<h2>Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นรายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศขึ้นเงินเดือนพนักงานใหม่ ซึ่งเมื่อรวมกับโบนัสแล้ว จะมีมูลค่ารวมมากกว่า 5 ล้านเยน (ราว 1 ล้านบาท) ต่อปี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันพุธที่ 8 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา Fast Retailing ได้มีประกาศว่าจะเพิ่มเงินเดือนของพนักงานใหม่ขึ้น 10% เป็น 330,000 เยน (ราว 72,000 บาท) โดยมีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อรวมกับโบนัสแล้ว จะมีมูลค่ารวมมากกว่า 5 ล้านเยน (ราว 1.09 ล้านบาท) ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Fast Retailing กล่าวว่า บริษัทต้องการดึงดูดบัณฑิตจบใหม่ที่มีความสามารถมาร่วมทำงานเพื่อเสริมแกร่งด้านการแข่งขันและการเติบโตในระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับตำแหน่งผู้จัดการร้านที่ทำงานกับบริษัทมา 1-2 ปีแล้ว จะได้รับการขึ้นเงินเดือนจาก 390,000 เยน (ราว 85,000 บาท) เป็น 410,000 เยน (ราว 89,000 บาท) มูลค่ารวมมากกว่า 7.3 ล้านเยน (ราว 1.5 ล้านบาท) ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Fast Retailing ยังเตรียมนำระบบเงินเดือนแบบใหม่มาใช้กับพนักงานในญี่ปุ่น ปรับขึ้นตารางค่าแรงของพนักงานประจำที่สำนักงานใหญ่และพนักงานขายขึ้นสูงสุดถึง 11% ตามผลการประเมินทักษะและความตั้งใจ พนักงานที่ได้รับเลือกหรือเลื่อนขึ้นไปยังตำแหน่งสำคัญอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 54%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ Fast Retailing เผยว่า “เราจะยังคงปรับระบบเงินเดือนและโครงสร้างองค์กรด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานทุกคนตั้งแต่พาร์ทไทม์ไปจนถึงผู้จัดการ สามารถเผชิญความท้าทายใหม่ๆ และพิชิตเป้าหมายอันทะเยอทะยาน ก่อให้เกิดเป็นวงจรของการเติบโตและการขึ้นค่าแรงต่อไป” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.japantimes.co.jp/business/2025/01/08/fast-retailing-starting-salary-330000/" alt="Fast Retailing to raise starting monthly salary to ¥330,000">Fast Retailing to raise starting monthly salary to ¥330,000</a>​ข้อมูลเพิ่มเติม&nbsp;<a href="https://www.fastretailing.com/eng/group/news/2501081300.html" alt="Fast Retailing to Further Bolster Remuneration System in Japan">Fast Retailing to Further Bolster Remuneration System in Japan</a>​ ภาพ: Fast Retailing เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/tips-to-make-new-year-s-resolutions-stick" alt="5 เคล็ดลับพิชิตเป้าหมาย เปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่ ไม่ให้หมดกำลังใจระหว่างทาง">5 เคล็ดลับพิชิตเป้าหมาย เปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่ ไม่ให้หมดกำลังใจระหว่างทาง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บริษัทแม่ Uniqlo ประกาศขึ้นเงินเดือนพร้อมแจกโบนัสฉ่ำ ตั้งเป้าดึงดูดเด็กจบใหม่เก่งๆ เข้าทำงาน

