<h2>BTS เปิดเผยงบการเงินปี 66/67 แม้รายได้รวมอยู่ที่ 24,387 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย แต่กลับมีผลขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนจากการขายหุ้น เคอรี่ หรือ KEX ออกที่ 4,363 ล้านบาท จับตาผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสีชมพู - เหลือง ที่คนใช้ยังน้อย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ เปิดเผยว่า ปี 2566/2567 (สิ้นสุด ณ 31 มี.ค. 67) ว่า แม้รายได้รวม 24,387 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) รายได้ยังเพิ่มขึ้นจาก รายได้ดอกเบี้ยรับ และรายได้การบริการ แต่ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,241 ล้านบาท จาก 3 สาเหตุหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุน&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 4,363 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ส่วนใหญ่มาจากแรบบิท โฮล ดิ้งส์ ควบคู่กับส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 8,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อนหน้า โดยมีค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 24.7% จากปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักกว่า 67% ยังคงมาจากธุรกิจ MOVE ที่เป็นระบบขนส่งมวลชลทางราง และบริการเดินรถ ฯลฯ มีรายได้ 12,003 ล้านบาท ลดลง 2.4%YoY ธุรกิจ MIX เช่น ธุรกิจสื่อโฆษณา บริการดิจิทัล มีสัดส่วน 28%) มีรายได้ 5,112 ล้านบาท ลดลง 0.5%YoY ธุรกิจ MATCH ที่มีสัดส่วน 5% มีธุรกิจเช่น บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น มีรายได้ 851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7%YoY&nbsp; &nbsp; สินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค. 2567 อยู่ที่ 272,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยลูกหนี้ภายใต้สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ และลูกหนี้ภายใต้สัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ (E&amp;M) เพิ่มขึ้นจำนวน 7,932 ล้านบาท จาก 31 มี.ค. 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ประเมินว่าของธุรกิจภายใต้บีทีเอส กรุ๊ป ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ตามสัญญากับทั้ง กทม. และภาครัฐ แต่ในปี 2566/67 บริษัทฯ ไม่ได้รับชำระรายได้ตามสัญญาดังกล่าวจากกทม. อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางกฎหมายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีข้อกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจาก กทม. ได้ชำระเงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระหนี้ E&amp;M จำนวนประมาณ 23,300 ล้านบาท เมื่อ 2 เม.ย. 2567 บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการชำระคืนหนี้ O&amp;M ในไม่ช้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันในปี 2567/2568 รายได้ของธุรกิจ MOVE คาดว่าจะลดลงจากรายได้จากการให้บริการรับเหมาที่ลดลง เนื่องจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่แล้วเสร็จ แต่ยังทำกำไรยังจำกัดจากจำนวนเที่ยวเดินทางของผู้โดยสารอยู่ในระยะแรก (สะท้อนถึงจำนวนผู้ใช้งานยังไม่มากนัก)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนธุรกิจ MIX ด้านรายได้ทาง VGI คาดการณ์รายได้สำหรับปี 2567/68 อยู่ในกรอบ 6,000 - 6,500 ล้านบาท&nbsp;และได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดใน KEX ไปเมื่อ 22 มี.ค. 2567 เพื่อเลี่ยงการขาดทุนที่ส่งผลกระทบต่องบการเงินดังที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจ MATCH คาดว่าปี 2567/2568 จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นากแรบบิท โฮลดิ้งส์และ TNL เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/coca-cola-300-ml-use-plastic-recycle" alt="ขายแล้ว ‘โค้ก’ ไซส์ 300 มล. ใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100%"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/other/b-grimm-power-malacha-hydropower-plant" alt="บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ">บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

BTS เปิดงบปี 66/67 ขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท หลังตัดขายหุ้นเคอรี่ฯ

