<h2 class="p1">จะเป็นอย่างไรเมื่อผู้บริหารการตลาด Rachel Drori ตัดสินใจลาออกจากงานในปี 2015 เพื่อเริ่มทำธุรกิจสมูทตี้อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า ณ ตลาดกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ</h2>
<img class="alignnone wp-image-64476" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/960x0-1.jpeg" alt="Rachel Drori" width="720" height="561" />
“ฉันก่อตั้ง Daily Harvest ขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าอาหารสามารถหล่อเลี้ยงทั้งมนุษยชาติและโลกใบนี้ได้อย่างไร ด้วยการทำให้การทานผักและผลไม้เป็นเรื่องง่าย” Rachel Drori ให้สัมภาษณ์กับ Forbes “เรากำลังวางรากฐานสำหรับอนาคตที่ดีกว่า”
สำหรับ Drori แล้ว จุดเริ่มต้นของ Daily Harvest มาจากความต้องการทานอาหารว่างที่สะดวกและดีต่อสุขภาพของเธอ ที่นำมาซึ่งการทำสมูทตี้สำหรับพร้อมดื่มและแช่แข็งให้กับตนเองและครอบครัว กระทั่งในเวลาต่อมาก็ได้นำมาสู่การเปิดตัวบริการจัดส่งอาหารแช่แข็งที่ทำมาจากพืช Daily Harvest ซึ่งสร้างรายได้สูงถึง 250 ล้านเหรียญ ในปี 2020
ล่าสุด บรรดานักลงทุนกว่า 24 รายร่วมระดมทุนในรอบซีรีส์ D เป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญ นำโดยนักบาสเกตบอล Carmelo Anthony (L.A. Lakers), Blake Griffin (Brooklyn Nets) และ Kemba Walker (NY Knicks), นักกีฬา NFL Jared Goff (Detroit Lions), นักเทนนิส Serena Williams, นักแสดง Gwyneth Paltrow และเชฟ Bobby Flay ส่งผลให้ธุรกิจมีมูลค่าแตะ 1.1 พันล้านเหรียญ
นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ Drori วัย 39 ปี มีรายชื่อปรากฏในทำเนียบการจัดอันดับ “America’s Richest Self-Made Women” สตรีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองซึ่งมั่งคั่งที่สุดในสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 8 ประจำปี 2022” ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 350 ล้านเหรียญ จากการถือหุ้นร้อยละ 35 ใน Daily Harvest 
โดยกลยุทธ์หลัก คือ การทำงานร่วมกับเกษตรกรโดยตรง ซึ่งมีประมาณ 400 คนในแคลิฟอร์เนียไปจนถึงนิวยอร์ก เพื่อให้พวกเขาแช่แข็งผลิตผลภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเก็บเกี่ยว แล้วจึงส่งไปยังโรงงาน Daily Harvest เพื่อผสมและบรรจุเป็นอาหารสำเร็จรูป
นอกจากนี้ Daily Harvest ยังสนับสนุนให้เกษตรกรบางส่วนหันเข้าสู่การทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลานานถึง 3 ปี ผ่านการสนับสนุนทางการเงินล่วงหน้าเช่นกัน
“หากคุณรู้วิธีเก็บรักษาอาหารให้ไม่เน่าเสียใน 3 วัน โอกาสนั้นมีมากมาย” ซีอีโอ Rachel Drori เผยกับ Forbes ในปี 2019
ด้าน Drori เกิดและเติบโตในมหานครนิวยอร์ก ในฐานะบุตรสาวคนเล็กในบรรดาลูก 5 คนของ 2 ผู้ประกอบการ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เธอจะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินทุนเป็นพิเศษ นับตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าศึกษาที่ Columbia University Business School คณบดีได้ขอให้นักศึกษาในชั้นเรียนชี้แจงจุดประสงค์ของการทำธุรกิจ ซึ่งเธอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เพื่อหาเงิน” ต่างจากคนอื่นๆ ที่ตอบไปในเชิงที่ว่า “การทำประโยชน์” หรือ “การตอบสนองความต้องการ” 
