ในบทสรุปของหนังสือ The ASEAN Miracle: A Catalyst for Peace (สำนักพิมพ์ NUS Press ปี 2017) Kishore Mahbubani และ Jeffery Sng ผู้เขียนกล่าวไว้ว่า “หากมุมหนึ่งของโลกที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนักสามารถนำสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประชากรกว่า 625 ล้านคนของตนได้ ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกก็น่าจะสามารถสร้างความสำเร็จเฉกเช่นความร่วมมือของ ASEAN ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน”
ASEAN (ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ) ถือเป็นการรวมตัวของเหล่าประเทศในภูมิภาคที่เรียกได้ว่ามีความแตกต่างทั้งด้านเชื้อชาติ ศาสนา และภาษามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อินโดนีเซียเพียงประเทศเดียวมีภาษาที่ใช้สื่อสารกันมากกว่า 700 ภาษา ภูมิภาคนี้ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า “คลื่นอารยธรรมทั้งสี่” ได้แก่ ยุคแห่งอินเดีย จีน มุสลิมและโลกตะวันตก ซึ่งทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปรียบเสมือนจุดตัดอันเป็นแหล่งรวมอารยธรรมสำคัญของโลก
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเส้นทางที่ผ่านมาของ ASEAN จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ สงครามเวียดนามดำเนินไปอย่างโหดร้าย ส่วนที่เลวร้ายไม่แพ้กันคือสงครามอเมริกันที่ปะทุขึ้นในสปป.ลาว (ช่วงปี 1962-1975) ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 10% และอีก 25% ต้องลี้ภัยออกจากประเทศ กลุ่มเขมรแดงที่ขึ้นครองอำนาจในกัมพูชาช่วงปี 1975 ถึงปี 1979 กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ข่มเหงทารุณชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญาในเมียนมาที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
แล้วปัจจัยแห่งความสำเร็จของ ASEAN คืออะไร?
ปัจจัยที่ส่งผลโดยรวมคือ คลื่นลมด้านมิติการเมืองที่เป็นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการเยือนประเทศจีนครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดี Richard Nixon เมื่อปี 1972 และการสิ้นสุดลงของสงครามเวียดนาม แม้จุดยืนและความคิดจะอยู่คนละขั้วการเมือง แต่สาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐฯ มองเห็นถึงความสำคัญที่จะพัฒนาความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายเนื่องจากมีศัตรูรายเดียวกันคือสหภาพโซเวียต ทั้งนี้ ประเด็นถกเถียงกันว่าภัยคุกคามที่น่าหวั่นเกรงที่สุดสำหรับประชาคม ASEAN ในปัจจุบันก็คือการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจจากสองภูมิภาคอย่างจีนและสหรัฐฯ
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการปฏิรูปเศรษฐกิจมาอิงกลไกตลาดเศรษฐกิจของหลายประเทศสมาชิกเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากได้รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีบางประเทศที่ขยายตัวต่ำกว่าตลาดอย่างเห็นได้ชัดเจนในประเทศฟิลิปปินส์


คลิกอ่านบทความที่น่าสนใจ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กรกฎาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine


