สตีเบล เอลทรอน ผู้นำนวัตกรรมโซลูชันน้ำมาตรฐานจากประเทศเยอรมนี ฉลองก้าวสู่ปีที่ 100 ปักหมุดลงทุนโรงงาน Heat Pump ในประเทศไทย ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งออกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองรับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีสู่พลังงานสะอาด ผลักดันยอดขายทั่วโลกเติบโต 100% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ด้านยอดขายในประเทศไทยทะลุกว่า 1,000 ล้านบาท<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/rJkKSgTBNZfhUK3WXboc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rJkKSgTBNZfhUK3WXboc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>มร.ไค ชีเฟลไบ</div></figcaption></figure></div>​มร.ไค ชีเฟลไบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สตีเบล เอลทรอน กรุ๊ป ผู้นำนวัตกรรมโซลูชันน้ำจากประเทศเยอรมนี ให้สัมภาษณ์เนื่องในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย พร้อมประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท เนื่องในโอกาสฉลองการครบรอบ 100 ปีของการดำเนินธุรกิจของสตีเบล เอลทรอน กรุ๊ป ในปี 2567"ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา สตีเบล เอลทรอน มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มียอดขายทั่วโลกทะลุ 1,400 ล้านยูโรในปี 2566 เติบโต 100% จากยอดขาย 700 ล้านยูโร ในปี 2563 จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีสู่พลังงานสะอาด" มร.ไค กล่าวการเติบโตของยอดขายสตีเบล เอลทรอนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊ม ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นระดับโลก และเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ผลักดันยอดขายให้เติบโตสูงทั่วโลก เพราะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเรื่องการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน บริษัทฯ จึงตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานเครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊ม แห่งใหม่ที่ประเทศไทยในปี 2567 ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านบาทย้ำไทยฐานผลิตหลักในเอเชียมร.ไค กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของสตีเบล เอลทรอน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีโรงงานผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อน ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และในปี 2567 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี บริษัทวางแผนลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ และเลือกไทยเป็นสถานที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊ม แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ตั้งเป้าสร้างกำลังการผลิตเครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊ม 13,000 ยูนิตต่อปีในปีแรก เน้นผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย และประเทศต่างๆ ในอาเซียนเป็นหลัก โรงงานแห่งใหม่นี้จะเป็นทั้งโรงงานผลิตสินค้า และศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&amp;D) ทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่คนไทย เพื่อสนับสนุนการเติบโตให้เศรษฐกิจไทยอย่างแข็งแกร่งในอนาคต นอกจากนี้ จะใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ด้วยนวัตกรรมที่ให้ความร้อนเร็วขึ้น และมีอายุการใช้งานยาวนาน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม"การตัดสินใจตั้งโรงงานในประเทศไทย เพราะคนไทยมีทักษะ และความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าเครื่องทำน้ำร้อน น้ำอุ่น รวมทั้งได้สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ แม้ตลาดเครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊มในประเทศไทยยังเล็ก แต่แนวโน้มในอนาคตมีโอกาสเติบโตเช่นเดียวกัน จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการประหยัดพลังงาน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม" มร.ไค กล่าว<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/oBj5kbmemYLm7GWjCkN4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="oBj5kbmemYLm7GWjCkN4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption><div>​มร. โรลันด์ เฮิน</div></figcaption></figure></div>​ฉลองยอดขายทะลุกว่า 1,000 ล้านบาทในไทย ด้าน มร. โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด ผู้ดูแลตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า ประเทศไทย ถือเป็นตลาดสำคัญของสตีเบล เอลทรอนในเอเชีย และยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลาดจะชะลอตัว ปัจจุบันตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อน มีมูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท หรือมียอดขายประมาณ 900,000 เครื่อง แม้ว่าคนไทยมีการใช้เครื่องทำน้ำร้อน น้ำอุ่นเพียง 20% ของจำนวนประชากร โดยสตีเบล เอลทรอนมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 25% จากตลาดรวม โดยในปีนี้มียอดขายตามเป้าทะลุกว่า 1,000 ล้านบาท"ตลาดประเทศไทยยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคมีความตื่นตัวเรื่องการประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในวาระฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์สตีเบล เอลทรอน บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นคิดค้น และพัฒนานวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วยโซลูชันเกี่ยวกับน้ำ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในอนาคต" มร. โรลันด์ กล่าวนอกจากจะมุ่งเน้นผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อครองใจลูกค้าแล้ว สตีเบล เอลทรอนยังมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญการตลาด Thai Life, German Quality โดยมีเป้าหมายที่จะตอกย้ำแบรนด์สตีเบล เอลทรอน ในความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโซลูชันเกี่ยวกับน้ำ (Water Solution Expert) มาตรฐานเยอรมัน ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการ และเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้เป็นอย่างดีสำหรับแผนการตลาดในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ และจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในเรื่องอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางสภาวะฝุ่นควัน PM 2.5 ที่เพิ่มมากขึ้น<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/Q5vwtcbdEdncswiGxp65.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Q5vwtcbdEdncswiGxp65.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px; transform: rotate(0deg);" data-index="2"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>มร. ไฮนซ์ เวอร์เนอร์ ชมิทธิ์</div></figcaption></figure></div>มร. ไฮนซ์ เวอร์เนอร์ ชมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการขายและการตลาด สตีเบล เอลทรอน กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า "ตลาดประเทศไทย ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ด้วยภาพทางเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภค เช่นเดียวกับเครื่องทำน้ำร้อนฮีทปั๊ม แม้จะมีความต้องการของตลาดไม่มาก แต่ในอนาคตด้วยการตระหนักถึงการประหยัดพลังงาน และสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค และผลิตภัณฑ์สตีเบล เอลทรอนถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย เชื่อว่าจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทฯ ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2567"

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events