Jason Kwon ผู้บริหาร OpenAI ทึ่ง! คนไทยใช้ ChatGPT ดูดวง สะท้อนว่าพยายามหาความแน่นอนในชีวิต - Forbes Thailand

Jason Kwon ผู้บริหาร OpenAI ทึ่ง! คนไทยใช้ ChatGPT ดูดวง สะท้อนว่าพยายามหาความแน่นอนในชีวิต

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Sep 2025 | 12:08 PM
READ 757

Jason Kwon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer) ของ OpenAI เผยในสัมภาษณ์พิเศษรายการ WOODY FM หลังเดินทางมาเยือนไทยเป็นครั้งแรก เซอร์ไพรส์คนไทยชอบใช้ ChatGPT ดูดวง เพราะที่อเมริกาไม่ค่อยมีใครใช้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยมองว่าผู้คนพยายามหาความแน่นอนในชีวิต


    เปิดมุมมอง AI จากผู้นำบริษัทระดับโลก สัมภาษณ์พิเศษแบบเจาะลึกกับ Jason Kwon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer) ของ OpenAI ในรายการ WOODY FM ที่มาเดินทางมาเยือนไทยเป็นครั้งแรกโดยได้รับเชิญจาก วู้ดดี้ ทึ่งเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT ของคนไทย เผยเรื่องที่น่ากังวล และการมองอนาคตของ AI ในเอเชียอย่างไร


คุณค้นพบอะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้ ChatGPT ของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องการดูดวง?

    Jason Kwon: เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าทึ่งและประหลาดใจมากครับ เพราะที่อเมริกาไม่ค่อยมีใครใช้ในลักษณะนี้อย่างจริงจังเท่าไหร่ แต่พอผมได้มาฟังว่าคนไทยใช้ ChatGPT เพื่อถามเรื่องสำคัญในชีวิต เช่น วันนี้ควรใส่เสื้อผ้าสีอะไรดี? วันเกิดของฉันวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น? หรือ ฉันควรใช้ชีวิตวันนี้อย่างไร? ผมสนใจทันทีเลย นี่เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำเครื่องมือไปวางในสังคมที่แตกต่าง แล้วผู้คนก็ใช้มันในแบบที่เราคาดไม่ถึงเลย

    และไม่ใช่ในทางที่ไม่ดีนะครับแต่ในทางที่ดีมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าประสบการณ์และความต้องการของมนุษย์นั้นมีความหลากหลายแค่ไหน ผมมองว่าการใช้ AI เพื่อดูดวงเป็นเหมือนการพยายามหาความแน่นอนในชีวิต ในอดีตคนอาจจะไปหานักพยากรณ์ แต่ตอนนี้สามารถหามันได้จากเครื่องมือนี้ และเมื่อ AI ตอบคำถามเหล่านี้ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าความแน่นอนเกิดขึ้นแล้ว แต่ความต้องการของเราแค่ถูกย้ายไปที่อื่น ตอนนี้เรามีคำตอบแล้วว่าจะใส่อะไร แต่คำถามอื่นๆ ก็จะตามมาอีกมากมาย เช่น งานนี้ฉันต้องคุยกับคนแบบไหน? ฉันอยากจะสานสัมพันธ์กับคนพวกนี้ไหม? ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ AI แทนที่ไม่ได้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ขอบเขตของกิจกรรมของมนุษย์กว้างขึ้น



คุณพบอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดเอเชีย และอนาคตของ AI ในภูมิภาคนี้เป็นอย่างไร?

    Jason Kwon: ตัวเลขการเติบโตในเอเชียพุ่งสูงขึ้นมากครับ ช่วงปีที่ผ่านมาเอเชียเติบโตขึ้นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะประเทศไทยและเวียดนามที่เติบโตเร็วที่สุด ผมเคยคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่ง เขายอมรับว่าเราอาจจะเริ่มช้ากว่า แต่พอตัดสินใจจะลุยแล้วก็จะทำอย่างเต็มที่ ซึ่งตอนนี้เรากำลังเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว

    ผมคิดว่าในเอเชียมีการมอง AI เพื่อแก้ปัญหาด้านประชากรศาสตร์ เช่น บางประเทศที่มีประชากรวัยทำงานลดลง ก็ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตทางเศรษฐกิจ ส่วนประเทศที่มีประชากรหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างฟิลิปปินส์หรืออินโดนีเซีย ก็มองว่าสามารถก้าวกระโดดไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้เลย ที่น่าสนใจอีกอย่างคือในเอเชีย ผู้คนมีความสุขกับการเล่นกับเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ใช้เพื่อการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ด้วย เราเห็นได้ชัดจากเทรนด์การสร้างภาพและวิดีโอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมหาศาล


อะไรคือความจริงกับสิ่งที่น่ากังวลของ AI ที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ?

    Jason Kwon: สิ่งที่ทำให้ผมกังวลและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันคือ อัตราความเร็วของการเปลี่ยนแปลงครับ ความเร็วนั้นนำมาซึ่งสิ่งดีๆ มากมาย ทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกันผมก็คิดว่าสถาบันและโครงสร้างต่างๆ ในสังคมพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้หรือยัง ผมคิดว่าการมีผู้เล่นหลายรายในวงการ AI เป็นเรื่องที่ดี เพราะมันทำให้ความรับผิดชอบนี้เป็นของทุกคน และยิ่งมีคนเข้ามามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนที่ช่วยให้สังคมปรับตัวได้เร็วขึ้นเท่านั้น


คุณเป็นนักกฎหมาย แต่ตอนนี้กำลังสร้าง AI ที่ไร้ขีดจำกัด 2 โลกนี้ปะทะกันหรือไม่ ?

