Forbes Thailand มีโอกาสได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน ถิ่นกำเนิดของบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มธุรกิจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ที่มีพันธมิตรครอบคลุมทั่วโลกอย่าง Trip.com กันทั้งที งานนี้เจ้าถิ่นที่เชื้อเชิญให้ไปร่วมงานสัมมนาระดับโลกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เลยนำเสนอที่พักสุดหรู '3 เมือง 3 โรงแรม' ที่ติดอันดับการจัด Top List ของฟีเจอร์ Trip.best เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุด Luxury ได้อย่างประทับใจ ทั้ง โรงแรม Mandarin Oriental ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้, โรงแรม Shangri-La ตั้งอยู่ ณ เมืองเฉิงตู และ โรงแรม Hilton Jiuzhaigou Resort ณ เมืองจิ่วจ้ายโกว
หลังจากที่รัฐบาลไทย-จีน มีนโยบายที่เห็นพ้องต้องกันในการกระชับความสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจการท่องเที่ยว จึงได้ทำการเปิดฟรีวีซ่าระหว่างประเทศขึ้น ซึ่งในส่วนของวีซ่าจีนสำหรับคนไทยนั้น เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปีก่อน ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยผู้ถือ passport หรือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศจีนเพื่อการท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นระยะเวลา 30 วันต่อครั้ง
ขณะที่การพำนักรวมกันภายใน 180 วันจะอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน ส่วนการเดินทางเข้าประเทศจีน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น การทำงาน การศึกษา หรือต้องการพำนักเกิน 30 วัน จะต้องยื่นขอวีซ่าตามระเบียบกฎเกณฑ์เดิมที่กำหนด
ทั้งนี้ หลังจากเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศจีนได้ง่ายขึ้น ตัวเลขของนักท่องเที่ยวไทยที่เลือกประเทศจีนเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ล่าสุดสำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ยังได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลโดยระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2025 มีนักท่องเที่ยวทั้งคนจีนและต่างชาติมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้มากกว่า 1.74 ล้านคน เพิ่มขึ้น 37.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 1.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 61.9%
และเมื่อดูจากตัวเลข 3 อันดับแรกของประเทศที่นิยมเดินทางมาเซี่ยงไฮ้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า อันดับ 1 คือ เกาหลีใต้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากที่สุด จำนวน 200,000 คน เพิ่มขึ้น 142.4% , อันดับ 2 คือ ญี่ปุ่น จำนวน 142,000 คน เพิ่มขึ้น 60% และ อันดับ 3 คือ ไทย จำนวน 109,000 คน เพิ่มขึ้น 242.8%
อย่างไรก็ตาม ทาง trip.com ยังได้มีการจัดทำข้อมูลผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากจีนเปิดฟรีวีซ่าเพื่อแนะนำ 10 เมืองยอดฮิต ช็อปสนุก วิวดี ของประเทศจีนที่เหล่านักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยม ไว้ดังนี้ 1. เซี่ยงไฮ้ 2. ปักกิ่ง 3. เฉิงตู 4. คุณหมิง 5. กวางโจว 6. ซีอาน 7. จิ่วจ้ายโกว 8. จางเจียเจี้ย 9. ฉางซา 10. ฮาร์บิน
และจากการที่ Forbes Thailand ได้เดินทางไปร่วมงาน Envision 2025 Global Partner Conference ซึ่งจัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดย Trip.com Group ระหว่างวันที่ 25-31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ทางทีมงานของ Forbes ยังได้เข้าพักในโรงแรมสุดหรูชั้นนำถึง 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน 3 เมืองยอดนิยม และติดอยู่ในอันดับ ‘โรงแรมที่พักที่ดีที่สุด’ ซึ่งจัดโดย Trip.best 1 ในฟีเจอร์ของเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Trip.com ที่พร้อมนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ตลอดจนกิจกรรมเพื่อความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์และประมวลผลจากข้อมูลในหลายๆ ด้าน
ผนวกเข้ากับข้อมูลการรีวิวจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสัมผัสแต่ละที่อย่างแท้จริงด้วยเทคโนโลยีระบบ AI ก่อนที่จะทำการจัดอันดับและนำเสนอให้เหล่าผู้ใช้งานได้พิจารณาเลือกวางแผนพร้อมแพลนการเดินทางไปยังแต่ละที่ ด้อย่างเลือกถูกต้อง แม่นยำ
สำหรับโรงแรมสุดหรู 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ใน 3 เมือง ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีดังนี้
1. โรงแรม Mandarin Oriental ตั้งอยู่ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้
ด้วยโรงแรมที่มีฮอลล์สำหรับจัดงานประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ สามารถจุคนร่วมงานได้มากกว่า 3,000 คน ที่นี่จึงถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงาน Envision 2025 Global Partner Conference ของ Trip.com Group อีกทั้งความสวยงามของห้องพักที่มองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำ และยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าเป็น Signature อันโดดเด่นของเมืองเซี่ยงไฮ้ นั่นก็คือ Oriental Pearl tower หรือ ที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในนาม 'หอไข่มุกตะวันออก'




โดยนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ สามารถเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เข้าไปซื้อตั๋วชมหอไข่มุกตะวันออกกันได้อย่างสะดวกสบาย และหากเดินไปเรื่อยๆ อีกสักนิด ก็จะสามารถเลือกช็อปปิ้งของน่ารักๆ จากร้านของ Disney หรือ ไปเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าต่างๆ จากห้าง Super Brand Mall ซึ่งถือเป็นห้างในเครือบริษัทซีพี ของมหาเศรษฐีชั้นนำจากเมืองไทยกันได้แบบสบายๆ


2. โรงแรม Shangri-La ตั้งอยู่ ณ เมืองเฉิงตู
นับเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายของการได้มาพักโรงแรมที่แห่งนี้ เพียงแค่เดินออกมาด้านหน้าประตูโรงแรม เราก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศและสีสันของเมืองเฉิงตูที่มีทั้งความทันสมัยเคียงคู่ไปกับวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณนับ 300 ปี อย่างเช่น Anshun Bridge หรือ สะพานไม้อันชุนสำหรับข้ามแม่น้ำจินเจียงที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเฉิงตู


และด้วยความเลื่องชื่อของความเป็นเมืองที่ตั้งของ 'ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้ายักษ์' นักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ สามารถเดินทางไปชมหมีแพนด้า, ช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์กลางแจ้งที่ 'ไท่กู่ ลี่' กันได้อย่างสะดวกสบาย แล้วตบท้ายด้วยการเดินเล่นบริเวณสะพานไม้อันชุนที่สวยงามตระการตา ซึ่งแลดูจะคึกคักตลอดทั้งคืนเพราะมีนักท่องเที่ยวออกมาดื่มด่ำบรรยากาศเพลิดเพลินกันตลอดเวลา




3. โรงแรม Hilton Jiuzhaigou Resort ณ เมืองจิ่วจ้ายโกว
ท่ามกลางความสวยงามตามธรรมชาติ โรงแรมสไตล์รีสอร์ทแห่งนี้ มีดีไซน์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของจีนและทิเบตโดยตั้งอยู่ในเนินเขา Min Mountains





นอกเหนือจากการได้มาพักผ่อนในสถานที่สวยๆ เสมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่มีบรรยากาศดีๆ ท่ามกลางหุบเขารายล้อม โรงแรมแห่งนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เที่ยวสุดฮิตที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด นั้นก็คือ อุทยานแห่งชาติ Jiuzhai Valley ซึ่งเป็นแหล่งน้ำตก Nuo Ri Lang และอยู่ห่างออกไปเพียง 12 กิโลเมตร


นอกจากนี้ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ก็คือ Romance Show of Jiuzhai ที่เป็นการแสดงโชว์ แสง สี เสียง และเทคโนโลยีเอฟเฟ็กต์ต่างๆ แบบตระการตา ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเดินทางท่องเที่ยวอันแสนประทับใจ ที่ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเดินทางในรูปแบบต่างๆ ต่อเนื่องไปถึงโรงแรมที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ผ่านทาง Trip.com




ภาพ : กนกวรรณ มณีแสงสาคร และ Trip.com
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Trip.com พาทัวร์ที่เที่ยวสุดฮิต ติดอันดับ Top List จากฟีเจอร์ Trip.best ณ 'เมืองเฉิงตู' และ ปฏิวัติวงการท่องเที่ยว! Trip.com Group ทุ่ม 100 ล้านเหรียญฯ ตั้ง 'กองทุนนวัตกรรม' หนุนความยั่งยืน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine