5 ว่าที่สตาร์ทอัพพันล้านปี 2022 - Forbes Thailand

5 ว่าที่สตาร์ทอัพพันล้านปี 2022

FORBES THAILAND / ADMIN
13 Apr 2023 | 08:20 AM
READ 9474

เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกันที่ Forbes ร่วมมือกับ TrueBridge Capital เฟ้นหา 25 ธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ ที่ได้รับทุนสนับสนุนและมีโอกาสเติบโตเป็นยูนิคอร์น 


    จากข้อมูลที่บันทึกไว้ของเราแสดงให้เห็นผลงานอันเจิดจรัสของบรรดาบริษัททั้ง 175 แห่งที่เข้ามาติดทำเนียบตลอดระยะเวลา 8 ปี โดยมี 116 แห่งที่เติบใหญ่เป็นยูนิคอร์น ขณะที่อีก 22 แห่งได้รับการเข้าซื้อกิจการและ 9 แห่งกลายเป็นบริษัทมหาชนก่อนจะไปถึงหลักพันล้าน มีเพียง 5 แห่งที่ต้องสลายตัวหรือต้องปิดตัวลง

    อย่างไรก็ตามการจัดทำเนียบในปีนี้มีความท้าทายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจากสภาวะตลาดตกต่ำ บรรดานักลงทุนสายเทคโนโลยีที่กระวนกระวายและตกใจ หลายรายต้องหลุดโผเนื่องจากมีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ เหลือไว้เพียง 25 บริษัท (เรียงลำดับตามตัวอักษร) ที่เราคิดว่ามีโอกาสมากที่สุดที่จะกลายเป็นดาวดวงใหม่ในอนาคต


Cloudtrucks

ผู้ก่อตั้ง: Tobenna Arodiogbu (ซีอีโอ), George Ezenna, Jin Shieh
ระดมทุน: 142 ล้านเหรียญ
รายได้โดยประมาณปี 2021: 4 ล้านเหรียญ
นักลงทุนหลัก: Caffeinated Capital, Craft Ventures, Tiger Global



    หลังจากที่ขายธุรกิจสตาร์ทอัพรถยนต์ไร้คนขับ Scotty Labs ไปให้กับ DoorDash ในปี 2019 Arodiogbu ผู้อพยพยาวไนจีเรียวัย 31 ปีก็ร่วมก่อตั้งกิจการใหม่คือ CloudTrucks 

    ในขณะที่ธุรกิจสตาร์ทอัพอื่นๆ เน้นการขนส่งสินค้าโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล แต่สำหรับ CloudTrucks บริษัทจาก San Francisco จะอำนวยความสะดวกให้กับคนขับรถบรรทุกในการบริหารจัดการกิจการของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น การประกันภัยในราคาถูกกว่าที่ธุรกิจรถบรรทุกขนาด 1 หรือ 2 คนจะได้รับจากที่อื่น 

    "เราไม่ได้แค่อำนวยความสะดวกเมื่อมีการทำรายการเข้ามา แต่ยังช่วยให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น กระแสเงินสดดีขึ้น ลดต้นทุน และปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นในทุกวันนี้"

    Arodiogbu เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทจัดการทรัพยากรบุคคล Zenefits ก่อนยุคตกต่ำในปี 2015 และยังเคยร่วมงานกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่าง Opendoor ในปี 2016 

    ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีคนขับรถบรรทุก 3.4 ล้านคน ทำให้ Arodiogbu มีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งรวมถึงเครื่องมืออย่างบัตรเครดิตไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับคนขับรถบรรทุก “เราลงทุนในซอฟต์แวร์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลไปเยอะมากเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้"


Instawork

ผู้ก่อตั้ง: Sumir Meghani (ซีอีโอ), Saureen Shah
ระดมทุน: 100 ล้านเหรียญ
รายได้โดยประมาณปี 2021: 100 ล้านเหรียญ
นักลงทุนหลัก: Benchmark, Craft Ventures, Spark Capital



