<h2>The 1 Insight เผย ข้อมูลการใช้จ่ายของสมาชิกในช่วงโครงการช้อปลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt หนุน 5 สินค้าขายดีที่ผู้บริโภคนิยมซื้อจนยอดพุ่ง โดยกลุ่มคน Gen Z ตื่นตัวในเรื่องสิทธิ์การซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีมากที่สุดส่งผลให้มีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนถึง 18 % </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;The 1 Insight เผยพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงต้นปี 2567&nbsp;ระหว่างวันที่ 1-29 ม.ค. 2567 โดยวิเคราะห์จากฐานข้อมูลสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล The 1 ระหว่างที่รัฐบาลได้จัดทำโครงการช้อปลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt ซึ่งจะเห็นได้ว่า&nbsp;ในช่วง 10 วันสุดท้ายของการช้อปลดหย่อนภาษีดังกล่าว มี 5 อันดับสินค้ายอดนิยมที่ขายดีทั่วประเทศ ได้แก่&nbsp;1. เครื่องฟอกอากาศ ยอดขายเพิ่มขึ้น +98%&nbsp;2. เครื่องปรับอากาศ ยอดขายเพิ่มขึ้น&nbsp;+68%&nbsp;3. ไดร์เป่าผมและเครื่องหนีบผม&nbsp;ยอดขายเพิ่มขึ้น +56%&nbsp;4. โทรศัพท์มือถือ&nbsp;ยอดขายเพิ่มขึ้น +27%&nbsp;5. รองเท้ากีฬา&nbsp;ยอดขายเพิ่มขึ้น +20%&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/i2kphGXjukmrjZdNrrEw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="i2kphGXjukmrjZdNrrEw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์อันดับสินค้า Top 5 ดังกล่าว จะเห็นได้ว่ามี 2 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าช่วงมกราคม 2567 ได้แก่ 1. ความจำเป็น หรือเป็นสินค้าที่ควรจะซื้อในช่วงเดือนนี้ อาทิเช่น เครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ มีความสำคัญต่อหลายๆ ครอบครัวมากขึ้น เพราะวิกฤตจากมลพิษฝุ่น PM 2.5 เวียนกลับมาอีกครั้ง และ 2. ช่วงราคา โดยกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงกว่ากลุ่มสินค้าประเภทอื่นๆ อาจให้ความสะดวกในการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีมากกว่า เรียกได้ว่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่รายการก็อาจใกล้ถึงยอดลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ สอดคล้องกับการที่ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์" ขึ้นแท่นเป็นหมวดสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนี้ จนติดอันดับ Top 5 ถึง 4 ใน 5 อันดับเลยทีเดียว&nbsp; &nbsp; ขณะที่มุมมองของการใช้จ่ายที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย The 1 Insight เผยกลุ่มสินค้าอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภค Gen X, Gen Y และ Gen Z เลือกซื้อแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ ดังนี้Gen X (อายุระหว่าง 45 - 59 ปี เกิด พ.ศ. 2508 - 2522) ผู้บริหารรุ่นใหญ่ เน้น Work-Life Balance แต่ความรับผิดชอบเต็มร้อย! มียอดซื้อเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม "สินค้ากีฬาออกกำลังกาย" และแบรนด์ยอดนิยมได้แก่ Skechers, Nike และ AdidasGen Y (อายุระหว่าง 28 - 44 ปี เกิด พ.ศ. 2523 - 2539) Middle Management ไฟแรง เป้าหมายมีไว้พุ่งชน! เป็นกลุ่มช่วงวัยที่ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของ "ภาพลักษณ์" จึงทำให้มียอดซื้อเติบโตสูงสุดในกลุ่ม "เครื่องสำอางและน้ำหอม" โดยแบรนด์ยอดนิยมได้แก่ Dior, Chanel และ NarsGen Z (อายุระหว่าง 21 - 27 ปี เกิด พ.ศ. 2540 - 2552) กลุ่มวัยเพิ่งเริ่มทำงานแต่ต้องเสียภาษี จึงมีความตื่นตัวเรื่องลดหย่อนภาษีมากเป็นอันดับ 1 อีกทั้งยังมียอดซื้อเติบโตสูงสุดในกลุ่ม "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์" โดยแบรนด์ยอดนิยมได้แก่ Apple, Dyson และ Samsung&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ข้อมูลจาก The 1 Insight ยังชี้ให้เห็นว่า ช่วงวัยที่ให้ความสำคัญกับการลดหย่อนภาษีมากที่สุดคือ Gen Z เพราะมียอดการใช้จ่ายเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน เรียกได้ว่าสูงกว่า Gen X และ Gen Y ที่มียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 2% และ 6% ตามลำดับ&nbsp;สำหรับโครงการ Easy E-Receipt หรือการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2567 (ยื่นแบบต้นปี 2568) ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถใช้สิทธิ์ซื้อลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 67 โดยรวมถึงสินค้าและบริการในร้านค้าที่จดทะเบียน VAT มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ E-Tax ไปจนถึงสินค้าในหมวดหนังสือเล่ม, E-Book และ สินค้า OTOP ต่างๆ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/hr/the-office-does-not-meet-the-needs-of-use" alt="ผลการศึกษาซิสโก้ชี้ พนักงานส่วนใหญ่เชื่อว่าออฟฟิศไม่ตอบโจทย์การใช้งานอีกต่อไป">ผลการศึกษาซิสโก้ชี้ พนักงานส่วนใหญ่เชื่อว่าออฟฟิศไม่ตอบโจทย์การใช้งานอีกต่อไป</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ช้อปลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt หนุน Top 5 สินค้ายอดซื้อพุ่ง Gen Z ตื่นตัวสุดช้อปมากกว่าปีก่อน 18%

<h2>The 1 Exclusive ผู้นำโปรแกรมดูแลลูกค้าระดับพรีเมียมของ The 1 ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ชวนสมาชิก The 1 Exclusive ตัวจริง ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งกว่าและได้ก่อนใคร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากเปิดตัวมากว่า 3 ปี The 1 Exclusive ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในแง่ของจำนวนสมาชิกและความพึงพอใจต่อสิทธิประโยชน์และบริการที่ได้รับ โดยจำนวนฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อนับระหว่างช่วงเดือนมกราคม 2565 ถึง มกราคม 2566&nbsp; &nbsp; ปี 2566 The 1 Exclusive จึงสานต่อความสำเร็จ ยกระดับความพิเศษ พร้อมย้ำ 3 จุดยืนในการมอบสิทธิประโยชน์ เพื่อให้สมาชิกทุกท่าน "Proud to be The 1 Exclusive" ยิ่งกว่าที่เคย Be First! รับสิทธิ์เข้าชมอีเวนต์และสินค้าใหม่ก่อนใคร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Get More! รับสิทธิพิเศษและดีลส่วนลดที่ดียิ่งกว่า Be Exclusive! รับบริการและสิทธิพิเศษเหนือใคร พร้อมเสิร์ฟ 6 บริการและสิทธิประโยชน์หลักที่ลูกค้าต่างประทับใจ อาทิ คะแนน The 1 ไม่มีวันหมดอายุ, พื้นที่จอดรถฟรี 4 ชั่วโมงแรก, รับคะแนน X10 ในวันเกิด, ส่วนลดพิเศษจากกลุ่มเซ็นทรัล, บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว, บริการพิเศษที่ห้างชั้นนำในยุโรป ห้องรับรองพิเศษ 37 แห่งในเครือเซ็นทรัล และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บน The 1 APP&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการถ่ายทอดประสบการณ์เหนือระดับ&nbsp;ในครั้งนี้ นับเป็นการพบกันครั้งแรกของเหล่าสมาชิก The 1 Exclusive ตัวจริงหลากหลายไลฟ์สไตล์เหนือระดับ นำโดย โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และคุณแม่ ธนภรณ์ เวชสุภาพร, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง, พลอย-ชวพร เลาหพงศ์ชนะ, เบอร์ดี้-ปาวา นาคาศัย, เป๋า-วฤธ หงสนันทน์, จูเนียร์-กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์ พร้อมด้วย ‘มีน-ปิง’ นิชคุณ ขจรบริรักษ์ และ กฤตนัน อัญชนานันท์ สองนักแสดงจากซีรีส์สุดฮอต ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์สุดพิเศษที่ได้รับจาก The 1 Exclusive ตลอดมา พร้อมแชร์ถึงสิทธิประโยชน์และบริการที่สมาชิกคนพิเศษได้รับในทุกมุมมองของการใช้ชีวิตอีกด้วย ​&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้&nbsp;สามารถอัปเกรดสถานะเป็น The 1 Exclusive สมาชิกคนพิเศษได้ทันทีในเดือนถัดไป เมื่อใช้จ่ายถึงยอดที่กำหนด 250,000 บาทขึ้นไปในเครือเซ็นทรัล รีเทล หรือ 400,000 บาทเมื่อรวมกับยอดใช้จ่ายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลและเซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมรวบรวมทุกบริการและสิทธิประโยชน์ ผ่าน The 1 APPอ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1-5-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99" alt="“เซ็นทารา” ลุยลงทุน 1.5 หมื่นล้าน เปิดโรงแรมใหม่คู่แผนเติบโตยั่งยืน">“เซ็นทารา” ลุยลงทุน 1.5 หมื่นล้าน เปิดโรงแรมใหม่คู่แผนเติบโตยั่งยืน</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

The 1 Exclusive ชวนสมาชิก Top Spender ตัวจริง ถ่ายทอดประสบการณ์เหนือระดับ

<h2 class="p3">บิวเทรี่ยมงัดกลยุทธ์ดึงลูกค้า ผนึก The 1 Card เครือข่าย CRM ฐานสมาชิก 15 ล้านราย สามารถสะสม-แลกแต้มได้ที่ร้าน ตั้งเป้าช่วยดันยอดขายโต 40% หลังจากกระแสตลาดความงามปีนี้ฝืดตัว</h2>
จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด  เปิดเผยว่า บริษัทได้ตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ The 1 Card (เดอะ วัน การ์ด) เครือข่าย CRM (Customer Relationship Management) ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านบิวเทรี่ยมสามารถสะสมแต้มและแลกแต้มใน The 1 Card ได้
นับเป็นการเสริมประโยชน์ให้ซึ่งกันและกัน เพราะบิวเทรี่ยมมีฐานลูกค้าราว 1 แสนราย แบ่งสัดส่วนเป็นวัยมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยและวัย first jobber ไม่เกิน 25 ปี กลุ่มละ 50% ในขณะที่ลูกค้า The 1 Card ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน จึงน่าจะทำให้แต่ละฝ่ายได้ขยายฐานลูกค้ามากขึ้น
ด้าน อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด กล่าวเสริมว่า สำหรับลูกค้าที่สะสมแต้มอยู่กับระบบ CRM ของบิวเทรี่ยมจะสามารถโอนแต้มเข้าไปใน The 1 Card ได้ โดยบริษัทตัดสินใจร่วมมือกับเซ็นทรัลเพราะพบว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าการลงทุนระบบเอง ซึ่งเบื้องต้นมีการทำสัญญากันในระยะ 5 ปี


<figure><img class="wp-image-8518 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/บิวเทรี่ยม-เดอะ-วัน-การ์ด-ผู้บริหาร.jpg" alt="" width="800" height="580" /><figcaption> (ที่ 2 จากซ้าย) ระวี พัวพรพงษ์ Head of The 1 Business บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด, (ที่ 2 จากขวา) จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด, (ที่ 1 จากขวา) อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด</figcaption></figure>
ขณะที่ ระวี พัวพรพงษ์ Head of The 1 Business บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า The 1 Card มีสมาชิกอยู่ 15 ล้านรายและมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 2 ล้านราย โดย 70% ของจำนวนนี้เป็นผู้หญิง การผนึกกำลังกับบิวเทรี่ยมซึ่งเป็นร้านค้าเครื่องสำอางจึงน่าจะเหมาะสมกับฐานลูกค้าเดิม
ระวีกล่าวด้วยว่า The 1 Card กำลังเริ่มขยายการบริการด้าน CRM ออกไปนอกเหนือจากบริษัทในเครือเซ็นทรัลให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีพันธมิตรระดับองค์กรขนาดใหญ่อยู่ 30-40 ราย ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50 ราย และพันธมิตรร้านค้าท้องถิ่น 900 ราย ที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 รายในปีนี้ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น The 1 ให้รองรับสมาชิกในระบบได้มากและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ Forbes Thailand รายงานว่า ในตลาดร้านเครื่องสำอางแบบมัลติแบรนด์และดรักสโตร์มักจะมีระบบสมาชิกเพื่อสะสมแต้มและรับส่วนลดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น อีฟ แอนด์ บอย, เซโฟร่า, บู๊ทส์, วัตสัน หรือมัตสึโมโตะ คิโยชิซึ่งใช้ระบบของ The 1 Card เช่นกันเนื่องจากเป็นพันธมิตรของเซ็นทรัลในการเปิดสาขาไทย
&nbsp;
<h2 class="p3">ปี 2562 ตลาดความงามแผ่ว</h2>
อติโรจน์กล่าวต่อว่า ปี 2562 นี้บิวเทรี่ยมตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพียง 40% จากปกติจะโต 100% มาตลอดหลังจากก่อตั้งร้านแรกเมื่อ 7 ปีก่อน โดยปี 2561 บริษัททำยอดขายไป 500 ล้านบาท
“เรามีการประเมินสภาพตลาดสม่ำเสมอ ซึ่งจาก 5 เดือนแรกเราพบว่าตลาดได้รับผลกระทบทั้งการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจยังผันผวน ลูกค้านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนจะมีปัญหาจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ทำให้ลูกค้าอาจจะซื้อน้อยลงเพราะมองในบางมุมเครื่องสำอางก็ยังเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เราจึงปรับเป้าเติบโตลดลง จากเดิมคาดหวังรายได้ 1 พันล้านในปีนี้ เหลือเพียง 700 ล้านบาท” อติโรจน์กล่าว


<figure><img class="wp-image-8517 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/-แฟลกชิพ-โสตร์-2-e1559728349940.jpg" alt="บิวเทรี่ยม แฟลกชิปสโตร์ สาขาสยามสแควร์ เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562" width="800" height="533" /><figcaption> บิวเทรี่ยม แฟลกชิปสโตร์ สาขาสยามสแควร์ เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562</figcaption></figure>
โดยลูกค้าชาวจีนของบิวเทรี่ยมมีราว 10% ของลูกค้าทั้งหมด แต่หากเป็นสาขาในแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ เอเชียทีค เซ็นเตอร์พอยท์-สยามสแควร์ สยามสแควร์-แฟลกชิปสโตร์ และอัมรินทร์พลาซ่า นักท่องเที่ยวจะมีสัดส่วนสูง และในช่วง 5 เดือนแรกเห็นผลกระทบ โดยเฉพาะที่เอเชียทีคซึ่งยอดขายลดลงเล็กน้อย
ระวีเสริมว่า ในมุมของ The 1 Card เห็นผลกระทบเช่นกันเนื่องจากพบว่าลูกค้ามีการจับจ่ายสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องสำอางลดลง เทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังมียอดขายปกติ
&nbsp;
<h2 class="p3">เปิดสาขาใหม่ สร้างยอดขายอี-คอมเมิร์ซ</h2>
อย่างไรก็ตาม บิวเทรี่ยมยังคงมีการลงทุนเพื่อกระตุ้นยอดขายทั้งการลงทุนร้านสาขาใหม่ การขายออนไลน์ และกิจกรรมการตลาด
จิรวุฒิกล่าวว่า ปีนี้บริษัทใช้งบลงทุน 150 ล้านบาทเพื่อเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ที่เปิดตัวแล้วเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ แฟลกชิปสโตร์ในตึก stand alone 4 ชั้นบริเวณสยามสแควร์ พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 สาขาที่จะเปิดเพิ่มเติมอยู่ในเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัล เวสต์เกต ทำให้ปีนี้ บิวเทรี่ยมจะมีสาขาครบ 10 สาขา และยังคงเป้าหมายเปิดเพิ่มปีละ 3-4 สาขาต่อไป

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C-2562-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99.html">กลยุทธ์ช่วงชิงลูกค้าสายบิวตี้ปี 2562 จาก “วัตสัน”</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/ines-caldeira-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E.html">Ines Caldeira ดัน L’oreal ไทย สู่ Beauty Tech Company อันดับ 1</a></li>
</ul>
นอกจากนี้ บิวเทรี่ยมยังเริ่มจำหน่ายออนไลน์เมื่อปลายปี 2561 ทั้งช่องทางเว็บไซต์ของร้านเอง และ marketplace ต่างๆ ได้แก่ Shopee, Lazada, JD.central ซึ่งจิรวุฒิเปิดเผยว่า ได้รับผลตอบรับเกินคาด ปัจจุบันมียอดขาย 1 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายเพิ่มเป็น 10 ล้านบาทต่อเดือน
&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events