<h2>‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ ไตรมาส 1/67 รายได้เพิ่มแต่ขาดทุน 1,188.3 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 50%YoY สาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-off Adjustment) ของการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวร ลูกค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลดลง ล่าสุดเปิดตัวโมเดลธุรกิจ ชวนคนมาเป็นพาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน ลงทุนเริ่มต้นเพียง 3,900 บาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 2,559.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้เมื่อเทียบรายไตรมาส มีสาเหตุจากความพยายามการเพิ่มผู้ใช้บริการรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการใช้กลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาด โดยออกแคมเปญพิเศษระหว่างไตรมาส 1/2567 ในขณะที่การลดลงของรายได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนเครือข่ายของการดำเนินงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C เพิ่มขึ้นจาก 41% ในไตรมาส 1/2566 เป็น 46% ในไตรมาส 1/2567 จากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการที่ให้ผลตอบแทนสูง และหาลูกค้ารายใหม่เพื่อชดเชยปริมาณการจัดส่งจากลูกค้าที่มาจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สัดส่วนรายได้จากลูกค้า SKA ลดลงจาก 47% ในไตรมาส 1/2566 เป็น 40% ในไตรมาส 1/2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่ 1,188.3 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 1/2567 ขาดทุนเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-off Adjustment) ของการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการนี้จะทำให้บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัที่ 968.2 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท KEX มุ่งเน้นการแบ่งส่วนระดับตลาดเพื่อขยายสู่กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ระดับกลางถึงสูง และจัดอันดับเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการรายย่อย บริษัทจะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มยอดขายในกลุ่มผู้ใช้บริการรายย่อย ลูกค้าองค์กร และผู้ส่งสินค้าระหว่างประเทศ และพยายามลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เท่าที่จะทำได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุน บริษัทคาดว่าการจัดปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายการดำเนินงาน การลงทุนในการติดตั้งระบบคัดแยกอัตโนมัติ และระบบดิจิทัล การอัปเกรดเทคโนโลยีแพลตฟอร์มและระบบของเราจะเริ่มแสดงให้เห็นผลลัพธ์ในปีนี้ เปิดตัวโมเดลพาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด เคอรี่ฯ ได้เปิดโมเดลธุรกิจ เปิดรับสมัครเจ้าของร้านเคอรี่ พาร์ทเนอร์ ทั่วประเทศ ชวนคนไทยมาเป็นเจ้าของร้านส่งพัสดุ ชูจุดเด่นเปิดให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร้านได้ง่ายๆ ด้วยแพ็คเกจการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย ใช้เงินลงทุนน้อย พร้อมรับผลตอบแทนสูงสุดถึง 20%* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ ระบุว่าในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตของลูกค้าในกลุ่ม Non-E Commerce ให้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะยังคงรักษาสัดส่วนการเติบโตในกลุ่มลูกค้า E Commerce ให้อยู่ในระดับคงที่ รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนเพื่อปรับใช้ในแนวทางบริหารงานแบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จึงมุ่งมั่นพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการขนส่งสินค้า รวมไปถึงการเพิ่มจุดให้บริการโดยจะมีการประเมินอย่างละเอียดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของของลูกค้า ทั้งทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และจำนวนจุดให้บริการที่คำนึงถึงความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัย และจำนวนลูกค้าที่เข้ารับบริการในแต่ละพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ด้วยบริการที่เป็นมืออาชีพและมีมาตรฐาน มีพนักงานที่คอยดูแลพัสดุตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีทีมงานหลังบ้าน และ call center ที่คอยให้ความช่วยเหลือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเคอรี่ พาร์ทเนอร์ นั้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้จัดทำแพ็คเกจการลงทุนให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.เจ้าของกิจการอยากหารายได้เสริมจ่ายเพียง 3,900 บาท - แพ็คเกจเริ่มต้น เหมาะสำหรับคนที่มีร้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว และอยากต่อยอดรายได้เสริมง่ายๆ ควบคู่กันไป โดยแพ็คเกจนี้จะได้รับชุดป้ายประชาสัมพันธ์แบนเนอร์ด้านนอกร้าน, ป้าย J-Flag ส่งเคอรี่ที่นี่, ผ้าปูโต๊ะ และป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมเปิดร้านได้ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ร้านเล็กลงทุนเบาๆ 8,900 บาท - เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่และอยากเริ่มเปิดร้านเล็กๆ ที่ดูแลง่ายโดยแพ็คเกจนี้จะได้รับ ป้ายไวนิล, สื่อภายในร้าน และป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมด้วยของแถมต่างๆ ทั้ง Seal Bag, เทป OPP, ที่ตัดเทป OPP และตลับเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ชุดพื้นฐานพร้อมเปิดร้าน 39,900 บาท - แพ็คเกจร้านไซซ์กลางสุดคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่ 10-35 ตารางเมตร และตั้งอยู่ทำเลโดดเด่นใจกลางเมือง โดยแพ็คเกจนี้จะมีอุปกรณ์ให้ครบ ได้รับทั้งอุปกรณ์ภายในร้าน อุปกรณ์ป้ายประชาสัมพันธ์ อาทิ ป้ายไวนิล สื่อภายในร้าน ป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม ทั้ง Seal Bag, กระดาษพิมพ์ใบเสร็จ, กระดาษพิมพ์ฉลาก, เทป OPP, ที่ตัดเทป และตลับเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ร้านใหญ่รองรับลูกค้าชุดใหญ่ 79,900 บาท - แพ็คเกจสำหรับการเปิดร้านไซส์ใหญ่ขนาดพื้นที่ 25-50 ตารางเมตร ที่พร้อมรองรับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมอุปกรณ์ชุดใหญ่จัดเต็มทั้ง ป้ายไวนิล, สื่อภายในร้าน, ป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส, อุปกรณ์ไอที และอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ อาทิ เคาน์เตอร์ โต๊ะแพ็ก พร้อมของแถมสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กล่องพัสดุทุกขนาด, กล่องผลไม้ทุกขนาด, Seal Bag ทุกขนาด, เทป OPP, ที่ตัดเทป OPP, พร้อมของแถมอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 20 รายการ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/thailand-post-challenge-2024" alt="เปิดใจ MD ไปรษณีย์ไทย อีคอมเมิร์ซส่งเอง-บังคับร้านเลือก “นี่คือเกมที่ไม่ยุติธรรม”">เปิดใจ MD ไปรษณีย์ไทย อีคอมเมิร์ซส่งเอง-บังคับร้านเลือก “นี่คือเกมที่ไม่ยุติธรรม”</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Kerry ไตรมาส 1 ขาดทุน 1,188 ล้าน รุกเปิดโมเดลใหม่ ชวนคนเป็นเจ้าของร้าน ลงทุนเริ่ม 3,900 บาท

<h2>บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลการยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Mandatory Tender Offer) ว่า SF Express ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในจีนและเอเชีย ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,091,818,327 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 62.66% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฐานะที่เคอรี่ฯ เป็นบริษัทลูกที่ SF Express ถือหุ้นโดยตรง เคอรี่ฯ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนที่คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเงินลงทุน นอกเหนือจากด้านเทคโนโลยี และโนว์ฮาวต่างๆ ที่ SF Express ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้จะนำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงบวกและเป็นการเปิดทางให้เคอรี่ฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"คณะผู้บริหารของเคอรี่ฯ ทุกคน รู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SF Express ได้มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความร่วมมือในการทำงานที่แน่นแฟ้นมากขึ้นของทั้งสองฝ่าย เคอรี่ฯ จะก้าวต่อไปในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะสนับสนุนและมีความเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งของ SF Express นั้น จะพาเราไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นอย่างแน่นอน” นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/thailand-trade-deficit-with-china-is-the-highest-in-history" alt="ปี 66 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์! KResearch แนะเร่งปฏิรูปโครงสร้าง">ปี 66 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์! KResearch แนะเร่งปฏิรูปโครงสร้าง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปิดดีลเรียบร้อย! SF Express ขนส่งยักษ์ใหญ่จีน กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Kerry โดยถือหุ้น 62.66%

<h2>บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายผลประกอบการไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนของปี 2566 โดยระบุว่า ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,896.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการจัดส่งพัสดุโดยรวมที่ลดลงในระดับเดียวกันที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า บริษัทยังสามารถรักษาสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C ที่ 45% แม้จะมีการปิดจุดให้บริการที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี ผลกระทบดังกล่าวถูกทดแทนด้วยปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสาขาที่เปิดดำเนินงานเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ นอกจากนี้ รายได้จากการขายและการให้บริการจากผู้ใช้บริการประเภท B2B ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ที่บริษัทหาได้จากเอสเอฟ เอ็กซ์เพรส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทในไตรมาสนี้ที่ 889.9 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 15.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่ารายได้ไตรมาสนี้ค่อนข้างคงที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสาเหตุหลักมาจากกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบการปรับปรุงเครือข่ายการดำเนินงาน การติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติ และการนำเข้าข้อมูลต่างๆ เข้าสู่ระบบดิจิทัล ร่วมกับการยกระดับเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มและระบบที่ใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้เริ่มขั้นตอนดังกล่าวทั้งหมดแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมารายได้ 9 เดือนลดลง 30.7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ ยังรายงานรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ที่ 8,950.5 ล้านบาท ลดลง 30.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลดลงของรายได้ ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจัดส่งพัสดุที่ลดลง โดยเฉพาะปริมาณการจัดส่งพัสดุจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากการต่อรองราคาจัดส่งพัสดุอย่างรุนแรงของผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในประเทศไทยที่หันมาพึ่งพาหน่วยงานขนส่งภายในบริษัทของตนเองมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปริมาณการจัดส่งพัสดุสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้บริษัทยังเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการเนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรในบางพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ความท้าทายดังกล่าวได้ถูกแก้ไขอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ผ่านการนำระบบมาปรับใช้จากความช่วยเหลือของผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินกลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาด โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ใช้งานระดับกลางถึงสูง หรือผู้ใช้งานประเภท C-end และผู้ใช้บริการประเภทอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพทั้งในด้านรายได้ต่อพัสดุ และปริมาณการจัดส่งพัสดุ ร่วมกับการปรับปรุงคุณภาพบริการเพื่อรองรับผู้ใช้บริการในกลุ่มดังกล่าว และเพิ่มรายได้ต่อพัสดุให้สูงขึ้นตามเป้าหมายของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ผลขาดทุนก่อนหักภาษีเงินได้สำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 3,383.3 ล้านบาท ลดลง 43.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทอยู่ที่ 2,725.1 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 43.6% YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กล่าวโดยภาพรวม ตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจากการเป็นตลาดที่แข่งขันกันเฉพาะด้านไปสู่ตลาดที่ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมากขึ้น ใกล้เคียงกับตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/global/news/wework-files-for-bankruptcy" alt="จากบริษัทมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญ WeWork ยื่นล้มละลายแล้ว">จากบริษัทมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญ WeWork ยื่นล้มละลายแล้ว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธุรกิจขนส่งพัสดุยังแข่งเดือด “เคอรี่ฯ” 9 เดือนขาดทุน 2,700 ล้าน