    แรงงานกว่า 70 ล้านคนเป็นแรงงานรายชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นคนล้างจาน พ่อครัว แม่ครัว คนขับรถยก และอื่นๆ ที่คล้ายกัน 

    Meghani วัย 41 ปี เคยรับหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายขายดูแลสมาชิกทีม 150 คนที่ Groupon ก่อนจะก่อตั้ง Instawork ขึ้นที่ San Francisco ในปี 2015 เพื่อใช้อัลกอริทึมของตัวเองจับคู่แรงงานกลุ่มนี้ (ซึ่งมีอยู่ 2 ล้านคนในระบบ) เข้ากับตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ผู้สมัครงานสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขณะที่ลูกค้า (ซึ่งมีทั้งสนามกีฬาของทีม New York Yankees และ Mets) จะต้องจ่ายค่าบริการในอัตราต่างๆ ตามประเภทของงาน 

    "ผมคิดมานานแล้วว่า LinkedIn สำหรับพนักงานรายชั่วโมงหน้าตาจะเป็นอย่างไร" Meghani กล่าว ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเพื่อการศึกษาขึ้นมาแห่งหนึ่ง แต่จุดเริ่มต้นของแนวคิดสำหรับ Instawork มีขึ้นหลังจากที่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งในย่าน North Beach ใน San Francisco ถึงความยากลำบากในการหาคนล้างจาน 

    ทั้งนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Instawork ให้ค่าแรงรายชั่วโมงเฉลี่ย 19.68 เหรียญ และสามารถเลือกรับเงินผ่านบัตรเคบิตได้เกือบจากทันทีหลังออกเวร ต่อให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย แต่ Meghani ก็ยังเชื่อว่า Instawork จะยังคงจับคู่แรงงานพาร์ตไทม์ให้ได้รับโอกาสทำงานในบริษัทที่อาจไม่ต้องการพนักงานประจำอีกต่อไป


Insurify

ผู้ก่อตั้ง: Giorgos Zacharia, Snejina Zacharia (ซีอีโอ), Tod Kiryazov
ระดมทุน: 128 ล้านเหรียญ
รายได้โดยประมาณปี 2021: 40 ล้านเหรียญ
นักลงทุนหลัก: MassMutual Ventures, Motive Insurtech, Nationwide Ventures, Rationalwave, Viola FinTech


    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 Snejina Zacharia (เวลานั้นยังเป็นนักศึกษาปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจอยู่ที่ MIT) ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้เธอต้องเผชิญกับเบี้ยประกันภัยราคาแพง เธอใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงหาข้อมูลออนไลน์ โทรศัพท์หาตัวแทนและผู้ให้บริการหลายรายด้วยตนเอง 

    เธอกรอกแบบฟอร์มเดิมๆ หน้าแล้วหน้าเล่าจนพบว่า หากเธอเพิ่มจำนวนเงินความรับผิดส่วนแรก 3 เท่าจะสามารถลดอัตราเบี้ยประกันภัยได้ "การซื้อประกันภัยเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อน ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่มีวิธีง่ายๆ ให้เราค้นหาผู้ให้บริการทั้งหมดได้ในที่เดียว" Zacharia กล่าว ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Insurify เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหา เปรียบเทียบ ซื้อ และบริหารจัดการกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยบ้าน และประกันชีวิตครบทั้งหมดในที่เดียว 

    สำหรับ Zacharia วัย 45 ปี มีพื้นเพเป็นชาวบัลแกเรียและย้ายมาสหรัฐฯ เมื่อปี 2003 เธอร่วมก่อตั้งบริษัทกับสามี Giorgos Zacharia ชาวไซปรัสวัย 48 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทท่องเที่ยว Kayak อยู่ในเวลานี้ และ Kiryazov วัย 37 ปี อดีตผู้อำนวยการส่วนงานกลยุทธ์ดิจิทัลประจำ Northeastern University 

    ปัจจุบันบริษัทจาก Cambridge รัฐ Massachusetts แห่งนี้มีพนักงาน 160 คน เกือบ 1 ใน 3 เป็นพนักงานจากปากีสถานและภูมิลำเนาของเธอที่ Sofia ซึ่ง Zacharia บอกว่า ความสำเร็จไม่ได้มากันง่ายๆ "ยิ่งเป็นชาวต่างชาติก็ยิ่งยาก และยิ่งเป็นผู้ประกอบการหญิงด้วยแล้วยิ่งยากเป็นเท่าตัว”


Kin Insurance

ผู้ก่อตั้ง: Sean Harper (ซีอีโอ), Lucas Ward
ระดมทุน: 227 ล้านเหรียญ
รายได้โดยประมาณปี 2021: 30 ล้านเหรียญ
นักลงทุนหลัก: 500 Startups, August Capital, Commerce Ventures, Flourish, Hudson Structured Capital, Senator Investment Group, QED Investors



    Kin Insurance ใช้ระบบการเรียนรู้ด้วยเครื่องเสนอขายประกันภัยบ้านที่ดีกว่าและราคาถูกกว่า บริษัทจะแสดงภาพถ่ายทางอากาศผ่านอัลกอริทึมการประมวลผลภาพและวิเคราะห์ฐานข้อมูล เช่น พื้นที่สำหรับประกาศขายต่างๆ เพื่อประเมินสภาพของบ้านที่จะเอาประกันภัยอย่างแม่นยำ 

    ขณะที่บริษัทประกันภัยทั่วไปจะ "คิดราคาสูงเกินไปสำหรับบ้านที่มีความเสี่ยงต่ำ และคิดราคาต่ำเกินไปสำหรับบ้านที่มีความเสี่ยงสูง" ซีอีโอ Harper วัย 42 ปีกล่าว


R-Zero

ผู้ก่อตั้ง: Ben Boyer, Eli Harris, Grant Morgan (ซีอีโอ)
ระดมทุน: 170 ล้านเหรียญ
รายได้โดยประมาณปี 2021: 13 ล้านเหรียญ
นักลงทุนหลัก: CDPQ, DBL Partners, World Innovation Lab



    ทั้ง 3 คนก่อตั้ง R-Zero ขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 อันเป็นความพยายามที่จะนำระบบฆ่าเชื้อด้วยอัลตราไวโอเลตมาชะลอการระบาดของโรคโควิด-19 

    R-Zero พัฒนาฮาร์ดแวร์ฆ่าเชื้อโรคด้วยอัลตราไวโอเลตในราคาย่อมเยา ตลอดจนซอฟต์แวร์และเซนเซอร์ประเมินความเสี่ยงคุณภาพอากาศ โดยมีหน้าจอแสดงการวิเคราะห์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ Richard Wade ที่ทำงานด้านสาธารณสุขและมลพิษทางอากาศมาตั้งแต่ปี 1975 

    ผลิตภัณฑ์ของ R-Zero มีราคาไม่แพงจึงสามารถจำหน่ายได้ตามโรงเรียน ร้านอาหาร โรงแรม และบริษัทต่างๆ ปัจจุบันบริษัทใน Salt Lake City แห่งนี้หวังจะใช้เทคโนโลยีของตนเปลี่ยนความคิดของคนเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในอาคารบ้านเรือนไปอีกเป็นเวลานาน 

    แม้จะพ้นวิกฤตโรคระบาด "หลังจากวิกฤตโควิด-19 แล้ว ผมคิดว่าเราจะสามารถสร้างวิถีชีวิตใหม่ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น" Morgan วัย 33 ปีกล่าว 

    ก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิศวกรรมให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ iCracked และทำหน้าที่พัฒนาขดลวดที่ Abbott ปี 2022 R-Zero น่าจะมีรายได้มากกว่าเดิม 3 เท่าตามที่คาดการณ์ไว้



เรื่อง: Amy Feldman เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพ: Jamel Toppin



อ่านเพิ่มเติม: “เจ้านาย” แห่ง 6 โรงแรมหรูที่เหล่าทาสแมวต่างพากันเอ็นดู


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine