Bolt เตรียมลุยตลาดภูธร ปักหมุดบริการเพิ่มอีก 20 เมือง พร้อมเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ ยกระดับความปลอดภัย-สกัดรายใหม่ - Forbes Thailand

Bolt เตรียมลุยตลาดภูธร ปักหมุดบริการเพิ่มอีก 20 เมือง พร้อมเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ ยกระดับความปลอดภัย-สกัดรายใหม่

โบลท์ (Bolt) เตรียมลุยตลาดภูธร ปักหมุดบริการเพิ่มอีก 20 เมืองเน้นภาคกลาง พร้อมเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ไม่เคยมีในไทย ยกระดับความปลอดภัยและสกัดรายใหม่เข้าตลาด


    การเข้าสู่ยุคดิจิทัล การส่งเสริมสังคมไร้เงินสด การผลักดันของรัฐบาลในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีและความคุ้นชินกับการใช้แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของคนรุ่นใหม่ เป็นปัจจัยที่เอื้อให้แพลตฟอร์มการเรียกรถในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยถูกคาดการณ์ว่า ในอีก 5-6 ปีนับจากนี้จนถึงปี 2030 ตลาดบริการเรียกรถโดยสารในเมืองไทยจะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 9-10 เปอร์เซ็นต์ทุกปี

    แม้ปัจจุบันธุรกิจเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น (Ride-Healing) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง จนมีผู้ให้บริการธุรกิจเรียกรถอยู่ในตลาดมากกว่า 10 ราย อาทิ Grab, Lalamove, Line Man, AirAsia Super App, Hello Phuket Service และ Maxim เป็นต้น แต่การเรียกใช้รถผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ในไทยยังต่ำ

    “การเรียกใช้รถผ่านแพลตฟอร์มในไทยยังน้อย เพราะคนยังนิยมเดินทางแบบ traditional อยู่ เราจะสร้าง Brand Awareness ให้ Bolt เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะในเมืองรอง” ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ ประเทศไทย กล่าว

    ปัจจุบัน Bolt ให้บริการอยู่ใน 35 เมืองทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และภาคอีสาน ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายบริการเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่ง เพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งขยายจุดบริการเพียง 10 แห่ง เน้นทำเลภาคใต้ ภาคเหนือ โดยเฉพาะภาคกลาง


    “เราเน้นภาคกลางเป็นหลัก เพราะแม้จะเป็นภูมิภาคที่มีประชากร จำนวนมหาวิทยาลัย และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่การเรียกใช้รถผ่านแพลตฟอร์มยังต่ำ จึงมีโอกาสตลาดมาก” ณัฐดนย์บอก

    นอกจากขยายการเข้าถึงบริการของ Bolt ในหัวเมืองใหม่ๆ แล้ว บริษัทยังเตรียมยกระดับความปลอดภัยของผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ 2 ประการ ได้แก่ ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) และรหัสรับผู้โดยสาร (Four-Digit Pick-Up Codes)

    “นี่เป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรมและประเทศไทย ฟีเจอร์ล่าสุดเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโรของโบลท์ เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ยกระดับความปลอดภัยให้ครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์มในช่วง 3 ปีต่อจากนี้” ณัฐดนย์ กล่าว

    สำหรับฟีเจอร์ผู้ติดต่อฉุกเฉิน (Trusted Contacts) ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มชื่อเพื่อนหรือชื่อสมาชิกในครอบครัวลงในบัญชีผู้ใช้งานของตนได้ หากทีมความปลอดภัยของโบลท์ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบัญชีได้โดยตรงในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เมื่อระบบตรวจพบความผิดปกติระหว่างการเดินทาง หรือเมื่อมีคำขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ในสถานการณ์เช่นนี้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ไว้วางใจได้อย่างทันท่วงทีในช่วงเวลาที่สำคัญ


    ส่วนฟีเจอร์ รหัสรับผู้โดยสาร จะประกอบด้วย รหัสยืนยันการรับผู้โดยสารแบบ 4 หลักที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถยืนยันว่ากำลังพบกับบุคคลที่ถูกต้องตรงตามข้อมูลที่แสดงไว้ก่อนเริ่มต้นการเดินทาง จึงป้องกันการขึ้นรถผิดคัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแออัดในช่วงเวลากลางคืน หรือในกรณีที่ผู้โดยสารไม่สามารถจดจำยานพาหนะที่ถูกต้องได้

    เมื่อผู้โดยสารเปิดใช้ฟีเจอร์ผ่านการตั้งค่าความปลอดภัย รหัสแบบสุ่มทั้ง 4 หลักจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอการเดินทาง จากนั้นผู้ขับขี่จะได้รับการแจ้งเตือนรหัสดังกล่าวเพื่อยืนยันการมาถึงในแอปพลิเคชัน ก่อนที่การเดินทางจะเริ่มต้น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องกรอกรหัสรับผู้โดยสารที่ถูกต้องเพื่อให้มั่นใจว่าการจับคู่เป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย

    “การเพิ่มฟีเจอร์เรื่องความปลอดภัย ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้ามาใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะเป็น barrier ทำให้รายใหม่เข้าสู่ตลาดนี้ยากขึ้นในอนาคต” ณัฐดนย์ กล่าว และว่า ปัจจุบันคนไทยยังใช้บริการเรียกรถที่บ้าน ที่ทำงาน และคอนโดเท่านั้น บริษัทจึงได้เพิ่มบริการใหม่ๆ เมื่อเดือนที่ผ่านมา อาทิ การเรียกล่วงหน้าเพื่อรับส่งยังสนามบิน

    Bolt เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยตั้งแต่ปี 2563 ยอดผู้ใช้บริการเติบโตเพิ่มขึ้น 13 เท่าใน 3 ปีที่ผ่านมา เพราะราคาที่ตอบโจทย์ถูกกว่าคู่แข่ง 30 เปอร์เซ็นต์ และมาตรฐานบริการ ปัจจุบันยอดใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 60 บาทสำหรับมอเตอร์ไซค์ และ 250 บาทสำหรับรถยนต์นั่ง

    “แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ด้วยนโยบายราคาค่าบริการที่ต่ำกว่าคู่แข่งและไม่ประนีประนอมเรื่องคุณภาพการบริการ Bolt น่าจะเป็น Top of Mind และเป็นแบรนด์ Challenger และมีศักยภาพโตต่อเนื่องในระยะยาว” ณัฐดนย์กล่าว



ภาพ: โบลท์

ออกแบบภาพปก: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ใช้ AI แบบ ‘อาลีบาบา’ วินิจฉัยโรคมะเร็ง ตรวจจับไวรัส RNA ไปจนถึงสร้างหนังสือภาพให้เด็กออทิสติก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine