<h2>OpenAI ดึงนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญมาผนึกกำลังกับเครื่องมือ AI รีแบรนด์เต็มรูปแบบ สะท้อนอัตลักษณ์การเป็นบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;OpenAI บริษัทด้านเทคโนโลยี AI ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 แม้จะเกิดจากกลุ่มผู้ประกอบการ นักพัฒนา และนักวิทยาการคอมพิวเตอร์รวม 11 คน แต่ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 นำให้ทั่วโลกเข้าสู่ยุคแห่งการแข่งขันเพื่อพัฒนา AI อย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3 ปีถัดมา เมื่อก้าวสู่ปี 2025 หลายฝ่ายต่างมองว่า ปีนี้ยังคงเห็นการพัฒนา AI ทวีความดุเดือดขึ้น โดยประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศโครงการ Stargate เพื่อยกระดับโครงสร้าง AI ในสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการเปิดตัว DeepSeek ไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา นำมาสู่การตอบโต้จากฝั่ง OpenAI ที่ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศโมเดลใหม่อย่าง o3-mini&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทว่านอกเหนือจากการยกระดับเทคโนโลยีและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้ว OpenAI ยังเปิดเผยอีกก้าวที่สำคัญ นั่นคือการรีแบรนด์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก จากฝีมือของทีมออกแบบภายในบริษัทที่นำโดย Veit Moeller และ Shannon Jager ร่วมกับพาร์ทเนอร์ภายนอก ได้แก่ สตูดิโอออกแบบอักษร ABC Dinamo และบริษัทกราฟิกดีไซน์ Studio Dumbar​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/7U3u4D1ds177wTsL3vGZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7U3u4D1ds177wTsL3vGZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,418" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โลโก้ดั้งเดิมของ OpenAI นั้นสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ซึ่งทีมออกแบบอย่าง Moeller และ Jager เปิดเผยผ่าน Wallpaper ว่าที่ผ่านมา OpenAI ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกในรูปลักษณ์ที่ไม่ได้ผ่านการวางแผน ด้วยฟ้อนต์ สัญลักษณ์ และสีสันอันยุ่งเหยิง ขาดความเชื่อมโยงของกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยเมื่อปีก่อน Sam Altman หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ OpenAI คนปัจจุบัน ได้มอบหมายให้พวกเขาปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ของบริษัทพร้อมโจทย์สำคัญคือ ‘มีความเป็นธรรมชาติและความเป็นมนุษย์มากขึ้น’ (more organic and more human)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลลัพธ์ที่ได้คือชุดรูปแบบตัวอักษร (typeface) ใหม่ซึ่งมีชื่อเรียกว่า OpenAI sans ที่ผสมผสานความเที่ยงตรงและฟังก์ชั่นการทำงานของรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับอักษรที่โค้งมนดูเข้าถึงง่าย โดยนำมาใช้กับโลโก้ตัวอักษร (wordmark) ของ OpenAI ซึ่งทาง Moeller ได้อธิบายถึงตัวอักษร O ซึ่งรอบนอกนั้นเป็นวงกลมสมบูรณ์แบบ แต่ภายในนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ นั่นก็เพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 500px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/uCpiXvLeHwRHQgNgkpYj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uCpiXvLeHwRHQgNgkpYj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="500px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="721,721" style="width: 500px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโลโก้รูปสามเหลี่ยมโค้งซ้อนทับกัน ซึ่งภายในบริษัทมีชื่อเล่นให้ว่า ‘ดอกไม้บาน’ ก็ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่เช่นกัน มีการปรับรูปทรงเรขาคณิตและน้ำหนักเส้นให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อถูก Wallpaper ถามว่าได้ใช้เครื่องมือ AI ช่วยในการออกแบบบ้างหรือไม่ ทีมออกแบบก็ให้คำตอบผ่านทางอีเมลว่า “เราร่วมมือกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในศาสตร์การถ่ายภาพ การออกแบบตัวอักษร ภาพเคลื่อนไหว และการออกแบบเชิงพื้นที่ โดยใช้เครื่องมือ AI อย่าง DALL-E, ChatGPT และ Sora เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทีมออกแบบเบื้องหลังการรีแบรนด์ครั้งนี้ยังเน้นย้ำว่า “การที่สติปัญญาของมนุษย์มาบรรจบกับศักยภาพของ Generative AI ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์แบรนด์ ที่ไม่ได้มีดีแค่นวัตกรรม แต่ยังมีความเป็นมนุษย์อย่างยิ่ง” แหล่งที่มา:​<a href="https://openai.com/brand/" alt="OpenAI Design Guidelines">OpenAI Design Guidelines</a>​ ​<a href="https://www.theverge.com/news/606176/openai-new-logo-font-typeface-sans" alt="Here’s OpenAI’s new logo">Here’s OpenAI’s new logo</a>​ ​<a href="https://www.wallpaper.com/tech/openai-has-undergone-its-first-ever-rebrand-giving-fresh-life-to-chatgpt-interactions" alt="OpenAI has undergone its first ever rebrand, giving fresh life to ChatGPT interactions">OpenAI has undergone its first ever rebrand, giving fresh life to ChatGPT interactions</a>​ ภาพ: OpenAI เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/global/donald-trump-openai-oracle-softbank-establish-stargate" alt="Donald Trump ผนึกกำลัง OpenAI - Oracle - SoftBank ก่อตั้ง Stargate ยกระดับโครงสร้าง AI ในสหรัฐฯ">Donald Trump ผนึกกำลัง OpenAI - Oracle - SoftBank ก่อตั้ง Stargate ยกระดับโครงสร้าง AI ในสหรัฐฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OpenAI รีแบรนด์ครั้งใหญ่! ผนึกกำลังมนุษย์และ AI ช่วยกันออกแบบโลโก้ใหม่

<h2>หลังหวนคืนสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี Donald Trump ก็เดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตร 3 บริษัททรงอิทธิพลแห่งวงการเทคโนโลยี ลงทุน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อตั้งโครงการ Stargate ตั้งเป้าพาสหรัฐอเมริกาสู่ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Donald Trump ร่วมกับผู้บริหารจาก 3 บริษัทชั้นนำ ได้แก่ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI, Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle และ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank ประกาศโครงการก่อตั้ง Stargate บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI และดาต้าเซ็นเตอร์ มูลค่าการลงทุนรวมราว 500,000 ล้านเหรียญ และจะสร้างงานให้ชาวอเมริกันกว่า 100,000 ตำแหน่งในทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Stargate จะสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและเสมือนจริงเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนา AI ในรุ่นถัดไป” Trump กล่าว และเสริมว่า “เราต้องการสร้างมันในประเทศนี้ จีนเป็นคู่แข่ง ประเทศอื่นๆ ก็เป็นคู่แข่ง เราต้องการอยู่ในประเทศนี้และทำให้มันเกิดขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นี่จะเป็นโครงการที่สำคัญที่สุดของยุคนี้” Altman แสดงความคิดเห็น โดยซีอีโอ OpenAI คอยเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ เสมอมา และชี้ว่าการมีโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ยอดเยี่ยมจะเปิดโอกาสในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้สนับสนุนเงินทุนหลักในโครงการยักษ์ใหญ่ครั้งนี้ ได้แก่ OpenAI, Oracle, SoftBank และ MGX ที่วางแผนอัดฉีดเงินราว 500,000 ล้านเหรียญตลอด 4 ปีนับจากนี้ โดย Masayoshi Son จาก SoftBank จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ Stargate นอกจากนี้ยังได้ ARM, Nvidia และ Microsoft มาร่วมสนับสนุนด้านเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบื้องต้น ในปีแรกจะเริ่มลงทุนที่ 100,000 ล้านเหรียญก่อน กับดาต้าเซ็นเตอร์ในเท็กซัส ก่อนจะทยอยขยายสู่รัฐอื่นๆ ต่อไป ซึ่ง Ellison จาก Oracle เผยว่าตอนนี้มีดาต้าเซ็นเตอร์ 10 แห่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของ OpenAI เผยว่า “เราทุกคนตั้งตารอที่จะสร้างและพัฒนา AI โดยเฉพาะ AGI เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน เราเชื่อว่าก้าวใหม่นี้เป็นก้าวที่สำคัญยิ่ง และจะช่วยให้บรรดาผู้คนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ค้นพบวิธีที่จะใช้ AI เพื่อยกระดับมวลมนุษยชาติ” แหล่งที่มา:​<a href="https://apnews.com/article/trump-ai-openai-oracle-softbank-son-altman-ellison-be261f8a8ee07a0623d4170397348c41" alt="Trump highlights partnership investing $500 billion in AI">Trump highlights partnership investing $500 billion in AI</a><a href="https://www.aljazeera.com/news/2025/1/22/stargate-what-is-trumps-new-500bn-ai" alt="Stargate: What is Trump’s new $500bn AI project?">Stargate: What is Trump’s new $500bn AI project?</a><a href="https://openai.com/index/announcing-the-stargate-project/" alt="Announcing The Stargate Project">Announcing The Stargate Project</a>​ ​<a href="https://www.entrepreneur.com/business-news/openai-oracle-softbank-team-up-for-stargate-ai-initiative/485896" alt="What Is Stargate? OpenAI, Oracle, Softbank, and President Trump Team Up for $500B AI Infrastructure Initiative.">What Is Stargate? OpenAI, Oracle, Softbank, and President Trump Team Up for $500B AI Infrastructure Initiative.</a>​ ภาพ: AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/other/global/trump-first-day-executive-orders-20-jan-2025" alt="วันแรกก็ป่วนแล้ว! สรุปคำสั่งที่ Donald Trump ลงนาม หลังคืนตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ">วันแรกก็ป่วนแล้ว! สรุปคำสั่งที่ Donald Trump ลงนาม หลังคืนตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Donald Trump ผนึกกำลัง OpenAI - Oracle - SoftBank ก่อตั้ง Stargate ยกระดับโครงสร้าง AI ในสหรัฐฯ

<h2>จากกระแสเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ทั่วโลกต่างพูดถึง และหลายๆ บริษัทชั้นนำจากหลายประเทศที่ให้ความสนใจและกลัวจะตกเทรนด์ได้หันมาให้ความสำคัญด้วยการเลือกใช้ระบบแชตบอต AI ของผู้บุกเบิกเจ้าดังอย่าง ChatGPT ของบริษัท OpenAI เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดมีตัวเลขผู้ใช้งานรายสัปดาห์สูงถึง 200 ล้านราย หลังจากเปิดตัวไปได้ไม่นานในระยะเวลาเกือบ 2 ปี </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท OpenAI เจ้าของแพลตฟอร์ม ChatGPT และ Search GPT ได้เผยข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ณ ปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน ChatGPT เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากจำนวนตัวเลขที่ได้รายงานไปเมื่อเดือน พ.ย. 2566 โดยขณะนี้มีจำนวนผู้ใช้ประจำมากกว่า 200 ล้านคนต่อสัปดาห์แล้ว ทั้งนี้ OpenAI ยังระบุด้วยว่า เหล่าบรรดาบริษัทที่ในติดอันดับใน Fortune 500 ได้เลือกใช้ ChatGPT สูงถึง 92% ขณะที่การใช้ API ที่ช่วยให้โปรแกรมซอฟต์แวร์สามารถสื่อสารกันได้ยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวนับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT-4o mini ไปเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ OpenAI ได้ทำการเปิดตัว ChatGPT ครั้งแรกในเดือนพ.ย. 2565 โดยภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือน สามารถดึงดูดให้มีผู้ใช้งานรายเดือนได้สูงถึง 100 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในบริการด้านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเพิ่มมากขึ้นเร็วที่สุดในโลก ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ ยังรายงานถึง GPT-4o mini ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดเล็ก ที่ OpenAI ผลิตออกมาว่า เทคโนโลยีตัวนี้มีราคาที่สามารถจับต้องได้และใช้พลังงานน้อยลงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นและยังส่งผลให้มูลค่าของ OpenAI พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ทาง The Wall Street Journal ยังมีรายงานล่าสุดด้วยว่า บริษัท OpenAI กำลังเนื้อหอม เพราะมีบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง&nbsp;Nvidia&nbsp;และ Apple กำลังเจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุนในแผนระดมทุนรอบล่าสุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานออกด้วยเช่นกันว่าทาง Thrive Capital จะเป็นผู้นำในการลงทุนครั้งนี้ และคาดว่าจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft เข้าร่วมด้วย ซึ่งการระดมทุนดังกล่าวน่าจะหนุนให้มูลค่าของบริษัท OpenAI กระโดดขึ้นไปเป็น 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว แปลและเรียบเรียงจากบทความ :&nbsp;<a href="https://www.reuters.com/technology/artificial-intelligence/openai-says-chatgpts-weekly-users-have-grown-200-million-2024-08-29/" alt="OpenAI says ChatGPT's weekly users have grown to 200 million">OpenAI says ChatGPT's weekly users have grown to 200 million</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/meta-ai-solutions-for-business" alt="Meta ชูโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ เสริมพลังเศรษฐกิจดิจิทัล ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย">Meta ชูโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจ เสริมพลังเศรษฐกิจดิจิทัล ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a><div> </div>

กระแสแชตบอต AI มาแรง ล่าสุด 'ChatGPT' มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์แตะ 200 ล้านราย

<h2>ในงาน Worldwide Developers Conference (WWDC) ประจำปี 2024 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา Apple ประกาศเปิดตัว Apple Intelligence ก้าวใหม่ผนึกกำลัง Siri และ ChatGPT</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังถูกมองว่าล้าหลังในสงครามพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ในที่สุด Apple ก็เผยกลยุทธ์สู้ศึก AI แล้วกับเทคโนโลยีใหม่ของแบรนด์อย่าง Apple Intelligence ผลงานจากความร่วมมือระหว่าง Apple และ OpenAI โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ทั้ง iPhone, iPad และ Mac ซึ่งจะมีการอัปเดตบนระบบปฏิบัติการ iOS18 ช่วงปลายปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า Apple ชื่นชมเครื่องมือ Generative AI ที่ปล่อยออกมาในท้องตลาดมากมายอยู่แล้ว แต่ทางบริษัทฯ ต้องการให้เครื่องมือเหล่านี้มีความเฉพาะตัวและมีความเป็นส่วนตัวด้วย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาจึงอยู่เหนือกว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) แต่เป็นปัญญาเฉพาะตัว (Personal Intelligence) ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถ สะท้อนค่านิยมของ Apple อย่างครบถ้วน และทรงพลังมากพอจะอำนวยความสะดวกต่างๆ แก่ผู้ใช้งาน&nbsp; &nbsp;&nbsp;“มันต้องฉลาดและใช้งานง่าย ทั้งยังต้องผสมผสานเข้ากับประสบการณ์ระหว่างผู้บริโภคกับสินค้าได้อย่างลึกซึ้ง” Tim Cook อธิบาย พร้อมเสริมว่า “สิ่งสำคัญที่สุด มันต้องเข้าใจคุณและรู้เรื่องส่วนตัวต่างๆ ของคุณอย่างดี เช่น กิจวัตรประจำวัน ความสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร และอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องสร้างขึ้นมาโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวตั้งแต่เริ่มเลย”&nbsp; &nbsp;&nbsp;การที่ Apple นำ Generative AI เข้ามาใช้นั้นยังจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแชทบอตอัจฉริยะ Siri ให้สามารถทำงานที่มีความเฉพาะเจาะจงและซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ รวมถึงเรียนรู้ความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนเพื่อสร้างการตอบสนองเฉพาะบุคคล ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปภาพได้ด้วย AI รวมถึงการดึงรูปและข้อมูลจากแอปพลิเคชันต่างๆ มาประมวลผลได้ในคราวเดียว&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งไฮไลต์คือการผนึกกำลังกันระหว่าง Siri และ ChatGPT ซึ่งทาง Apple ระบุว่า “Siri สามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ ChatGPT ในเรื่องที่ช่วยได้ และจะมีการถามผู้ใช้ก่อนจะส่งคำถามไปยัง ChatGPT รวมถึงเอกสารหรือรูปภาพใดๆ ก็ตาม จากนั้น Siri จึงจะแสดงคำตอบโดยตรง”&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มีหลายคนออกมาแสดงความกังวลเรื่องความปลอดภัย แม้ Tim Cook และ Apple จะเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวไปแล้วก็ตาม โดยกล่าวว่าฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับ AI จะมีเพียงบนตัวอุปกรณ์เท่านั้น ข้อมูลจะไม่ถูกส่งขึ้นไปบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/06/10/tech/apple-ai-next-big-thing/index.html" alt="Everything Apple announced at its big AI event">Everything Apple announced at its big AI event</a>​ ​<a href="https://www.aljazeera.com/news/2024/6/11/apple-unveils-long-awaited-ai-strategy-partnership-with-openai" alt="Apple unveils long-awaited AI strategy, partnership with OpenAI at WWDC">Apple unveils long-awaited AI strategy, partnership with OpenAI at WWDC</a>​ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/tokyo-dating-app-to-solve-marriage-problem" alt="โตเกียวเตรียมปล่อย ‘แอปฯ หาคู่’ แก้ปัญหาคนแต่งงานน้อย เด็กเกิดใหม่ลด">โตเกียวเตรียมปล่อย ‘แอปฯ หาคู่’ แก้ปัญหาคนแต่งงานน้อย เด็กเกิดใหม่ลด</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Apple ผนึกกำลัง OpenAI เปิดตัว Apple Intelligence เติมพลังอัจฉริยะให้ Siri

ดาบสองคมในมือ OpenAI เมื่อปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะเกินไปจนอาจเป็นภัยต่อมนุษย์

<h2>เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานว่า Elon Musk เจ้าพ่อ X และ Tesla ได้ทำการฟ้องร้อง Sam Altman ซีอีโอแห่ง OpenAI รวมถึงตัวบริษัทโดยกล่าวหาว่า พวกเขาละทิ้งจุดประสงค์ดั้งเดิมในการทำเพื่อมนุษยชาติ แล้วหันมาแสวงหาผลกำไรแทน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา OpenAI ต้องเผชิญกับคดีความต่างๆ มากมาย โดยมักเป็นประเด็นเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูลที่นำมาใช้ฝึกฝนแชทบอตอัจฉริยะ ChatGPT ทว่าล่าสุด Elon Musk ได้ฟ้องทั้ง Sam Altman และ OpenAI ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันที่จริง Musk ได้จับตามองสถานการณ์ของบริษัทพัฒนา AI รายนี้มาตั้งแต่เหตุการณ์ไล่ Sam Altman ออกและเรียกตัวเขากลับไปดำรงตำแหน่งซีอีโอเมื่อปลายปีที่แล้ว อ้างอิงจากคำร้องที่กล่าวว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;“สาธารณชนยังคงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเบื้องหลัง ‘กระบวนการปรึกษาหารือ’ ของบอร์ดบริหารที่มีมติให้ปลดคุณ Altman ออก อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เห็นได้แน่ชัดสำหรับคุณ Musk และสาธารณชนจำนวนมากคือ OpenAI ได้ละทิ้งเป้าหมายเดิมแล้วหันมาแสวงหาผลกำไรแทน”&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีการเอ่ยถึง Microsoft ถึง 68 ครั้ง โดยชี้ว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้มีอิทธิพลเหนือ OpenAI และในการจับมือเป็นพันธมิตรกันเมื่อเร็วๆ นี้นั้น แท้จริงแล้ว OpenAI ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการเป็นบริษัทย่อยของ Microsoft&nbsp; &nbsp;&nbsp;คำร้องเรียนยังระบุด้วยว่า “ภายใต้บอร์ดบริหารชุดใหม่” OpenAI กำลังพยายามสร้าง Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกว่า AI ธรรมดา “เพื่อเพิ่มกำไรมหาศาลให้แก่ Microsoft เหนือกว่าการทำเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ” Elon Musk ย้อนรำลึกอดีต&nbsp; &nbsp;&nbsp;หากมองย้อนกลับไปในอดีต Elon Musk ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เขาคือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังของการก่อตั้ง OpenAI เมื่อปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อวิจัยสร้าง AGI สำหรับมนุษยชาติ เขาเคยบอกว่าได้สนับสนุนเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่สตาร์ทอัพรายนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ณ เวลานั้น ทั้ง Musk และ Altman ต่างก็กังวลว่า Google ซึ่งตอนนั้นยังครองตำแหน่งผู้นำด้าน AI จะละเลยการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีดังกล่าว กระทั่งปี 2018 ด้วยความไม่ลงรอยกันเรื่องแนวทางการบริหาร กอปรกับความต้องการทุ่มเทให้ Tesla ทำให้ Musk ลาออกจากบอร์ดบริหาร OpenAI&nbsp; &nbsp;&nbsp;มหาเศรษฐีแห่ง Tesla เคยเผยที่มาที่ไปของสตาร์ทอัพ AI รายนี้ด้วยว่า “OpenAI ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นซอฟต์แวร์ที่ใครๆ ก็ใช้ได้ (Open Source) มาคานอำนาจกับ Google” ซึ่งก็คือเหตุผลที่เขาตั้งชื่อให้มันว่า ‘Open’ AI&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ตอนนี้พวกเขาได้กลายมาเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไรอย่างสุดโต่ง จำกัดสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และอยู่ภายใต้การควบคุมของ Microsoft ไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้เลยสักนิดเดียว” Musk กล่าว OpenAI โต้กลับข้อกล่าวหา&nbsp; &nbsp;&nbsp;ล่าสุด Jason Kwon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ OpenAI ได้ออกมาโต้ประเด็นที่ Musk บอกว่าพวกเขากลายเป็นบริษัทย่อยของ Microsoft ผ่านทางเอกสารภายในบริษัทพร้อมตอกกลับไปว่า ข้อกล่าวหานี้ “คงเกิดจากความเศร้าเสียใจของ Elon ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับบริษัทในวันนี้”&nbsp; &nbsp;&nbsp;“เป้าหมายของบริษัทคือการทำให้มั่นใจว่า AGI จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ” Kwon ยืนยันเพิ่มเติม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้าน Sam Altman ผู้เป็นซีอีโอแห่ง OpenAI เรียก Musk ว่าเป็นฮีโร่ของเขาในเอกสารอีกฉบับ และบอกว่าเขาคิดถึง Musk คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ในฐานะผู้ที่คอยหาหนทางแข่งขันกับคนอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในส่วนความคืบหน้าของคดี คงจะต้องจับตารอดูความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝั่งกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วจะลงเอยแบบใด แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/03/01/tech/elon-musk-lawsuit-openai-sam-altman/index.html" alt="Elon Musk sues OpenAI and CEO Sam Altman for breach of contract">Elon Musk sues OpenAI and CEO Sam Altman for breach of contract</a>​ ​<a href="https://time.com/6836815/the-key-issue-behind-elon-musks-lawsuit-against-openai/" alt="Why Elon Musk Is Suing OpenAI and Sam Altman">Why Elon Musk Is Suing OpenAI and Sam Altman</a>​ ​<a href="https://philanthropynewsdigest.org/news/elon-musk-expresses-discontent-over-openai-transition-to-for-profit" alt=" Elon Musk expresses discontent over OpenAI transition to for-profit">Elon Musk expresses discontent over OpenAI transition to for-profit</a>​ ​<a href="https://www.pymnts.com/artificial-intelligence-2/2024/openai-pushes-back-against-claims-in-musk-lawsuit/" alt="OpenAI Pushes Back Against Claims in Musk Lawsuit">OpenAI Pushes Back Against Claims in Musk Lawsuit</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/mark-zuckerberg-does-not-like-delegating-responsibility" alt="“ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน” วิถีแห่งผู้นำที่ Mark Zuckerberg ขอไม่เอาด้วย">“ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน” วิถีแห่งผู้นำที่ Mark Zuckerberg ขอไม่เอาด้วย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Elon Musk ฟ้อง OpenAI แสวงหากำไร ละทิ้งมนุษยชาติ

<h2>ปี 2021 สตาร์ทอัพปัญญาประดิษฐ์ OpenAI เปิดตัว DALL-E โมเดล Generative AI สำหรับสร้างภาพต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก ความอัจฉริยะและศักยภาพในการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดหรือ “พรอมพ์ (Prompt)” ที่ป้อนเข้าไปเป็นภาพใหม่ เรียกเสียงฮือฮาจากทั่วทั้งวงการเทคโนโลยี แต่นั่นคล้ายเป็นเพียงอารัมภบทเท่านั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ต่อมาในปี 2022 OpenAI ก็ประกาศศักดาด้วย ChatGPT แชทบอตเอไออัจฉริยะที่มาพร้อมความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง สามารถวิเคราะห์ แนะนำ หรือกระทั่งพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ราวกับผู้เชี่ยวชาญ แม้จะยังคงมีข้อบกพร่องหลายประการ ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการมาถึง ChatGPT เป็นเสมือนการลั่นกลองศึกแห่งสมรภูมิเอไอ เพราะหลังจากนั้นบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างก็ออกมาเคลื่อนไหวกันแทบจะในทันที ไม่ว่าจะในฐานะพาร์ทเนอร์หรือคู่แข่ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับปี 2024 นี้ OpenAI ก็ยังไม่แผ่ว โดยทำการเปิดตัว Sora โมเดลเอไอสำหรับสร้างวิดีโอซึ่งมีทั้งความ “เสมือนจริง” และ “เปี่ยมด้วยจินตนาการ” จากพรอมพ์สั้นๆ เท่านั้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;จากข้อมูลบนบล็อกของทางบริษัทที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Sora สามารถสร้างสรรค์วิดีโอความยาวสูงสุด 60 วินาทีจากการป้อนคำเข้าไป โดยผลลัพธ์ที่ได้คือวิดีโอที่มีทั้งตัวละคร การเคลื่อนไหว และฉากพร้อมรายละเอียด&nbsp; &nbsp;&nbsp;ข้อความบนบล็อกอธิบายว่า “โมเดลนี้ไม่ได้เข้าใจเพียงสิ่งที่ผู้ใช้ร้องขอจากพรอมพ์เท่านั้น แต่ยังรู้ว่าสิ่งใดควรปรากฏในโลกทางกายภาพอีกด้วย” ซึ่งเป้าหมายในการฝึกฝนโมเดลนี้ก็เพื่อให้มันสามารถ “ช่วยเหลือผู้คนแก้ปัญหาที่จำเป็นต้องมีการปฏิสัมพันธ์ในโลกจริง”&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แม้ว่าโมเดลที่สามารถเข้าใจข้อมูลหลายประเภท (Multi-Modal Model) จะไม่ใช่เรื่องใหม่ และโมเดลที่สร้างวิดีโอจากคำจะมีมาก่อนแล้ว แต่ข้อแตกต่างของเจ้าสิ่งนี้คือความยาวและความแม่นยำที่ OpenAI เผยว่า Sora มีพร้อม” Reece Hayden นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทวิจัยตลาด ABI Research กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;Hayden ยังคาดการณ์ว่าโมเดลเอไอประเภทนี้อาจสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตลาดบันเทิงดิจิทัล แม้ตอนนี้พวกมันจะยังคงมีข้อจำกัดอยู่ก็ตาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ยกตัวอย่างเช่น วิดีโอเมืองโตเกียวในฤดูหนาวที่มีหิมะ แต่ขณะเดียวกันซากุระก็ผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่ง กลีบดอกไม้ปลิดปลิวไปพร้อมกับละอองหิมะ ตัวละครสองตัวเดินจับมือกันบนทางเดินที่ด้านหนึ่งเป็นถนน และอีกด้านเป็นร้านค้า มีตัวประกอบพร้อมสรรพ ฉากอันงดงามนี้เกิดขึ้นจากพลังของ Sora<div class="se-component se-video-container __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="width: 75%; height: 56.25%; padding-bottom: 42.19%; margin: auto;"><video controls="true" src="https://cdn.openai.com/sora/videos/tokyo-in-the-snow.mp4" data-proportion="true" data-align="center" data-percentage="75,56.25%" data-size="75%,56.25%" data-file-name="tokyo-in-the-snow.mp4" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0"></video></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;กระนั้นหากพิจารณาดีๆ จะพบข้อบกพร่องหลายประการ ไม่ว่าจะใบหน้าของคนที่ไม่สมบูรณ์ มิติของสิ่งของที่ดูแปลกประหลาด หรือสุดปลายทางเดินที่กลับตันเอาเสียดื้อๆ ตลอดจนรายละเอียดมากมายซึ่งยังคงผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง&nbsp; &nbsp;&nbsp;OpenAI ยอมรับว่า Sora ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพัฒนาและมีจุดอ่อนหลายประการที่ต้องปรับปรุงแก้ไข แต่ศักยภาพของ Sora ณ ปัจจุบันก็ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย นอกจากภาพเหมือนจริงราวกับภาพยนตร์แล้ว Sora ยังสามารถสร้างแอนิเมชันสามมิติได้ ซึ่งเมื่อดูเผินๆ ก็ชวนให้นึกถึงผลงานของสตูดิโอดังอย่าง Pixar&nbsp; &nbsp;&nbsp;“Sora เรียนรู้เกี่ยวกับเรขาคณิตสามมิติและความต่อเนื่อง” Tim Brooks หนึ่งในนักวิจัยวิทยาศาสตร์ประจำโปรเจ็กต์อธิบาย “เรายังไม่ได้เสริมตรงส่วนนี้เลย มันตกผลึกได้เองจากการรับข้อมูลมากมายเข้าไป”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ข้อมูล คืออาหารสำหรับการฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ แต่ข้อมูลก็คือหนึ่งในเหตุผลที่หลายคนยังกังขาในเทคโนโลยีนี้เช่นกัน มีการตั้งคำถามว่าเนื้อหาหรือวิดีโอที่ Sora ผลิตออกมามีการละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานของผู้อื่นหรือไม่&nbsp; &nbsp;&nbsp;Bill Peebles อีกหนึ่งสมาชิกโปรเจ็กต์บอกว่า “ข้อมูลสำหรับฝึกฝนมาจากคอนเทนต์ที่พวกเราซื้อลิขสิทธิ์แล้ว และคอนเทนต์ที่เผยแพร่เป็นสาธารณะ”&nbsp; &nbsp;&nbsp;แต่นั่นไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า มีการฟ้องร้อง OpenAI มากมายหลายคดีในประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ ก่อให้เกิดคำถามว่าคอนเทนต์มีลิขสิทธิ์ “ที่เผยแพร่เป็นสาธารณะ” ถือว่าชอบธรรมสำหรับนำมาใช้ฝึกฝนเอไอไหม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ไหนจะยังกฎกติกาต่างๆ ที่ผู้คนคาดหวังว่าจะออกมาคล้ายกับกรณีของโมเดลสร้างภาพอย่าง DALL-E 3 อันได้แก่ ห้ามมีความรุนแรง ห้ามลามกอนาจาร ห้ามนำคนจริงมาใช้ และห้ามลอกเลียนสไตล์ของศิลปินคนใด ตลอดจนเรื่องของความปลอดภัยที่ OpenAI ยกให้เป็นประเด็นสำคัญเทียบเท่ากับความซื่อสัตย์โปร่งใส&nbsp; &nbsp;&nbsp;OpenAI เผยว่า Sora จะได้รับการทดสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อหาจุดอ่อน ข้อบกพร่อง และความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลเท็จที่อาจเกิดขึ้น ทางทีมงานจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่สังคมภายนอกก็ต้องเปิดใจยอมรับและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน แหล่งที่มา:​<a href="https://openai.com/sora" alt="OpenAI: Creating video from text">OpenAI: Creating video from text</a>​ ​<a href="https://edition.cnn.com/2024/02/15/tech/openai-text-to-video-sora/index.html" alt="OpenAI will now let you create videos from verbal cues">OpenAI will now let you create videos from verbal cues</a>​ ​<a href="https://www.wired.com/story/openai-sora-generative-ai-video/" alt="OpenAI’s Sora Turns AI Prompts Into Photorealistic Videos">OpenAI’s Sora Turns AI Prompts Into Photorealistic Videos</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/nvidia-surpass-amazon-in-market-capitalization" alt="Nvidia คว้าอันดับ 4 บริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลก อานิสงส์ AI มาแรง ดันดีมานด์ชิปเติบโตมหาศาล">Nvidia คว้าอันดับ 4 บริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลก อานิสงส์ AI มาแรง ดันดีมานด์ชิปเติบโตมหาศาล</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OpenAI เปิดตัว “Sora” AI ใหม่สร้างวิดีโอจากการป้อนคำ 

Sam Altman อีกด้านของอัจฉริยะ เมื่อความกังขาในภาวะผู้นำสะเทือน OpenAI

<h2>นักเขียนอาชีพนับพันคนร่วมกันเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ในการนำผลงานของพวกเขาป้อนเป็นข้อมูลให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นประเด็นร้อนว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาล่าสุดที่ส่งผลต่อการพัฒนา AI </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักเขียนกว่า 8,000 คนที่ออกมาส่งเสียงในครั้งนี้มีคนดังระดับโลกรวมอยู่ด้วยมากมาย เช่น Margaret Atwood, Dan Brown, Michael Chabon, Jonathan Franzen, James Patterson, Jodi Picoult และ Philip Pullman เป็นต้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในจดหมายเปิดผนึกที่พวกเขาลงนามร่วมกันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเผยแพร่ทาง Authors Guild องค์กรเก่าแก่ที่สนับสนุนนักเขียนของประเทศสหรัฐอเมริกา บรรดานักเขียนกล่าวโทษบริษัท AI ทั้งหลายว่าแสวงหาผลกำไรจากผลงานของพวกเขาโดยมิชอบ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หนังสือ บทความ เรียงความ และกวีนิพนธ์หลายล้านเรื่องซึ่งกลายมาเป็นเสมือนอาหารสำหรับระบบ AI มื้อใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านี้ไม่เคยมีการเสียค่าใช้จ่าย” ข้อความในจดหมายว่าไว้ “พวกคุณทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ พัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่งจะชอบธรรมก็ต่อเมื่อคุณชดเชยการที่นำงานเขียนของเราไปใช้เท่านั้น หากปราศจากข้อมูลจากเรา AI ก็จะเป็นแค่สิ่งน่าเบื่อและเต็มไปด้วยข้อจำกัด” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หัวจดหมายระบุชื่อผู้รับถึงกลุ่มซีอีโอจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ไม่ว่าจะ OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT, บริษัทแม่ของ Facebook อย่าง Meta, Google, Stability AI, IBM และ Microsoft บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ตอบสนองข้อเรียกร้องให้แสดงความคิดเห็นในทันที โดย Meta, Microsoft และ Stability AI ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/zbgRSY4gpHPuUgxTrSov.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zbgRSY4gpHPuUgxTrSov.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="960,540" style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div>Margaret Atwood ผู้เขียนหนังสือ The Handmaids Tale &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้เล่นจำนวนมากในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ณ เวลานี้กำลังดำเนินการพัฒนาเครื่องมือ AI ซึ่งสามารถสร้างรูปภาพและเขียนงานออกมาตอบสนองข้อความที่ผู้ใช้งานป้อนเข้าไป &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องมือเหล่านี้ถูกสร้างโดยใช้โมเดลทางภาษาจำนวนมากที่ผ่านการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลมหาศาลบนโลกออนไลน์ แต่เมื่อเร็วๆ นี้เริ่มมีแรงกดดันต่อบริษัทเทคโนโลยีด้วยข้อกล่าวหาว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญหาในกระบวนการพัฒนา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนกรกฎาคม 2023 ดาวตลกหญิงชื่อดัง Sarah Silverman และนักเขียนอีกสองรายได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Meta ว่าด้วยลิขสิทธิ์ โดย OpenAI ไม่ได้ออกมากล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีการรวมตัวกันฟ้องร้อง Google จากการ “ขโมยทุกสิ่งที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนสร้างสรรค์ขึ้นและแบ่งปันกันบนอินเทอร์เน็ต” ซึ่งรวมถึงเนื้อหามีลิขสิทธิ์ Google แย้งกว่าข้อกล่าวหานี้ “ไม่มีมูลความจริง” ทั้งยังกล่าวว่าพวกเขาแสดงออกชัดเจนมาตลอดหลายปีแล้วว่าใช้ข้อมูลสาธารณะในการฝึกฝนอัลกอริทึม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากการเรียกร้องค่าชดเชย “สำหรับการใช้งานของเราพัฒนาโปรแกรม Generative AI ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน” นักเขียนจำนวนหลายพันคนที่ได้ร่วมลงนามจดหมายฉบับนี้ต้องการให้บริษัท AI ขออนุญาตก่อนใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พวกเขายังผลักดันให้บริษัทจ่ายเงินแก่นักเขียนเมื่องานของพวกเขาปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จาก Generative AI “ไม่ว่าผลลัพธ์นั้นจะละเมิดกฎหมายในตอนนี้หรือไม่ก็ตาม” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จดหมายดังกล่าวมีการอ้างถึงกรณีการพิจารณาคดี Warhol v Goldsmith ของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าศิลปินดัง Andy Warhol ละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่ายนักร้องดัง Prince ผู้ล่วงลับของ Lynn Goldsmith ในการสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางศาลตัดสินว่า Warhol ไม่ได้ “ปรับเปลี่ยน” รูปถ่ายที่เป็นประเด็นมากพอจะหลบเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การใช้งานเพื่อแสวงหากำไรจำนวนมากของพวกคุณนั้นผิดหลักการใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม (Fair Use)” บรรดานักเขียนกล่าวถึงบริษัท AI ในจดหมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/jHc1zVRAhTBMaMdfwes1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jHc1zVRAhTBMaMdfwes1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="959,639" style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div>Sam Altman ในงานประชุมที่ทำเนียบขาว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนพฤษภาคม Sam Altman ซีอีโอแห่ง OpenAI เหมือนจะยอมรับว่ายังมีสิ่งที่จำเป็นต้องทำอีกมากเพื่อคลายความวิตกกังวลจากนักสร้างสรรค์ทั้งหลายเกี่ยวกับการที่ AI นำผลงานของพวกเขามาใช้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรากำลังสร้างโมเดลแบบใหม่ที่ว่าหากระแบบ AI ใช้งานของคุณ หรือไม่ก็ใช้สไตล์ของคุณ คุณจะได้รับเงินจากตรงนั้นด้วย” เขากล่าว ณ งานประชุม AI ที่ทำเนียบขาว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แปลและเรียบเรียงจากบทความ Thousands of authors demand payment from AI companies for use of copyrighted works ซึ่งเผยแพร่บน cnn.com &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/insights/commentaries/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88-regional-hub" alt="เร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Regional Hub">เร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Regional Hub</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

นักเขียนอเมริกันรวมตัวร้องเรียน AI ละเมิดลิขสิทธิ์

GenAI จะยกระดับชั้นเชิงของผู้โจมตีอย่างแน่นอน แล้วคุณจะตอบสนองอย่างไร?

ยุคแห่ง AI มาถึงแล้ว

<h2>ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ หรือ CIO เป็นตำแหน่งสำคัญของแต่ละบริษัทที่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล พวกเขานำเอาเทคโนโลยีมาใช้เป็นหัวใจสำคัญในทุกๆ เป้าหมายธุรกิจ ไม่ว่าจะเก็บข้อมูล ดูแลรักษาความปลอดภัย สร้างระบบ และขจัดภัยคุกคาม กระทั่งสร้างสรรค์นวัตกรรม ปรับเปลี่ยน กระตุ้นศักยภาพ และช่วยเหลือด้านกลยุทธ์ต่างๆ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes จึงได้รวบรวมรายชื่อเหล่าผู้นำด้านเทคโนยีคนสำคัญมาจัดทำ Forbes CIO Next เป็นปีที่ 3 ซึ่งไม่ใช่การจัดอันดับ แต่แนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับบุคคลอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ สำหรับบางคนที่คัดเลือกมาอาจไม่ได้ดำรงตำแหน่ง CIO แต่มีการทำงานและความรับผิดชอบในส่วนที่มีความใกล้เคียงกัน เพราะในปัจจุบันที่ทุกๆ อย่างเชื่อมโยงถึงกันและผลิตภัณฑ์คือแพลตฟอร์ม เส้นแบ่งระหว่าง CTO และ CIO ก็เลือนรางลงไปด้วย ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/U2b9iW8DUrGxZwagsKG2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="U2b9iW8DUrGxZwagsKG2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="200px,200px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1080,1080" style="width: 200px; height: 200px;" data-index="0"></figure></div>Marco Argenti ตำแหน่ง: CIO บริษัท: Goldman Sachs&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Argenti เข้าร่วม Goldman Sachs ในปี 2019 ภายหลังดำรงตำแหน่งรองประธานด้านเทคโนโลยีที่ Amazon Web Services เป็นเวลาเก้าปี ประสบการณ์นั้นช่วยให้วิศวกรเชื้อชาติอิตาเลียนผู้นี้เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) จากการทำงานสนับสนุนมาเป็นบริการภายนอก (External Service) กล่าวคือธนาคาร Goldman Sachs ให้บริการคลาวด์ด้านการเงินโดยอนุญาตให้ลูกค้าเข้าถึงอุปกรณ์ในการดำเนินการจัดการทรัพย์สินและปรับเปลี่ยนเงินทุนหมุนเวียนให้เหมาะสม คล้ายกับที่ AWS ให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการด้านไอทีบนคลาวด์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญคือการเปิดตัวแพลตฟอร์มที่สร้างกรรมสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินต่างๆ เป็นทรัพย์สินดิจิทัลซึ่งช่วยเบิกทางให้เหล่าผู้เล่นในตลาดรับเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการออกตราสารทางการเงินในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เขายังรับเอารูปแบบการทำงานที่ให้ผู้พัฒนาได้มีส่วนร่วมมาใช้ โดย Argenti นำวิธีการคิดเชิงธุรกิจมาปลูกฝังให้ทีมวิศกรกว่า 12,000 คนรวมถึงยังชี้ให้บริษัทตระหนักถึงความเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/B7yHEg4eKaBBwU86pXpH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="B7yHEg4eKaBBwU86pXpH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="200px,200px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1080,1080" style="width: 200px; height: 200px;" data-index="1"></figure></div>Michelle Greene ตำแหน่ง: CIO บริษัท: Cardinal Health &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโดยเพิ่มนัดหมายบริการด้านการแพทย์ทางไกลทำให้หลายบริษัทในธุรกิจบริการด้านสุขภาพต้องทบทวนการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ Cardinal Health บริษัทบริการด้านสุขภาพที่มีรายรับในปีงบประมาณ 2022 ประมาณ 1.8 แสนล้านเหรียญ Greene ให้ความสนใจการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้งระบบการทำงานภายในและภายนอก เธอกับทีมงานหาหนทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าซัพพลายเออร์ พนักงาน และคนไข้ เช่น Decision Path ระบบบันทึกสุขภาพอิเล็กทรอนิกและตรวจสอบค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ซึ่งให้ราคาตามจริงแก่เหล่าคนไข้ที่มีการนัดหมายเข้ามารับบริการ นอกจากนี้เธอยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริษัทโดยการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปและสรรหาบุคคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เธอยังมีส่วนร่วมในทีมผู้นำของ Women s Impact Network องค์กรการกุศลเพื่อสนับสนุนพลังสตรีและ BOLD กลุ่มอาสาสมัครที่รวมเอาพนักงานผิวดำและชาวแอฟริกันอเมริกันใน Cardinal Health เป็นสมาชิก Greene ยังมีความมั่นใจในการให้ความสำคัญกับการสร้างการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทไปนานๆ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/n8sV36krwRWYwz2DG32z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="n8sV36krwRWYwz2DG32z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="200px,200px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1080,1080" style="width: 200px; height: 200px;" data-index="2"></figure></div>Alisa Choong ตำแหน่ง: CIO บริษัท: Shell&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฐานะ CIO ของบริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ Choong ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านเทคโนโลยี เธอก่อตั้งกลุ่มเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความยั่งยืนร่วมกับเหล่าคู่ค้าและซัพพลายเออร์เพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เหลือศูนย์จากซัพพลายเชนภายในปี 2030&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน เธอได้นำระบบคอมพิวติ้งสมรรถนะสูงมาปรับใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด โดยเธอและทีมต้องดูแลเหตุการณ์และการแจ้งเตือนกว่า 4 ล้านล้านครั้งต่อปี สร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์และบรรเทาความเสี่ยงของปัญหาสำคัญลำดับต้นๆ ที่พวกเขากำลังพยายามแก้ไข&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เหนือสิ่งอื่นใดคือการทิศทางการทำงานที่เกี่ยวกับการบุกเบิกเทคโนโลยีแบบจำลองเสมือนโดยนำ AI, IoT และ Machine Learning มาใช้เพื่อป้อนข้อมูลจากเซนเซอร์ไปยังแบบจำลองเสมือนซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์ปัญหาและทางออกในการเพิ่มศักยภาพการทำงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp; ด้านการบริหารจัดการการทำงาน Choong เชื่อว่าหนทางเดียวที่จะเพิ่มศักยภาพของทีมและบริษัทได้คือ ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม เธอสร้างความสมดุลทางเพศในทีมผู้นำของเธอเอง รวมถึงมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ในระดับที่ลดหลั่นลงไป เธอยังให้ความสำคัญสูงสุดกับเทคโนโลยีและกลยุทธ์ต่างๆ ในการทำให้พนักงานที่พิการสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้มากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/aK7QMvbfDgDhUdJ5M1GS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="aK7QMvbfDgDhUdJ5M1GS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="200px,200px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1080,1080" style="width: 200px; height: 200px;" data-index="3"></figure></div>Mira Murati ตำแหน่ง: CTO บริษัท: OpenAI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับเป็นปีที่ดีสำหรับประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีแห่ง OpenAI บริษัทของเธอสั่นคลอนโลกใบนี้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาหลังเปิดตัว ChatGPT แชทบอท AI ที่สามารถเขียนบทกวี โค้ดโปรแกรม และคำตอบอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับข้อสอบระดับมหาวิทยาลัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในสองเดือนก็มีผู้ใช้งานถึง 100 ล้านราย กลายมาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าที่เติบโตเร็วมากแอปฯ หนึ่งในประวัติศาสตร์ (Dall-E ที่เป็น AI สร้างรูปภาพก็เช่นเดียวกัน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หญิงสาวเชื้อชาติอัลบาเนียนผู้นี้ เคยร่วมทำงานพัฒนาซอฟต์แวร์ AI ให้ Tesla และปรับแต่งระบบเสมือนจริงให้กับ Leap Motion และเธอยังตระหนักถึงความอันตรายของสิ่งที่เธอสร้างขึ้นดีจึงใช้อิทธิพลของตนเองในการเรียกร้องกฎระเบียบและความรับผิดชอบด้าน AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เธอยังได้เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Unlearn ซึ่งกำลังพยายามใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการลองผิดลองถูกในวงการแพทย์ ดังเช่นที่ ซีอีโอ ของ Unlearn ทวีตว่า “Mira แสดงให้เห็นว่าเธอรู้เกี่ยวกับการสร้างและการขายผลิตภัณฑ์ที่มีรากฐานจาก AI มากกว่าใครอื่นทั้งหมด”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/NLSyGPkQyoh7KpVT8Rpx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="NLSyGPkQyoh7KpVT8Rpx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="200px,200px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1080,1080" style="width: 200px; height: 200px;" data-index="4"></figure></div>Werner Vogels ตำแหน่ง: CTO บริษัท: Amazon&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณคือแพลตฟอร์ม การเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีจึงมีความหมายแตกต่างออกไป ยิ่งเมื่อ Vogels คือหนึ่งในกำลังสำคัญเบื้องหลังการผลักดัน Amazon สู่คลาวด์คอมพิวติ้งเขาจึงเป็นหัวหอกด้านวิสัยทัศน์และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ยึดเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเป็นกระบอกเสียงให้ Amazon บ่อยๆ เมื่อมีเทรนด์หรือเทคโนโลยีที่เข้ามาปฏิรูปธุรกิจ และยังมีอิทธิพลในการควบคุมบทสนทนาทั้งภายใน Amazon และภายนอกเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ มาแก้ปัญหาทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ และจากรายการ Now Go Build ที่เขาเป็นผู้ดำเนินไปจนการคาดการณ์เทคโนโลยีประจำปี Vogels ใช้อิทธิพลของตนในการเป็นสุดยอดแห่งพลังความเปลี่ยนแปลงในวงการไอที แปลและเรียบเรียงโดย พรรณราย ดวงดีเด่น จากบทความ&nbsp;The Forbes CIO Next List: 2023&nbsp; ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com​ <hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

5 "CIO" ทรงอิทธิพลประจำปี 2023

<h2>บริษัท Microsoft เตรียมทุ่มเงิน 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ กับ OpenAI บริษัทแม่เจ้าของแอปพลิเคชันแชตบอตอัจฉริยะ ChatGPT ส่งผลให้มูลค่าบริษัทเพิ่มสูงขึ้นแตะ 2.9 หมื่นล้านเหรียญ คาดหลังการตกลงเจรจาแล้วเสร็จ Microsoft จะถือครองหุ้นมากสุด 49%&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Microsoft และ OpenAI&nbsp; กำลังเป็นที่กล่าวถึงในกระแสโซเชียลเป็นอย่างมากสำหรับการตกลงเจรจาร่วมระดมทุนในแอปพลิเคชันแชตบอตชื่อดัง ChatGPT โดยการเจรจาหารือเกี่ยวกับข้อตกลงในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ Micrisoft บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องการผนึกกำลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อช่วงชิงพื้นที่ในตลาดเทคโนโลยีกลับคืนหลังถูกรุกล้ำจากคู่แข่งอย่าง Google มายาวนาน ซึ่งคาดว่าการระดมทุนรอบล่าสุดนี้รวมกับการระดมทุนที่ผ่านมาจะส่งผลให้บริษัท OpenAI มีมูลค่าสูงถึง 2.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานของเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ Semafor เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้อ้างถึงแหล่งข่าววงในที่ทราบข้อมูลการเจรจาดังกล่าวว่า ขณะนี้ทาง Microsoft ได้ตกลงเจรจาเพื่อลงทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญกับทางบริษัท OpenAI เจ้าของแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ชื่อดังอย่าง ChatGPT ไปแล้วเรียบร้อย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หากการเจรจาสัดส่วนการถือหุ้นบรรลุข้อตกลงน่าจะมีผลให้ Microsoft กลายเป็นผู้มีสัดส่วนในการถือครองหุ้นมากที่สุดถึง 49% ขณะที่นักลงทุนรายอื่นๆ มีสัดส่วน 49% และ OpenAI ถือครองหุ้นเพียง 2%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านสำนักข่าว Bloomberg ยังรายงานข้อมูลตรงกับ&nbsp;Semafor เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า Microsoft ได้หารือถึงการลงทุนที่สูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญใน OpenAI ที่จะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าสูงราว 2.9 ล้านเหรียญตามไปด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันโฆษกของบริษัท Microsoft ได้แถลงการณ์ผ่านทางอีเมลว่า บริษัทไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการเก็งกำไรแต่อย่างใด ด้านบริษัท&nbsp;OpenAI ยังได้ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามจากทาง Forbes ด้วยเช่นกัน&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/LB2Dz2ZXW7aBtx1ACBwz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LB2Dz2ZXW7aBtx1ACBwz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ OpenAI ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันแชตบอต ChatGPT สู่สาธารณะโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนับตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา โดยโปรแกรมดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากต่างประทับใจกับการจำลองคำพูดของมนุษย์จากระบบ AI อัจฉริยะ ซึ่งทาง Microsoft เองได้ลงทุน 1 พันล้านเหรียญใน OpenAI มาตั้งแต่ปี 2019 และยังกลายเป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์แต่เพียงผู้เดียวของสตาร์ทอัพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า Microsoft วางแผนที่จะรวม ChatGPT เข้ากับเครื่องมือ search engine ของบริษัทตัวเองอย่าง Bing จึงเป็นผลให้ผู้บริหารของ Google กระตุ้นทีมงานให้รีบเร่งพัฒนาระบบ AI ของตนเองทิ้งห่างจากคู่แข่งตามไปด้วย โดย Microsoft และ OpenAI ต่างใช้เวลาในการเจรจาหารือกันเป็นระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับการระดมทุนและเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อมูลการรายงานของสำนักข่าว Bloomberg และ The Wall Street Journal ที่รายงานข้อมูลไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึงกรณีที่ OpenAI กำลังจะปิดเจรจาการขายหุ้นมูลค่า 2.9 หมื่นล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม บันทึกการรายงานข้อมูลส่งถึงลูกค้าล่าสุดของ Justin Post และ Joanna Zhao สองนักวิเคราะห์จาก Bank of America เมื่อวันอังคารที่ผ่านมายังชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของแชตบอต ChatGPT ถือเป็นหนึ่งในห้าความเสี่ยงที่ต้องจับตามากที่สุดต่อสถานการณ์หุ้นของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ในปี 2023&nbsp; แปลและเรียบเรียงจากบทความ Microsoft Reportedly Closing In On $10 Billion Investment Into ChatGPT Creator OpenAI&nbsp;เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/david-berns-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-paul-kim-%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-simplify" alt="ทำเงินจากความเสี่ยงฉบับ &quot;David Berns&quot; และ &quot;Paul Kim&quot; หัวกะทิแห่ง Simplify">ทำเงินจากความเสี่ยงฉบับ "David Berns" และ "Paul Kim" หัวกะทิแห่ง Simplify</a>​<hr class="__se__solid">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine?mibextid=LQQJ4d" alt="Forbes Thailand Magazine">Forbes Thailand Magazine</a>​

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events