<h2>เครือโรงแรม IHG (InterContinental Hotels Group PLC.) มีรากฐานความเป็นมาทางธุรกิจถึง 200 ปี ส่วนธุรกิจเชนโรงแรม IHG ก่อตั้งเมื่อปี 2546 นำร่องด้วย InterContinental ให้บริการในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่ IHG ให้ความสำคัญมากในปัจจุบัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามีพอร์ตโรงแรมในไทยประมาณ 30% ในภาคพื้นนี้ เป็นลักชัวรี่คอลเล็กชั่น เช่น Kimpton ที่กรุงเทพฯ สมุย และเชียงใหม่ เราโฟกัสตลาดลักชัวรี่มากว่า 10 ปี” Vivek Bhalla กรรมการผู้จัดการ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG Hotels &amp; Resorts เปิดเผยกับทีมงาน Forbes Thailand โดยย้ำว่า IHG ยังคงมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลยุทธ์หลักของ IHG คือ การมีแบรนด์โรงแรมระดับหรูที่คนรู้จักดี เช่น Six Senses ทุกคนยอมรับในความลักชัวรี่ของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก IHG เป็นเครือข่ายโรงแรมขนาดใหญ่ มีโรงแรมทั่วโลกกว่า 6,505 โรงแรม และห้องพักกว่า 968,112 ห้อง (ข้อมูลจากเว็บไซต์ IHG ณ วันที่ 31 มกราคม ปี 2568) และมีแบรนด์โรงแรมชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ ทั้งระดับ 4 ดาว 5 ดาว และระดับลักชัวรี่ เช่น Six Senses, Kimpton Hotels &amp; Restaurants, HUALUXE, Vignette Collection, Regent, InterContinental, Holiday Inn, Iberostar เป็นต้น บูมตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนหน้าสถานการณ์โควิดเราให้ความสำคัญมากสำหรับตลาดในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย และหลังผ่านโควิดมาแล้วก็ยิ่งเปิดโรงแรมในไทยให้ความสำคัญมากขึ้น” Vivek เผยว่า IHG มองไทยเป็นศูนย์กลางในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเครือโรงแรมดังเชนนี้จึงมีโรงแรมที่บริหารอยู่ในไทยถึง 30% ของพอร์ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในกลุ่มลักชัวรี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังบอกด้วยว่า IHG เป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่ มีโรงแรมทั่วโลกมากกว่า 6,000 แห่ง ถ้าเฉพาะในไทยมีประมาณ 39 โรงแรมและรีสอร์ตที่เปิดบริการแล้ว และอีก 35 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG มีโรงแรมเปิดบริการอยู่ 125 แห่งในปัจจุบัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" alt="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/BS8VcMVU8SyZwr2QuhkA.jpg" alt="" data-image-link="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BS8VcMVU8SyZwr2QuhkA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></a><figcaption><div>บรรยากาศภายในโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok ในเครือ IHG</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมที่กำลังก่อสร้างมีหลายกลุ่มทั้งลักชัวรี่และโรงแรมทั่วไปที่ปรับเปลี่ยนบริการตามเทรนด์และความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้าต้องการเชื่อมต่อกับท้องถิ่น โรงแรมต้องเพิ่มประสบการณ์เหล่านี้เข้าไป และความยั่งยืนเป็นสิ่งที่โรงแรมต้องปรับให้เข้ากับทิศทางและกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง เติบโตด้วยเทรนด์ความยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ที่โรงแรมลักชัวรี่ต้องมี เป็นจุดขายและเรื่องราวที่ใช้เพื่อการเชิญชวนลูกค้ามาใช้บริการ เพราะโลกเปลี่ยนไปผู้คนให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการอยู่ร่วมกัน” สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นเรื่องที่ดีคือ ธุรกิจกับชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยและเติบโตไปด้วยกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Vivek ได้ยกตัวอย่างโรมแรม Kimpton ที่เลือกใช้วัตถุดิบกาแฟจากท้องถิ่น รวมถึงการเลือกใช้สิ่งต่างๆ ที่สามารถใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาให้บริการได้ ซึ่งแตกต่างไปจากการทำโรงแรมในอดีตที่ไม่ค่อยเชื่อมโยงกับชุมชน แต่ทุกวันนี้โรงแรมต้องผสานเศรษฐกิจของชุมชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ “ผมมองว่าความลักชัวรี่ทุกวันนี้ดูกันที่การบริหารจัดการ การลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง และการส่งต่อเชื่อมโยงกับสังคมอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ใหม่ที่ตลาดให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ” ท่องเที่ยวไทยระดับเวิลด์คลาส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ธุรกิจโรงแรมของไทยเป็นที่ยอมรับระดับต้นๆ ของโลก และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน ด้วยชื่อเสียงที่ดี ความโอบอ้อมอารีของผู้คน และราคาที่สมเหตุผล” เป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการทำให้ประเทศไทยเป็น the world destination อันดับต้นๆ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้นำธุรกิจภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีของ IHG ยืนยันหนักแน่นว่า การท่องเที่ยวของไทยเติบโตและมีโอกาสเติบโตได้อีก รวมถึงตลาดลักชัวรี่ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เป็นเสน่ห์ของเมืองท่องเที่ยวที่มีทั้งความทันสมัย แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทางธรรมชาติ และความเป็นมิตรของผู้คน ทุกอย่างเป็นส่วนประกอบสำคัญทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของโลกในด้านการท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยเหตุนี้ IHG จึงมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากโรงแรมที่เปิดบริการแล้ว ยังมีพร็อพเพอร์ตี้อีกถึง 35 แห่งที่อยู่ระหว่างพัฒนาเตรียมเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และไม่หยุดเพียงเท่านี้ เครือ IHG ยังลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง นอกจากโรงแรมใหม่ยังมีการลงทุนเรื่องเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การดำเนินธุรกิจโรงแรมของ IHG ไม่ต่างจากเชนใหญ่ทั่วโลกนั่นคือ มีระบบสมาชิก IHG One Rewards “เรามีโปรแกรมสมาชิกระดับโลก บริการด้วยโปรโมชั่นและกิจกรรมการตลาด ตอนนี้มี&nbsp; member ราว 145 ล้านสมาชิก” ไม่น้อยเลยสำหรับฐานตลาดที่ต้องเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี เพราะดิจิทัลมีความสำคัญและจะสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวข้องทั้งการตลาด บริการ และการบริหาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้ลูกค้ามาจากออนไลน์จำนวนมาก พวกเขาเสิร์ชและจองใช้บริการผ่านแอป เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นแล้ว วันนี้ลูกค้า 60% มาทางออนไลน์ และแน่นอนว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” แม่ทัพ IHG ย้ำพร้อมเชื่อมโยงว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องลงทุนด้านเทคโนโลยี เพราะตลาดมุ่งไปด้านเทคโนโลยีมากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/adisak-sukumvitaya-anantara-chiang-mai-feb-2025" alt="อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ศรัทธาฟื้น “อนันตรา เชียงใหม่”">อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ศรัทธาฟื้น “อนันตรา เชียงใหม่”</a>​ ​<a href="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" alt="อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine">อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" alt="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/hkg9142rXR8ppMWSwFfW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="hkg9142rXR8ppMWSwFfW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="300,394" data-image-link="https://www.mebmarket.com/ebook-353931-Forbes-Thailand-March-2025" style="width: 300px; height: auto;" data-index="1"></a></figure></div>

Vivek Bhalla นำเทรนด์ตลาด “IHG” ทั่วไทย-เซาท์อีสต์เอเชีย

‘แสนสิริ’ บุกนิวยอร์ก ปักหมุดย่าน SoHo เปิดตัว The Manner ก้าวสู่ Global Brand

<h2>กลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำ บันยัน กรุ๊ป ยังคงมีความเชื่อมั่นและมุมมองเชิงบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในจังหวัดภูเก็ต ด้วยยอดขายที่อยู่อาศัยประจำปีที่เพิ่มขึ้นถึง 300% จาก 65-70 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในช่วงก่อนโควิด-19 สู่มูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญต่อปีในปี 2567</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บันยัน กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ ประกาศแผนธุรกิจ ลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่จังหวัดภูเก็ต มูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพเหนือชั้นบนเกาะภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากตลาดต่างประเทศ จึงมีการคาดการณ์ว่าในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นถึง 4.5 พันล้านเหรียญหรือมากกว่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บันยัน กรุ๊ป นำทัพโดยนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ โฮ กวง ปิง หรือเคพี โฮ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ธุรกิจบริการชั้นนำระดับโลกอย่างเครือโรงแรมและรีสอร์ทบันยันทรี (Banyan Tree Hotels &amp; Resorts) ที่เพิ่งฉลองครบรอบ 30 ปี โดยโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต รีสอร์ทครบวงจรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3.5 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันดึงดูดผู้คนกว่า 1 ล้านคนต่อปี ประกอบไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกถึง 8 แห่ง สนามกอล์ฟที่คว้ารางวัล รวมถึงร้านค้า สปา และศูนย์บริการทางการแพทย์ ตลอดจนโรงเรียนอนุบาลนานาชาติตั้งอยู่ภายในโครงการ นอกเหนือจากบ้านพักส่วนตัวอีกกว่า 3,000 หลัง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/Fd8qxsYrdHUhhN35g6tA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Fd8qxsYrdHUhhN35g6tA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของภูเก็ตในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการใช้ชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจการมีบ้านพักตากอากาศหรือแม้แต่การตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรบนเกาะแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บันยัน กรุ๊ป ได้รับอิทธิพลจากความต้องการในตลาดสำหรับที่พักอาศัยส่วนตัวบนเกาะภูเก็ตที่สูงยิ่งขึ้นเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทยังได้ประกาศอีกโครงการที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ลากูน่า ภูเก็ตในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นั่นคือโครงการ ลากูน่า เลคแลนด์ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่มากกว่าหนึ่งตารางกิโลเมตร ท่ามกลางสวนพฤกษศาสตร์เขียวชอุ่มและทะเลสาบอันเงียบสงบ ทั้งโครงการเชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินระยะทางยาวกว่า 15 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะสร้างที่อยู่อาศัยส่วนตัวรวมประมาณ 5,000 หลังด้วยกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื่องจากบันยัน กรุ๊ป มองเห็นยอดขายที่พักอาศัยส่วนตัวในภูเก็ตที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง บริษัทจึงได้เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ถึง 8 แห่งด้วยกันภายใน ลากูน่า ภูเก็ตและ ลากูน่า เลคแลนด์ ในปี 2567 ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 425 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มด้วยมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเหรียญภายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/ghwQmNNidEpsviBfVLLq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ghwQmNNidEpsviBfVLLq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคพี โฮ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบันยัน กรุ๊ป กล่าวว่า “แนวโน้มความต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยในภูเก็ตนั้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกของเที่ยวบินสู่ภูเก็ต เทรนด์การ work from home ไปจนถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เอื้ออำนวย การมีวิถีชีวิตในเมืองเขตร้อนตลอดทั้งปี และความเพียบพร้อมทางด้านสถานพยาบาลและสถานศึกษา จึงทำให้ภูเก็ตเหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยอย่างยิ่ง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงในภูเก็ตยังคงมีราคาต่ำกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อื่นอยู่มาก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือยุโรป ซึ่งนับเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญเช่นกัน” เคพี โฮ กล่าวเสริม โดยภูเก็ตเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศที่น่าดึงดูดเอื้อต่อกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งปี มีโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลระดับโลกมากมาย บวกกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีข้อได้เปรียบ ห่างจาก 40% ของประชากรโลกโดยสามารถบินตรงในเวลาเพียง 4-5 ชั่วโมง ทำให้ภูเก็ตเป็นที่น่าดึงดูดและได้รับความนิยม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บันยัน กรุ๊ป มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและยังมีพื้นที่อีกมากสำหรับการเติบโต ภายในปี 2567 จะมียูนิตที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 3,000 หลังที่สร้างเสร็จภายในโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต และอีก 700 หลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตคาดว่าจะมีที่พักรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 10,000 หลังสำหรับโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต และ ลากูน่า เลคแลนด์ ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งแปลว่าในปัจจุบันโครงการได้สร้างสำเร็จไปแล้วประมาณ 25% จากทั้งหมด​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/whQNP8nvENVBiaEVRq1s.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="whQNP8nvENVBiaEVRq1s.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สจ๊วต เรดดิ้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบันยันกรุ๊ปเรสซิเดนซ์ กล่าวว่า “กลยุทธ์ในปัจจุบันของเราคือการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์คุณภาพสูงเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงขนาด เปรียบเสมือนการซื้อรถยนต์จากแบรนด์หรูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู หรือ เมอร์เซเดส แม้ว่าคุณจะเลือกซื้อรุ่นขนาดเล็ก แต่คุณก็ยังได้รับการรับประกันในเรื่องของคุณภาพและฝีมือการผลิตในระดับเดียวกับรุ่นท็อป”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรดดิ้งอธิบายว่าบริษัทจะตั้งเป้าพัฒนาแบรด์เรสซิเดนซ์ในรูปแบบของอพาร์ทเมนต์และเพนต์เฮาส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในทำเลทองริมชายหาดภายในโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต ด้วยขนาดถึง 500 หรือ 700 ตารางเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เนื่องจากที่ดินริมหาดที่มีอยู่จำกัด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกช่วงกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเราและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง เราจึงมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ผ่านการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยขนาดใหญ่ที่กว้างขวางและครบครัน เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัวบนดาดฟ้า rooftop หรือระเบียงส่วนตัว แทนการสร้างบ้านเดี่ยวซึ่งต้องใช้พื้นที่มาก” เรดดิ้ง กล่าวเสริม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะเดียวกัน บันยัน กรุ๊ป วางแผนที่จะสร้างคอนโดมิเนียมในลากูน่า เลคแลนด์ และโครงการอื่นๆ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าและขนาดที่เล็กกว่า แต่ยังคงคุณสมบัติครบถ้วน โดยจะอยู่ห่างออกมาจากชายหาด เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/electronic-scb-eic-oct-2024" alt="SCB EIC ประเมินอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปี 68 โต 2.8% แม้เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง-จีนชะลอตัว">SCB EIC ประเมินอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปี 68 โต 2.8% แม้เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง-จีนชะลอตัว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ภูเก็ตฮอตต่อเนื่อง ‘บันยัน กรุ๊ป’ ประกาศเปิดโครงการหรูเพิ่ม มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

<h2>The World’s 50 Best Hotels ทำเนียบน่าจับตามองสำหรับธุรกิจโรงแรม ที่รวบรวมและจัดอันดับโรงแรมจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งได้มีการประกาศรายชื่อสุดยอดโรงแรมประจำปี 2024 ไปเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีโรงแรมในไทยติดอันดับถึง 4 แห่ง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;50 Best การจัดอันดับด้านบริการและท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มต้นจากการเปิดตัวทำเนียบร้านอาหารยอดเยี่ยมที่สุดในโลก (The World's 50 Best Restaurants) ครั้งแรกในปี 2002 ก่อนจะขยับขยายมาจัดอันดับบริการอื่นๆ ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี รวมถึงนำเสนอทำเนียบโรงแรมยอดเยี่ยมที่สุดในโลก (The World’s 50 Best Hotels) เมื่อปี 2023 โดยได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญอิสระกว่า 600 คนมาร่วมแสดงความคิดเห็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทำเนียบ The World’s 50 Best Hotels 2024 มีโรงแรมในไทยติดอันดับถึง 4 แห่ง นำโดย Capella Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงามในกรุงเทพที่คว้าอันดับ 1 ไปครอง ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับ 11 ในปี 2023 หลังเริ่มเปิดให้บริการในปี 2020 ด้วยความหรูหรา คลาสสิก และความเป็นส่วนตัว พร้อมมอบประสบการณ์พักผ่อนเหนือระดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 4 โรงแรมไทยบนทำเนียบ The World’s 50 Best Hotels 2024 ได้แก่​​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/YGU5ua7ned9W7nHDyyFr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YGU5ua7ned9W7nHDyyFr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,853" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div>อันดับ 1 Capella Bangkokที่ตั้ง: กรุงเทพดำเนินการโดย บริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด ภายใต้ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/mjsXmTuBemV7sHz8Yp29.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mjsXmTuBemV7sHz8Yp29.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1501,1000" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>อันดับ 12 Mandarin Oriental Bangkokที่ตั้ง: กรุงเทพดำเนินการโดย บริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ OHTL​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/886YkcVgeRHaF4xiFTxE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="886YkcVgeRHaF4xiFTxE.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1530,861" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"></figure></div>อันดับ 14 Four Seasons Bangkok at Chao Phraya Riverที่ตั้ง: กรุงเทพดำเนินการโดย บริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด ภายใต้ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/jiPTjvqyfry1KE6Zmj1j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jiPTjvqyfry1KE6Zmj1j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,853" style="width: 720px; height: auto;" data-index="3"></figure></div>อันดับ 26 The Siamที่ตั้ง: กรุงเทพดำเนินการโดย กุโกศล กรุ๊ป (Sukosol Group)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/h7JnvnYRh1HaSxGBGcoc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="h7JnvnYRh1HaSxGBGcoc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="2000,2500" style="width: 720px; height: auto;" data-index="4"></figure></div>​แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.theworlds50best.com/hotels/list/1-50" alt="The World's 50 Best Hotels">The World's 50 Best Hotels</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/centara-life-lamai-resort-samui" alt="เซ็นทาราส่งแบรนด์ ‘ไลฟ์’ บุกสมุย เปิดตัว ‘เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย’ ที่พักดีไซน์โมเดิร์น บริการระดับมาตรฐาน">เซ็นทาราส่งแบรนด์ ‘ไลฟ์’ บุกสมุย เปิดตัว ‘เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย’ ที่พักดีไซน์โมเดิร์น บริการระดับมาตรฐาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Capella Bangkok ผงาดอันดับ 1 นำ 4 โรงแรมไทยขึ้นทำเนียบ World's 50 Best Hotels 2024

