<h2>บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ CPAXT) ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” โชว์ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 ด้วยรายได้รวม 512,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22,093 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 10,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% เมื่อเทียบกับปี 2566 เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าอาหารสด นอกจากนี้การขาย Omni Channel ของบริษัทฯ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยมีสัดส่วนรายได้ถึง 18% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด มาจากการที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม พร้อมการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย AI ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีก (Retail Tech) </h2> &nbsp; &nbsp; &nbsp; นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า&nbsp;ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา สะท้อนศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและความสามารถในการขยายตัวในทุกมิติ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายและกำไรต่อเนื่อง ในปี 2568 ผ่านกลยุทธ์หลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การสร้างการเติบโตทุกช่องทางจำหน่าย ผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของยอดขายในสาขาเดิม (SSSG) และการเพิ่มยอดขาย Omni Channel ทั้งการขายผ่านแพลตฟอร์มและทีมขายนอกร้าน โดยบริษัทฯ เดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการ จากการใช้จุดแข็งของเครือข่ายสาขาทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การเป็นผู้นำสินค้าอาหารสดของไทย ด้วยความหลากหลายของสินค้าอาหารสดกว่า 7,000 รายการ จากทั้งในประเทศและแหล่งผลิตชั้นนำทั่วทุกมุมโลก ผ่านการผนึกกำลังสรรหาสินค้าที่มีความหลากหลาย พร้อมต่อยอดอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน (RTC-RTE) เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้ประกอบการในราคาที่คุ้มค่า&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การเพิ่มกำไรจากสินค้า Private label และกลุ่มสินค้าที่สร้างผลกำไรดี โดยบริษัทฯ มุ่งต่อยอดสินค้าExclusive brand ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัสเท่านั้น (ONLY AT Makro &amp; Lotus’s) เพื่อเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งในตลาด นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำไรขั้นต้นสูง&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การเพิ่มรายได้จากพื้นที่ศูนย์การค้าและการพัฒนามอลล์ สู่ SMART Community Center ด้วยการปรับรูปลักษณ์มอลล์ให้ทันสมัย ควบคู่การหาผู้เช่าที่สอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละพื้นที่&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย AI เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งใช้ AI ในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและช่วยลดต้นทุน&nbsp; &nbsp; &nbsp;นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรารวม 0.71 บาทต่อหุ้น เมื่อหักการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้นที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปแล้ว คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตรา 0.53 บาทต่อหุ้น ภาพ: ซีพี แอ็กซ์ตร้า&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/ikea-to-open-new-store-in-chiang-mai" alt="เพราะคนไทยชอบซื้อของใกล้บ้าน! เหตุผล ‘อิเกีย’ บุกเชียงใหม่ ลุ้นร่วมกับ ‘ซีพี-ดีแคทลอน’ ไปจังหวัดอื่นเพิ่ม">เพราะคนไทยชอบซื้อของใกล้บ้าน! เหตุผล ‘อิเกีย’ บุกเชียงใหม่ ลุ้นร่วมกับ ‘ซีพี-ดีแคทลอน’ ไปจังหวัดอื่นเพิ่ม</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ซีพี แอ็กซ์ตร้า เปิดกำไรสุทธิปี 2567 แตะ 10,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% จากปีก่อน

<h2>Kantar ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก เผยข้อมูลเปรียบเทียบเมื่อ 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้วัดพฤติกรรมผู้บริโภคที่สะท้อนการดีลที่ผ่านมา</h2>
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (OTCC) กำลังประเมินว่าการซื้อกิจการ Tesco ในเอเชียโดยเครือซีพี นั้นจะเป็นการผูกขาดตลาดหรือไม่ Kantar ได้เผยข้อมูลเชิงลึกถึงการผนึกรวมกันของการผนึกกันของ Tesco Lotus 7-eleven และ Makro ของเครือซีพีจะทำให้มีสัดส่วน 20% ของยอดขายของชำที่นำไปบริโภคที่บ้าน (Take Home Grocery)

“เมื่อเทียบช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา Tesco ในประเทศไทยมีส่วนแบ่ง 19% ขณะที่ธุรกิจของ Tesco ครองส่วนแบ่ง 27% ของตลาดของชำในสหราชอาณาจักร” Howard Chang  กรรมการผู้จัดการ  Kantar (Worldpanel Division) ประเทศไทยและมาเลเซียกล่าวและชี้ว่า “ดังนั้นจากมุมมองขนาดตลาด การซื้อกิจการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการผูกขาด”

อย่างไรก็ตามการค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ยังมีความแข็งแกร่งในประเทศไทย ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายของชำทั้งหมด แต่หากพิจารณาถึงส่วนแบ่งของกลุ่มซีพี ภายในโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) ส่วนแบ่งทางการตลาดของเครือซีพีจะเป็น 45% ของยอดขายจากโมเดิร์นเทรด ซึ่งหมายความว่าเกือบ 1 ใน 2 บาท จะเข้าไปสู่กิจการเหล่านี้

แม้จะเป็นตัวเลขที่สูงแต่ยังไม่ส่งผลต่อการควบคุมตลาดค้าปลีกโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นเมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทางเลือกก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ซึ่งหาก TCC Group ซึ่งเป็นเจ้าของ BigC ควบกิจการ Tesco Lotus ไป จะกลายเป็น 40% ของยอดขายจากโมเดิร์นเทรด
|
การซื้อกิจการมีผลต่อทางเลือกของผู้บริโภค
|
ทางเลือกของผู้บริโภคเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่จะช่วยวัดผลกระทบของการซื้อกิจการในครั้งนี้ Howard Chang อธิบายว่า “ทุกคนมีทางเลือกว่าจะซื้อของที่ไหนและซื้ออะไร แต่การซื้อกิจการนี้จะกำจัดตัวเลือกเหล่านั้นและทำให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถควบคุมอุปทานและราคาได้หรือไม่”

โดยวิธีการประเมินทางเลือกของผู้บริโภคคือผ่านการสังเกตว่าพวกเขาจับจ่ายที่ไหน จากการวิเคราะห์จำนวนครั้งการจับจ่ายที่สะท้อนว่าเครือซีพี จะมีอิทธิพลต่อทางเลือกผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด จากข้อมูลของ Kantar พบว่าในประเทศไทยมีประมาณ 25.8 ล้านครัวเรือน ซึ่ง 73% ของผู้บริโภคจับจ่ายอย่างน้อย 1 ครั้ง ที่ Tesco 7-Eleven และ/หรือ Makro ในช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่า 2 ใน 3 ครัวเรือนจะซื้อสินค้าในร้านค้าในเครือ CP Group

“เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการวัดอื่นๆ แล้ว เปอร์เซ็นต์เพรนิเทชันนี้ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่อยู่เหนือผู้บริโภค” Howard Chang กล่าว “การรวมกันของ BigC และ Tesco เพรนิเทชันจะเป็น 60% และการรวมกันของ Central Retail และ Tesco จะอยู่ที่ 53%”

เมื่อ 12 สัปดาห์ที่ผ่านมายังพบว่ามีจำนวนการจับจ่ายของชำถึง 1.06 พันล้านครั้ง โดยผู้บริโภค 16% จับจ่ายที่ Tesco 7-Eleven และ/หรือ Makro โดยก่อนการซื้อกิจการ 7-Eleven และ Makro ถือครองส่วนแบ่งจำนวนการจับจ่ายทั้งหมด 11% และหลังการซื้อกิจการ Tesco ทำให้เครือซีพีเพิ่มส่วนแบ่งจำนวนการจับจ่ายเกือบ 50%

“อย่างไรก็ตามยังห่างไกลจากการควบคุมผู้บริโภค” Howard Chang กล่าว “เพราะเราเห็นได้ว่าผู้บริโภคยังคงจับจ่ายที่อื่น 4 ใน 5 ครั้ง”
|
แบรนด์และซัพพลายเออร์ต่างได้รับผลกระทบ
|
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์  Kantar ผลกระทบที่สำคัญที่สุดจากการซื้อกิจการครั้งนี้คือ แบรนด์และซัพพลายเออร์ที่มีต่อร้านค้าในเครือซีพี ด้วยความเป็นเจ้าของ Tesco จากการควบกิจการนี้จะเป็นเจ้าของไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ร้านสะดวกซื้ออันดับ 1 และซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

“สิ่งนี้ทำให้เครือซีพี อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากในการเจรจาต่อรองและสามารถสร้างแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญต่อซัพพลายเออร์” Howard Chang กล่าว การควบกิจการนี้เพรนิเทชันครอบคลุมเกือบ 3 ใน 4 ของครัวเรือนไทย และได้รับ 1 จาก 5 บาท ทุกการจับจ่ายจากร้านขายของชำ

เมื่อพิจารณาถึงเครือซีพีที่ขยายขึ้นและมีความแข็งแกร่งในธุรกิจการเกษตร ทำให้กลุ่มธุรกิจของพวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่น่าอิจฉาของการจัดการซัพพลายเชน แต่ “จากฟาร์มสู่ร้านค้า” ไม่น่าจะเป็นการผูกขาดหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เนื่องจากมีการแข่งขันที่เพียงพอในตลาดค้าปลีก และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะบังคับให้ผู้บริโภคยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้น

การจับจ่ายออนไลน์เป็นธุรกิจค้าปลีกที่สำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและยังคงมีศักยภาพในการเติบโต ปัจจุบัน 1 ใน 5 ของครัวเรือนซื้อของชำผ่านออนไลน์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเป็นผลิตภัณฑ์ด้านความงามส่วนใหญ่ ในขณะที่แบรนด์ต่างๆ มองหาเส้นทางไปสู่ผู้บริโภคมากขึ้นนี่อาจเป็นตัวกระตุ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
|
โอกาสสำหรับนวัตกรรมทางธุรกิจ
|
ในอนาคตการเจรจาระหว่างผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ต่อเครือซีพี จะมีความท้าทายมากขึ้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจเป็นการส่งเสริมนวัตกรรมในธุรกิจให้มีมากขึ้น ธุรกิจจะต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์และบริการ

จากข้อมูลของคันทาร์ (Kantar) เมื่อเราพิจารณาถึงวิธีที่ผู้คนจับจ่ายควบคู่ไปกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่หลากหลายและมีความต้องการที่ซับซ้อนขึ้น Tesco 7-Eleven และ Makro มีรูปแบบร้านค้าที่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแตกต่างกันไปในขนาด ช่วงของผลิตภัณฑ์ สถานที่และบริการ จะเป็นการช่วยในการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภคและแรงจูงใจในการจับจ่าย

ความเชี่ยวชาญที่หลากหลายนี้จะทำให้เครือซีพี มีโอกาสเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านกลยุทธ์การค้าปลีก การรวมกิจการจะสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อให้บริการและแนวทางใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวม

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Kantar เผยผลกระทบกรณี เครือซีพี ควบรวม Tesco Lotus

มร.นิค สมาร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ <a href="https://www.tescolotusmoney.com/th/?utm_source=website-3rdparty&amp;utm_medium=referral&amp;utm_campaign=Rebranding-Tescolotusmoney&amp;utm_content=website-Forbes-Rebranding-TMS-Oct19">บริษัท เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด</a> ผู้บริหารหนุ่มสัญชาติอังกฤษหัวใจไทย ที่อาศัยและทำงานอยู่เมืองไทยมานานกว่า 25 ปี ทำให้เข้าใจคนไทยอย่างลึกซึ้ง ทั้งพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

เพราะความเข้าใจและรับฟังผู้บริโภค มร.นิค “เรายึดหลักเอาใจเขามาใส่ใจเรา และไม่มีใครทุ่มเทสำหรับลูกค้าเหนือไปกว่าเรา” จึงมุ่งพัฒนาองค์กรในทุกๆ ด้าน ด้วยการรับฟังเสียงจากลูกค้า (Voice of consumer) จากผลรีเสิร์ชต่างๆ นำมาปรับเป็นกลยุทธ์และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ปรับปรุง  การให้บริการที่รวดเร็วขึ้น การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่      จากเทสโก้ โลตัส บริการด้านการเงินและโบรคเกอร์ประกันภัย ที่ดำเนินธุรกิจมา 18 ปี ให้เป็น เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส ในยุค 4.0 เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเทสโก้กว่า 15 ล้านคนต่อสัปดาห์ที่เดินห้างเทสโก้ โลตัส      มีความเชื่อมั่น ไว้ใจในแบรนด์ ได้รับสินค้าและบริการที่คุ้มค่า พร้อมความสะดวกรวดเร็วในบริการ        ที่เป็นเยี่ยม

<figure><img class="wp-image-20893 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/720.3.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> มร.นิค สมาร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด</figcaption></figure>