เธอกล่าวว่าเธอให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของเงินทุนมาโดยตลอด ในวันแรกของเธอที่โรงเรียนธุรกิจมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คณบดีขอให้ชั้นเรียนที่เข้ามาศึกษาชี้แจงจุดประสงค์ของธุรกิจ “การหาเงิน” Drori ตอบอย่างตรงไปตรงมา โดยแยกจากคำตอบที่ถูกต้องทางการเมืองของผู้อื่น เช่น “การทำในสิ่งที่ถูก” หรือ “การตอบสนองความต้องการ"
ในฐานะผู้บริหารการตลาดของเว็บไซต์ช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ Gilt Groupe Drori มักพบว่าตัวเองรู้สึกหิวบ่อยครั้งในที่ทำงานแต่กลับมีเวลาน้อยเกินไปที่จะทานอาหารกลางวันที่ดีต่อสุขภาพวิธีการแก้ปัญหาของเธอจึงเป็นการทำสมูทตี้แล้วนำไปแช่แข็งเพื่อเก็บไว้ทานในภายหลัง
<img class="alignnone wp-image-64477" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/0x0-1.jpeg" alt="Rachel Drori " width="720" height="422" />
หลังจากที่ทำเพื่อให้ตนเอง ครอบครัว และเพื่อนฝูงทานได้ไม่นาน หญิงที่เพิ่งตั้งครรภ์วัย 31 ปี ก็เดินหน้านำเงินเก็บทั้งหมด 25,000 เหรียญ ซื้อส่วนผสมจากร้าน Trader Joe's ที่อยู่ใกล้ๆ และใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์เพื่อทำสมูทตี้ที่ห้องครัวเชิงพาณิชย์ใน Queens และจ้างหลานชายวัยรุ่นคืนละ 20 เหรียญเพื่อส่งสินค้าไปยัง Manhattan
ตั้งแต่เริ่มแรก เธอให้คำมั่นว่าจะไม่ลาออกจากงานประจำเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ามากกว่าคำสั่งซื้อของเพื่อนและครอบครัวถึง 5 เท่า ซึ่งในที่สุดเป้าหมายนี้ก็เป็นจริงภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน
Drori เริ่มระดมเงินทุนสำหรับ Daily Harvest ครั้งแรกในปี 2016 พร้อมกับการถูกตั้งคำถามถึงความสามารถของเธอในการดำเนินธุรกิจที่ต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลลูกถึง 2 คน ซึ่งเธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นและคว้าเงินทุนมูลค่ารวมราว 50 ล้านเหรียญจากการระดมทุน 3 รอบในปี 2018 (ปัจจุบัน บริษัทระดมทุนไปแล้วกว่า 180 ล้านเหรียญ)
โดย Daily Harvest มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผู้นเริ่มหันมาให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์แช่แข็งเป็นพิเศษ ทำให้ Drori เริ่มเพิ่มปริมาณสินค้าคงคลังเป็น 2 เท่าและพึ่งพาเครือข่ายซัพพลายเออร์ด้านการเกษตรมากขึ้นเพื่อให้มีผักและผลไม้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
ตั้งแต่นั้นมาทางแบรนด์จึงได้ขยายผลิตภัณฑ์นอกเหนือไปจากสมูทตี้ โดยเพิ่มเมนูประเภทซีเรียลโบลว์ แฟลตเบรด โปรตีนครัมเบิ้ล และซุป ท่ามกลางความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอื่นๆ คือ ข้อเท็จจริงที่ว่าผลิตภัณฑ์ของ Drori ล้วนเป็นอาหารแช่แข็งที่เก็บรักษาได้ซึ่งนอกจากจะสะดวกในการจัดส่งมากกว่าอาหารสดแล้วยังเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่ไม่ค่อยมีเวลาในการเตรียมอาหารด้วย
ด้วยเงินทุนล่าสุด Daily Harvest กำลังลงทุนในหลายๆ ด้าน ทั้งในส่วนของข้อมูลและเทคโนโลยีที่ช่วยปรับแต่งคำสั่งอาหารให้เหมาะกับความชอบของลูกค้ารายบุคคล นอกจากนี้ยังเปิดตัว The Tasting Room ใน Chicago ในเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับการทดสอบกลยุทธ์ใหม่ๆ. เช่นกัน
ทว่า Drori มีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือการสร้างนวัตกรรมใหม่ของอุตสาหกรรมอาหารในวงกว้าง และวันหนึ่งอาจก้าวไปไกลกว่การตลาดแบบ Direct to Customer “เรากำลังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง” Drori กล่าวกับ Forbes ในปี 2019