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2023

<h2 class="p1">ปัญหาราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น สวนทางกับค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ล้วนส่งผลกระทบต่ออัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นำโดยดัชนี Nikkei  225 ที่ปรับตัวลงกว่าร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีก่อน เช่นเดียวกับมูลค่าทรัพย์สินรวมของ 50 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศที่ลดลงราว 1 ใน 3 มาอยู่ที่ 1.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ</h2>
<figure><img class="wp-image-63788" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/0x0-1024x739.jpeg" alt="" width="720" height="520" /><figcaption> Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้ง Fast Retailing</figcaption></figure>
ปีนี้ Tadashi Yanai ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจค้าปลีกแฟชั่น กลับมาทวงบัลลังก์ “มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด” ของประเทศอีกครั้ง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.36 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งลดลงมากถึงร้อยละ 44 จากปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของยอดขายในตลาดภายในประเทศและในจีน ส่งผลให้หุ้นของบริษัท Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo ปรับตัวลง
ด้าน Takemitsu Takizaki ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตเซ็นเซอร์ Keyence ครองอันดับ 2 ของทำเนียบเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ  2.16 หมื่นล้านเหรียญ แม้ว่าความมั่งคั่งของเขาจะลดลง 4.2 พันล้านเหรียญจากปีที่แล้ว แต่ก็ยังแซง Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SoftBank Group ซึ่งตกลงมาครองอันดับ 3 ของทำเนียบ อดีตมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด ประจำปี 2021
โดย Son มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งมาอยู่ที่ 2.11 หมื่นล้านเหรียญ เนื่องจากกองทุน Vision Funds มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.7 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 ทั้งนี้ นอกจาก Son แล้ว อีก 12 มหาเศรษฐีก็มีทรัพย์สินสุทธิลดลงมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ เช่นกัน
อย่างไรดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ 6 มหาเศรษฐีหน้าใหม่ก็ได้คว้าโอกาสทางธุรกิจและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Keiichi Shibahara นักวิทยาศาสตร์ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ ด้วยการก่อตั้ง Amvis เนอร์สซิ่งโฮมหรือบ้านพักผู้สูงอายุ หรือครอบครัว Sekiya เจ้าของกิจการ Disco บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์แปรรูปเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึง Yoshiaki Yoshida ผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามของญี่ปุ่น DHC ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจเครื่องสำอางในปี 1980 โดยใช้มะกอกออร์แกนิก และ Hachiro Honjo ประธาน Ito En ผู้ผลิตชาบรรจุกระป๋องและบรรจุขวด
ปิดท้ายด้วย 3 มหาเศรษฐีที่หวนคืนสู่ทำเนียบการจัดอันดับอีกครั้ง นำโดยเจ้าพ่อเกม Yoshikazu Tanaka ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Gree ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัว 2 เกมใหม่ ขณะที่อีก 9 รายชื่อ ซึ่งปรากฎอยู่ในทำเนียบเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิไม่ถึงเกณฑ์ของปีนี้ ซึ่งกำหนดไว้ที่ 925 ล้านเหรียญ จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.15 พันล้านเหรียญ ได้แก่ Shintaro Yamada ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้ามือสอง Mercari 
พบกับ 10 อันดับมหาเศรษฐีญี่ปุ่นที่ร่ำรวยที่สุด ประจำปี 2022 ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2022
<img class="alignnone wp-image-63794 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Tadashi-Yanai.jpg" alt="50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022" width="300" height="300" />
อันดับ 1 
Tadashi Yanai และครอบครัว
ทรัพย์สินสุทธิ: 2.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Fast Retailing
<img class="alignnone wp-image-63799 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Takemitsu-Takizaki.jpg" alt="50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022" width="300" height="300" />
อันดับ 2
Takemitsu Takizaki
ทรัพย์สินสุทธิ: 2.16 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Keyence
<img class="alignnone wp-image-63800 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Masayoshi-Son.jpg" alt="50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022" width="300" height="300" />
อันดับ 3
Masayoshi Son
ทรัพย์สินสุทธิ: 2.11 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: SoftBank Group
<img class="alignnone wp-image-63803 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Nobutada-Saji-และครอบครัว.jpg" alt="50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022" width="300" height="300" />
อันดับ 4
Nobutada Saji และครอบครัว
ทรัพย์สินสุทธิ: 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Suntory Holdings
<img class="alignnone size-full wp-image-63804" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Takahisa-Takahara.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 5
Takahisa Takahara
ทรัพย์สินสุทธิ: 6.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Unicharm
<img class="alignnone size-full wp-image-63807" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Shigenobu-Nagamori.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 6
Shigenobu Nagamori
ทรัพย์สินสุทธิ: 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Nidec
<img class="alignnone size-full wp-image-63809" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Hiroshi-Mikitani.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 7
Hiroshi Mikitani
ทรัพย์สินสุทธิ: 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Rakuten
<img class="alignnone size-full wp-image-63811" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Masatoshi-Ito.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 8
Masatoshi Ito
ทรัพย์สินสุทธิ: 4.35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Seven &amp; i Holdings
<img class="alignnone size-full wp-image-63813" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Hideyuki-Busujima-และครอบครัว.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 9
Hideyuki Busujima และครอบครัว
ทรัพย์สินสุทธิ: 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Sankyo
<img class="alignnone size-full wp-image-63814" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Masahiro-Noda.jpg" alt="" width="300" height="300" />
อันดับ 10
Masahiro Noda
ทรัพย์สินสุทธิ: 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Obic
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Japan’s 50 Richest 2022: Global Headwinds Knock Down Collective Wealth By A Third เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/keiichi-shibahara-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%82.html">Keiichi Shibahara มหาเศรษฐีเนอร์สซิ่งโฮมพันล้าน Amvis</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022