&nbsp; &nbsp; เพราะความมั่นใจและความไว้วางใจจาก “ลูกค้า” คือหัวใจสำคัญของการให้บริการของ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เคอรี่ฯ จึงไม่เคยหยุดพัฒนา ให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ “สร้างสุขทุกการส่ง” ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ เคอรี่ฯ สามารถคว้ารางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย จากเวที Marketeer No.1 Brand Thailand ติดต่อกัน 6 ปีซ้อน ย้ำชัดความเป็นผู้นำธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในงานมอบรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 ที่จัดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องฉัตรา บอลรูม โรงแรมสยามเคมปินสกี้กรุงเทพ วิรินดา อรดีดลเชษฐ์ ผู้จัดการอาวุโสด้านแบรนด์และการตลาด ในฐานะตัวแทนจาก เคอรี่ฯ ขึ้นรับรางวัลบนเวที พร้อมกล่าวว่า “ขอขอบคุณเสียงจากผู้บริโภคทั่วประเทศที่เชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมทั้งขอขอบคุณ Marketeer ที่ได้มอบรางวัล Parcel Delivery ให้แก่ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ เคอรี่ฯ และเป็นกำลังใจให้กับทีมงานของเราทุกคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงการไม่หยุดพัฒนา เพื่อส่งมอบประสบการณ์ “สร้างสุขทุกการส่ง” ให้กับลูกค้ามายาวนานกว่า 17 ปี ผ่านบริการคุณภาพที่หลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นบริการที่ใส่ใจจากทีมงาน ทั้งพนักงานหน้าร้าน พนักงานส่งพัสดุ และพนักงานทุกคน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมจุดบริการมากกว่า 36,000 จุดทั่วไทย เคอรี่ฯ จะยังคงยึดมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดต่อไป เพื่อเป็นการตอบแทนให้กับลูกค้าทุกคน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยเน้น "ปรับตัวไว ดำเนินงานเชิงรุก คอยรับฟังเสียงลูกค้า" นอกเหนือจากการยึดมั่นรักษามาตรฐานคุณภาพการให้บริการ เพื่อให้บริการส่งพัสดุด่วนทั่วไทยกับลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมสร้างสรรค์บริการให้ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด นอกจากนี้ เรายังมีโปรแกรมสมาชิก Kerry Express Club คลับส่งความสุขที่ได้รวบรวมสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการเป็นสมาชิก โดยสามารถนำพอยท์ที่ได้รับจากการส่งพัสดุและการรับพัสดุไปแลกสิทธิพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 150 แบรนด์ ให้ทุกการส่งของลูกค้าคุ้มค่ายิ่งกว่าที่ไหนๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยทีมงานกว่า 20,000 ชีวิต ที่มุ่งมั่นทุ่มเทส่งมอบประสบการณ์การจัดส่งพัสดุด่วนที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่พนักงานหน้าสาขาที่คอยดูแลเอาใส่ใจลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษาในเรื่องของข้อมูลการแพ็ค การจัดส่ง และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด ส่งต่อไปยังพนักงานคัดแยกที่จำแนกพัสดุตามจุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำที่สุด ตามด้วยพนักงานขนส่งที่ชำนาญเส้นทางเพื่อให้ลูกค้าได้รับพัสดุเร็วที่สุด ไปจนถึงพนักงาน Call Center ที่คอยให้ความช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังให้บริการ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเครือข่ายจุดให้บริการกว่า 36,000 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัด พร้อมจุดบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อครอบคลุมการให้บริการเข้าถึงทุกชุมชน ตลอด 24 ชม. สานต่อกลยุทธ์ Kerry Express Everywhere&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Marketeer No.1 Brand Thailand เป็นการสำรวจแบรนด์ยอดนิยมในทุกประเภทธุรกิจ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริโภคชาวไทยจำนวนกว่า 5,500 ตัวอย่างทั่วประเทศ ในการเฟ้นหาแบรนด์สินค้าและบริการที่หนึ่งในใจผู้บริโภค ทั้งด้านคุณภาพ การตลาด ตลอดจนการมีส่วนช่วยดูแลสังคมในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหล่อหลอมประสบการณ์ผู้บริโภคกับแบรนด์ จัดทำโดย บริษัท Marketeer Group ร่วมกับบริษัท Kadence International (Thailand) และบริษัท Marketing Moves ซึ่งรางวัลดังกล่าวไม่เพียงแต่เสริมสร้างกำลังใจให้กับ เคอรี่ฯ ที่ยืนหยัดให้บริการโดยยึดความมั่นใจและไว้วางใจของลูกค้านับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย หากแต่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ เคอรี่ฯ มุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับศักยภาพการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าต่อไป &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70691" alt="พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จับมือ UOB เปิดตัวบริการสินเชื่อบ้านมือสอง หนุนต้องการมีบ้าน-คอนโด">พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จับมือ UOB เปิดตัวบริการสินเชื่อบ้านมือสอง หนุนต้องการมีบ้าน-คอนโด</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Kerry Express คว้ารางวัล “No.1 Brand Thailand 2023” ติดต่อกัน 6 ปีซ้อน ย้ำชัดความเป็นผู้นำธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ KEX ผู้นำด้านธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ตอกย้ำอันดับหนึ่งด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ชูความเป็นมืออาชีพด้านบริการจัดส่งผลไม้ทั่วประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเกษตรกร ชาวสวน และพ่อค้าแม่ค้าผลไม้ ตอบโจทย์การส่งผลไม้ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ สะดวกด้วยบริการเข้ารับผลไม้ถึงสวน ส่งรวดเร็ว ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย สมกับชื่อ แคมเปญ "ส่งตัวตึง ถึงอย่างสด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมเผย 5 จุดแข็งสำคัญที่ทำให้เกษตรกร ชาวสวน พ่อค้าแม่ค้า และลูกค้ารายย่อย ต่างไว้ใจเลือกบริการจัดส่งผลไม้ระดับมืออาชีพกับเคอรี่ เอ็กซ์เพรส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กล่องที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับการส่งผลไม้ มีความแข็งแรงกว่ากล่องพัสดุทั่วไป ด้วยความหนาถึง 5 ชั้น กันการกระแทกไม่ให้ผลไม้ช้ำได้ดี มีให้เลือกหลายไซซ์หลายขนาด ทั้งแบบมีรูและไม่มีรูระบายอากาศสำหรับระบายความชื้น เพื่อให้เหมาะสมกับผลไม้แต่ละประเภท ซึ่งจะมั่นใจได้ว่าผลไม้ถึงมือลูกค้าในสภาพดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริการเรียกรถเข้ารับ ที่พร้อมให้บริการเข้ารับถึงสวนฟรี เพื่อช่วยเหล่าเกษตรกรและชาวสวน ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปส่งผลไม้เองที่หน้าร้าน ให้มีเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตมากขึ้น อีกทั้งยังประหยัดต้นทุนการเดินทางได้อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริการหน้าร้านอย่างมืออาชีพ มีอุปกรณ์การแพ็คแบบครบครัน และมีพนักงานที่คอยอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแพ็คได้เป็นอย่างดี ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าผลไม้จะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รับประกันผลไม้ ในกรณีที่จัดส่งผลไม้ด้วยกล่องผลไม้เคอรี่ฯ และเกิดความเสียหาย สามารถเคลมได้สูงสุดถึง 2,500 บาท* ให้ส่งพัสดุอย่างมั่นใจ ไร้กังวล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สนับสนุนเกษตรกรไทย ด้วยการร่วมกับ กรมส่งเสริมการเกษตร ออกแคมเปญมอบส่วนลดค่าส่งผลไม้ 10% เพียงแค่แสดงสมุดทะเบียนเกษตรเล่มเขียว ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคมนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และนี่คือที่มาของแคมเปญ “ส่งตัวตึง ถึงอย่างสด” กับ 5 จุดแข็งบริการส่งผลไม้ของ เคอรี่ฯ ด้วยบริการการจัดส่งพัสดุด่วนระดับพรีเมียม ที่ขับเคลื่อนด้วยพนักงานใส่ใจดูแลอย่างเป็นมืออาชีพ พร้อมบริการเสริมอีกมากมาย ทำให้เคอรี่ฯ ครองเบอร์หนึ่งบริการจัดส่งผลไม้ด่วน เลือกจัดส่งผลไม้กับ เคอรี่ฯ สบายใจรอบด้าน รวดเร็วปลอดภัย สดใหม่เหมือนทานที่สวนตลอดปี &nbsp; &nbsp; อ่านเพิ่มเติม : <a href="https://forbesthailand.com/preview/70620" alt="Amity Solutions ผนึก Microsoft ปูทางให้องค์กรไทยใช้ AI อย่างแพร่หลาย">Amity Solutions ผนึก Microsoft ปูทางให้องค์กรไทยใช้ AI อย่างแพร่หลาย</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เปิดแคมเปญ "ส่งตัวตึง ถึงอย่างสด”ตอกย้ำอันดับหนึ่งด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย

"แรบบิท แคช" เปิดกลยุทธ์ปฏิวัติสินเชื่อ Digital Lending

<h2>กลางเดือนธันวาคม 2563 Kerry Express ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในไทยภายใต้ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX มี Alex Ng ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำทัพ KEX IPO Roadshow แสดงวิสัยทัศน์</h2>
ด้วยผลประกอบการตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะของปี 2562 ที่ KEX สามารถทำกำไรสุทธิได้กว่าพันล้านบาท ทำให้นักลงทุนทั้งสถาบันการเงินและรายย่อยสนใจอย่างมาก เนื่องด้วยโลกอี-คอมเมิร์ซของไทยขับเคลื่อนด้วยความเร็วแบบทวีคูณอีกหลายเท่าตัวจากแรงหนุนโดยปริยายของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

หากย้อนดู 6 ปีที่ผ่านมา Kerry Express สามารถส่งพัสดุจาก 10,000 ชิ้นต่อวัน เพิ่มเป็น 1.1 ล้านชิ้นต่อวัน เป็นรองจากไปรษณีย์ไทยเพียงเจ้าเดียว และ Kerry Express ได้กลายเป็นคู่แข่งสำคัญจากการชูกลยุทธ์เจาะตลาดอี-คอมเมิร์ซที่แสดงรูปแบบธุรกิจชัดผ่าน KEX IPO Roadshow กระทั่งมีการจองหุ้นมากถึง 23 เท่าจากจำนวนหุ้นทั้งหมดและทำให้ KEX กลายเป็นหุ้นของผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยรายแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถระดมทุนได้ถึง 8.4 พันล้านบาท

จากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 28 บาท โดยมีมูลค่าบริษัทก่อนเข้าซื้อขายอยู่ที่ 48,720 ล้านบาท (ณ 24 ธันวาคม 2563) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ณ 4 มกราคม 2564) 85,695 ล้านบาท

ขณะที่ KEX กำลังดำเนินการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทีมงาน Forbes Thailand ได้ร่วมโต๊ะจิบกาแฟกับ Alex Ng ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KEX บริษัทขนส่งด่วนที่นำเสนอจุดเด่นเวลาดีที่สุด พร้อมฟังก์ชันบริการด้วยนวัตกรรม “เวลาที่ดีที่สุดในการทำงานของ Kerry Express คือ ช่วงเวลาสิ้นสุดของวัน ให้บริการขนส่งพัสดุถึงมือลูกค้าจนครบ ให้ผู้รับจบการรอและมีความสุขที่ได้รับของทันใจ” Alex กล่าวขณะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะภายในห้องทำงานขนาดไม่ใหญ่นัก

“ที่ออฟฟิศของเรามีกาแฟสดทุกชั้นเพราะทีมงานควรได้จิบกาแฟดีๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ารสชาติของกาแฟนั้นโดยปกติแล้วจะขม ธุรกิจเราก็มีรสชาติขมเหมือนกาแฟหากเกิดปัญหาขึ้น ผมจะนึกถึงความขมของกาแฟ แต่ในทันทีนั้นผมกับทีมงานก็พร้อมที่จะแก้ปัญหา”