Marina Bay Sands ความหรูหราที่สะกดทุกสัมผัส ที่สุดแห่งการพักผ่อนในสิงคโปร์

<h2>แรบบิท โฮลดิ้งส์ บริษัทในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป ประกาศจับมือพันธมิตรจากอังกฤษ โดยการทุ่มงบ 6 พันล้านบาท เนรมิตโฉมอาคารเก่าแก่อายุกว่า 130 ปี ‘โรงภาษีร้อยชักสาม‘ ให้กลายเป็น ’เดอะ แลงแฮม แบงค็อก‘ โรงแรมลักชัวรีสุดหรูระดับ 5 ดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา คาดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ช่วงปลายปี 2026</h2><h2>​</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป (Langham Hospitality Group: LHG) และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ บริษัทในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป แถลงข่าวเปิดตัวโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาว&nbsp;เดอะ แลงแฮม แบงค็อก (The Langham Bangkok)&nbsp;ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ย่านบางรักมีความโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ตัดผ่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ด้วยการนำเอาอาคารมรดกเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 130 ปี อย่าง โรงภาษีร้อยชักสาม หรือ ศุลกสถาน (Customs House) ที่ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 รวมถึงการนำเอาอาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่าที่เสื่อมโทรมตามการใช้งาน มาชุบชีวิตและบูรณะอย่างสมบูรณ์แบบให้กลับมารุ่งเรืองดังในอดีตและยังคงเก็บคุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างครบถ้วน จนกลายมาเป็นห้องพัก 78 ห้อง ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและโครงสร้างที่ทันสมัย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/oAaxZ86VafLtt2s2915e.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="oAaxZ86VafLtt2s2915e.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการนี้ซึ่งนำโดยแรบบิท โฮลดิ้งส์ มีจุดมุ่งหมายที่จะเติมเต็มคุณค่าทางวัฒนธรรมและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับย่านบางรักผ่านการให้บริการสถานที่พักผ่อนระดับโลก ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป จากอังกฤษถือเป็นเหมาะสมในการดำเนินโครงการในลักษณะนี้ จึงได้รับเลือกให้เข้ามาดูแลการบริหารโรงแรมแห่งนี้ในที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กวิน กาญจนพาสน์ กรรมการ ของแรบบิท โฮลดิ้งส์ ในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป&nbsp;กล่าวว่า “ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป จากอังกฤษถือเป็นความเหมาะสมในการได้รับเลือกให้เข้ามาดูแลบริหารโรงแรมในโครงการลักษณะนี้ ด้วยแนวทางความทุ่มเทของบริษัทในการสร้างโรงแรมหรูเหนือกาลเวลาประกอบกับความสำเร็จในการอนุรักษ์มรดกตกทอดต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ทำให้ แลงแฮม เป็นพันธมิตรในอุดมคติที่จะส่งเสริมวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและการโรงแรมระดับ 5 ดาวในภูมิภาค รวมถึงการเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของอาคาร Customs House และเขตบางรักอย่างแท้จริง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ อาคาร Customs House จะดำเนินการตามโครงการอนุรักษ์มรดกที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายของ แลงแฮม&nbsp;ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ปได้แก่ เดอะ แลงแฮม บอสตัน ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เดอะ แลงแฮม ชิคาโก สถานที่พักผ่อนอันหรูหราตั้งอยู่ในอาคาร Mies van der Rohe อันเป็นเอกลักษณ์ และ เดอะ แลงแฮม แพซาดีนา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1907 นอกจากนี้ล่าสุด แลงแฮม&nbsp;ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังได้เข้าไปบูรณะโรงงานกระจกเก่าบนเกาะมูราโน ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนอันหรูหราเหนือกาลเวลาด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Bob van den Oord ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแลงแฮม&nbsp;ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป&nbsp;กล่าวว่า "ในอดีตทางแลงแฮมเคยมาเปิดรีสอร์ทที่สมุยแล้วเมื่อราวๆ 12-15 ปีก่อนและได้ยุติการให้บริการลงเนื่องด้วยเหตุผลที่อาจจะยังไม่สอดคล้องกับแนวทางการบริหาร ณ ตอนนั้น ซึ่งล่าสุดถือเป็นอันโอกาสอันดีในช่วงเวลาที่เหมาะสมของการได้ร่วมมือกับทางแรบบิท โฮลดิ้งส์ ในการพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าวและยังเป็นตัวสะท้อนทิศทางการทำงานของทางแลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของแผนการขยายธุรกิจภายใน 10-15 ปี ข้างหน้านี้ ทางแลงแฮมเห็นศักยภาพการเติบโตสูงของธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคนี้ จึงมีแผนที่จะขยายโรงแรมเพิ่มมากขึ้นอีก 100 แห่ง ซึ่งราวๆ 60-70 แห่ง จะเป็นการขยายตัวภายในประเทศไทย"​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/EywpNo7ZTCW5NDPi8XiS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="EywpNo7ZTCW5NDPi8XiS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแลงแฮม&nbsp;ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "แม้ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมลักชัวรีระดับ 5 ดาว จะมีการแข่งขันสูงเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นของตัวอาคารเก่าแก่ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีเรื่องราวมายาวนาน สามารถสร้าง Experience ประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างเหนือระดับให้แก่เหล่านักเดินทางผู้เข้ามาพักทั้งไทยและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ที่เป็นตึกอาคารสร้างใหม่ได้อย่างแน่นนอน"&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ อาคาร Customs House&nbsp;ยังมีไฮไลต์สำคัญก็คือการนำภัตตาคาร ถัง คอร์ท (T’ang Court) ร้านอาหารกวางตุ้งระดับมิชลินสามดาวจากฮ่องกงมาสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับพร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และขนมหวานระดับโลก ที่จะทำให้โรงแรมแห่งนี้กลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่นักชิมทั่วโลกจะพลาดเสียไม่ได้ นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถสัมผัสกับความผ่อนคลายเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตใจ ที่ ฉวน สปา(Chuan Spa) สถานที่พักผ่อนเพื่อสุขภาพชั้นนำที่เดอะแลงแฮม ภูมิใจนำเสนอได้อีกด้วย ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/XxM5WEmEbqqoUSYmprjD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XxM5WEmEbqqoUSYmprjD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/thai-people-visit-japan-repeatedly-the-most" alt="ญี่ปุ่นทั้งใจ! อโกด้าเผยญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางที่ ‘ชาวไทย‘ กลับไปเที่ยวซ้ำมากสุด">ญี่ปุ่นทั้งใจ! อโกด้าเผยญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางที่ ‘ชาวไทย‘ กลับไปเที่ยวซ้ำมากสุด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แรบบิท โฮลดิ้งส์ ทุ่ม 6 พันล้าน เนรมิต 'โรงภาษีร้อยชักสาม' เป็น ’เดอะ แลงแฮม แบงค็อก‘ โรงแรมลักชัวรีระดับ 5 ดาว