<a href="https://www.tescolotusmoney.com/th/?utm_source=website-3rdparty&amp;utm_medium=referral&amp;utm_campaign=Rebranding-Tescolotusmoney&amp;utm_content=website-Forbes-Rebranding-TMS-Oct19">เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส</a> เป็นเหมือนลูกครึ่งระหว่าง เทสโก้ โลตัส ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งในเมืองไทยและอันดับต้นๆ ของโลก เทสโก้ โลตัส มุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก (Consumer Centric) และกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ที่ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลรวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต และประกันวินาศภัย เป็นผู้นำทางด้าน Innovative Banking มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินและทำให้ เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส เป็น The Biggest Financial Retail Service ให้บริการด้านโบรคเกอร์ประกันภัย บัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อ ที่ปัจจุบันมีเคาน์เตอร์บริการมากกว่า 217 สาขา ที่เทสโก้ โลตัส ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย

เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก เพราะลูกค้าคือคนสำคัญสำหรับเราเสมอ เราศึกษาความต้องการ ค้นหา Pain Point ของลูกค้าและตอบสนองให้ตรงจุด  ซึ่งพบว่าในปัจจุบัน ชีวิตของลูกค้ามีความยุ่งยากมากขึ้น มีภาระกิจมากมายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว ชีวิตการทำงาน ยิ่งในเรื่องการเงินต่างๆ ที่ตนเองไม่ได้คุ้นชินหรือไม่มีความรู้ ยิ่งสร้างความลำบาก      ความยุ่งยาก ไม่มั่นใจ และเครียดทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจเรื่องการเงิน การวางแผนครอบครัว การเลือกซื้อประกันภัยที่ถูกต้อง ลูกค้าอยากมีคนเก่งเรื่องเงินมาให้คำปรึกษาแบบง่ายๆ เพราะเราเชื่อว่า เรื่องการเงิน  ไม่จำเป็นต้องยุ่งและยาก เราจึงปรับ Process ในการให้บริการ โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย รวมทั้งการให้บริการของเราที่ให้คำปรึกษา และอยู่เคียงข้างกันเหมือนเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดและเข้าใจคุณ พร้อมพูดคุยด้วยภาษาง่ายๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมช่วยเหลือดูแล  ในทุกสาขา

เรายึดหลัก “Ease, Value, Trust” เป็นหลักสำคัญในการบริหารงานสอดคล้องตามนโยบายของบริษัทแม่    ที่ประเทศอังกฤษ ได้แก่ การทำให้ชิวิตของลูกค้ามีความง่าย (Ease) ความสะดวก การสร้างคุณค่า (Value) ให้กับตัวสินค้าและบริการ คุ้มค่าและให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และที่สำคัญคือการสร้าง      ความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าไว้ใจ อุ่นใจและเชื่อใจในสินค้าและบริการของเรา (Trust) ทั้งหมดสะท้อนออกมาเป็นสินค้าและบริการ ได้แก่

บริการด้านโบรคเกอร์ประกันภัย ที่ให้คำปรึกษาและคัดสรรกรมธรรม์ประกันภัยจากบริษัทประกันภัยชั้นนำที่เชื่อถือได้หลากหลายบริษัท พนักงานผ่านการอบรม ผ่านการสอบและได้รับใบอนุญาตทางด้านประกันภัยโดยเฉพาะ สามารถให้คำปรึกษาลูกค้าและเลือกสรรแผนประกันภัยให้เหมาะสมกับลูกค้า โดยเน้น      ความคุ้มค่าและความคุ้มครองเป็นหลัก การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาโปรแกรม เครื่องมือในการคำนวนหากรมธรรม์ ที่ราคาและความคุ้มครองเหมาะกับลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย      (ให้บริการนายหน้าประกันภัยโดย บริษัท เทสโก้ เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด)

บริการบัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส วีซ่า ให้ความคุ้มค่าสูงสุดได้ง่ายๆ เมื่อช้อปในห้างเทสโก้ โลตัส      โดยลูกค้าจะได้รับคูปองเงินสดคลับการ์ดสูงสุด 3.5% หรือการผ่อนสินค้า 0% นอกจากการช้อปที่เทสโก้ โลตัสแล้ว บัตรเทสโก้ วีซ่า ยังเป็นบัตรที่คุ้มค่าที่สุดในการเติมน้ำมันที่สถานีเติมน้ำมันเอสโซ่ ได้เครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 3% นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นประกันภัยคุ้มครองการเดินทาง      ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

บริการบัตรสินเชื่อพรีเมียร์ อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเลือกผ่อนชำระสินค้าที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า แผนกเฟอร์นิเจอร์และแผนกที่นอน ที่ห้างเทสโก้ โลตัส ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษพร้อมกับ สิทธิประโยชน์ในการเบิกใช้สินเชื่อเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน

การรีแบรนด์ครั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายและได้มากกว่า เราใช้งบประมาณกว่า 50 (ประมาณการ) ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนในทุกช่องทาง เช่น การปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ กำหนด Brand CI เพื่อการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานหนึ่งเดียว สื่อโฆษณาต่างๆ เวปไซต์ ขบวนการการให้บริการและระบบหลังบ้าน ปรับปรุงเคาน์เตอร์บริการใน 217 สาขาทั่วประเทศ การเปลี่ยนหน้าบัตรเครดิตใหม่ ชุดยูนิฟอร์มพนักงานที่เพิ่มความเป็นมืออาชีพ เครื่องมือขายต่างๆ อย่างพร้อมเพียงตั้งแต่ 1 ส.ค. 2562 เป็นต้นมา

เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส #ชีวิตง่ายได้มากกว่า
ข้อมูลเพิ่มเติม <a href="http://www.tescolotusmoney.com">www.tescolotusmoney.com</a> Facebook และ IG tescolotusmoney <a href="https://www.tescolotusmoney.com/th/?utm_source=website-3rdparty&amp;utm_medium=referral&amp;utm_campaign=Rebranding-Tescolotusmoney&amp;utm_content=website-Forbes-Rebranding-TMS-Oct19">หรือ คลิ๊ก</a>

มร.นิค สมาร์ท CEO ฝรั่งหัวใจไทย รีแบรนด์เทสโก้ โลตัส มันนี่ เซอร์วิสเซส เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายและได้มากกว่า

<h2>ท่ามกลางวิกฤตการเมืองไทย มีคนมากมายออกมาประท้วงบนท้องถนน ทีมงาน Forbes Thailand ได้มีโอกาสร่วมดินเนอร์กับซีอีโอ Tesco Lotus ชาวสกอต John Christie นายฝรั่งของห้างค้าปลีกที่มีลูกจ้างทั่วประเทศถึง 55,000 คน เล่าชีวิตการทำงานตั้งแต่เด็กว่า เริ่มจากเป็นเด็กเลี้ยงวัว ช่างสระผม พนักงานธนาคาร จนเข้าทำงานใน Tesco อยู่มายาวนาน 31 ปี โดยในช่วงสิบปีหลัง เขาโยกย้ายไปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในญี่ปุ่น โปแลนด์ สโลวาเกีย และไทย เขายังเคยขึ้นปก Forbes ฉบับภาษาสโลวัก เมื่อครั้งเป็นซีอีโอ Tesco Slovakia </h2>
ทว่าอาชีพในฝันของเขาคือนักกอล์ฟอาชีพ ซีอีโอแฮนดิแคป 10 กล่าวอย่างถ่อมตัวว่า แต่เป็นไม่ได้หรอก เพราะยังไม่เก่งพอ นอกเหนือจากกีฬา Christie ยังเป็นนักชิมและชื่นชอบเข้าครัว  เขาเรียนทำอาหารไทยที่ Blue Elephant  และหลายครั้งเขาออกไปจ่ายตลาดหาซื้อเครื่องปรุงด้วยตัวเอง ทั้งจาก Tesco Lotus และห้างคู่แข่ง Big C เพื่อให้เห็นความแตกต่าง

ในวันนี้ Tesco Lotus เป็นผู้บริหารพื้นที่ศูนย์การค้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกลุ่มเซ็นทรัล มีสาขาประมาณ 1,500 แห่ง แยกเป็น 5 รูปแบบ ได้แก่ Extra, Hypermarket, Department Store, Supermarket และ Express  นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดหมายยอดขายในปี 2556 ไว้ที่ 1.18-1.2 แสนล้านบาท  และเมื่อต้นปี 2557 ได้เปิดตัวร้าน 365 เพื่อบุกตลาดร้านสะดวกซื้อที่มี 7-Eleven ของซีพีครองเจ้าตลาดอยู่ รวมทั้งต้องชนกับ Family Mart ของกลุ่มเซ็นทรัล และ Lawson ของเครือสหพัฒน์

Tesco ประเทศไทยทำรายได้เป็นอันดับ 3 จากทั่วโลก รองจากอังกฤษและเกาหลีใต้ และในปีงบประมาณ 2555/56 ยังส่งออกสินค้าไทยผ่านเครือข่าย Tesco ทั่วโลก เป็นมูลค่ารวมถึง 1.35 หมื่นล้านบาท
<div></div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events