<h2>เมื่อค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง กลายเป็นปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น จนล่าสุดทั้งร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเริ่มพิจารณาการเก็บค่าบริการ ‘ราคาพิเศษ’ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนแล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ระบบการคิดค่าบริการจากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่าผู้ใช้บริการในประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในประเทศพัฒนาแล้วก็ใช้ระบบนี้ แต่ในกลุ่มชาวญี่ปุ่นบางส่วนกังวลว่า หากนำระบบนี้มาใช้จริงอาจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับบน และอาจทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มลดลงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หลายธุรกิจมองว่าระบบนี้ไม่ใช่ ‘การเอาเปรียบ’ นักท่องเที่ยว แต่เป็น ‘ความจำเป็นเร่งด่วน’ โดยให้เหตุผลถึงค่าแรงที่สูงขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จะให้เราคิดราคาของคนในท้องที่ซึ่งพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก มาใช้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องให้บริการพิเศษด้วยภาษาอังกฤษได้อย่างไรกันครับ?” Shogo Yonemitsu เจ้าของร้านอาหารบุฟเฟต์อาหารทะเล Tamatebako ในเขตชิบูย่าอันคึกคักกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร้าน Tamatebako ได้เริ่มแบ่งราคาบุฟเฟต์พร้อมเครื่องดื่มเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติราคา 7,678 เยน (ในวันธรรมดา) สำหรับชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่นจะคิดราคาเพียง 1,100 เยนเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในแต่ละวันเรามีลูกค้า 100-150 คน พื้นที่ภายในร้านจะรองรับลูกค้าได้ 35 ที่นั่ง ทุกวินาทีจึงเป็นเหมือนสงครามที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เราต้องใช้เวลาที่มากกว่าในการดูแลลูกค้าต่างชาติ เช่น อธิบายว่าบุฟเฟต์ของเราเป็นอย่างไร ต้องย่างแบบไหน ทานอย่างไร โดยใช้ภาษาอังกฤษ” Yonemitsu อธิบายพร้อมชี้ว่าร้านต้องเพิ่มค่าแรงเพื่อจ้างพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ รวมทั้งยังต้องมีการอบรมพิเศษเพื่อบริการลูกค้าต่างชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ร้านอาหารบางแห่งแก้ปัญหาโดยการขึ้นราคาเมนู แต่ Yonemitsu มองว่าการคิดราคาพิเศษกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สูงกว่าชาวญี่ปุ่นและคนในพื้นที่นั้นไม่ยุติธรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พนักงานหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ทำงานร้านอาหารไทยย่านโตเกียวมองว่า ระบบคิดค่าบริการ 2 ราคาเป็นเรื่องที่ดี “ยิ่งตอนนี้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง ฉันคิดว่าจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มก็ไม่เป็นไร” เพื่อนร่วมงานของเธอก็บอกว่าที่ไทยเองก็มีการเก็บเงินชาวต่างชาติคนละราคากับคนในประเทศเช่นกัน โดยจะเห็นได้ตามวัดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;องค์กรที่เป็นผู้ดูแลสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่นเองก็พิจารณาจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม เนื่องจากผู้มาเยือนจำนวนมหาศาลทำให้ค่าดูแลและบำรุงรักษาสถานที่สูงขึ้นตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น นายกเทศมนตรีประจำเมืองฮิเมจิ เปิดเผยว่า กำลังวางแผนที่จะเก็บค่าเข้าชมปราสาทฮิเมจิจากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้สูงกว่าชาวญี่ปุ่น 4 เท่า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/s8SyFVXgMdpBsqFPBB3p.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="s8SyFVXgMdpBsqFPBB3p.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>ปราสาทฮิเมจิ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทเก่าแก่ยุคต้นศตวรรษที่ 17 สร้างจากไม้ทั้งหลัง และค่าเข้าชมปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 เยนสำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดย UNESCO และสมบัติของชาติญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดโอซาก้าก็กำลังหารือเกี่ยวกับการเก็บภาษีพิเศษกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยอาจเริ่มในเดือนเมษายนปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่จะมีการจัดงาน World Exposition 2025 ทั้งนี้ เพื่อนำรายได้มาใช้บริหารจัดการกับนักท่องเที่ยวที่ล้นทะลักล้นเข้ามานั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าทั้งธุรกิจและองค์กรต่างๆ ควรไตร่ตรองให้ดี และระมัดระวังในการอธิบายเหตุผลที่จะนำระบบคิดค่าบริการ 2 ราคา ซึ่งจะเก็บเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่าคนในพื้นที่มาใช้ เช่น ควรชี้แจงว่าราคาที่แพงขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ผู้มาเยือนจะได้รับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Loyalty Marketing Inc. บริษัทผู้เชี่ยวชาญข้อมูลการตลาดในญี่ปุ่นได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับระบบคิดค่าบริการ 2 ราคาและเผยแพร่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า เกือบ 60% ของผู้ทำแบบสำรวจในประเทศเห็นด้วยกับการนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ โดยผู้ทำแบบสำรวจบางส่วนแนะนำว่าหากจะเก็บเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม ควรมีบริการเป็นภาษาต่างประเทศในหลายภาษา มีคู่มือ มีบริการพิเศษ หรือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มอบให้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นักท่องเที่ยวหากมีมากในระดับหนึ่งนับเป็นเรื่องดี แต่หากมีมากเกินไปก็อาจเป็นปัญหา” Nick Sakellariou นักท่องเที่ยวจากสวีเดนที่มาเยือนญี่ปุ่นเห็นด้วยว่าควรคิดค่าบริการต่างๆ กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ในช่วงเวลาที่การท่องเที่ยวญี่ปุ่นมีเสียงตอบรับมากกว่าปกติ ทั้งนี้เขาก็แสดงความคิดเห็นอีกมุมมองหนึ่งว่าหากเป็นประเทศบ้านเกิดของเขา ระบบ 2 ราคานี้อาจถูกมองว่าเป็น ‘การเหยียดเชื้อชาติ’ หรือ ‘การกีดกันทางเชื้อชาติ’&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าระบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และหลายสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกมีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกันมากขึ้น โดยเฉพาะที่ที่เจอปัญหาภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง เช่น เวนิสในอิตาลีที่เก็บเงินค่าเข้าเมือง 5 ยูโรต่อวัน หรืออุทยานแห่งชาติไดมอนด์ เฮดในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนรัฐฮาวายเข้าได้ฟรี แต่นักท่องเที่ยวจากต่างรัฐและต่างชาติต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 5 เหรียญสหรัฐฯ แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://english.kyodonews.net/news/2024/07/cfee8bb5ac20-focus-surge-in-inbound-tourists-pushes-japan-to-explore-dual-pricing.html" alt="Surge in inbound tourists pushes Japan to explore dual pricing">Surge in inbound tourists pushes Japan to explore dual pricing</a>​ภาพ: Unsplash เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/american-express-high-earning-thai-plan-for-travel-2024" alt="‘คนไทยรายได้สูง’ กว่า 55% วางแผนเที่ยว 3-4 ครั้งในปี 67 ส่วนใหญ่อยากไปเชียงใหม่-ภูเก็ต">‘คนไทยรายได้สูง’ กว่า 55% วางแผนเที่ยว 3-4 ครั้งในปี 67 ส่วนใหญ่อยากไปเชียงใหม่-ภูเก็ต</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สายเที่ยวญี่ปุ่นเตรียมเจอ ‘ราคาชาวต่างชาติ’ รับมือคนเที่ยวล้นหลังเยนอ่อนค่า