พบกับบรรดาเจ้าเหมียวขนฟูที่อาศัยอยู่ในโรงแรมหรูระดับโลก ตั้งแต่ Skabenga แมวลายที่โรงแรม The Oyster Box ใน Umhlanga Rocks ประเทศแอฟริกาใต้ ไปจน Hamlet แมวประจำ The Algonquin Hotel Times Square, Autograph Collection ในนิวยอร์ก โดยที่เจ้าเหมียวเหล่านี้ต่างก็ครอบครองหัวใจของทั้งพนักงานและแขกผู้มาเยือนไว้ในอุ้งเท้านุ่มนิ่ม <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/kQMSCZGvUUBegqniTrYm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="kQMSCZGvUUBegqniTrYm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,432" style="" data-index="7"></figure></div>Skabenga โรงแรม: The Oyster Box ที่ตั้ง: Umhlanga Rocks, KwaZulu-Natal, South Africa&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Skabenga แมวลายแสนน่ารักที่รู้จักกันในฐานะแมว (ที่มีอย่างน้อย) เก้าชีวิตได้ยึดเอาหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์อันโด่งดังของประเทศแอฟริกาใต้อย่างโรงแรม The Oyster Box เป็นบ้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Skabenga (ชื่อของมันหมายถึงนักเลงหรือคนจรในภาษาซูลู) กลายมาเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรที่ The Oyster Box มากยาวนานเกินกว่าที่ใครจะจำได้ มันโชคดีบังเอิญเดินเข้าโรงแรมมาในฐานะแมวจร ก่อนจะถูกเลี้ยงด้วยอาหารรสเลิศมากมายจากบรรดาแขกและพนักงาน มันจึงตัดสินใจอยู่ต่อ ใครจะมาโทษที่มันอยากมีชีวิตดีๆ อยู่ที่ Oyster Box ตลอดไปกันได้เล่า?&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Skabenga ไม่เคยเบื่อจะเป็น “แมวตัวหลัก” ของเมืองนี้! ระหว่างการเดินเล่น “ตรวจตรา” รอบโรงแรม Skabenga มักจะไปพักผ่อนบนโซฟาและเก้าอี้ตัวโปรด เพลิดเพลินกับกัญชาแมวที่มีคนเลี้ยง และใช้เวลาไปกับพื้นที่อื่นๆ ที่มันชื่นชอบในอาคารหลังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรดาแขกเหรื่อต่างก็รัก Skabenga และเจ้าเหมียวก็ได้รับจดหมายจากแฟนๆ ไม่ขาดสาย Skabenga โด่งดังถึงขนาดมีหนังสือเขียนเกี่ยวกับมัน หรือกระทั่งมีเพจในเฟซบุ๊กเป็นของตัวเองอีกด้วย! ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/FNdiYAPbDZzMGNS65Bsu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="FNdiYAPbDZzMGNS65Bsu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,434" style="" data-index="8"></figure></div>Ingwe โรงแรม: The Twelve Apostles Hotel and Spa ที่ตั้ง: Cape Town, South Africa&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมือง Cape Town ปี 2013 ในวันอันมืดมิดและพายุกระหน่ำ ลูกแมวตัวเล็กและมอมแมมสี่ตัวพากันมาถึงทางเข้าภัตตาคาร Cafe Grill ณ โรงแรม The Twelve Apostles Hotel and Spa พนักงานบางคนบังเกิดความสงสารและรับมันกลับไปเลี้ยงในทันที ก่อนที่สองสามสัปดาห์ถัดมา แมวโตเต็มวัยตัวหนึ่งจะมาเยือนโรงแรม เมื่อลองปะติดปะต่อเรื่องราว พนักงานโรงแรมก็ตระหนักว่ามันคือแม่แมวที่ออกตามหาลูกๆ นั่นเอง!&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความเป็นแมวป่าบางส่วน แม่แมวลายแถบสุดปราดเปรียวตัวนี้จึงได้ชื่อว่า Ingwe ซึ่งแปลว่า “เสือดาว” ในภาษาซูลู ก่อนจะมาอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ คาดว่ามันอาศัยอยู่ในเขตสงวนบนภูเขาใกล้ๆ แต่แล้วบ้านของมันก็ถูกพัดพาไปด้วยพายุฝนรุนแรงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สองปีครึ่งถัดมา สถานที่โปรดของ Ingwe ยังคงเป็น Cafe Grill ที่ซึ่งบรรดาพนักงานโรงแรมต่างก็ยังคอยดูแล เลี้ยงดูด้วยขนมอร่อยๆ และเอาอกเอาใจมันเป็นปกติ พนักงานคนหนึ่งของ Cafำ Grill ชื่อว่า Isaac เรียกมันว่า “Glosi” ซึ่งหมายความว่า “เคลื่อนไหวอยู่เสมอ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถ้าหาก Ingwe ไม่ได้กำลังเดินเตร่อยู่ที่ใดที่หนึ่งในโรงแรม ก็อาจพบมันได้ที่สระว่ายน้ำ ทอดสายตามองออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ด้านหน้าของโรงแรม ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/T4gNLbyRkgVbsSKhernn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="T4gNLbyRkgVbsSKhernn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,434" style="" data-index="9"></figure></div>Kleopatre โรงแรม: Brenners Park-Hotel &amp; Spa ที่ตั้ง: Baden-Baden, Germany&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kleopatre ซึ่งเคยอาศัยอยู่ที่ Le Bristol Paris ตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศในปี 2018 มันจึงจัดกระเป๋าโกยาร์ดแล้วย้ายไปยังโรงแรม Brenners Park-Hotel &amp; Spa ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ Oetker Collection (Le Bristol Paris ก็อยู่ในเครือนี้) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง Black Forest ในประเทศเยอรมนี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Brenners Park-Hotel &amp; Spa ซึ่งมีฉายาว่า “สตรีชั้นสูง” แห่งเมือง Baden-Baden นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งกับความสูงศักดิ์ของแมวสาวตัวนี้ โดยมีทุ่งหญ้าส่วนตัวกว้างหลายเอเคอร์ มีต้นไม้ขึ้นเป็นกลุ่มให้ความร่มรื่น และอากาศสดชื่นของ Black Forest&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kleopatre ถูกดึงดูดด้วยความอลังการที่มีประวัติมายาวนานของโรงแรมโดยเฉพาะ เฉกเช่นความอบอุ่นของเตาผิง และเสียงอันผ่อนคลายของแม่น้ำ Oos ที่ไหลผ่านสวนส่วนตัว มันคงคิดว่าโรงแรมหรูหราแห่งนี้เป็นเสมือนสถานที่ในอุดมคติสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/i2qKdaXpMJDaJgHMPcrQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="i2qKdaXpMJDaJgHMPcrQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,434" style="" data-index="10"></figure></div>Lilibet โรงแรม: The Lanesborough ที่ตั้ง: London, United Kingdomโรงแรม The Lanesborough มีสมาชิกใหม่ในครอบครัวเป็นแมวพันธุ์ไซบีเรียนฟอเรสต์ชื่อ Lilibet การมาถึงในเดือนมิถุนายน 2019 ทำให้มันกลายเป็นเจ้าเหมียวตัวล่าสุดในโรงแรมเครือ Oetker Collection Lilibet เป็นที่รู้จักในฐานะที่ขนนุ่มฟูของมันไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ กอปรกับนิสัยขี้เล่นมีชีวิตชีวา โดยทางโรงแรม Lanesborough ยังมีคณะกรรมการพิเศษเพื่อแมวโดยเฉพาะซึ่งรวมเอาบรรดาพนักงานที่หลงใหลแมว คอยดูแล และเอาอกเอาใจเจ้าเหมียวทั้งหลายตามสมควร ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/gqFJdpKQDVYuJwgje17G.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="gqFJdpKQDVYuJwgje17G.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,434" style="" data-index="11"></figure></div>​Socrate​ โรงแรม: Le Bristol Paris ที่ตั้ง: Paris, France&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Le Bristol Paris มีชื่อเสียงมาจากการให้ที่พักอันหรูหราแก่บรรดาแขกสี่ขาทั้งหลายของพวกเขา โรงแรมดุจพระราชวังแห่งนี้ชื่นชอบสัตว์ขนฟูพวกนี้เป็นพิเศษ เพราะมันเคยเป็นบ้านแสนรักให้กับแมวเบอร์แมนเพศผู้ตัวหนึ่งยาวนานถึง 11 ปี ชื่อของมันคือ Fa-raon (Pharaoh) ตั้งตามคำเรียกกษัตริย์ของอียิปต์โบราณ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 โรงแรม Le Bristol ยินดียิ่งที่จะประกาศการมาถึงของลูกชายของ Fa-raon นามว่า Socrate (Socrates) ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2021 ใน Bazoches-sur-Guyonne พื้นที่ชานเมืองของปารีส พ่อแมวผู้แสนภาคภูมิอย่าง Fa-raon จึงได้เกษียณจากหน้าที่แมวผู้พำนักใน Le Bristol และส่งไม้ต่อให้กับ Socrate ซึ่งจะมารับหน้าที่ต่อในฐานะทายาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Socrate เป็นแมวที่มีความสุขกับชีวิตของตนเองดี มีความใส่ใจและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกรอบตัว แต่ก็อาจจะสงวนท่าทีบ้างเล็กน้อย ทางด้านของ Fa-raon ก็ได้เกษียณไปยังบ้านแสนอบอุ่นที่พร้อมต้อนรับเขาซึ่งเป็นของพนักงานต้อนรับคนหนึ่งที่ทำงานใน Le Bristol ชื่อว่า Jean-Philippe บ้านของเขาตั้งอยู่ในปารีสและเจ้าเหมียวก็เคยไปเยือนมาแล้ว ดังนั้นแมวตัวแรกของ Le Bristol จึงจะยังอยู่ใกล้ๆ กับครอบครัวของมันที่ Le Bristol​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/fzmkS7nkiUjajwT77CPj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="fzmkS7nkiUjajwT77CPj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="12"></figure></div>Hamlet โรงแรม: The Algonquin Hotel Times Square, Autograph Collection ที่ตั้ง: New York, USA&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hamlet แมวรุ่นที่ 8 ผู้พำนักอยู่ในโรงแรมนี้ โดยที่มาของชื่อตัวนี้ต้องย้อนกลับไปสมัยที่ John Barrymore (นักแสดงและนักเล่าเรื่องในตำนานซึ่งเคยมาพักที่โรงแรม Algonquin และยังเป็นปู่ของดาราสาวชื่อดัง Drew Barrymore) Hamlet เดินเข้าประตูโรงแรมตรงูมาหา Frank Case (ผู้จัดการทั่วไปและเจ้าของโรงแรม Algonquin มานานถึง 44 ปี) ซึ่งกำลังลูบหัวแมวจรตัวหนึ่ง Johnจึงตั้งชื่อเจ้าแมวตัวนี้ควรมีชื่อในวงการนักแสดงที่ฟังดูยิ่งใหญ่ว่า Hamlet ซึ่งวันนี้ทางโรงแรมยังคงตั้งชื่อแมวรุ่นต่อมาๆ ว่า Hamlet (โดยก่อนหน้านี้ทางโรงแรมยังตั้งชื่อให้กับแมวรุ่นก่อนๆ Matildas อีกสามตัว ก่อนกลับมาใช้ Hamlet ในปัจจุบัน) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hamlet มีความเป็นนักแสดงด้วยประการทั้งปวง มันกระหายจะเป็นที่สนใจและมักจะเดินด้อมๆ มองๆ อย่างช้าๆ เผื่อว่าใครจะมาให้ขนม ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างอ้วนท้วนเหมือนแฮม และด้วยความเป็นแมว มันจึงมักจะขอให้ผู้คนปรนนิบัติมันราวกับจักรพรรดิโรมันรอคอยการป้อนองุ่นเชียวละ!​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 75%;"><figure style="margin: 0px; width: 100%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/AXjqw6xh5FaCBJqRUJVw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="" data-index="14" data-file-name="AXjqw6xh5FaCBJqRUJVw.jpg" data-file-size="0" origin-size="410,512" data-origin="410px,512px" style="width: 100%;" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75,"></figure></div> ​แปลและเรียบเรียงโดย พรรณราย ดวงดีเด่น จากบทความ Discover 6 Purrfectly Pampered Cats Living In High-End Hotels ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“เจ้านาย” แห่ง 6 โรงแรมหรูที่เหล่าทาสแมวต่างพากันเอ็นดู

‘The Standard หัวหิน’ อเมริกันสไตล์ ส่วนผสม โมเดิร์นอาร์ต & เอ็นเตอร์เทนเมนต์

<h2>วัฒนธรรมการจิบน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) จากต้นกำเนิดที่โลกตะวันตก ทุกวันนี้ผู้คนทั่วโลกคุ้นชินกับกิจกรรมนี้เป็นอย่างดี และยิ่งเป็นการจิบน้ำชาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวหรือเจรจาธุรกิจด้วยแล้ว สถานที่และบรรยากาศนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งเฉกเช่นที่ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-58784" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/โรงแรมสินธร-เคมปินสกี้_0207.jpg" alt="" width="600" height="338" />

ความพิเศษของสถานที่ เมนูอาหารว่างและชุดน้ำชาที่ออกแบบมาอย่างดี ช่วยเพิ่มความละเมียดละไม ทำให้ช่วงเวลานั้นๆ เป็นการพักผ่อนที่ดีเยี่ยม และหากมีบางเรื่องราวที่ต้องพูดคุยแลกเปลี่ยน ก็จะเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ เพราะจิตใจรู้สึกปลอดโปร่งด้วยบรรยากาศที่ดี อากาศดี รสสัมผัสดี ทำให้จิตใจเบิกบาน ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกเบื้องต้น เมื่อได้มีโอกาสไปเยือนล็อบบี้หรูของโรงแรมน้องใหม่เชนดัง เคมปินสกี้ แห่งที่สองของกรุงเทพฯ ที่ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok)

เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่พัฒนาโครงการ “สินธร วิลเลจ” อาณาจักรที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี บนที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่บริเวณซอยหลังสวน ซึ่งมีพื้นที่ติดถนนสารสิน ซอยหลังสวน และซอยต้นสน สามารถเข้าออกได้ทั้ง 3 เส้นทาง โดยโรงแรมหรูแห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีสวนไม้ใหญ่ร่มรื่นให้ผู้คนได้มาพักสายตากับไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ที่ทางโรงแรมล้อมมาปลูกจนร่มครึ้มไปทั่วทั้งบริเวณ

ส่วนของล็อบบี้ ที่ใช้เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรม “จิบน้ำชายามบ่าย” ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ มีความพิเศษในด้านการออกแบบด้วยสไตล์ที่โปร่งตา และหรูหราอลังการด้วยโทนสีเข้มขรึมของเครื่องเรือนที่ประดับภายในพื้นที่ล็อบบี้ ที่ให้ความรู้สึกเปิดโล่งเสมือนนั่งอยู่ในสวนขนาดใหญ่ เนื่องจากเพดานโปร่งทรงโค้งครึ่งวงกลมยกตัวสูงขึ้นมากกว่า 4 เมตร และด้านบนสุดยังมีช่องรับแสงธรรมชาติ ส่วนผนังเพดานฉาบเรียบด้วยสีปูนเปลือยให้ความรู้สึกเป็นกันเองและแข็งแกร่งมั่นคง

ผนังโดยรอบล็อบบี้เป็นกระจกใสเขียวตัดแสง มองเห็นพื้นที่ภายนอกอาคารทั้งสองฝั่งได้ชัดเจน เชื่อมโยงสวนไม้ใหญ่ภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศในล็อบบี้ ทำให้สัมผัสถึงควาทหรูหราและเป็นธรรมขาติอย่างกลมกลืน แสงธรรมชาติยังช่วยเปลี่ยนอารมณ์ล็อบบี้แห่งนี้ ให้เป็นไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน
<h3>สัมผัสความหรูที่เรียบง่าย</h3>
โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแห่งที่สองของแบรนด์โรงแรมหรูจากเยอรมันนี้ โดยแห่งแรกคือโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ที่สยาม ส่วนสินธร เคมปินสกี้กรุงเทพฯ ถือเป็นแห่งที่สองเพิ่งเปิดมาเกือบ 2 ปี เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมน้องใหม่ที่ไม่ธรรมดา เพราะสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้รางวัลระดับเอเชียแปซิฟิกมาแล้วนั่นคือ Best Hotel Lobby Interior Asia Pacific และรางวัล Best Hotel Lobby Interior Thailand จาก INTERNATIONAL PROPERTY AWARDS แน่นอนย่อมเป็นเครื่องการันตีความพิถีพิถันในเรื่องการออกแบบและดีไซน์ ซึ่งรังสรรค์โดยบริษัท P49 (P49 Deesign) ที่มีผลงานออกแบบได้รางวัลมากมาย เป็นเครื่องตอกย้ำความพิถีพิถันด้านการออกแบบของโรงแรมที่คงคุณค่าด้วยเอกลักษณ์ของ “เคมปินสกี้” ในความเป็นโรงแรมหรูที่มีอายุยืนยาวมานานกว่า 125 ปี

<img class="alignnone size-full wp-image-58780" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/โรงแรมสินธร-เคมปินสกี้_0203.jpg" alt="" width="600" height="338" />

“Kempinski Hotels” เป็นกลุ่มโรงแรมหรูที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป จากประวัติความเป็นมาของบริษัท ดั้งเดิมแห่งนี้เริ่มขึ้นในปี 2440 โดยมีรากฐานมาจาก "Hotelbetriebs-Aktiengesellschaft" ในเบอร์ลิน เป็นการพัฒนาที่เริ่มต้นจากบริษัท M. Kempinski &amp; Co ก่อตั้งโดย Berthold Kempinski ต่อมาถูกซื้อกิจการโดย "Hotelbetriebs-Aktiengesellschaft" ในปี 1953

ในช่วงที่ทีมงาน Forbes Thailand ได้ไปร่วมกิจกรรมจิบน้ำชายามบ่าย ช่วงนั้นยังเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองหลังปีใหม่ ซึ่งธีมของ Afternoon Tea ของโรงแรมยังเป็น Stellar Festive Season ที่ออกแบบเครื่องดื่มและขนมของว่างในธีมของเทศกาลเฉลิมฉลอง แต่เมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ สีสันของ Afternoon Tea ได้เปลี่ยนเป็นธีม Valentine เริ่มต้นด้วย Love Potion Granita ด้วยธีมสีชมพูสดใส

<img class="alignnone size-full wp-image-58783" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/โรงแรมสินธร-เคมปินสกี้_0206.jpg" alt="" width="400" height="509" />

<img class="alignnone size-full wp-image-58781" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/โรงแรมสินธร-เคมปินสกี้_0204.jpg" alt="" width="600" height="450" />

ธีมของ Afternoon Tea ะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเทศกาลต่างๆ แต่สิ่งที่จะคงอยู่แม้จะเข้าสู่เทศกาลใดก็ตาม คือ ความพิถีพิถันละเมียดละไม และวิจิตรบรรจงของการออกแบบชุดน้ำชาและขนมของว่าง ที่รังสรรค์ให้ดูสวยงาม และมีเรื่องเล่าที่น่าติดตาม เช่นภาชนะที่ใช้ในการรับรองจะมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่นถ้วยจากฟางข้าวโพด ถาดจากเยื่อไม้ และอีกหลายเรื่องเล่า ที่สะท้อนความพิเศษและการสร้างสรรค์ ของโรงแรมที่นำเอาวัสดุท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าให้เมนูพิเศษ เป็นมากกว่าการนัดพบทั่วๆ ไป ด้วยเรื่องราวที่มาของสิ่งรอบๆ ตัวแขกผู้มาเยือน

นอกจากนี้ บรรยากาศของโรงแรมยังคงความอลังการทั้งในแง่ของงานออกแบบ การดีไซน์พื้นที่ใช้สอยในส่วนต่างๆ ให้ออกมาในภาพลักษณ์ที่หรูหราแต่ยังคงเรียบง่าย และแน่นอนคงความเป็น “เคมปินสกี้” ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องของบริการซึ่งเสน่ห์อย่างหนึ่งของเคมปิสกี้คือ บริกรหญิงที่จะดูแลอำนวยความสะดวกให้แขกผู้มาเยือนในทุกๆ อย่าง ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการสวมชุดแดงที่ทางโรงแรมเรียกว่า “Ladies in Red” ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ในงานบริการของเคมปินสกี้ ที่พบเห็นได้ทุกแห่งทั่วโลก Ladies in Red หรือสุภาพสตรีในชุดสีแดง พวกเธอเป็นพนักงานต้อนรับที่คอยอำนวยความสะดวก และให้บริการแขกในด้านต่างๆ สินธร เคมปินสกี้ ก็มีเช่นกัน

<img class="alignnone size-full wp-image-58818" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Lady-in-Red-1.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ความหรูหราที่เรียบง่าย และบรรยากาศของความพิถีพิถันแต่เป็นกันเอง ทำให้ล็อบบี้ของโรงแรมหรูแห่งนี้ และกิจกรรม Afternoon Tea ที่นี่ได้รับความนิยม มีคนดัง ดารา เซเลบริตี้ และบุคคลมีชื่อเสียงมากมาย แวะเวียนมาจิบน้ำชายามบ่ายด้วยบรรยกาศที่อบอุ่นและโปร่งสบาย ที่สำคัญโรงแรมนี้มีจุดสวยๆ ที่ทำให้หลายคนอดไม่ได้ ต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายภาพเช็คอินและโพสไอจี แทบทุกคนที่ได้มาเยือน

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a5-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%82.html">เจแอลแอล เผยการซื้อขายโรงแรมในไทยปี 64 มูลค่าทะลุ 1.3 หมื่นล้าน</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จิบน้ำชายามบ่ายที่ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ ชมล็อบบี้หรู “รางวัลเอเชียแปซิฟิก”

<h2>จ.ภูเก็ตที่ได้รับการขนานนามว่าไข่มุกแห่งอันดามันยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 10 ล้านคน/ปี ให้เดินทางมาสัมผัสความงามแห่งท้องทะเลได้อยู่เสมอ แม้จะมีโรงแรมหรูเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่แล้วหลายแห่ง แต่ภูเก็ตก็ยังเป็นเกาะแห่งโอกาสสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจโรงแรมได้เข้ามาสร้างสีสันให้ที่พักระดับไฮเอนด์ และเป็นการเติมเต็มพอร์ตการลงทุนของตนให้ครบครันยิ่งขึ้น</h2>
ล่าสุด Rosewood Hotel Group จาก ฮ่องกง ผู้บริหาร Rosewood Hotels &amp; Resorts เครือโรงแรมและรีสอร์ทระดับอัลตรา-ลักชัวรี่กว่า 20 แห่งทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย จีน ฯลฯ ก็รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มสูบ

บริษัทประกาศเปิดตัวโรงแรมใน 3 ประเทศ คือ Rosewood Phuket ประเทศไทย Rosewood Phnom Penh ประเทศกัมพูชา และ Rosewood Luang Prabang สปป.ลาว ซึ่งทั้งหมดจะเปิดบริการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วน Rosewood Bangkok ย่านเพลินจิต ที่มี บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด เป็นเจ้าของ และให้ Rosewood Hotels &amp; Resorts บริหาร จะเปิดบริการในราวปี 2562

<img style="width: 680px; height: 511px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/45ded55d9c1326022cc2e18d9c1b96a0.png" alt="" />

Andrew Turner, Managing Director ของ Rosewood Phuket เล่าถึงภาพรวมธุรกิจโรงแรมระดับอัลตรา-ลักชัวรี่ในภูมิภาคนี้ว่ายังเติบโตได้อีกมาก เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนต้องการที่พักที่สามารถสร้างความอบอุ่น ผ่อนคลาย สะดวกสบาย และมีมาตรฐานการบริการระดับสูงสุด เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ

สำหรับภูเก็ตซึ่งเป็นจุดหมายลำดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นมีกระแสความนิยมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับบนมาราว 13 ปีแล้ว และยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง Rosewood Hotel Group จึงวางแผนการลงทุนสร้างโรงแรมมาตั้งแต่ปี 2555

Turner ไม่ขอเปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่กล่าวว่าบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง โดย Rosewood Phuket ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 43 เอเคอร์ หรือเกือบ 110 ไร่ ใน ต. ป่าตอง อ. กะทู้ ชูจุดเด่นที่การมีชายหาดเป็นวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวยาวราว 600 เมตร ออกแบบตกแต่งที่พักทั้งหมด 71 ห้อง โดยผสานแนวคิดของโรงแรมเข้ากับธรรมชาติให้เกิดความกลมกลืนมากที่สุด

<img style="width: 680px; height: 524px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2290dec9748b8c8f759b425112f10908.png" alt="" />

เขากล่าวถึงกลุ่มลูกค้าด้วยว่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยระดับไฮเอนด์ยังมีจำนวนน้อย ดังนั้นจึงจะเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะจากจีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี และออสเตรเลีย ซึ่งเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตมากเป็น 5 อันดับแรก เมื่อดูอัตราการเข้าพักในภูเก็ต ภาพรวมจะอยู่ที่ราว 70% ต้นๆ หากเป็นที่พักระดับลักชัวรี่จะอยู่ที่ 65-68% ซึ่ง Turner คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นอัตราใกล้เคียงกับที่ Rosewood Phuket วางไว้

ผู้บริหารโรงแรมไม่หวั่นที่จะลงแข่งขันกับที่พักในระดับเดียวกันอย่าง อมันปุรี ตรีสรา ศรีพันวา ฯลฯ “เพราะเราเห็นโอกาสอีกมากในกลุ่มอสังหาฯ ไฮเอนด์” เขาบอก พร้อมเผยถึงแผนธุรกิจต่อไปว่ายังมีส่วน Rosewood Residences จำนวน 32 หลัง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบตกแต่ง หากแล้วเสร็จและเปิดตัวก็น่าจะกระตุ้นอสังหาฯ ระดับบนของภูเก็ตให้คึกคักยิ่งขึ้น

“Rosewood เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้วในเอเชีย และเราก็หวังว่าในไม่ช้านี้คนไทยจะรู้จักเรามากขึ้น” Turner ตั้งความหวังปิดท้าย

ภาพ: Rosewood Hotels &amp; Resorts

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events