<h2>Huawei Technologies บริษัทไอทีชั้นนำจากจีนที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลกมาโดยตลอด ล่าสุดได้ยกระดับการแข่งขันให้ยิ่งทวีความดุเดือดหลังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดในจีนและยุโรป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในงานอีเวนต์ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Huawei ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) รุ่นใหม่ล่าสุด Watch GT 5 Series ในราคาเริ่มต้น 1,488 หยวน (ราว 212 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 6,800 บาท) โดดเด่นด้วยการออกแบบที่บางลงกว่าเดิม อัปเกรดตัวรับสัญญาณ และพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อให้การตรวจจับตำแหน่งมีความแม่นยำยิ่งขึ้น แบตเตอรี่สามารถคงอยู่ได้นานถึงสองสัปดาห์เมื่อชาร์จเต็ม มาพร้อมระบบติดตามสุขภาพ TruSense ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจและออกซิเจนในเลือด รวมถึงระบบติดตามสุขภาพเฉพาะสำหรับสุภาพสตรีและระบบติดตามสุขภาวะทางอารมณ์​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/xSnVqwkfKjLVoWbKk9ja.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xSnVqwkfKjLVoWbKk9ja.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,400" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนหน้านั้น Huawei ได้เปิดตัว Watch GT 5 Series บนเวทีนานาชาติก่อนแล้ว ในราคา 249 ยูโร (ราว 279 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ระบบติดตามสุขภาวะทางอารมณ์จะไม่เปิดให้ใช้งานในยุโรป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้สะท้อนความพยายามในการสร้างรายได้จากกกระแสความต้องการสมาร์ทวอทช์คุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในปี 2024 ของ Huawei แม้จะถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานของบริษัทวิจัย IDC เผยว่า ในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือทั่วโลก (Wrist-Worn Device) ซึ่งรวมสมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) และสายรัดข้อมือ (Wristband) นั้น Huawei คือผู้เล่นมาแรงอันดับ 1 ในไตรมาส 2 ของปี 2024 นี้ด้วยยอดจัดส่งสินค้า 8.9 ล้านหน่วย และส่วนแบ่งการตลาด 20.3% โตแรง 42.1% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 800px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/iYxMgwsxZri288qzWr5q.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="iYxMgwsxZri288qzWr5q.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="800px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1320,657" style="width: 800px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือในจีนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยยอดจัดส่งสินค้า 15.5 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 10.9% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า การเติบโตดังกล่าวได้รับอานิสงส์หลักจากสมาร์ทวอทช์ที่มียอดจัดส่งสินค้า 11.1 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 18.7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทที่มียอดจัดส่งสินค้าอันดับ 1 คือ Huawei, อันดับ 2 คือ Xiaomi, อันดับ 3 คือ Apple และอันดับ 4 คือ Samsung​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 800px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/xHTNohu51DBpJM6ii4BJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xHTNohu51DBpJM6ii4BJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="800px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1320,658" style="width: 800px; height: auto;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Huawei มีความก้าวหน้าอย่างมากในภูมิภาคต่างๆ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา ละตินอเมริกา และยุโรปกลางถึงตะวันออก” รายงานของ IDC ระบุ “นอกเหนือจากนี้ Huawei ยังเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือของจีนมาตั้งแต่ปี 2021”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานของบริษัทวิจัย Canalys เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเผยว่ายอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ (Wearable Band) ทั่วโลกโตขึ้น 0.2% ในไตรมาส 2 ของปี 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Canalys แบ่งตลาดอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ Basic Band, Basic Watch และ Smartwatch โดยใน Xiaomi ครองอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Basic Band ที่ส่วนแบ่งการตลาด 40% รองลงมาคือ Huawei ที่ 23% ในขณะที่หมวดหมู่ Basic Watch นั้น Huawei พลิกขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่ 15% ตามด้วย Xiaomi ที่ 13%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 800px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/PesMRXNR9zbhgjQr8KeH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PesMRXNR9zbhgjQr8KeH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="800px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="900,506" style="width: 800px; height: auto;" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับหมวด Smartwatch ที่ 1 คือ Apple จาก Apple Watch ที่มีส่วนแบ่ง 49% ของยอดจัดส่งสมาร์ทวอทช์ทั่วโลกในไตรมาส 2 ส่วน Samsung อยู่ที่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% ตามด้วย Garmin อันดับ 3 ที่ 11% และ Huawei ครองอันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้อันดับจะยังคงเป็นรองใน 2 หมวดหมู่ แต่ในส่วนอัตราการเติบโตของยอดจัดส่งประจำไตรมาส 2 นั้น Huawei กลับเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รองลงมาคือ Xiaomi และ Samsung ที่เติบโต 23% ในขณะที่ Apple มีอัตราการเติบโต -5%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Huawei นำเสนอ Huawei Watch รุ่นแรกในเดือนกันยายนปี 2015 โดยข้อมูลของบริษัทไอทีแห่งนี้เผยว่ามีการขายผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกกว่า 150 ล้านชิ้นแล้วจนปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากสมาร์ทวอทช์ Huawei ก็เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนพับ 3 ทบเครื่องแรกของโลกอย่าง Mate XT ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเลือกวันเดียวกับที่ Apple เริ่มต้นจัดจำหน่าย iPhone 16 เป็นวันแรก เสมือนเป็นการประกาศสงครามสมาร์ทโฟนกันอย่างไม่เป็นทางการ แต่ศึกนี้ใครจะอยู่ ใครจะไป ผู้บริโภคเท่านั้นคือผู้ตัดสิน แหล่งที่มา:​<a href="https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3279918/huawei-heats-global-smartwatch-market-new-gt-5-series-challenge-apple-watch?module=top_story&amp;pgtype=section" alt="Huawei heats up global smartwatch market with new GT 5 series to challenge Apple Watch">Huawei heats up global smartwatch market with new GT 5 series to challenge Apple Watch</a>​ <a href="https://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prCHE52577924" alt="Global Wrist-Worn Device Market Ships Almost 44 Million Units in 2Q 2024, Led by China’s 10.9% YoY Growth">Global Wrist-Worn Device Market Ships Almost 44 Million Units in 2Q 2024, Led by China’s 10.9% YoY Growth</a>​ ​<a href="https://canalys.com/newsroom/worldwide-wearable-band-market-Q2-2024" alt="Global wearable band market up 0.2% in Q2 2024 as basic watches take biggest share yet">Global wearable band market up 0.2% in Q2 2024 as basic watches take biggest share yet</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/global/us-doj-sues-visa-for-monopolizing-debit-payments" alt="กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง">กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดสมาร์ทวอทช์เดือด! หลัง Huawei เปิดตัว Watch GT 5 ท้าเขย่าบัลลังก์ Apple

<h2>รูปลักษณ์ในแบบเฉพาะตัวของ Ladybird Colors ใหม่นั้น ถ่ายทอดผ่านหน้าปัดดีไซน์พิเศษแบบอสมมาตรที่มีความกลมกล่อมงดงามลงตัว ประกอบด้วยตัวเลขโรมันแบบ offset ที่ยิ่งดูโดดเด่นเมื่ออยู่กับวงโค้งซ้อนประดับเพชรแสนประณีต มีการไล่ขนาดให้เรียวลงเชื่อมไปล้อม small seconds และ moon phase นับเป็นวิธีการถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเรือนเวลาสีสันสดใสให้มีความพิเศษเฉพาะตัว</h2><h2> </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Blancpain รังสรรค์นวัตกรรมเรือนเวลาด้วยการแต่งแต้มสีสันให้กับ Ladybird Colors คอลเล็คชั่นใหม่ ให้ดูสดใส เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกที่โหมดฟังก์ชั่น แบบ small seconds และ moon phase จะมาปรากฏอยู่ในไลน์นาฬิกาจิวเวลรี่สุดหรูหราได้อย่างลงตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเรือน Ladybird Colors รุ่นใหม่มีขนาดหน้าปัดเหมาะเจาะที่ 34.9 มม. งดงามด้วยเพชรประดับจำนวน 58 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 2 กะรัต โดยทางแบรนด์เลือกที่จะประดิษฐ์เรือนเวลาอันหรูหราสง่างามนี้ด้วยการทำให้เหล่าอัญมณีล้ำค่าเป็นตัวหลักในการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของนาฬิการะบบกลไก&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/5b7dRFAf2ee8E19ojdin.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5b7dRFAf2ee8E19ojdin.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรือนเวลา&nbsp; Ladybird Colors รังสรรค์ขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญในการประดับเพชรขั้นสูง การจัดวางเรียงประกบเพชรด้วยมือทีละเม็ด เพื่อให้ได้เหลี่ยมองศาที่ช่วยให้เพชรทุกเม็ดเปล่งประกายอย่างงดงามที่สุด ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 1163 สำหรับรุ่น small seconds และคาลิเบอร์ 1163L&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/2oXFLHW74R6x1HPkg5Fe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2oXFLHW74R6x1HPkg5Fe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรุ่น moon phase สามารถสำรองพลังงานได้นาน 4 วัน มาพร้อมซิลิคอนบาลานซ์สปริง นาฬิการุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งเที่ยงตรง สวมใส่สบาย และหรูหราดูมีสไตล์ กลไกถูกตกแต่งอย่างประณีต ทำงานเปี่ยมประสิทธิภาพ&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/2kgz35zV8xkf7D1rCvh1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2kgz35zV8xkf7D1rCvh1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ยังเปี่ยมด้วยสุนทรียะอันงดงาม&nbsp; มีตุ้มเหวี่ยงทองคำสีเข้ากันกับสีของตัวเรือน รูปทรงโค้งมน โปร่ง ล้อไปกับดีไซน์ของหน้าปัด ไม่ว่าจะมองจากด้านหน้าหรือด้านหลัง นาฬิกา Blancpain รุ่นใหม่นี้ก็สะท้อนถึงศาสตร์และศิลป์แห่งการรังสรรค์เรือนเวลาที่อยู่ในจุดสูงสุดแห่งความหรูหราได้เป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;เกี่ยวกับคอลเล็กชั่น Ladybird&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลเล็กชั่น Ladybird ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ Blancpain ในฐานะผู้บุกเบิกและสร้างประวัติศาสตร์เรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรี เริ่มจากนาฬิกาข้อมือระบบกลไกอัตโนมัติเรือนแรกสำหรับผู้หญิงในปี 1930 จนถึงการประดิษฐ์คิดค้นกลไกที่มีขนาดเล็กที่สุดตั้งแต่เมื่อหลายทศวรรษก่อน สู่ดีไซน์หรูหราร่วมสมัยในปัจจุบันคอลเลคชั่น Ladybird สื่อถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์อย่างเหนือระดับของ Blancpainประวัติศาสตร์เรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรีของ Blancpain นั้นผูกพันอย่างลึกซึ้งกับความมุ่งมั่นของ Betty Fiechter ผู้หญิงคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งแบรนด์นาฬิกาในช่วงยุค 1930 บุคคลที่ได้ใช้ความสามารถและวิสัยทัศน์ก่อกำเนิดนาฬิกาจิวเวลรี่ของแบรนด์ และยังสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%AA-cafe-wolseley-%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" alt="สัมผัส “Cafe Wolseley” สไตล์บริทิชคลาสสิกได้แล้วในไทย">สัมผัส “Cafe Wolseley” สไตล์บริทิชคลาสสิกได้แล้วในไทย</a>​<hr class="__se__solid"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Blancpain เผยเรือนเวลาคอลเล็กชั่นใหม่ “Ladybird Colors” สีสันหลากสไตล์