<h2>Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด เผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ซึ่งได้รวบรวมวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นล่าสุดในการเป็นองค์กรด้านความยั่งยืนที่มากกว่าเดิม</h2>
Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้ง และประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด กล่าวถึงการเผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนประจำปีนี้ว่า “เราจะส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร และกิจกรรมในเชิงธุรกิจประเภทใดที่จะนำทางไปสู่โลกที่น่าอยู่นั้น เราต้องใช้หัวใจคิดหาคำตอบให้กับคำถามทั้งหมดนี้แล้วลงมือทำ เราหวังว่ารายงานด้านความยั่งยืนฉบับล่าสุดของเราจะช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการเป็นธุรกิจที่ทั้งสามารถให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้น และสามารถนำคำตอบนั้นไปปฎิบัติให้เกิดขึ้นจริง”

<img class="alignnone size-full wp-image-41124" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/sustainability_004.jpg" alt="" width="600" height="600" />

บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ส่งเสริมทุกความมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้นผ่านธุรกิจเครื่องแต่งกาย ภายใต้พันธกิจด้านความยั่งยืนที่ว่าด้วยการปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า (Unlocking the Power of Clothing) โดยบริษัทฯ ได้เผยแพร่รายงานด้านความยั่งยืนเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 2549

รายงานประจำปีนี้เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ทำให้วิถีชีวิตและความรับรู้ของลูกค้าและผู้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เปลี่ยนไป ทั้งนี้ การสื่อสารรูปแบบใหม่และทำให้เข้าใจง่ายขึ้น สะท้อนความมุ่งมั่นของ บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ในการเป็นธุรกิจที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและสามารถซื้อสินค้าด้วยความเชื่อใจ รวมทั้งช่วยเผยแพร่วิสัยทัศน์ขององค์กรที่สนับสนุนความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืน

<img class="alignnone size-large wp-image-41122" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/sustainability_001-1024x723.jpg" alt="" width="640" height="452" />

ทั้งนี้ บทความแรกของรายงานด้านความยั่งยืนฉบับนี้ ถ่ายทอดบทสนทนาพิเศษระหว่าง Tadashi Yanai และ มร. ฌาคส์ อัตตาลี ซึ่งเป็นทั้งนักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ และนักอนาคตศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส โดยบทความถูกเรียบเรียงขึ้นจากบทสนทนาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงของทั้งสองท่านเมื่อเดือนตุลาคมปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจะพาผู้อ่านไปร่วมคิดวิเคราะห์ว่าไวรัสโคโรนากำลังเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างไรบ้าง และแวดวงอุตสาหกรรมจะสามารถพัฒนาต่อยอดท่ามกลางสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

นอกจากนั้น รายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ยังรวบรวมโครงการที่มีความโดดเด่นของบริษัทฯ ตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือต่อสังคมเมื่อปี 2554 อาทิ โครงการบริจาคเสื้อผ้าเพื่อช่วยเหลือค่ายผู้อพยพลี้ภัยและผู้ประสบภัยธรรมชาติทั่วโลก ความพยายามในการสร้างความปลอดภัย ความมั่นคง และความเป็นธรรมในสภาพแวดล้อมในการทำงานของแรงงาน และโครงการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและคุ้มครองแรงงานในห่วงโซ่อุปทาน

ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายงานด้านความยั่งยืนประจำปี 2564 ฉบับภาษาอังกฤษได้ทางเว็บไซต์ของ บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด <a href="https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/report/new.html">https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/report/new.html</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-41125" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/sustainability_005.jpg" alt="" width="600" height="600" />

<img class="alignnone size-full wp-image-41123" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/sustainability_002.jpg" alt="" width="600" height="600" />