ตลอดเวลาที่ Kerry Express ให้บริการขนส่งพัสดุได้พัฒนาฟังก์ชันการบริการออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น แอปพลิเคชัน Kerry Express ให้ดาวน์โหลดฟรีและใช้งานง่ายสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการ กำหนดจุดรับส่งสินค้า คำนวณค่าจัดส่งได้เอง หลังจากที่ออกฟังก์ชัน Same-Day Delivery ตอบโจทย์คนค้าขายและลูกค้าทั่วไป โดยส่งของในกรุงเทพฯ ได้รับภายในวันเดียว

บริการรับของที่จะจัดส่งถึงบ้าน หรือถ้าหากไม่มีผู้รับพัสดุ Kerry Express จะนัดเวลาเข้าไปจัดส่งให้ใหม่ โดยที่ผู้รับไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาพัสดุที่ร้านเอง แถมยังสร้างชื่อเรื่องพัสดุที่ได้ไม่ยับย่น แตกหัก มีบริการชำระเงินหลากหลายช่องทาง ทั้งเงินสด บัตรเครดิต บัตรเดบิต และ QR code นอกจากนี้ ยังมีบริการประกันภัยพัสดุ และบริการเก็บเงินปลายทาง จึงทำให้มีลูกค้าหันมาลองของใหม่กันมากขึ้น

20 ปีของการดำเนินธุรกิจ Kerry Express วันนี้เป็นอีกก้าวสำคัญ การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสะท้อนว่าผู้บริหารหนุ่มสามารถนำพาธุรกิจไปอีกระดับท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ดูท่าจะอยู่กับคนไทยไปอีกนาน

<img class="alignnone size-full wp-image-42387" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/alex-ng_003.jpg" alt="" width="600" height="343" />

ช่วงแห่งการเติบโต

ด้วยผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องกว่า 100% มาหลายปี ทำให้ Kerry Express เป็นหุ้นไอพีโอที่ได้การตอบรับสูงมาก การซื้อขายในวันเปิดราคาพุ่งขึ้นไปกว่า 3 เท่า ก่อนปรับลงมาที่ราคาเฉลี่ย 48.30 บาท (อัพเดต 4 มกราคม 2564) ซึ่งกว่าที่ Kerry Express จะมาถึงวันนี้ได้ ผู้นำอย่าง Alex ต้องเจอโจทย์แรกที่หนักหน่วงเมื่อเขามาทำงานที่ Kerry Express ประเทศไทย นั่นคือการทำอย่างไรก็ได้ให้บริษัทไม่ขาดทุน ระบบการจัดส่งไม่ล่าช้า และหีบห่อพัสดุไม่ชำรุดเมื่อถึงมือผู้รับ

หลายปีมานี้ Alex บริหารงานด้วยการสร้างเครือข่ายพนักงานส่งพัสดุ ด้วยจำนวนพนักงาน 1 คนสามารถดูแลพื้นที่จัดส่งแคบลง มีการส่งต่อของเป็นทอดๆ ด้วยศูนย์บริการถึง 20,000 จุด ทำให้ของถูกส่งได้เร็ว อีกทั้งมีแนวทางการรับเรื่องร้องเรียนคือ call center ให้ “คน” รับทุกเรื่องของลูกค้า และถ้าลูกค้าโพสต์ลงโซเชียลมีเดียก็จะมีทีมงานติดต่อกลับภายใน 15 นาทีเพื่อพูดคุย เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่เหมาะสม

“Kerry ไม่มีแผนกบุคคล เพราะเชื่อว่าคนไม่ใช่เครื่องจักร แต่ทุกคนเป็นคนทั่วไปที่มีความแตกต่าง เหมือนกาแฟที่ผมเสิร์ฟให้คุณนี้ก็มีความต่างในตัวของมันเอง เมื่อเราให้ความสำคัญในเรื่องการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างไร จึงเป็นที่่มาของคนในองค์กรที่ต้องเรียนรู้ความต่างกันของคน และเสิร์ฟให้เหมาะสม”

เขาบอกว่า อยากให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด เคอรี่จะขยายจุดบริการไปทั่วประเทศและเคอรี่ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น Alex และทีมงานจะหาทุกทางที่เป็นไปได้ เพราะการทำงานขนส่งไม่ได้มีแต่เส้นตรง หรือมี 2 เส้นทางให้ใช้ แต่มันจะมีอีกหลายๆ ทาง

Alex บอกว่า การเติบโตของเคอรี่จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ “สิ่งสำคัญเราจะโฟกัสที่เป้าหมายการทำงานทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แต่ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องตัวเลข เราเชื่อในเรื่องการเพิ่มคุณค่าในการทำงานมากกว่าซึ่งถ้าอยากรู้ว่า Kerry เป็นอย่างไร ก็อยากให้ลองเดินไปทั่วออฟฟิศของเรา และพูดคุยกับพนักงานของ Kerry ได้เลย

จะพบความจริงว่า เราคือคนธรรมดาที่อยากเป็นคนที่ดีกว่าเมื่อวาน จึงทำวันนี้ให้ดีที่สุด และทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะไม่รู้สึกว่า พอแล้ว เราต้องพัฒนาขึ้นไปให้มาก เพราะเราไม่ใช่ Steve Jobs เราไม่ได้อัจฉริยะขนาดเขา เราไม่ใช่ Elon Musk เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”

นอกจาก Alex จะสร้างการเติบโตให้กับเคอรี่อย่างมากแล้ว ตัวเขาเองก็เติบโตขึ้นไม่น้อย หากสำรวจประวัติอย่างถี่ถ้วนจะพบว่าผู้บริหารหนุ่มคนนี้ทำางานอย่างหนักนับตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เมื่อครั้งเข้าทำงานแรกในชีวิตกับกลุ่มบริษัทเคอรี่กระทั่งก้าวสู่ระดับผู้บริหารในวัย 40 ต้นๆ

“ผมลงมือทำ และพูดน้อยที่สุด” Alex บอกวิธีทำงานของเขาอย่างสั้นๆ ต่อการทำงานที่ยาวนานถึง 12 ปีกับเคอรี่ไทย หลังจากทำงานที่กลุ่มบริษัทเคอรี่ฮ่องกงราวปีครึ่ง ก่อนไปต่อที่ Shanghai อีก 6 ปี

Icon of Style

         เมื่อถามถึงหลักการบริหารงานของชายหนุ่มว่า ทำอย่างไรจึงสร้างทีมงานให้มีศักยภาพในการพัฒนาบริการ ซึ่งส่งผลให้องค์กรขึ้นสู่อันดับต้นของการขนส่งพัสดุในไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม “Stupid Boss” เขาบอกถึงหลักการทำงานของเขา “ผมเป็น CEO ที่ไม่จำเป็นต้องฉลาดทุกเรื่องทีมงานเก่งกว่าผมก็มี และผมก็เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาบอกกับผมถึงสิ่งที่พวกเขาอยากทำ ซึ่งผมต้องเงียบไม่อย่างนั้นเขาจะไม่กล้าพูด” การทำงานของเขาคือ กระตุ้นให้ทุกคนพูดเพราะถ้าเขาพูดคนเดียวก็ต้องทำเองทุกอย่าง

“ตอนมาทำงานใหม่ๆ จะค่อนข้างยากนิดหนึ่ง เพราะทุกคนมัวสงสัยกันว่าจริงหรอพวกเขาจะถาม จะเถียง หรือแสดงความเห็นว่าเขาจะทำสิ่งที่อยากทำได้จริงๆ หรอ ผมต้องแสดงออกให้ชัดเจนจนพวกเขามั่นใจว่าทำได้ และไม่ขวางไอเดียของพวกเขา” Alex เคารพต่อความเห็นของทุกคน และชักชวนให้พวกเขาเคารพความคิดเห็นของคนที่เห็นต่าง บางครั้งที่ความคิดของเขาต่างจากทีมงานก็ต้องถามคนที่ 3 เพื่อตัดสิน

จากเป้าหมายสร้างสรรค์ให้ทีมงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งผลให้ทุกคนในทีมมีความภูมิใจ กล้าพูดเต็มปากว่าตนเอง “จะผิดจะถูกอย่างไรก็มาลองดูกันสักตั้ง เพราะถ้าเป็นการสั่งจากผม มันก็แสดงว่าโปรเจ็กต์นั้นเป็นของผม เขาก็ไปทำกันตามสั่งให้เสร็จๆ ไป ถ้างานมันล้มเหลว เขาก็จะบอกว่าก็งานของผม ผมเป็นคนสั่ง ” Alex บอกว่าแนวทางการทำงานแบบ Stupid Boss นี้ คณะผู้บริหารใช้กันทุกคน ด้วยการแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน

เรื่อง: กนกวรรณ ไม้สนธิ์ ภาพ: API

<hr />

<a href="https://bit.ly/300vXh9">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-42257" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/ปกกุมภา.png" alt="" width="300" height="394" />

Alex Ng ติดสปีด KEX ขนส่งหมื่นล้าน

<h2>ยักษ์ใหญ่ด้านขนส่งพัสดุรุกปรับภาพแบรนด์ให้ทันสมัย เข้าถึงง่าย และกลยุทธ์การสื่อสารผ่านแคมเปญการตลาด "Keep Calm and Kerry On" ในเกมการตลาด Emotional Marketing พร้อมแข่งขันชิงส่วนแบ่งตลาด 6.6 หมื่นล้านบาทและเทรนด์ซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ยุค New Normal</h2>
Alex Ng กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท  เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สร้างกระแสให้กับวงการ ด้วยกลยุทธการสื่อสารการตลาด "Emotional Marketing" การเปิดตัวกล่องพัสดุ Kerry ดีไซน์ใหม่ล่าสุดสีสันสดใสสะดุดตากระตุ้นให้ภาคธุรกิจการขนส่งพัสดุมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น พร้อมฉีกภาพลักษณ์แบรนด์ขนส่งที่น่าเบื่อให้มีความทันสมัยเข้าถึงง่าย และนำเทรนด์การสื่อสารด้วยแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเพื่อสร้างการจดจำในทุกทัชพอยท์

“เราได้มีการเปิดตัวกล่องพัสดุดีไซน์ใหม่เพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดการขนส่ง และปลุกกระแสให้ภาพรวมของตลาดมีความสดใสมากยิ่งขึ้น เรามีความยินดีที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสีสันให้กับวงการด้วยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของธุรกิจให้ดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น”

นอกจากนั้น ที่ผ่านมาบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลให้มากที่สุดในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยโดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การรักษาและพัฒนาระบบการจัดการและมาตรฐานบริการของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการบริการจัดการการจัดส่ง ติดตาม และกระจายสินค้า เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าของเรา

“ที่สำคัญในปีนี้เป็นปีที่ 14 แล้วที่ Kerry ยังคงยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนไทยมา เราจึงมีการสื่อสารเพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Kerry ให้ทันสมัย เข้าถึงง่าย และมีความสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในยุคดิจิทัลมากขึ้น ไม่นานมานี้เราได้ออกแคมเปญ Keep Calm and Kerry On ซึ่งเป็นแคมเปญแรกของ Kerry ที่เน้นการสื่อสารเพื่อปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เน้นการสื่อสารด้วยการสร้างอารมณ์ ความรู้สึก เพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น” Alex กล่าวถึงก้าวแรกของบริษัทที่ฉีกภาพลักษณ์ของแบรนด์ขนส่งพัสดุที่เข้าถึงยากให้มีความสนุกสนานมากขึ้น

<img class="alignnone wp-image-33026 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/kerry-express-05.jpg" alt="Emotional Marketing" width="600" height="749" />

สำหรับตลาดการขนส่งพัสดุในประเทศไทยจากข้อมูลล่าสุดของอีไอซีได้มีการประเมินการเติบโตของธุรกิจขนส่งพัสดุในปี 2563 ว่าจะมีมูลค่าถึง 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่มีความคุ้นเคยกับการซื้อขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ขณะเดียวกันการเติบโตดังกล่าวยังส่งผลให้การแข่งขันในธุรกิจมีความรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดจำนวนมาก และผู้เล่นรายเดินจำเป็นต้องปรับปรุงบริการของตนเองเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์มองว่า การแข่งขันในตลาดเป็นเรื่องที่ดีเพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการแข่งขันในธุรกิจ คือผู้บริโภคที่มีโอกาสได้เข้าถึงบริการที่ดียิ่งขึ้น

ด้าน สีตลา ชาญวิเศษ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานสื่อสารการตลาด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดการขนส่งพัสดุ ซึ่งการสร้าง “Brand Love” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาฐานผู้บริโภคเดิม และขยายช่องทางไปยังผู้บริโภคหน้าใหม่ให้มากขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างการจดจำในสายตาของ ด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อธุรกิจขนส่งพัสดุให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังการออกแคมเปญการตลาดแบบ Emotional Marketing เพื่อให้เห็นความสำคัญของ Kerry  ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ภายใต้แคมเปญ Keep Calm and Kerry On ซึ่งเริ่มสื่อสารออกมาหลังจากช่วงวิกฤต COVID-19 โดยเป็นการสื่อสารในเชิงให้กำลังใจคนไทยทุกคนจับมือก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

“Kerry พร้อมที่จะยืนเคียงข้างและเป็นสื่อกลางในการสร้างความสุขให้กับทุกคน ด้วยการจัดส่งพัสดุให้ถึงมือผู้รับไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อมจะยืนเคียงข้างคนไทยเสมอ ซึ่งหลังจากการสื่อสารแคมเปญนี้ออกไปเราพบว่าลูกค้ามองภาพลักษณ์ของเรามีความสนุกสนานและเป็นกันเองมากขึ้น”

สำหรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบกล่องพัสดุของบริษัทจะมุ่งเน้นการออกแบบที่ความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สีสันสดใสสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการใส่ข้อความเชิงสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ของ Keep Calm and Kerry On ซึ่งกล่องพัสดุดีไซน์ใหม่ของบริษัทนับเป็นสื่อกลางจากแบรนด์ที่สื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าทั้งผู้รับและผู้ส่งเพื่อสร้างความเป็นมิตรและตอกย้ำจุดยืนของ Kerry ในการเป็นแบรนด์ที่พร้อมยืนหยัดอยู่คู่กับคนไทยในทุกสถานการณ์เสมอ

<img class="alignnone wp-image-33025 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/kerry-express-03.jpg" alt="Emotional Marketing" width="600" height="400" />

“ที่ผ่านมายังไม่มีผู้เล่นรายใดในตลาดออกมาทำแคมเปญที่เน้นการสื่อสารเพื่อสร้าง Brand Love ซึ่งจุดนี้ Kerry เห็นว่าเป็นโอกาสของเราในการเริ่มทำแคมเปญเพื่อเน้นการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวก เรามองว่านอกจากการขายเซอร์วิสที่ดีแล้วเรายังมีกล่องพัสดุที่เป็นผลิตภัณฑ์ของเราอีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้าของเราต้องมีการใช้งานในทุก ๆ วัน โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์ของกล่องพัสดุในครั้งนี้จึงเป็นการสร้าง Value ให้กับแบรนด์ของเรา และยังเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าใหม่ ๆ ให้มาทดลองใช้บริการของเราเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีแผนการทำกิจกรรมสื่อสารการตลาดเพื่อสร้าง Brand Love ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง โดย Emotional Marketing ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทจัดส่งพัสดุที่กล้าสร้างความแตกต่างและฉีกภาพของแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคในยุคใหม่มากขึ้น ทั้งยังสามารถสะท้อนถึงความคิดของแบรนด์ที่มุ่งเน้นการสื่อสารที่ใส่ใจความรู้สึกของผู้บริโภคมากขึ้นย

“ในครึ่งปีหลังเราจะมีการทำกิจกรรมสื่อสารการตลาด ด้วยกลยุทธ์การตลาดในแบบที่แบรนด์ขนส่งพัสดุอื่นๆไม่กล้าทำมาก่อนอีกมากมาย ซึ่งสุดท้ายแล้วภาพที่สะท้อนกลับมาสู่แบรนด์จะสามารถตอบย้ำความเป็น Everyday Life ของแบรนด์ที่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ด้วยการสื่อสารในเชิงสร้างสรรค์ของKerry นั่นเอง” สีตลาปิดท้ายถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการประกาศจุดยืนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/jitta-wealth-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%84.html">Jitta Wealth เปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking – U.S. Tech</a>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events