องค์กรแสนล้านในธุรกิจพลังงานกำลังถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนผ่านจากยุคพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานใหม่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและโลก โรดแมปของการเปลี่ยนผ่านจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดผลอย่างจริงจัง
พลังงานแห่งอนาคตมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงชัดเจน พลังงานทางเลือก พลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียน ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสอีกต่อไปเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง การลดปล่อยคาร์บอนคือโจทย์ที่ทุกคนต้องตระหนักโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นองค์กรในธุรกิจพลังงานด้วยแล้ว เรื่องนี้กลายเป็นโจทย์หลักที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เราปรับตัวเยอะ ธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจพลังงาน มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ต้องดูว่าเราจะเปลี่ยนผ่านอย่างไรให้ราบรื่นแบบ easy transition” ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวกับทีมงาน Forbes Thailand ในการให้สัมภาษณ์พิเศษเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เขายังกล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญต้องทำให้การเปลี่ยนผ่านนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสม ต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างพลังงานดั้งเดิมและพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เขาย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งหมดก็ต้องเป็นไปเพื่อการตอบโจทย์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนด้วย
ซื้อ Esso ขึ้นผู้นำพลังงานดั้งเดิม
CEO บางจากบอกว่า สิ่งที่ปรับตัวมาตลอด 10 ปีที่เขาบริหารองค์กรบางจากมาเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นเป็นการปรับสมดุลที่ดี โดยบางจากยังคงให้ความสำคัญเรื่องพลังงานดั้งเดิม ดูได้จากกรณีล่าสุดที่บางจากเข้าไปซื้อ เอสโซ่ ประเทศไทย ทั้งหมดมูลค่าเกือบ 6 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่าบางจากให้ความสำคัญกับพลังงานดั้งเดิมอยู่มาก และยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาและพยายามพัฒนาการผลิตพลังงานดั้งเดิมให้เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น
ชัยวัฒน์เผยว่า ที่ผ่านมาบางจากเติบโตมาในทุกตลาด ทั้ง oil, non-oil และ green energy เติบโตทั้งหมด “เราอยู่ระหว่างทำแผนเพื่อดูว่าตัวไหนสำคัญควรต้องใส่ใจ ใส่เงิน ใส่ทุนเข้าไปมากแค่ไหน แต่สุดท้ายพลังงานดั้งเดิมก็ยังตอบโจทย์เป็นสัดส่วน 75-80%” CEO บางจากกล่าวพร้อมอธิบายว่า พลังงานจากแหล่งดั้งเดิมจากฟอสซิล น้ำมันก๊าด ถ่านหิน จะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี
“กับสถานการณ์โลกเราอยู่ตรงนี้มา 10 กว่าปี ราคาน้ำมัน 140 เหรียญต่อบาร์เรลก็เคยเห็น น้ำมัน 50 เหรียญต่อบาร์เรลก็เคยมี ผมคิดว่าในทุกเหตุการณ์เราดูแลตัวเองได้ดีที่สุด” CEO บางจากย้ำและว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไรสิ่งสำคัญบริษัทต้องพยายามรักษาสภาพคล่องให้มีกระแสเงินสด เพราะสภาพคล่องก็เหมือนถังออกซิเจน ถ้าไม่มีออกซิเจน พอลงใต้น้ำก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้ามีถังออกซิเจนหรือมีสภาพคล่องก็จะยืดเวลาต่อไปได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ต้องดูแลตัวเองไม่ให้มีไขมันเพื่อทำให้มีความคล่องตัว ไม่อ่อนแอ โจทย์จะมาอย่างไรก็รับมือได้เสมอ

อย่างไรก็ตามเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย ทิศทางของบางจากฯ คือ การดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว สร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยใช้จุดแข็งจากธุรกิจพลังงานที่มีอยู่ รักษาและเสริมความแข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา ต่อยอดสู่พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีสะอาด เพื่อให้เติบโตสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปี
“เรามุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความเป็นจริงทางเศรษฐกิจเพื่อความสอดคล้อง มั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้นำ เป็นที่ 1 หลายด้าน” แม่ทัพบางจากย้ำก่อนจะอธิบายคำว่า ผู้นำหลายด้านว่าหมายถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนจากรางวัลระดับโลก เช่น S&P CSA (DJSI) Global Top 1%, Thailand Quality Award และ Global Performance Excellence Award สำหรับธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงการได้รับการจัดอันดับ Thailand’s Best Employer เมื่อปี 2567 และติดอันดับ 17 ในปีนี้ โดยขยับขึ้นจาก 24 เมื่อปีที่แล้วจาก Fortune 500 Southeast Asia
นอกจากนี้ บางจากยังเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านพลังงานในประเทศไทยด้วยการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และธุรกิจใหม่แห่งอนาคต โดยเดินหน้าตามแผนงานในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างการซินเนอร์จี้ระหว่างโรงกลั่นน้ำมันระดับ world-class 2 แห่งคือ โรงกลั่นที่บางจาก พระโขนง และศรีราชา
โรงกลั่นทั้ง 2 แห่งตั้งเป้ากำลังการกลั่น 280,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2568 จากกำลังการกลั่นติดตั้งรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน มุ่งเพิ่มค่าการกลั่น (GRM) และประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน รวมทั้งขยายผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่มีมูลค่าสูง เช่น unconverted oil และขี้ผึ้ง

เดินหน้าโครงการทอดไม่ทิ้ง
ขณะเดียวกันก็สร้างเครือข่ายรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วผ่านโครงการทอดไม่ทิ้ง หรือ “Fry to Fly” ทั่วประเทศ เพื่อนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วมากลั่นเป็นน้ำมันสำหรับเครื่องบิน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนในปี 2569
“น้ำมันเครื่องบินคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ประมาณปี 2569 และจะประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2570 แหล่งน้ำมันเรามีหลายแหล่ง น้ำมันปรุงอาหารครัวเรือนเรารับซื้อ ที่จริงน้ำมันพวกนี้เอามากลั่นดีเซลก็ได้” ชัยวัฒน์เผยและว่า ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันบางจากรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว และจะขยายให้ครบทุกสถานีภายในปีนี้

โครงการทอดไม่ทิ้งเริ่มมาได้ปีเศษ ทยอยทำมาเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้น บางจากต้องเติบโตขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกค้าไปด้วย เขายังบอกด้วยว่า ปีแรกที่รับตำแหน่งผู้บริหารบางจากตอนนั้นบางจากมียอดขาย 1.5 แสนล้านบาทต่อเนื่องมา 10 ปี ในปี 2567 ยอดขายเพิ่มมาเป็น 5.8 แสนล้านบาท ขึ้นมา 4 เท่าตัว
ในด้านการตลาดธุรกิจโรงกลั่น การค้าปลีกน้ำมัน และธุรกิจต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่ง ภายในปี 2573 และขยายส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% ในตลาดค้าปลีกน้ำมัน ขยายตลาดพาณิชยกรรมใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) พร้อมกันนี้ยังผสานบริการให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ เช่น ร้านกาแฟอินทนิล และสถานีชาร์จ EV
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดดำเนินการโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มุ่งสู่การเป็นบริษัทในดัชนี SET50 และ DJSI ภายในปี 2573 ด้วยกลยุทธ์ Capital Recycling เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ขยายพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้ว เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) และรักษาวินัยทางการเงิน
ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพซึ่งดำเนินงานภายใต้ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแบบครบวงจร ยกระดับประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ และขยายสู่ตลาดมูลค่าสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างกระแสรายได้ใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติด้วยการเข้าไปลงทุนใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่ปี 2561เป็นฐานธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตเป็น 50,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 วางแผนขยายธุรกิจ E&P สู่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป้าหมายรวมกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2573 เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน
ลงทุนต่อเนื่องเพื่อธุรกิจ-สังคม
ในด้านการลงทุน CEO บางจากเผยว่า “10 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนไปเกือบ 2 แสนล้านบาท เฉลี่ยลงทุนปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ครั้งล่าสุดคือการลงทุนซื้อ Esso ไทยกว่า 6 หมื่นกว่าล้านบาท” เขาเผยว่า การลงทุนครั้งนี้ทำให้บางจากได้โรงงานมาตรฐานระดับโลกเข้ามาเพิ่มอีกแห่ง และทำให้สถานีบริการน้ำมันเพิ่มเข้ามา 800 กว่าสถานี ได้คลังน้ำมันราว 5-6 แห่ง ได้อาคารสำนักงานและพนักงานมาอีก 300 คนที่เป็นคนคุณภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่เรียนเก่งระดับเกียรตินิยมอันดับ 1 มักจะเข้ามาทำงานกับบริษัทต่างชาติ คนเหล่านี้ถือเป็นพนักงานที่มีคุณภาพจึงน่าจะทำให้บางจากแข็งแรงขึ้น พร้อมจะก้าวต่อไปข้างหน้าตามแผนงานและเป้าหมายที่ตั้งไว้

นอกจากการลงทุนด้านธุรกิจแล้ว บางจากยังลงทุนเพื่ือตอบโจทย์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการทำสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ ขยายธุรกิจระยะยาวผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ริเริ่มและสนับสนุนธุรกิจใหม่ด้านพลังงานยั่งยืน ดิจิทัล AI และ deep tech สร้างโอกาสธุรกิจในอนาคต เช่น เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ พลังงานใหม่ และเศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งเป็นจุดเริ่มของนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนให้แก่กลุ่มบริษัทบางจากและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ชัยวัฒน์ย้ำว่า กลุ่มบริษัทบางจากดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จนเกิดเป็นผลลัพธ์และความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ส่งต่อคุณค่าให้แก่สังคม
โดยในด้านธรรมาภิบาลได้ดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลที่โปร่งใส มีกลไกตรวจสอบและถ่วงดุลที่เข้มแข็ง ได้รับ CGR score เฉลี่ย 112% (ระดับดีเลิศ) และได้รับการ recertification จาก CAC (แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันภาคเอกชนไทย) ได้รับการประเมินจรรยาบรรณคู่ค้า (supplier code of conduct) ครอบคลุมแรงงาน สิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม
ในด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน บางจากได้พัฒนาธุรกิจพลังงานหมุนเวียนโดย BCPG ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมกำลังการผลิตมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ พัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพและผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง โดย BBGI กำลังการผลิตรวมกว่า 1.8 ล้านลิตรต่อวัน มุ่งพัฒนาพลังงานทดแทนเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมการขนส่งทั้งทางบก เรือ และอากาศ
ล่าสุดยังได้พัฒนา B24 Marine Biofuel ที่โรงกลั่นบางจาก ศรีราชา สำหรับเรือเดินสมุทร และก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วที่โรงกลั่นบางจาก พระโขนง ซึ่งสามารถเลือกผลิตเป็น HVO หรือ renewable diesel ได้
ในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกชัยวัฒน์เผยว่า บางจากได้ขับเคลื่อนตามแผน BCP 316 NET เพื่อลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เข้าร่วมเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO) ภายใต้เครือข่าย Carbon Neutral Thailand และตั้งเป้าสู่ Net Zero Emissions ภายในปี 2593
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยประกาศใช้นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการไม่ตัดไม้ทำลายป่า ดำเนินโครงการอนุรักษ์ที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เช่น เส้นทางหิ่งห้อย วิถีแห่งการอนุรักษ์ในคุ้งน้ำบางกะเจ้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการมีส่วนร่วมของชุมชน วิสาหกิจชุมชนผึ้งทำ ส่งเสริมเกษตรกรผึ้งชันโรงในบางน้ำผึ้ง เพิ่มรายได้และสนับสนุนการผสมเกสรพืชในระบบนิเวศ และโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน ปลูกต้นโกงกางและพืชชายเลนรวม 18,000 ต้นในปี 2567 และตั้งเป้ารวม 36,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 72 ตารางกิโลเมตร
จากประเด็นเชิงสังคมย้อนกลับมาที่ตัวธุรกิจ CEO บางจากกล่าวว่า ได้ตั้งเป้าปี 2573 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้ากลุ่มบางจากจะมีรายได้ 1 ล้านล้านบาท จะเป็นรายได้จากธุรกิจต้นน้ำจากนอร์เวย์ประมาณ 50% มาจากโรงกลั่น 25% มาจากตลาด 10% และมาจากกลุ่มสีเขียวอีก 15% เป็นทศวรรษใหม่การทำรายได้จากต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Rei Matsuda สูตรทำเงินโรงแรมไซซ์กลาง “Kokotel”