    Jason Kwon: ผมไม่มองว่ามันเป็นการปะทะกันแบบนั้นนะครับ กฎระเบียบไม่ได้มีไว้เพื่อจำกัดพลังของเทคโนโลยี แต่มันมีไว้เพื่อกำหนดทิศทางของผลลัพธ์ต่างหาก ในฐานะผู้สร้างเอง การท้าทายข้อจำกัดบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วยซ้ำ


คุณหวังว่า AI จะมอบอะไรให้กับลูกๆ ของคุณในวันข้างหน้า ?

    Jason Kwon: ผมหวังว่า AI จะช่วยให้พวกเขาสามารถจินตนาการถึงทิศทางของตัวเองในโลกนี้ ได้อย่างเหมาะสมกับตัวตนของพวกเขาเอง แล้วลงมือทำตามจินตนาการนั้นได้ด้วยความแม่นยำมากกว่าคนรุ่นผม หลายครั้งเราจะเจอคนที่มีความฝันและความหลงใหล แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่ได้ลงมือทำมันจริงๆ ซึ่งปัญหานี้ซับซ้อนและมีมานานแล้ว แต่ผมคิดว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยให้ผู้คนค้นพบและลงมือทำสิ่งที่ใกล้เคียงกับความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเองได้ง่ายขึ้น




ในฐานะผู้นำคุณจะรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานอย่างไร ?

    Jason Kwon: บอกตามตรงว่ามันเป็นการต่อสู้ดิ้นรนครับ ผมไม่ได้เก่งเป็นพิเศษในเรื่องนี้เลย และนี่คือจุดที่ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับทุกคนที่รู้สึกว่าเวลาถูกบีบอัดเพราะเทคโนโลยี ผมไม่มีคำตอบที่น่าพอใจที่สุด นอกจากมันเป็นสิ่งที่ผมพยายามทำและยอมรับว่าตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบในด้านนี้ แต่ผมก็พยายามให้ความสำคัญกับการชื่นชมช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต เช่น การได้มาทานข้าวเหนียวมะม่วงที่ประเทศไทยในวันนี้


ในฐานะ Chief Strategy Officer คุณมีบทบาทอย่างไร ?

    Jason Kwon: หน้าที่หลักของผมคือการคิดว่าเราจะบรรลุภารกิจได้อย่างไร? เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรเพื่อตอบสนองต่อโลกภายนอก เพราะเทคโนโลยีไม่ได้เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ แต่มันคือ พลังทางสังคม ที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนต่างๆ ผมมีหน้าที่ดูแลเรื่องนโยบาย กฎหมาย ผลกระทบทางสังคม และความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม แต่สิ่งที่เชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกันคือการมองเทคโนโลยีให้ลึกกว่าแค่ผลิตภัณฑ์


อะไรที่ยังทำให้คุณประทับใจเกี่ยวกับ ChatGPT ในปัจจุบันนี้ ?

    Jason Kwon: ความสามารถของมันในการตอบคำถามที่เราไม่เคยคิดถึงตอนที่สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่แรก ผมยังคงประหลาดใจกับความถี่ที่มันตอบกลับมาได้อย่างสมเหตุสมผล แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือวิธีที่คนอื่นใช้มัน ถ้ามองย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ผู้คนใช้มันเพื่อเขียนเรื่องธรรมดาๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับใช้มันเพื่อขอคำวิจารณ์ หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับงานเขียนของตัวเอง ผมคิดว่านี่น่าทึ่งมาก เพราะมันกำลังสร้างพื้นที่ให้ผู้คนสามารถแสดงออกได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

    สำหรับคนที่อาจไม่มั่นใจหรือขี้อายที่จะแบ่งปันผลงานกับคนอื่น ตอนนี้พวกเขามีคู่คิดที่ช่วยให้เขาได้สำรวจตัวเองและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้ตลอดเวลา ผมคิดว่าเราจะเห็นปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การแสดงออกทางความคิดง่ายขึ้น และมันทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนสามารถมารวมตัวกันได้จากความสนใจเดียวกัน


เรากำลังอยู่ในยุคที่ต้องดูว่าใครเป็นผู้ใช้ Prompt ที่ยอดเยี่ยม ?

    Jason Kwon: ใช่ครับ prompt อาจเป็นสิ่งใหม่ แต่สิ่งที่คงอยู่ยั่งยืนมานานหลายศตวรรษคือการที่ คนคนนี้ถามคำถามที่ดีหรือไม่? ซึ่งในยุคนี้คำถามที่ดีจะมีคุณค่ามากขึ้นไปอีก เพราะต้นทุนในการหาคำตอบหรือการสร้างคำตอบนั้นต่ำลงมาก คุณ Sam (Sam Altman CEO ของ OpenAI) เคยอธิบายไว้ว่า ต้นทุนในการคิดไอเดียและต้นทุนในการลงมือทำไอเดียนั้นกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ต้นทุนของปัญญาก็ลดลงเพราะ AI มีราคาถูกลง และต้นทุนของการผลิตก็ถูกลงด้วยเช่นกัน เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกัน ลองคิดถึงพลังของคนที่ถามคำถามที่ดีมากๆ ดูสิครับ เพราะทุกคนจะสามารถเข้าถึงสิ่งที่เทียบเท่ากับความรู้ของ Albert Einstein ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือพลังของคนที่รู้ว่าจะต้องถามอะไร



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ซีอีโอ OpenAI เตือนเอง! อย่าใช้ ChatGPT ระบายปัญหาชีวิต เสี่ยงข้อมูลหลุด เพราะกฎหมายไม่คุ้มครอง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON