<h2>ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ และการเข้าลงทุนใน บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT โดยบริษัทฯ ขายธุรกิจบางส่วนให้กับ GIFT ในขณะที่ GIFT มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้ อาร์เอส กรุ๊ป พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท ‘GIFT Infinite’ เป็น ‘RSXYZ’ มั่นใจหลังจาก Synergy ธุรกิจและเชื่อมโยงดาต้าเบสของทั้งกลุ่มเข้าด้วยกันแล้ว จะผลักดันธุรกิจเติบโตก้าวกระโดดทันทีในทุกมิติ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ของ อาร์เอส กรุ๊ปทะลุ 7,000 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า “หลังจากอาร์เอส กรุ๊ป ได้ขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์มองค์กรจากธุรกิจสื่อและบันเทิงไปสู่ธุรกิจพาณิชย์ จนปัจจุบันมีสินค้าและบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงในหลากหลายแบรนด์ และมีช่องทางการขายสินค้า Multi-channel platform เป็นของตนเอง ซึ่งการพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดยั้งนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการยกระดับความสุขและคุณภาพชีวิตของผู้คนและสัตว์เลี้ยง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในขณะที่ GIFT ก็เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตสูง ประกอบธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Tech &amp; Innovations) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food &amp; Beverage) และธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health &amp; Beauty) ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการของ อาร์เอส กรุ๊ป จึงมีมติเห็นชอบให้เข้าลงทุนใน GIFT พร้อมปรับโครงสร้างของทั้งสองบริษัทใหม่ทั้งหมด เพื่อยกระดับการทำงานของทุกธุรกิจในเครือให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นบริษัท Consumer Lifestyle ครบวงจร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การควบรวมกิจการในครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 5,068.2 ล้านบาท โดย อาร์เอส ซื้อหุ้นสามัญของ GIFT รวมไม่เกิน 1,206.7 ล้านหุ้น แบ่งเป็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.) หุ้นสามัญเพิ่มทุน PP (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 651.8 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.) หุ้นสามัญ GIFT จาก คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวนไม่เกิน 238.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.) หุ้นสามัญ GIFT จาก บจก. เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จำนวนไม่เกิน 316.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.2 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการถือหุ้นของ อาร์เอส ใน GIFT คิดเป็นสัดส่วน 49.99% และหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะส่งผลให้สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ อาร์เอส ในสัดส่วนไม่เกิน 36%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/A3x68LDx2N9e4ZYXsiza.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="A3x68LDx2N9e4ZYXsiza.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2400,3000" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แหล่งที่มาของเงินทุนมาจากการที่ อาร์เอส ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน Private placement (PP) เสนอขายให้กับสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 364.2 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.4 บาท รวมเป็นมูลค่า 2,330.8 ล้านบาท และการจำหน่ายธุรกิจ RS Livewell ให้กับ GIFT ด้วยมูลค่ารวม 2,737.4 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างธุรกิจให้ RS Mall ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ GIFT&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท นับเป็นการผสานจุดแข็งของแต่ละบริษัทเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจหลายประการ อาทิ อาร์เอส จะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำ Digital marketing ผ่าน platform online ต่างๆ ของ A lot tech ในเครือ GIFT ที่มีศักยภาพสูงมาก มีฐานลูกค้าหลายล้านคนต่อเดือน ซึ่งการันตีด้วยยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์กว่าปีละ 2,500 