6 แนวทางความยั่งยืน

บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ดำเนินกิจการภายใต้พันธกิจด้านความยั่งยืนที่ว่าด้วย “การปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า” และหาแนวทางสนับสนุนการพัฒนาความยั่งยืนของสังคมผ่านการทำธุรกิจเครื่องแต่งกาย โดยฟาสต์ รีเทลลิ่ง ตระหนักดีว่าการเติบโตของธุรกิจขึ้นอยู่กับการพัฒนาด้านความยั่งยืนของสังคมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก จึงให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมใน 6 ด้าน ได้แก่

1) การสร้างคุณค่าใหม่ๆ ผ่านสินค้าและบริการ

2) การเคารพสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน

3) การเคารพสิ่งแวดล้อม

4) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของชุมชน

5) การสนับสนุนให้พนักงานบรรลุเป้าหมาย

6) บรรษัทภิบาล

นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดหามาตรการเพื่อดำเนินพันธกิจและบรรลุเป้าหมายแต่ละด้าน เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ได้ดำเนินกิจการภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ซึ่งเป็นโครงการระดับนานาชาติที่ตั้งขึ้นเพื่อจัดการกับประเด็นด้านความยั่งยืน

บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด เป็นบริษัทโฮลดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นชั้นนำระดับโลกในธุรกิจค้าปลีก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ยูนิโคล่เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ฟาสต์ รีเทลลิ่งทั้ง 8 แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ที่เหลือได้แก่ GU, Theory, Helmut Lang, PLST (Plus T), Comptoir des Cotonniers, Princesse tam.tam และ J Brand

บริษัทฯ มียอดจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 2.0088 ล้านล้านเยนในปีบัญชี 2020 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2020 (ประมาณ 19,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ ต่อ 105.4 เยน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2020)

ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกเครื่องแต่งกายที่ใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีพันธกิจที่จะเปลี่ยนโฉมเสื้อผ้า พลิกโฉมหน้าของภูมิปัญญาเดิมๆ และเปลี่ยนแปลงโลก

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/trend-lines-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1.html">Trend Lines: พลังของสีแดงบนหน้าปัดเรือนเวลาหรู</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

Tadashi Yanai เผยรายงานด้านความยั่งยืน "ฟาสต์ รีเทลลิ่ง" ปี 64

<h2>Fast Retailing ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมค้าปลีกแฟชั่นจากญี่ปุ่น และบริษัทแม่ของ Uniqlo แบรนด์เสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดว่า รายได้ของกลุ่มธุรกิจ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 อยู่ที่ 5.96 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 0.6 ขณะที่กำไรสุทธิปรับตัวลงร้อยละ 0.7 อยู่ที่ 677 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว</h2>
อย่างไรก็ดี อัตรากำไรจากการดำเนินงานกลับมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ราวร้อยละ 23.3 อยู่ที่ 1.08 พันล้านเหรียญ ซึ่งได้รับอานิสงส์มาจากยอดขายในญี่ปุ่นและจีน

<figure><img class="wp-image-40485 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/d72421-2-843883-0.jpg" alt="Fast Retailing" width="650" height="347" /><figcaption> Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Fast Retailing</figcaption></figure>

แม้ในระยะแรกที่เกิดวิกฤตโรคระบาด  ร้านค้ากว่าครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 738 แห่งในจีนของกลุ่มบริษัท Fast Retailing จำเป็นต้องปิดทำการจนกระทั่งถึงเดือนเมษายน 2020 แต่ปรากฎว่ายอดขายทางออนไลน์กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด ครองสถิติแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในแคมเปญวันคนโสดของของ Tmall เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์จากประเทศจีน ติดต่อกันเป็นปีที่ 5

และในโอกาสฉลอง 20 ปีแบรนด์  Uniqlo ยอดขายทางออนไลน์ของบริษัทก็เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 48.5 หรือราวร้อยละ 14.5 ของยอดขายทั้งหมด อันเป็นผลมาจากความต้องการสินค้าประเภทสวมใส่สบายและคุณภาพดีที่เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น การผสมผสาน “เทคโนโลยี Heattech” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเสื้อผ้าที่เพิ่มความอบอุ่นทว่าบางเบา เป็นต้น

“ปัจจุบัน ลูกค้าจำนวนมากนึกถึงแบรนด์ Uniqlo เป็นอันดับแรกเมื่อต้องการที่จะซื้อเสื้อผ้า ด้วยเหตุผลนี้เองจึงส่งผลต่อรายได้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น” Takeshi Okazaki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกล่าว

นอกจากธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นจะพยายามปรับตัวสู่คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า ‘LifeWear’ มาโดยตลอด โดยการออกสินค้าที่สอดรับกับการทำงานจากที่บ้านให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับการปรับกลยุทธ์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งในที่นี้ Tadashi Yanai ซีอีโอ Fast Retailing กล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เราหันกลับมาพิจารณารูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น” พร้อมเสริมว่า “แม้แต่การให้คุณค่ากับเสื้อผ้าก็เปลี่ยนแปลงไป จากการสวมใส่เพื่อความสวยงามหรือการบอกสถานะทางสังคม ก็แปรเปลี่ยนไปสู่การสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ในทุกโอกาสมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ในหลายไตรมาสที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Fast Retailing มีทั้งปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและลดลงมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดหน้าร้านในช่วงโควิด-19  โดยปัจจุบัน ทางบริษัทมีร้านค้าทั้งหมด 3,600 สาขา กระจายอยู่ใน 26 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ซึ่งนอกจากแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Uniqlo แล้วก็ยังมี Theory, Helmut Lang และ J Brand อยู่ในพอร์ตฟอลิโอเช่นกัน

ทั้งนี้ จากการพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐ ประกอบกับการปิดสาขากว่าครึ่งตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2020 จนกระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ สะท้อนให้เห็นได้ว่าอาจนำมาซึ่งการขาดทุนมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เป็นจำนวนมาก

และล่าสุด ในเดือนมกราคม 2021 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศ<a style="color: #333333;" href="https://apnews.com/article/japan-asia-pacific-coronavirus-pandemic-tokyo-16991438f9a20e2e8599b4ffde47292f">สถานการณ์ฉุกเฉิน</a>เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดที่เพิ่มสูงขึ้นของโควิด-19  หลังผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุบสถิติเป็นเกือบ 8,000 คนต่อวัน ท่ามกลางการยืนยันว่าสามารถเดินหน้าจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ตามกำหนด 

โดยในที่นี้ Fast Retailings ประเมินว่าผลประกอบการใช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ในทำนองเดียวกันก็อาจได้รับอานิสงส์จากอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมคาดว่าหากการอนุมัติวัคซีนต้นโควิด-19 ดำเนินไปได้ด้วยดี ธุรกิจหน้าร้านก็อาจกลับมาเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งทาง <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/tiffanylung/2020/07/07/why-retailers-are-investing-in-japan-as-asias-next-top-flagship-destination/?sh=473231ce3d6e">Uniqlo</a> ก็กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมที่จะกลับมาเปิดสาขาแห่งใหม่เร็วๆ นี้เช่นกัน

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Japan’s Richest Person Sees Wealth Cross $41 Billion As Fashion Sales Rebound In Japan And China เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/global/10-อันดับมหาเศรษฐีญี่ปุ่.html">10 อันดับมหาเศรษฐีญี่ปุ่น ที่ร่ำรวยที่สุดประจำปี 2020</a>

