อตั้งธุรกิจ บริษัทใช้เชนโรงแรมต่างชาติเข้าบริหาร ต่อมาได้ริเริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเอง &nbsp;ปัจจุบันมี <span style="color:#b22222;">Anantara</span> (5 ดาว) มีอายุ 15 ปีและ <span style="color:#b22222;">AVANI</span> (4 ดาวครึ่ง) เปิดตัวในปี 2554 ไม่รวมแบรนด์ที่ไปซื้อกิจการในต่างประเทศเช่น <span style="color:#b22222;">Per AQUUM</span> (5 ดาว) <span style="color:#b22222;">Elewana</span> (5 ดาว) และ <span style="color:#b22222;">Oaks </span>(4 ดาว) นอกจากนี้ ยังมีนำเชนต่างประเทศเข้ามาบริหารโรงแรมของบริษัทเช่น St. Regis, Four Seasons และ JW Marriott เป็นต้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 3.98 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท ปี 2556 รายได้รวม 3.69 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ล่าสุด บริษัทได้เปลี่ยนชื่อโรงแรม <span style="color:#b22222;">Four Seasons Bangkok</span> เป็นโรงแรม<span style="color:#b22222;"> Anantara Siam Bangkok </span>ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากหมดสัญญาบริหาร โดยก่อนหน้าเป็น Four Seasons ก็ใช้แบรนด์โรงแรม Regent และ Peninsula บริหาร ซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์ 32 ปีของโรงแรมนี้&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า นโยบายบริษัทจากนี้ ไมเนอร์จะใช้แบรนด์ Anantara เป็นหลักกับโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของหรือหมดอายุการบริหารของเชนต่างชาติหรือไม่ &nbsp;ซึ่ง Heinecke บอกว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายทั้งสองส่วน ทั้งขยายแบรนด์ตัวเองและจ้างเชนต่างชาติอื่นเข้ามาบริหารในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนหลังนี้ บริษัทมีความสัมพันธ์กับเชนเหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้ว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	การขยายเครือข่ายไปทั่วโลก <span style="color:#b22222;">Heinecke</span> บอกว่า เพื่อตอกย้ำจุดมุ่งหมายเป็น &ldquo;global company&rdquo; ซึ่งเขาคุยว่า ขณะนี้ บริษัทได้กลายเป็นบริษัทระดับโลกไปแล้ว จากนี้บริษัทจะขยายการลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งซื้อกิจการ ร่วมทุนกับนักลงทุน หรือเข้าไปบริหารโรงแรมให้กับเจ้าของโรงแรมในต่างประเทศ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับโอกาสและตลาดที่เข้าไปว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการใช้แบรนด์โรงแรมในตลาดใด ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของตลาดนั้นๆ&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ณ ขณะนี้ บริษัทมีงบลงทุนทั้งสิ้น 2.6 หมื่นล้านบาท ราว 5.37 พันล้านบาทของงบเป็นเงินสดของบริษัท อย่างไรก็ตาม งบนี้ค่อนข้างจะยืดหยุ่น บริษัทอาจจะใช้มากกว่านี้ หากมีโอกาสพบการลงทุนที่ดีๆ ซึ่งไม่สามารถที่จะรอได้ &nbsp;&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ไม่ใช่ตลาดต่างประเทศมีแต่โอกาสตลาดไทยก็ยังมีไม่แพ้กัน ทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด แม้ว่ายังถูกรุมเร้าด้วยปัญหา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องการเมืองและยังมีการบังคับใช้กฎอัยการศึกอยู่ แต่ <span style="color:#b22222;">Heinecke</span> ก็ยังมองว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยัง &ldquo;สดใส&rdquo; อยู่ เนื่องจากคนต่างชาติยังเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปีนี้และอนาคต &nbsp; &nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในปี 2557 ไมเนอร์มีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ 119 แห่งใน 18 ประเทศ ขณะนี้ได้ขยายเป็น 126 โรงแรม ใน 22 ประเทศ รวมกว่า 16,000 ห้อง ล่าสุด ได้เปิดโรงแรม 2 แห่งคือ Banana Island Resort Doha by Anantara ขนาด 141 ห้องในประเทศ Qatar และ AVANI Seychelles Barbarons Resort &amp; Spa ขนาด 124 ห้องประเทศสาธารณรัฐเซเชลส์ (Republic of Seychelles)<br />
	<br />
	<br />
	<div>
		<strong>ข่าวอื่นๆ:</strong></div>
	<ul>
		<li>
			<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=298">MINT เข้าซื้อโรงแรมเครือ Tivoli ตั้งฐานเจาะตลาดอเมริกาใต้-ยุโรป</a></li>
		<li>
			<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=88">ผุดโรงเรียนอาหารไทยกลางทองหล่อ "เชฟโลก" รับประกัน</a></li>
	</ul>
</div>
<div>
	<br />
	<br />
	&nbsp;</div>

ลุยตลาดยุโรป ช็อปโรงแรมถูก ยุคค่าเงินยูโร-ปอนด์อ่อนตัว

<div style="text-align: center;">
	<span style="color:#696969;"><span style="font-size:11px;">บรรยากาศโรงแรม Tivoli Ecoresort ที่บราซิล</span></span></div>
<br />
<div>
	<strong>28 มกราคม 2558 - ไมเนอร์ฯ ประเดิมปี 2558 ด้วยการเข้าซื้อกิจการกลุ่มโรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli</span> รวม 6 แห่ง ในบราซิลและโปรตุเกส ด้วยเงิน 168 ล้านยูโร เดินหน้าขยายกิจการครอบคลุมทั่วโลก</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<br />
	<span style="color:#b22222;">บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)</span> หรือ MINT แถลงเข้าซื้อกิจการโรงแรมในเครือ <span style="color:#b22222;">Tivoli Hotels &amp; Resorts</span> &nbsp;4 แห่งในประเทศโปรตุเกส และ 2 แห่งในประเทศบราซิล ด้วยเงินทุนทั้งหมด 168 ล้านยูโร ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้ทั้งสองประเทศเป็นฐานสำหรับขยายธุรกิจของ MINT ในทวีปอเมริกาใต้และยุโรปต่อไป&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	กลุ่มโรงแรม Tivoli ก่อตั้งในปี 1933 นับเป็นเชนโรงแรมระดับห้าดาวขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศโปรตุเกส มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 14 แห่ง ตั้งในอยู่โปรตุเกส 12 แห่ง และในบราซิล 2 แห่ง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	โรงแรมสองแห่งในบราซิลได้แก่ โรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli Sao Paulo Mofarrej</span> ที่ Sao Paulo และโรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli Ecoresort Praia do Forte</span> ที่ Salvador รวมห้องพักกว่า 500 ห้อง พร้อมทั้งสิทธิในแบรนด์ Tivoli Hotels &amp; Resorts ในประเทศบราซิล และโรงแรมสี่แห่งในโปรตุเกสได้แก่ โรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli Lisboa</span> ที่เมืองหลวง Lisbon โรงแรม <span style="color:#b22222;">Tivoli Marina Vilamura</span>,<span style="color:#b22222;"> Tivoli Marina Portimao</span> และ <span style="color:#b22222;">Tivoli Carvoeiro</span> ในแคว้น Algrave ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีห้องพักรวมกันทั้งหมดกว่า 1,100 ห้อง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	โรงแรมทั้ง 6 แห่ง ยังจะดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ <span style="color:#b22222;">Tivoli</span> และ <span style="color:#b22222;">Tivoli Collection</span> ซึ่งเป็นของ <span style="color:#b22222;">Tivoli Hotels &amp; Resorts</span> ต่อไป &nbsp;นอกจากนี้ MINT และ Tivoli ยังทำข้อตกลงร่วมกันในด้านการตลาด และการขายห้องพักของโรงแรมในแบรนด์ของ Tivoli ทั้ง 14 แห่ง ซึ่งมีห้องพักรวมกันมากกว่า 2,900 ห้อง ทั้งในบราซิลและโปรตุเกส<br />
	<br />
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/Tivoli_Carvoeiro_View.jpg" /></div>
<div style="text-align: center;">
	<span style="font-size:11px;"><span style="color:#696969;">โรงแรม&nbsp;Tivoli Carvoeiro ในโปรตุเกส</span></span></div>
<div>
	<br />
	<span style="color:#b22222;">William E Heinecke</span> ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไมเนอร์ฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มุ่งขยายธุรกิจในเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จนเริ่มสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทแล้ว เราจึงหาโอกาสขยายธุรกิจให้ครอบคลุมระดับโลกมากขึ้น เพื่อการเติบโตในระยะยาว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">"โรงแรมในบราซิลจะทำให้ MINT รับรู้รายได้และกำไรทันที หลังจากเข้าซื้อกิจการ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีฐานปฏิบัติงานในบราซิล ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายแบรนด์และธุรกิจอื่นของ MINT ในทวีปอเมริกาใต้ นอกจากนี้การเข้าซื้อโรงแรมในโปรตุเกส นับเป็นจุดเริ่มของการขยายธุรกิจสู่ทวีปยุโรป"</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Dillip Rajakarier</span> ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการไมเนอร์ฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป (MHG) เสริมว่าหลังจากเข้าซื้อ Oaks Hotels &amp; Resorts ในประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2554 &nbsp;<span style="color:#b22222;">MHG</span> ได้เข้าลงทุนในโรงแรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะโรงแรมแบรนด์หรูในมัลดีฟส์ โรงแรมระดับบนเวียดนามและกัมพูชา และปีที่ผ่านมายังรุกเข้าสู่ทวีปแอฟริกา</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ใน <em><span style="color:#b22222;">Forbes Thailand</span></em> ฉบับกรกฎาคม 2557 &ldquo;โรงแรมไทยก็ไปท่องโลก&rdquo; <span style="color:#b22222;">Rajakarier</span> ยังย้ำว่า การก้าวไปสู่ต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">&ldquo;การไปต่างประเทศ กล้าพูดว่าเราเป็นพี่ใหญ่ในวงการ ทุกที่ที่เราไปจะมีคนอื่นตาม เราเป็นเจ้าแรกที่ไปตะวันออกกลาง ศรีลังกา มัลดีฟส์ และแอฟริกา การไปวางรากฐานก่อนคนอื่น ทำให้เราได้รับประโยชน์ก่อน และได้เรียนรู้ก่อนที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ&rdquo;</span></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">MHG</span> เป็นเชนโรงแรมไทยที่เติบโตเร็วสูงสุดด้วยทรัพย์สิน 87 แห่งใน 14 ประเทศ ภายใต้ 5 แบรนด์หลัก ได้แก่ Anantara (5 ดาว), AVANI (4 ดาวครึ่ง), Per AQUUM (5 ดาว), Elewana (5 ดาว) และ Oaks (4 ดาว) สองแบรนด์แรกเป็นแบรนด์ไทย ส่วนที่เหลือมาจากการซื้อกิจการและร่วมทุน ในปี 2561 คาดว่ารายได้จากโรงแรมในต่างประเทศจะคิดเป็น 54% ของรายได้โรงแรมทั้งหมด</div>
<div>
	<br />
	<br />
	&nbsp;</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events