ล้านบาท มาใช้สนับสนุนการขายสินค้าของ RS LiveWell&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังเป็นการขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส ให้เข้าสู่ธุรกิจ B2C มากขึ้น ผ่านธุรกิจ F&amp;B ในเครือ GIFT ที่มีหลากหลายแบรนด์และมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น จากเดิมที่ อาร์เอส มีฐานที่กว้างและแข็งแรงอยู่ก่อนแล้ว จากการเข้าลงทุนในธุรกิจ HATO และ Erb ขณะเดียวกัน GIFT จะสามารถใช้ศักยภาพของสื่อและบันเทิง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญหลักของ อาร์เอส มาสนับสนุนการทำกลยุทธ์และเป็นเครื่องมือสำคัญทางการตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ GIFT ยังสามารถใช้ทรัพยากรบุคคล รวมถึงระบบ Back office และ Fulfillment ของอาร์เอส ในการทำงานและการให้บริการลูกค้าได้ทันที ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณการลงทุนของ GIFT ไปได้มาก จึงเห็นได้ว่าความร่วมมือของทั้งสองบริษัทหลังการควบรวมกิจการ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้าสู่การเป็นบริษัท ‘Consumer Lifestyle’ ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจเพลง สื่อและบันเทิง ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการด้านสุขภาพสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายของตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/13FUnBng3DLaCNa7vWpF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="13FUnBng3DLaCNa7vWpF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2400,1600" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจาก GIFT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เอส กรุ๊ป แล้ว ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อบริษัท ‘GIFT Infinite’ เป็น ‘RSXYZ’ ซึ่งบริษัทภายใต้ชื่อใหม่นี้จะผสานจุดแข็งหลักของ อาร์เอส กรุ๊ป เข้ากับการริเริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย อันได้แก่ ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจเวลเนส ธุรกิจฮอสพิทอลลิตี้ ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการศึกษา ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญของสังคมและวัฒนธรรมไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม โครงสร้างธุรกิจใหม่ของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเดือนมกราคม 2568 แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สามารถแบ่งสัดส่วนโครงสร้างธุรกิจหลักเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Consumer Lifestyle ประมาณ 75% และ Entertainment ประมาณ 25%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามั่นใจว่าด้วยโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่ครบถ้วนหลังควบรวมกิจการ จะส่งผลให้ อาร์เอส กรุ๊ป เติบโตอย่างก้าวกระโดดทันที และพร้อมเดินหน้ารุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับไปยังผลประกอบการที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเด่นชัด โดยคาดว่าในปี 2568 บริษัทฯ จะมีรายได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท ซึ่งมาจาก RS Music&amp;Entertainment 25%, RSXYZ (GIFT เดิม) 65% และ RS pet all 10%” สุรชัย กล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/vietjet-mou-castlelake-to-purchase-four-airbus-aircraft" alt="‘เวียตเจ็ท’ จับมือ Castlelake บรรลุข้อตกลงซื้อเครื่องบินแอร์บัส 4 ลำ มูลค่ารวม 560 ล้านเหรียญ">‘เวียตเจ็ท’ จับมือ Castlelake บรรลุข้อตกลงซื้อเครื่องบินแอร์บัส 4 ลำ มูลค่ารวม 560 ล้านเหรียญ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

RS Group ประกาศควบรวม GIFT กางปีกรับธุรกิจ Consumer Lifestyle ตั้งเป้ารายได้ปี 68 ทะลุ 7,000 ล้านบาท