Fast Retailing เผยผลประกอบการของกลุ่มบริษัทลดลง แม้ยอดขายในจีนจะเพิ่มสูงขึ้น

Tadashi Yanai ปรับกลยุทธ์  Uniqlo อย่างไรในวิกฤตโควิด-19

<h2 class="p1">มหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในญี่ปุ่นเตือน Brexit นั้น “เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ” และอาจทำให้สหราชอาณาจักรกลับไปอยู่ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเหมือนยุค 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่สหราชอาณาจักรถูกขนานนามว่า “คนป่วยแห่งยุโรป”</h2>
Tadashi Yanai มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Fast Retailing ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Uniqlo กล่าวว่า สหราชอาณาจักร (United Kingdom: UK) ได้ประโยชน์หลายปีจากการเป็นเศรษฐกิจแบบเปิด แต่การออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit จะเปลี่ยนสิ่งนั้น และอาจกระตุ้นให้คนที่มีความสามารถหลายคนมองหางานที่อื่น
ทั้งนี้ การออกจากสหภาพยุโรปยังทำให้สหราชอาณาจักรต้องพบกับความท้าทายมากมาย เนื่องจากความจำเป็นต้องรักษาพรมแดนแบบเปิดระหว่างไอร์แลนด์ (เป็นสมาชิก EU) และไอร์แลนด์เหนือ (เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร) นอกจากนี้ยังรวมถึงการเรียกร้องขอแยกตัวออกเป็นเอกราชของสกอตแลนด์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการโหวตต่อต้านการออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติเมื่อปี 2016
“ผมคิดว่า Brexit นั้นเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะจะทำให้พรมแดนเก่าสั่นคลอน และสหราชอาณาจักรหรือ UK ก็มีปัญหาทั้งกรณีของไอร์แลนด์เหนือและสกอตแลนด์ด้วย” Yanai กล่าวกับ CNN Business “ดังนั้น ผมคิดว่าการออกจากสหภาพยุโรปจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำได้จริง แม้ UK จะบอกว่าต้องการออกจากสหภาพยุโรปให้ได้จริงก็ตาม
“หากเกิด Brexit ขึ้นจริงก็อาจทำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรย้อนกลับไปเป็นแบบเดียวกับสถานการณ์ก่อนยุคของ Margaret Thatcher ซึ่งเป็นยุคที่สหราชอาณาจักรได้ชื่อว่าเป็นคนป่วยแห่งยุโรป ซึ่งผมกลัวว่าสถานการณ์นี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง”
โดยอดีตนายกรัฐมนตรี Margaret Thatcher ผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 1979 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นช่วงหลายปีที่ระบบเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรประสบภาวะอัตราเงินเฟ้อและการว่างงานสูง จนในช่วง 1980 การดำเนินงานของ Thatcher ที่ปฏิรูปประเทศด้วยการเพิ่มเสรีภาพให้กับเอกชน ลดการควบคุมจากภาครัฐ ทำให้บริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่นเริ่มมองว่าสหราชอาณาจักรเป็นประตูสู่ทวีปยุโรป ก่อนที่พวกเขาจะเทเม็ดเงินลงทุนในโรงงานประกอบรถยนต์, ธนาคาร และธุรกิจอื่นๆ


<figure><img class="wp-image-15945 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/uniqlo02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Uniqlo แบรนด์เรือธงของ Fast Retailing เริ่มเข้าไปทำตลาดใน London เป็นครั้งแรกเมื่อ 18 ปีก่อน (Photo Credit: AFP)</figcaption></figure>
สำหรับอาณาจักรเสื้อผ้าระดับโลก Fast Retailing ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Uniqlo ร้านเสื้อผ้าที่เปิดสาขาแรกนอกประเทศญี่ปุ่นคือที่กรุง London เมื่อ 18 ปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้ขยายสาขาไปที่ตลาดหลักๆ ทุกตลาดทั่วโลก โดยปีที่ผ่านมา Fast Retailing มียอดขาย 2.13 ล้านล้านเยน (ราว 1.92 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดย Forbes ประมาณการว่า Yanai มีสินทรัพย์ราว 3 หมื่นล้านเหรียญ และเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในญี่ปุ่น

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/global/%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-uniqlo-%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2.html">เมื่อผู้ก่อตั้ง Uniqlo บอกว่าตำแหน่งซีอีโอ “เหมาะ” กับผู้หญิงมากกว่า</a></li>
</ul>
คำเตือนของ Yanai เกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของผู้ประกอบการญี่ปุ่นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และการเตรียมพร้อมออกจากกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรปของ UK ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เพราะหากสหราชอาณาจักรออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลงเพื่อปกป้องการค้า ก็จะทำให้สินค้าต่างๆ ที่ผลิตจาก UK แล้วส่งเข้าไปจำหน่ายใน EU ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร ซึ่งสินค้านั้นรวมถึงรถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่นด้วย
Nissan, Toyota และ Honda ผลิตรถยนต์ราวครึ่งหนึ่งของการผลิตในสหราชอาณาจักร และส่วนใหญ่สินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วก็วางขายในทวีปยุโรป ซึ่งพวกเขาต่างต้องปรับทิศทางให้ตัวเองอีกครั้ง หลังยอดขายตกลงและความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ในอนาคตของประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดกับประเทศใกล้เคียง