เมื่อดูจากสถานการณ์โดยรวมของบริษัทต่างๆ ใน Silicon Valley แล้ว Fitbit ไม่น่าจะอยู่รอดได้เลย เพราะบริษัทเริ่มต้นจากการขายอุปกรณ์ gadget สวมใส่เพื่อติดตามการทำกิจกรรมต่างๆ ในขณะที่กิจการ startup ที่ผลิต hardware ส่วนใหญ่ กำลังอยู่ในภาวะยากลำบากในการหาเงินทุน แต่ในตอนเริ่มต้น เจ้าของทั้งสองขายสินค้าไม่ออกสักชิ้นและไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าควรตั้งราคา ที่เท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น ในปีที่แล้ว Apple ก็ยังคลอดนาฬิกา smartwatch ออกมาซึ่งทำให้ผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีประเภทสวมใส่ (wearable) กระเจิดกระเจิงไปตามๆ กัน

แต่ Fitbit กลับยังยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง และยังคงรักษาแชมป์ในแง่จำนวนยอดจำหน่ายอุปกรณ์ประเภทนี้เอาไว้ได้ ในขณะที่ James Park และ Eric Friedman ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสามารถระดมทุนได้ถึง 841 ล้านเหรียญจากการขายหุ้น IPO ซึ่งถือเป็นหนึ่งในดีลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 2015 โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิถึง 215 ล้านเหรียญจากยอดรายได้ 1.8 พันล้านเหรียญในปี 2015 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2014 ถึงเท่าตัว

แม้รายได้และกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ เพราะส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในสินค้าประเภท wearable หดลงจาก 33% เหลือ 22% ในปีที่แล้ว จากการที่ Apple และ Xiaomi ของจีนนำสินค้าของตนออกวางตลาด เพราะ smartwatch ของ Fitbit รุ่น Surge ราคา 250 เหรียญที่ไฮเทคที่สุดแล้วยังห่างชั้นจาก Apple Watch หรือ Samsung Gear อีกไกล นักวิเคราะห์คาดว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหันไปใช้นาฬิกาที่ทำอะไรได้ มากกว่าแค่การนับก้าว และเมื่อถึงที่สุดแล้ว อุปกรณ์เพื่อติดตามกิจกรรมด้านสุขภาพก็น่าจะไปกองอยู่ก้นลิ้นชักเก็บถุงเท้า หลังจากใช้งานไปได้แค่ไม่กี่เดือน

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%20march/063_461255707.png" alt="" />