<h2>เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เตรียมออกกฎห้ามปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยระยะสั้น หลังมีเสียงร้องเรียนมากมายว่าการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยว ส่งผลต่อวิกฤตขาดแคลนที่อยู่อาศัยของผู้คนในท้องถิ่น และค่าเช่าก็แพงขึ้นเรื่อยๆ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jaume Collboni นายกเทศมนตรีเมืองบาร์เซโลนาเผยว่า ทางการจะหยุดให้ใบอนุญาตการปล่อยเช่าใหม่และจะไม่ต่อใบอนุญาตที่เคยออกไปแล้ว ดังนั้นในปี 2029 จะไม่มีบ้านหลังใดสามารถปล่อยเช่าเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวได้อีกต่อไป โดยปัจจุบันมีบ้านราว 10,000 หลังที่ลงทะเบียนปล่อยเช่าแก่นักท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยมากกว่านี้ และมาตรการที่เรานำเสนอก็เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่อยู่อาศัยมากเพียงพอ แรงงานชนชั้นกลางจะได้ไม่ต้องออกจากเมืองเพราะจ่ายค่าบ้านไม่ไหว” Collboni กล่าว พร้อมชี้สถานการณ์ในบาร์เซโลนาว่า “ค่าเช่าที่พุ่งสูงยังคงแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บาร์เซโลนาคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของสเปน โดยในปี 2023 มีจำนวนผู้มาเยือนราว 16 ล้านคน อ้างอิงตัวเลขจาก Barcelona Tourism Observatory ซึ่งการมาของนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนท้องถิ่น โดยสิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือการแย่งที่อยู่อาศัยจากการปล่อยเช่าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Airbnb&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Collboni เผยว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ค่าเช่าที่อยู่อาศัยพุ่งสูง ทำให้จำนวนชาวเมืองที่จ่ายค่าเช่าไม่ไหวเพิ่มขึ้นราว 68% โดยราคาค่าเช่าต่อตารางเมตรในบาร์เซโลนาเพิ่มขึ้นถึง 14% ในระยะเวลาเพียง 12 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2023-2024 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดจากบรรดาเมืองต่างๆ ทั้งหมดของสเปน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Isabel Rodriguez รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสเปนกล่าวสนับสนุนการตัดสินใจของบาร์เซโลนาผ่านทางแพลตฟอร์ม X ว่า “ทั้งหมดคือการตัดสินใจลงมือทำสิ่งจำเป็นเพื่อการันตีว่าประชาชนจะมีที่อยู่ในราคาเอื้อมถึงได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้เช่นกัน Apartur สมาคมอะพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่าเพื่อการท่องเที่ยวกล่าวในแถลงการณ์ว่า “Collboni กำลังทำสิ่งที่ผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ปัญหาความยากจนและคนตกงานทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น” ทั้งยังอาจมีการเปิดอะพาร์ตเมนต์ให้นักท่องเที่ยวเช่าแบบผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยังมีเมืองอื่นๆ อีกมากมายทั่วโลกกำลังเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกัน และต่างออกมาตรการรับมือกับปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ เช่น นิวยอร์ก แวนคูเวอร์ และโตเกียว บังคับให้เจ้าของต้้องอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ปล่อยเช่าด้วย ส่วนซานฟรานซิสโกและซีแอตเทิลจำกัดจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ถือครองคนหนึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ เมืองยอดนิยมฝั่งยุโรปอย่างลอนดอน ปารีส และอัมสเตอร์ดัมมีการจำกัดจำนวนคืนที่สามารถปล่อยเช่าอะพาร์ตเมนต์ได้ในแต่ละปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมืองเบอร์ลินในประเทศเยอรมนีนับว่ามีมาตรการเด็ดขาดที่สุด โดยในปี 2016 เสนอให้ห้ามปล่อยเช่าบ้านทั้งหลังในระยะสั้น ซึ่งปรากฏว่าไม่สามารถทำได้จริง แต่ทางเบอร์ลินก็รื้อมาตรการข้อนี้มาหารือใหม่อีกครั้งในปี 2018 ลงเอยที่มีการผ่อนปรนความเข้ดงวดลงบางส่วนและเพิ่มค่าปรับในกรณีที่ทำผิดกฎ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองนับเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก แม้การท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญทางหนึ่งของประเทศก็ตาม โดยนอกจากปัญหาที่อยู่อาศัยแล้ว นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนในแต่ละท้องถิ่น บางกลุ่มก็ละเมิดกฎชุมชน รุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคล ตลอดสร้างความเสียหายต่างๆ แก่สิ่งปลูกสร้างและสิ่งแวดล้อม จนผู้คนในหลายเมืองออกมาประกาศว่าไม่ต้องการต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกต่อไป แปลและเรียบเรียงจาก​<a href="https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-06-21/barcelona-plans-to-ban-all-short-term-rentals-for-tourists-from-2029" alt="Barcelona Plans to Ban All Short-Term Rentals for Tourists From 2029">Barcelona Plans to Ban All Short-Term Rentals for Tourists From 2029</a>​ <a href="https://www.theguardian.com/world/article/2024/jun/22/barcelona-to-ban-apartment-rentals-to-tourists-in-bid-to-cut-housing-costs" alt=" Barcelona to ban apartment rentals to tourists in bid to cut housing costs">Barcelona to ban apartment rentals to tourists in bid to cut housing costs</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/china-biggest-millionaires-exodus-2024" alt="มหาเศรษฐีโลกย้ายถิ่น! จีนอันดับ 1 คาด 15,200 คนออกนอกประเทศภายในปีนี้">มหาเศรษฐีโลกย้ายถิ่น! จีนอันดับ 1 คาด 15,200 คนออกนอกประเทศภายในปีนี้</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บาร์เซโลนา เตรียมคุมเข้ม ‘ห้ามปล่อยเช่าที่พัก’ ให้นักท่องเที่ยว หลังชาวเมืองประสบปัญหาค่าเช่าแพง ไม่มีที่อยู่

<h2>นักท่องเที่ยวที่มุมหนึ่งพารายได้เข้าประเทศ ก็อาจเป็นตัวปัญหาที่สร้างความวุ่นวายด้วยเช่นกัน และประเทศญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเขาไฟฟูจิจนล้น มิหนำซ้ำยังทำพฤติกรรมไม่ดี จนทางการต้องประกาศตั้งกำแพงกั้นทัศนีภาพไม่ให้ถ่ายรูปเสียเลย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ญี่ปุ่นเตรียมตั้งกำแพงตาข่ายสูง 2.5 เมตร ยาว 20 เมตร กั้นทัศนียภาพภูเขาไฟฟูจิบริเวณจุดถ่ายรูปยอดนิยม รับมือปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาตินิสัยเสีย โดยจะเริ่มต้นในสัปดาห์ถัดไป อ้างอิงจากประกาศของเจ้าหน้าที่ประจำเมือง Fujikawaguchiwa ในวันนี้ (ศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567)&nbsp; &nbsp;&nbsp;เขาเผยกับ AFP ว่า “เราเสียใจที่ต้องทำแบบนี้ แต่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่สามารถเคารพกฎได้” มีการทิ้งขยะเกลื่อนกลาด และเพิกเฉยต่อกฎจราจร&nbsp; &nbsp;&nbsp;นับเป็นการลงมือแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองล่าสุดของญี่ปุ่น ถัดจากการที่เขตพำนักของเกอิชาในเกียวโตสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าในปีนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ปีนี้เป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนญี่ปุ่นจำนวนมหาศาล แค่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียวก็มีจำนวนทะลุ 3 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์&nbsp; &nbsp;&nbsp;ภูเขาไฟฟูจิ คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยว โดยเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น สามารถถ่ายภาพอันงดงามได้จากหลายจุดในเมือง Fujikawaguchiko แต่จุดที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษจนต้องมีการกางตาข่ายกั้น สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังร้านสะดวกซื้อ Lawson ซึ่งอันที่จริงก็เป็นร้านที่พบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ประจำเมืองคนหนึ่งอธิบายว่า การตัดกันของทัศนียภาพธรรมชาติกับร้านสะดวกซื้อ กลับกลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลในมุมมองที่ว่าภาพนี้มีความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก จนโด่งดังและกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมในที่สุด&nbsp; &nbsp;&nbsp;“นักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติมาออกันเต็มทางเท้าข้างร้าน Lawson จนล้นเลยครับ” เขากล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;หลังจากที่ป้ายจราจรและคำเตือนจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่สามารถส่งไปถึงเหล่านักท่องเที่ยวที่เพิกเฉย ทางหน่วยงานประจำเมืองจึงตัดสินใจปิดกั้นทัศนียภาพนี้ในที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อป้องกันไมให้่คลินิกทันตกรรมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันได้รับผลประทบไปด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลายคนมาจอดรถโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งยังปีนขึ้นไปบนหลังคาคลินิกเพื่อถ่ายรูป&nbsp; &nbsp;&nbsp;“เราหวังไม่ให้มันมาถึงจุดนี้ครับ” เจ้าหน้าที่ประจำเมืองเผย พร้อมเสริมว่าการติดตั้งกำแพงกั้นนี้จะคงอยู่ไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;การท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้รับความนิยมถล่มทลายนับตั้งแต่มีการเปิดประเทศหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านพ้น และทางรัฐบาลก็ทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ใช่ว่าทุกที่ในญี่ปุ่นจะยินดีด้วย เช่น เมืองเกียวโตซึ่งบรรดาผู้คนที่พักอาศัยในบริเวณนั้นต่างออกมาร้องเรียนที่บรรดานักท่องเที่ยวถ่ายรูปโดยไม่ให้เกียรติเกอิชา&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ฤดูร้อนปีนี้ นักปีนเขาที่เลือกใช้เส้นทางปีนภูเขาฟูจิยอดนิยมจะต้องจ่ายเงิน 13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน อีกทั้งยังมีการจำกัดจำนวนคนเพื่อลดความแออัด&nbsp; &nbsp;&nbsp;โดยนอกจากญี่ปุ่นแล้ว จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำแห่งอื่นทั่วโลกก็กำลังเผชิญปัญหานักท่องเที่ยวมหาศาลเช่นกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นครเวนิส ประเทศอิตาลี ก็เริ่มมีการเก็บเงินผู้มาเยือนรายวันเพื่อรับมือกับภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.channelnewsasia.com/asia/japan-town-block-mount-fuji-view-troublesome-tourist-tourism-4294376#:~:text=TOKYO%3A%20A%20huge%20black%20barrier,of%20badly%20behaved%20foreign%20tourists" alt="Japan town to put up 2.5m barrier to block view of Mount Fuji">Japan town to put up 2.5m barrier to block view of Mount Fuji</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/travel/japan-hotel-prices-near-30-year-high" alt="ค่าโรงแรม ‘ญี่ปุ่น’ แพงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์">ค่าโรงแรม ‘ญี่ปุ่น’ แพงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปิดตำนานวิวฟูจิหลังร้าน Lawson ญี่ปุ่นเตรียมกางตาข่ายกั้น หลังนักท่องเที่ยวไม่สนกฎจราจร ทิ้งขยะเกลื่อน

<h2>จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในยุโรปต้องรับมือกับผลเสียจากภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) อย่างเวนิสที่จัดให้มีค่าเข้า ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือนอะโครโพลิสในเอเธนส์ต้องจองเวลาเสียก่อน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บนเกาะในประเทศสเปนนาม Mallorca ความเคลื่อนไหวสุดบ้าบิ่นดึงความสนใจจากทั่วโลก ด้วยความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และยังจุดประกายให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ก็เพื่อกันนักท่องเที่ยวออกจากทะเลสีฟ้าสดใสและแนวชายฝั่งอันงดงาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยามเผชิญการสูญเสียแดนสวรรค์ของพวกเขาให้กับมวลนักท่องเที่ยวมหาศาล กลุ่มนักเคลื่อนไหวในท้องถิ่น Caterva จึงใช้วิธีการสุดสร้างสรรค์เพื่อตอบโต้การรุกรานดังกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/kVx3ebPPFijGefujt4zg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="kVx3ebPPFijGefujt4zg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="958,636" style="" data-index="0"></figure></div>ชายหาดบนเกาะ Mallorca อันแสนงดงาม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พวกเขาติดตั้งป้ายเตือนปลอมๆ ขึ้นตามชายหาดซึ่งเป็นที่นิยมสูงสุดใน Mallorca แม้ดูปกติในสายตาผู้สัญจรผ่านไปมา