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ How A Former Marketing Executive Built A $1.1 Billion Brand Around Frozen Fruits And Vegetables เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/11-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%90%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%95.html">11 สตรีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองที่อายุน้อยกว่า 40 ปี แห่งทำเนียบ “America’s Richest Self-Made Women” ประจำปี 2022</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

Rachel Drori จากอดีตผู้บริหารการตลาดหญิงแกร่งสู่ผู้ก่อตั้ง Daily Harvest มูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญฯ

<h2 class="p1">Beyond Meat ผู้ผลิตอาหารที่ทำมาจากพืช (Plant-based Food) จาก Los Angeles เซ็นสัญญาเป็นซัพพลายเออร์ 3 ปีให้กับ McDonald’s และ Yum! Brands เจ้าของ Taco Bell, Pizza Hut และ KFC ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง</h2>
<img class="alignnone wp-image-42246" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/2021-McDonalds-apuesta-por-el-veganismo.jpg" alt="Plant-based food" width="720" height="346" />
การผนึกกำลังในครั้งนี้จะทำให้<a style="color: #008000;" href="https://investors.beyondmeat.com/news-releases/news-release-details/beyond-meatr-announces-global-strategic-partnership-yum-brands"> Beyond Meat </a>กลายเป็นซัพพลายเออร์ให้กับเชนฟาสต์ฟู้ดระดับโลกอย่าง<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/rachelsandler/2020/11/09/mcdonalds-is-testing-its-own-plant-based-burger-the-mcplant/?sh=4a2f44747069"> Mcdonald’s </a>ที่จะนำ Plant-Based ไปปรับใช้ในเมนู McPlant เบอร์เกอร์ที่ทำมาจากพืช
โดย McDonald’s วางแผนที่จะให้ McPlant กลายเป็นแพลตฟอร์มอาหารทางเลือกสำหรับเมนูเนื้อที่ไร้เนื้อไก่ หมู และไข่ ที่ได้ทำการทดสอบร่วมกับ Beyond Meat ในเดนมาร์คและสวีเดนไปเมื่อปี 2020
ขณะที่ Yum! Brands ได้ออกเมนูพิซซ่าไส้กรอกอิตาเลียนไร้เนื้อในร้าน Pizza Hut และร่วมมือกับ Beyond Meat ในการทดสอบเมนูอาหารที่ทำมาจากพืช เพื่อวางจำหน่ายที่ร้าน Taco Bell, Pizza Hut และ KFC ในจีน
ในที่นี้ Beyond Meat ระบุเพิ่มเติมว่า จะร่วมพัฒนาเมนูใหม่ๆ ให้กับ Pizza Hut, KFC และ Taco Bell ออกมาเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้
หลังจากการออกมาประกาศความร่วมมือทางพันธมิตร มูลค่าหุ้นของ Beyond Meat ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 14 มาอยู่ที่ 164 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แม้ว่าผลประกอบการของทางบริษัทในไตรมาสที่ 4 จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 101.9 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 Beyond Meat ระบุว่าบริษัทประสบสภาวะขาดทุน เนื่องจากร้านอาหารหลายแห่งเผชิญกับข้อจำกัดด้านปริมาณและการนำเสนอเมนูต่างๆ แต่การค้าปลีกส่วนใหญ่ได้ชดเชยการลดลงของยอดขายในร้านอาหารเช่นกัน
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Beyond Meat Signs Deals With McDonald’s, Yum! Brands For Plant-Based Menu Items เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b8%8b%e0%b8%8b%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b8%ad.html">ซิซซ์เล่อร์ เกาะเทรนด์อาหารโลก เปิดตัวเมนูสเต๊กแห่งอนาคต ทำจากธัญพืช 100%</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events