แต่ Fitbit ก็ยังอยู่ได้เพราะได้อานิสงส์จากตลาด corporate wellness ซึ่งเป็นตลาดที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ทั้งนี้นายจ้างอเมริกันประมาณ 80% มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อกิจกรรม อย่างเช่น การให้เงินอุดหนุนค่าสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส หรือ จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาเพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพแข็งแรง โดย Fidelity Investments ประเมินว่ามีการใช้งบในส่วนนี้เฉลี่ย 693 เหรียญต่อพนักงานหนึ่งคน และ Fitbit ก็มุ่งเป้าไปที่งบก้อนนี้ตั้งแต่วันแรกที่บริษัทเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในปี 2009 และคาดว่าในปีนี้จะกวาดเงินจากนายจ้างนับพันๆ รายในสหรัฐฯ ได้ถึง 180 ล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้กลุ่มลูกค้าบริษัทกลายเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดของ Fitbit โดยมีบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่มากกว่า 70 บริษัทที่สั่งซื้ออุปกรณ์จาก Fitbit เป็นจำนวนมากเพื่อให้พนักงานใช้ อาทิ Barclays ซึ่งจะช่วยอุดหนุนค่าซื้อ Fitbitให้กับพนักงาน 75,000 คน ผู้ผลิตอุปกรณ์ wearable เจ้าอื่นอย่างเช่น Jawbone และ Misfit ก็ขายอุปกรณ์ให้กับนายจ้างในตลาดนี้เช่นกัน แต่ยังสู้ Fitbit ไม่ได้

จุดเริ่มต้นของ Fitbit นั้นย้อนหลังไปถึงเช้าวันที่อากาศหนาวเหน็บในเดือนพฤษภาคมที่ San Francisco ในปี 2006 เมื่อ Park ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งต้องยืนตัวสั่นทนสู้กับความหนาวเพื่อต่อคิว ซื้อเกมส์ Nintendo Wii และเมื่อเขานำเกมส์ที่ซื้อมากลับไปที่บ้านก็ต้องตะลึงกับการจัดส่วนผสมอย่าง ลงตัวระหว่างเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนกับการเชื่อมต่อแบบง่ายๆ ตรงไปตรงมาซึ่งทำให้ทั้งเด็กและคนแก่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ

ในตอนนั้น เขารีบโทรศัพท์ไปหา Eric Friedman ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเขาในกิจการ startup ก่อนหน้านี้ “ผมมีไอเดียดีๆ” สำหรับจะสร้างเครื่องนับก้าวซึ่งมีทั้งความซับซ้อนและสามารถใช้งานได้ง่าย เหมือนกับเครื่อง Wii โดยทั้งสองบินไปเจอกันที่ญี่ปุ่น ซึ่งมีการใช้งานเครื่องนับก้าวอย่างแพร่หลาย เพื่อทำการสำรวจว่าคนที่นั่นใช้เครื่องนับก้าวกันอย่างไร ต่อมาในปี 2008 Friedman ได้ซื้อกล่องไม้เล็กๆ และติดตั้งแผงวงจรไว้ข้างในซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ต้นแบบของ Fitbit

หลายเดือนต่อมา หลังจากที่เริ่มวางจำหน่าย Fitbit Tracker ราคา 99 เหรียญ Park และ Friedmanก็ได้รับโทรศัพท์จาก Vickie Lee ซึ่งเป็น vice president ฝ่ายบุคคลจากบริษัทผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ Tokyo Electron ที่มีสำนักงานในเมือง Austin รัฐ Texas เธอกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนโครงการดูแลพนักงานของบริษัทเป็นครั้งแรก ดังนั้นบริษัทของเธอจึงควักเงิน 120,000 เหรียญเพื่อซื้อ Tracker ให้พนักงานของบริษัทคนละเครื่อง

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%20march/063_517694690.png" alt="" />

นักวิจัยของ Fitbit กำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อหาวิธีใหม่ๆ ในการที่จะติดตามภาวะสุขภาพ โดยเมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของการที่จะสร้างเครื่องที่มีเซ็นเซอร์สำหรับ ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อเจาะเข้าไปสู่ตลาดของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน Shelton Yuen หัวหน้าแผนก R&amp;D ซึ่งทีมงานของเขาสร้างเซ็นเซอร์สำหรับวัดการเต้นของชีพจรจากม่านตาได้สำเร็จ ก็เพียงแค่บอกว่า “ไม่มีความเห็น” เท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าบางทีคนที่จะสามารถแก้ปัญหายากๆ ได้อาจเป็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายของเราก็ได้

&nbsp;

เรื่อง: Parmy Olson เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา

<hr />

<a href="http://goo.gl/5KbXgP">คลิ๊กอ่าน "ทำงานออฟฟิศ ไม่ฟิตไม่ได้" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ MARCH 2016 ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/5KbXgP"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%20march/cover-forbes-march2016-re.jpg" alt="" width="344" height="450" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events