บนป้ายเหล่านี้กลับปรากฏข้อความชวนวิตกเป็นภาษาอังกฤษว่า “อันตราย แมงกะพรุน” หรือ “ระวังหินหล่น” หรือ “ห้ามว่ายน้ำ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม จุดหักมุมอันชาญฉลาดคือข้อความอีกส่วนซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นอย่างภาษาคาตาลัน โดยเขียนไว้ด้านคำเตือนตัวใหญ่เพื่อเผยเจตนาแท้จริงของป้ายเหล่านี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่บรรดานักท่องเที่ยวเข้าใจพวกเขากำลังเผชิญกับอันตราย คนท้องถิ่นที่แกะข้อความเหล่านี้ออกจะพบกับประโยคแสนอาจหาญว่า “ปัญหาไม่ใช่หินหล่น แต่เป็นนักท่องเที่ยวล้น” หรือไม่ก็ถ้อยคำเสียดสีอย่าง ชายหาด “เปิด แต่ไม่ใช่สำหรับนักท่องเที่ยวและแมงกะพรุน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้หัวรุนแรงแต่ก็ยอดเยี่ยม ข้อความกำกวมเหล่านี้เผยให้เห็นภัยอันตรายแท้จริง นั่นคือการที่นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่เกาะ ในปี 2012 นักท่องเที่ยวกว่า 16 ล้านคนแห่มาเยือนหมู่เกาะ Balearic ส่วนที่ Mallorca เพียงสิงหาคมเดือนเดียวก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงกว่าจำนวนประชากรผู้พำนักบนเกาะเสียอีก คาดการณ์ว่าตัวเลขในปีนี้อาจทะยานสูงยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ Mallorca และเกาะใกล้เคียงต่างๆ ต้องดิ้นรนต่อสู้กับนักท่องเที่ยวนิสัยเสีย ติดแอลกอฮอล์ ทั้งยังโหวกเหวกโวยวาย รวมถึงผลพวงสุดโกลาหลที่ตามมาอย่างหนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาตรการเข้มงวดต่างๆ ถูกนำมาใช้ ตั้งแต่ห้ามสูบบุหรี่บนชายหาดไปจนจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อได้ แต่แม้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและรัฐบาลของ Balearic บังคับใช้กฎกติกาที่รัดกุมเพียงใดก็ยากจะหยุดยั้งนักท่องเที่ยวที่มากมายมหาศาลจนล้นเมือง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/KSFm7mcbyaQ5qZvLCkQw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="KSFm7mcbyaQ5qZvLCkQw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="960,640" style="" data-index="1"></figure></div>ทะเลสีฟ้าสดใสแห่ง Mallorca &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความตั้งใจของ Caterva คือสร้างความตื่นรู้แก่ผู้พำนักในท้องถิ่นว่าสถานการณ์นี้เร่งด่วนแค่ไหน และรีบพลิกสถานการณ์นักท่องเที่ยวล้นเมืองก่อนจะสายเกินแก้ บนทวิตเตอร์หรือเอ็กซ์ของ Caterva ทางกลุ่มเผยว่าแคมเปญนี้เป็นเรื่องขำขันเล็กน้อยเพื่อตอบโต้ “la #massificacio turistica” (แปลได้ว่า “การทะลักล้นเข้ามาของนักท่องเที่ยว”)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญดังกล่าวยังจุดประกายการโต้เถียงสุดร้อนแรงเกี่ยวกับ Mallorca และอื่นๆ นักวิจารณ์ชี้ว่าวิธีการเช่นนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของทางเกาะแปดเปื้อน ตรงข้ามกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่ชื่นชนนักเคลื่อนไหวเหล่านี้สำหรับวิธีการสุดแหกคอกแต่ทรงพลัง โดยสาระสำคัญของประเด็นนี้คือสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ธรรมชาติแสนงดงามของ Mallorca&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งความเคลื่อนไหวนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่ม Caterva ก็ผลักให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องเร่งลงมือ แผนการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และการริเริ่มให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แปลและเรียบเรียงจาก This Beautiful European Island Has A Clever Way To Keep Tourists Away ซึ่งเผยแพร่บน Forbes &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71136" alt="&quot;SABINA&quot; คว้ารางวัล Consumer Choice จากช้อปปี้ พร้อมอัดแคมเปญ &quot;Shopee 9.9&quot; ดันกำลังซื้อไตรมาส 3">"SABINA" คว้ารางวัล Consumer Choice จากช้อปปี้ พร้อมอัดแคมเปญ "Shopee 9.9" ดันกำลังซื้อไตรมาส 3</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events