<h2>บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศการปรับกลยุทธ์แผนธุรกิจและโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจที่มีอยู่ และขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจใหม่ๆ</h2> การปรับกลยุทธ์ครั้งนี้มีการดำเนิน 3 กลยุทธ์หลัก:&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. RESTRUCTURE: การปรับโครงสร้างทีมบริหาร รวมถึงการวางผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง นำโดยคุณเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ และคุณโชติ เชษฐโชติศักดิ์ ที่จะเข้ามาบริหารงานเต็มตัว ร่วมกับผู้บริหารระดับสูง อย่าง คุณพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล และคุณวิทวัส เวชชบุษกร ในการสร้างทีมผสมที่ลงตัวเพื่อขับเคลื่อนองค์กร​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/gPNmnjwqMyX6drAgF1Cr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gPNmnjwqMyX6drAgF1Cr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. REDUCE: การลดและควบคุมต้นทุนอย่างเคร่งครัดและทันทีในระดับองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความคล่องตัวในการบริหาร และการดำเนินงานในทุกมิติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. REFOCUS: การปรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ Products, Music &amp; Entertainment และ RSX โดย RSX จะประกอบไปด้วยธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจ Pet Experiential Retail, ธุรกิจ New Education, ธุรกิจ MCN และอื่นๆ โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อสร้าง Synergy ต่อยอดอย่างก้าวกระโดด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางบริษัทฯ จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ พร้อมแผน Roadmap และ Milestone ที่ชัดเจน ทั้งนี้ เป้าหมายหลักคือการสร้างคุณค่าให้แก่องค์กร ผู้ถือหุ้น และผู้บริโภค ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/tencent-invested-in-gmm-music" alt="GMM Music ดึงกลุ่ม Tencent บริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีน ถือหุ้น 10% มูลค่ารวม 2,570 ล้าน">GMM Music ดึงกลุ่ม Tencent บริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีน ถือหุ้น 10% มูลค่ารวม 2,570 ล้าน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

RS ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ‘เฮียฮ้อ’ เตรียมส่งสองทายาท สืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง

<h2>อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดาราเป็นเจ้าของแบรนด์ เจาะกลุ่มลูกค้าแฟนคลับ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ‘ใบเตย อาร์สยาม’ ลุยสนามอีคอมเมิร์ซ นำเสนอสินค้าหลากหลาย ตั้งเป้าเข้าถึงลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป&nbsp;ผู้นำในการทำธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจสื่อและบันเทิง ภายใต้โมเดลธุรกิจ&nbsp;Entertainmerce พร้อมปลดล็อกศักยภาพทุกธุรกิจในเครือให้เติบโตด้วยการมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ ดึงศิลปิน-ดาราในสังกัดกว่า&nbsp;120&nbsp;ชีวิต ที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า&nbsp;20&nbsp;ล้านบัญชี&nbsp;ลุยธุรกิจคอมเมิร์ซ ภายใต้กลยุทธ์&nbsp;Star Commerce&nbsp;ประเดิมด้วย ใบเตย อาร์สยาม นำเสนอสินค้าที่หลากหลายในกลุ่มแม่และเด็ก ผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งแบรนด์ในเครือและแบรนด์พาร์ทเนอร์&nbsp;เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังจับมือกับศิลปิน-ดารา พัฒนาสินค้าเพื่อร่วมเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ฐานผู้ติดตามของศิลปินแต่ละราย&nbsp;มั่นใจกลยุทธ์ดังกล่าวจะสร้างความแตกต่างใหักับธุรกิจคอมเมิร์ซ ของ อาร์เอส กรุ๊ป เจาะไลฟ์สไตล์ของฐานผู้ติดตามเพื่อเพิ่มสินค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และดึงดูดผู้บริโภคบนช่องทางโซเชียลมีเดียด้วยความบันเทิง ซึ่งเป็นการผลักดันรายได้ธุรกิจคอมเมิร์ซให้เพิ่มขึ้นจากตัวตนของศิลปิน-ดารา และสินค้าคุณภาพที่หลากหลาย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/dDPgdhCwXRj5RFipagfU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dDPgdhCwXRj5RFipagfU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2500,1667" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"><figcaption><div>ใบเตย อาร์สยาม</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp; สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)&nbsp;เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน&nbsp;ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์มีบทบาทมากขึ้นในโลกออนไลน์ ไม่ว่าใครต่างก็เป็นครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ได้ แต่ยังมีความท้าทายที่ไม่ใช่ทุกรายที่มีช่องทางของตัวเองแล้วจะสามารถต่อยอดความสำเร็จ หรือนำมาสร้างรายได้เพิ่มได้ เราจึงเห็นโอกาสในการนำกลยุทธ์&nbsp;Star Commerce&nbsp;มาสนับสนุนศิลปิน-ดาราในสังกัด และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้า หรือมีรายได้เพิ่ม มาพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองหรือนำสินค้าที่เรามีมากกว่า&nbsp;500&nbsp;SKUs”&nbsp; &nbsp; สุรชัยอธิบายเพิ่มเติมว่าสินค้าเหล่านี้ มีทั้งที่เป็นสินค้าภายใต้&nbsp;RS LiveWell, RS pet all&nbsp;และพาร์ทเนอร์ซึ่งครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต นำมาให้ศิลปิน-ดาราไปทำ Live&nbsp;Commerce โดยสร้างสรรค์คอนเทนต์ตามที่ตนเองถนัด เพื่อสร้างรายได้และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจของ&nbsp;RS Mall X ที่ได้โฟกัสการทำธุรกิจในรูปแบบ&nbsp;MCN Model&nbsp;และ&nbsp;Affiliate Marketing&nbsp;ที่มีเครือข่ายพันธมิตรสำคัญอย่าง&nbsp;TikTok, Shopee, Lazada, Facebook&nbsp;และ&nbsp;Instagram&nbsp;ในคอนเซปต์ ‘RS Mall X Extreme Convenience&nbsp;สะดวกสุดใจ สบายสุดขีด’&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพื่อส่งมอบความสะดวกสบายเหนือระดับให้กับศิลปิน-ดารา และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่มีเราเป็นผู้ช่วยพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับฐานแฟนคลับ ไม่ต้องสต็อกสินค้า และไม่ต้องจัดการระบบหลังบ้านเอง ในขณะที่ผู้บริโภคก็ได้ใช้สินค้าคุณภาพดี ราคาสบายกระเป๋า&nbsp;ซึ่งนับเป็นการปลดล็อกศักยภาพของศิลปิน-ดารา รวมถึงธุรกิจคอมเมิร์ซของ อาร์เอส กรุ๊ป ที่จะสามารถสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางยิ่งขึ้น” สุรชัยกล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/4rVHzQQ23QFXSNBH57R3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4rVHzQQ23QFXSNBH57R3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="2500,1667" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ศิลปิน-ดารา และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ร่วมทำธุรกิจกับ อาร์เอส กรุ๊ป แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้&nbsp; &nbsp; 1. เข้าร่วม Affiliate Marketing นำเสนอและขายสินค้าที่หลากหลายจากแบรนด์จากกลุ่มธุรกิจ RS LiveWell อาทิ well u, vitanature+, beyond, aviance, ifresh, Happie Homie, De Beste, DARING &amp; CO, erb แบรนด์เครื่องหอมและสกินแคร์อันดับต้นๆ ของไทย รวมไปถึงสินค้าในเครือ RS pet all และแบรนด์ในกลุ่ม pet ทั้งหมด และแบรนด์พาร์ทเนอร์ รวมกว่า 500 SKUs ผ่าน Live Commerce เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ทุกกลุ่มอายุ และทุกไลฟ์สไตล์&nbsp; &nbsp; 2. เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ผลักดันและพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ฐานแฟนคลับของตนเอง&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ Star Commerce นี้ นับเป็นการเดินตามกลยุทธ์ Unlock Value ที่พร้อมเดินหน้ามุ่งสู่การเป็น ‘Life Enriching’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนแบรนด์ของ อาร์เอส กรุ๊ป ที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มความสุขและความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์และบริการเท่านั้น แต่ยังต้องการ ‘ยกระดับในทุกมิติการใช้ชีวิต’ ของลูกค้า รวมถึงดารา-ศิลปินในสังกัดด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยประเดิมด้วยใบเตย อาร์สยาม ซึ่งเป็นศิลปินภายใต้ RS Music ที่มีฐานผู้ติดตามทางโซเชียลประมาณ 6.5 ล้านบัญชี และด้วยศักยภาพของใบเตยที่เป็นศิลปินที่มีความมั่นใจ มากความสามารถ และมีฐานแฟนคลับครอบคลุมหลายกลุ่ม โดยจะเริ่มโฟกัสไปที่สินค้าในกลุ่มแม่และเด็ก ความงาม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ เรายังมีศิลปิน-ดารา อีกจำนวนมากที่พร้อมจะเข้าร่วมงานกับเราภายใต้กลยุทธ์ Star Commerce ซึ่งจะสร้างความแตกต่าง และสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจคอมเมิร์ซของ อาร์เอส กรุ๊ป ในปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้” สุรชัย กล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bbik-to-move-to-set-in-2025" alt="‘บลูบิค’ จ่อย้ายจาก mai เข้า SET ปี 68 เสริมแกร่งธุรกิจไล่รับงานใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ">‘บลูบิค’ จ่อย้ายจาก mai เข้า SET ปี 68 เสริมแกร่งธุรกิจไล่รับงานใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events