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/no-deal-brexit-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89-ford-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b9%88%e0%b8%b2.html">No-deal Brexit อาจทำให้ Ford มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 1 พันล้านเหรียญ</a></li>
</ul>
โดย Honda ได้ประกาศปิดโรงงาน Swindon ในปี 2022 ขณะที่ Nissan ได้ยกเลิกแผนการสร้างโมเดล X-Trail ในเมืองทางตอนเหนือของ Sunderland และยังย้ายการผลิตรถยนต์หรูรุ่นอื่นไปยังประเทศอื่นด้วย ฟาก Toyota ระบุเมื่อเดือนก่อนว่า บริษัทกำลังวางแผนหยุดการผลิตชั่วคราวของโรงงานใน Derbyshrine ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจทำให้การขนส่งที่ท่าเรือใน UK ต้องหยุดชะงักซึ่งอาจส่งผลต่อซัพพลายของชิ้นส่วนรถยนต์
ส่วน Uniqlo นั้น Yanai กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นรักษาสถานะในสหราชอาณาจักรไปอีกนาน แม้ว่าจะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคตก็ตาม
การดำเนินงานของ Uniqlo ในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่ปีมานี้เรียกได้ว่าต้องอาศัยการดิ้นรนไม่น้อย แม้ว่าปัจจุบันจะยังคงรักษาสาขาทั้ง 13 สาขาไว้ได้ แต่ความทะเยอทะยานขยายสาขาในช่วงต้นยุค 2000 กลับนำไปสู่ผลลัพธ์ตรงกันข้ามที่ทำให้เขาต้องปิดสาขาไปถึง 16 สาขา
อย่างไรก็ตาม คำเตือนจากชายที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นมาพร้อมกับการที่ Liz Truss เลขาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร เดินทางมา Tokyo เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่ใกล้ถึงการออกจาก EU ของสหราชอาณาจักรแล้ว
ทั้งนี้ แม้เกิดกรณีการออกจากสหภาพยุโรป แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเกาะบริเทน ซึ่งรัฐบาลระบุว่ามีมูลค่าลงทุนกว่า 3.7 หมื่นล้านเหรียญ โดยมีบริษัทญี่ปุ่นราว 1,000 บริษัทที่ตั้งอยู่ในบริเทน และทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 150,000 ตำแหน่ง
โดย Truss ได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการในการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ซึ่งเธอกล่าวว่า “ภาคธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีเจตจำนงที่จะเริ่มเจรจาถึงข้อตกลงการค้าเสรีใหม่กับญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด”
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://edition.cnn.com/2019/09/19/business/tadashi-yanai-fast-retailing-uniqlo/index.html?utm_source=twbusiness&amp;utm_medium=social&amp;utm_content=2019-09-22T23%3A00%3A20&amp;utm_term=link">Japan's richest man fears Brexit could turn UK into 'sick man of Europe'</a></li>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/daviddawkins/2019/09/20/billionaire-founder-of-uniqlo-tadashi-yanai-says-brexit-will-make-uk-the-sick-man-of-europe-again/#2440bb327868">Billionaire Founder of Uniqlo Tadashi Yanai Says Brexit Will Make U.K. ‘The Sick Man of Europe’ Again</a></li>
</ul>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

มหาเศรษฐีญี่ปุ่นเตือน Brexit อาจทำให้ UK กลับไปสู่สถานะ "คนป่วยแห่งยุโรป"

<h2 class="p1">Tadashi Yanai มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งอาณาจักรค้าปลีกเสื้อผ้าแบรนด์ Uniqlo เผยว่าเขาต้องการให้ผู้สืบทอดกิจการต่อจากเขาเป็นผู้หญิงมากกว่า</h2>
โดยมหาเศรษฐีวัย 70 ปีรายนี้เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรและดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Uniqlo ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในกรุง Tokyo โดย Tadashi Yanai และครอบครัวครองหุ้นในสัดส่วน 44% ประมาณการเป็นสินทรัพย์ราว 2.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า Yanai กล่าวถึงบทบาทซีอีโอของเขาว่า “งานนี้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า” และว่า ผู้หญิงนั้น “มีความขยันหมั่นเพียร, ใส่ใจรายละเอียด และมีเซนส์ด้านความสวยงาม”
ทั้งนี้ Yanai เริ่มเข้ามาสานกิจการนี้ต่อจากร้านตัดเสื้อของพ่อในปี 1984 จนสามารถขยายธุรกิจมาสู่โกลบอลแบรนด์ และเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ไปถึง 1.89 หมื่นล้านเหรียญ กำไร 2.3 พันล้านเหรียญ เป็นค้าปลีกเสื้อผ้าอันดับ 3 ของโลกรองจาก H&amp;M และ Zara เท่านั้น
ขณะที่เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา Uniqlo รายงานว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (same store growth) ในญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมของปี 2018 นอกจากนี้ ยอดขายในเอเชียก็ยังแข็งแกร่ง แม้การขยายสาขาในตลาดอเมริกาจะถูกระงับไว้ก่อน โดยเมื่อปี 2012 Yanai ตั้งเป้าขยายสาขาในสหรัฐฯ ให้ได้ 1,000 สาขา แต่ปัจจุบันมีอยู่เพียง 50 สาขา


<figure><img class="wp-image-15945 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/uniqlo02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ปีที่ผ่านมา Uniqlo ทำรายได้ไปถึง 1.89 หมื่นล้านเหรียญ เป็นแบรนด์ค้าปลีกเสื้อผ้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก</figcaption></figure>
สำหรับชื่อของผู้ที่เป็นไปได้ว่าอาจเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอคนถัดไปของบริษัทก็คือ Maki Akaida ที่เข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2001 ปัจจุบันเธอเป็นหัวหน้าการดำเนินงานของ Uniqlo ญี่ปุ่น และมีรายงานว่าหน่วยงานที่เธอดูแลทำกำไรได้สูงที่สุด
ซึ่งเมื่อถาม Yanai ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ Akaida จะเข้ามารับบทบาทซีอีโอ เขาตอบว่า “เป็นไปได้”
ผู้บริหารวัย 70 ปีรายนี้ยังระบุอีกว่า เขาต้องการเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในบริษัทให้มีมากกว่าครึ่งหนึ่ง หลังประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงขึ้นมาเป็น 30% ในปี 2018
โดยปัจจุบันบริษัทแห่งนี้มีผู้หญิงที่รับบทบาทผู้บริหารอยู่ 6 คน

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%96%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3-%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87.html">ปาริชาติ วีระเสถียร นั่งตำแหน่ง เอ็มดีหญิงไทยคนแรก ชิเซโด้ ประเทศไทย</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2 class="p1">ช่องว่างระหว่างเพศ</h2>
ขณะที่การพูดถึงซีอีโอคนถัดไปของอาณาจักรค้าปลีกเสื้อผ้านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นยังเป็นที่พูดถึงในระดับโลกถึงการมีผู้บริหารเป็นผู้หญิงในสัดส่วนที่น้อย โดยหากดูรายชื่อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีบริษัทที่มีผู้บริหารเป็นผู้หญิงเพียง 4.1% เท่านั้น
โดย World Economic Forum ได้จัดให้ญี่ปุ่นอยู่ลำดับที่ 110 ของการจัดอันดับ Global Gender Gap Index 2018 ด้วยช่องว่างรายได้ระหว่างเพศหญิงและชายอยู่ที่ 24.5% ในปี 2017 เทียบกับการทำงานในบทบาทเดียวกัน
ในปี 2019 รายงานของ IMF กล่าวโจมตีว่าญี่ปุ่นนั้น “ปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ” ซึ่ง IMF อธิบายการจัดอันดับช่องว่างระหว่างเพศของญี่ปุ่นว่า “น่าเวทนา” แม้ว่าอันดับจะขยับขึ้นบ้างเล็กน้อยก็ตาม
ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับภาวะแรงงานของประเทศหดตัว รวมถึงต้องส่งเสริมคุณภาพการผลิตให้ดีขึ้น และผลักดันให้ผู้หญิงทำงานในตำแหน่งสูงมากขึ้น
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/daviddawkins/2019/09/04/billionaire-founder-of-uniqlo-tadashi-yanai-says-his-job-is-more-suitable-for-women/#14fe1fec4b88">Billionaire Founder of Uniqlo Tadashi Yanai Says CEO Job Is ‘More Suitable’ for Women</a></li>
 	<li><a href="https://www.independent.co.uk/life-style/fashion/tadashi-yanai-uniqlo-ceo-founder-japan-fast-retailing-co-woman-gender-diversity-a9093276.html">Billionaire Uniqlo Founder and CEO Wants His Successor To Be a Woman</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events