ปี 2026 ‘ไปรษณีย์ไทย’ ก้าวสู่ดิจิทัล ลุยทำ Super App จัดการจุดรับของได้ ให้ใช้ ChatGPT ติดตามพัสดุได้

ปี 2026 ‘ไปรษณีย์ไทย’ ก้าวสู่ดิจิทัล ลุยทำ Super App จัดการจุดรับของได้ ให้ใช้ ChatGPT ติดตามพัสดุได้

แม้การแข่งขันในวงการขนส่งพัสดุจะลดความดุเดือดลงมาบ้าง แต่ก็ยังร้อนแรง พี่ใหญ่ในวงการอย่าง ‘ไปรษณีย์ไทย’ ปรับตัวสู้ในสมรภูมิใหม่นี้มาต่อเนื่องหลายปี หนึ่งในสิ่งที่เห็นคือการพยายามพัฒนาด้าน ‘เทคโนโลยี’ มากขึ้น ที่น่าสนใจคือในปีหน้าน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เราจะได้เห็นการลงทุนด้านเทคฯ ของไปรษณีย์ไทยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว Super App และเป็นองค์กรที่นำ AI มาใช้ในหลายๆ อย่าง


    ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.- ก.ย.) ไปรษณีย์ไทยทำรายได้รวม 16,860.73 ล้านบาท

    โดยธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดมาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่สร้างรายได้กว่า 7,990.28 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตโดดเด่นสูงถึง 47.39% ของรายได้ทั้งหมด ขยายตัว 8.42% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในหลายอุตสาหกรรม เช่น ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์

    ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากกลุ่มบริการขนส่งที่เป็นรายได้หลักแล้ว การให้บริการในด้านอื่นๆ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ผู้คน รวมถึงการอำนวยความสะดวกการดำเนินธุรกิจก็มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Travel Lite ที่เป็นบริการขนส่งสัมภาระ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้เติบโตจากปี 2567 มากถึง 551% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในด้านศักยภาพขนส่งและเครือข่าย รวมถึงเป็นกลไกที่สะท้อนว่าบริการนี้จะช่วยส่งเสริมมิติด้านการท่องเที่ยวให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์


    ขณะที่บริการค้าปลีกและการเงิน ทำรายได้เติบโตขึ้นจากเดิม 14.33% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของฐานลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ และความสามารถของไปรษณีย์ไทยในการผสานบริการออฟไลน์-ออนไลน์ให้สะดวกขึ้นจนกลายเป็นช่องทางซื้อขายที่ผู้บริโภคเชื่อถือได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    โดยมีการขยายแพลตฟอร์มชำระเงินและบริการตัวแทนทางการเงินให้ครอบคลุมและทันสมัยมากขึ้น ทั้งระบบ e-Payment การชำระ COD ผ่านปลายทาง ไปจนถึงการพัฒนาการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มชำระเงินระดับสากล ทำให้ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเป็นกลไกสำคัญในบริการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการเชิงกลยุทธ์ของไปรษณีย์ไทย โดยตั้งแต่ปี 2567–2568 ปริมาณงานในภาพรวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการไทยที่สามารถใช้เครือข่ายไปรษณีย์ไทยในการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะบริการ EMS ที่ทำรายได้สูงสุดคิดเป็น 33.99% ของรายได้บริการส่งต่างประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อช่วยยกระดับระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศท่ามกลางภาวะการส่งออกที่ยังคงผันผวน

    “ผลการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทย 9 เดือนแรกยังถือว่าโอเค อันที่จริงน่าจะไปได้มากกว่านี้ แต่เนื่องจากนโยบายภาษีต่างประเทศ ทำให้รายได้ต่างประเทศของเราลดลง โดยกระทบกับสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% หรือราว 200 ล้านบาท แต่ภาพรวมเติบโต 7% หมายความว่าเราสามารถชดเชยด้วยธุรกิจอื่นได้”



    ในปี 2569 ไปรษณีย์ไทยจึงยังคงมุ่งเสริมมาตรฐานบริการข้ามแดนให้เทียบเท่าสากล ขยายความร่วมมือโลจิสติกส์กับปลายทางสำคัญทั่วโลก เพื่อให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME และผู้ค้าออนไลน์ สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนที่แข่งขันได้จริง ให้บริการขนส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) สำหรับผู้ขายสินค้าบนเว็บไซต์ Amazon.com

    โดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่เป็นผู้รับรวบรวมสินค้าจากผู้ขายสินค้าของ Amazon พร้อมขนส่งสินค้าจากประเทศไทย ดำเนินพิธีการศุลกากรและนำส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA ของสหรัฐอเมริกา เพื่อกระจายสินค้าไปสู่ตลาด

    ตลอดจนใช้เครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 205 ปลายทางในการส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ SME และสินค้านวัตกรรม พร้อมให้บริการแบบ End-to-End ตั้งแต่ให้คำปรึกษาการส่งออก จัดทำเอกสารศุลกากร การจัดเก็บและแพ็กกิ้งตามมาตรฐานสากล ไปจนถึงการเลือกบริการขนส่งที่เหมาะสม เช่น EMS World, ePacket พร้อมบริการหลังการขายเพื่อสร้างความมั่นใจตลอดเส้นทาง

    ดร.ดนันท์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายปีนี้และในปี 2569 Sustainnovation เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญขององค์กร ที่จะนำความยั่งยืนมาสู่การเติบโตในระยะยาว โดยเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาโครงสร้างธุรกิจอย่างรอบด้าน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานบริการ การออกแบบระบบหลังบ้าน และการสร้างพอร์ตธุรกิจใหม่ที่ตอบรับเศรษฐกิจดิจิทัล

    โดยโมเดลนี้ยังสะท้อนทิศทางขององค์กรยุคใหม่ทั่วโลกที่ไมได้มุ่งสร้างการเติบโต เพียงด้านรายได้ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ธุรกิจ และระบบขนส่งของประเทศให้ทันกับพฤติกรรมยุคดิจิทัล ทั้งยังเป็นก้าวสำคัญในการวางตำแหน่งไปรษณีย์ไทยสู่การเป็น Tech Post อย่างเต็มรูปแบบ โดยวางโซลูชันหลักเพื่อตอบรับกับยุทธศาสตร์นี้คือ

    • การขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI โดยปัจจุบันมีการศึกษาและทดลองการนำ AI มาใช้ทั้งการวางแผนเส้นทางนำจ่ายที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดข้อผิดพลาด ลดเวลาในการทำงาน และประหยัดพลังงานที่ใช้ในการนำจ่าย การบริหารจัดการคลังสินค้าที่จะมีการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้า เพื่อจัดการสต็อกสินค้าในคลังได้อย่างแม่นยำ

    โดยมีการพัฒนาให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามพัสดุผ่านแอปพลิเคชั่น AI อื่นๆ เช่น ChatGPT ได้ ซึ่งปัจจุบันทำได้แล้วโดยต้องมีการสร้างเอเจนต์ Thailand Post บน ChatGPT และในระยะถัดไปจะสามารถติดตามพัสดุบน Gemini ได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ยังการพัฒนา Chatbot และระบบตอบรับอัจฉริยะเพื่อให้บริการข้อมูลและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแก่ผู้ใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งพัฒนา Super App ที่รวบรวมบริการขนส่ง การเงิน และอีคอมเมิร์ซไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้แก่ผู้ใช้บริการ

    ดร.ดนันท์ ระบุว่า ปี 2568 ไปรษณีย์ไทยใช้งบลงทุนด้านเทคโนโลยีไปกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อปรับตัวสู่การสร้าง Digital Touch Point ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้บริการ

    ทั้งนี้ Super App เป็นการรวมแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ไปรษณีย์ไทยเคยมี 4-5 แอปมาให้บริการที่นี่ที่เดียว โดยจะมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทำให้ใช้งานได้ง่าน เช่น ไม่ต้องจำเลข tracking เพราะมี AI ช่วยอ่านเลข tracking จากสลิป มีแผนที่แสดงแบบเรียลไทม์ในการติดตามพัสดุ รวมถึงสามารถจัดการ-เปลี่ยนแปลงจุดรับพัสดุได้

    • การเร่งพัฒนาบริการ D/ID เพื่อกระตุ้นโครงสร้างพื้นฐานด้านความเชื่อมั่นและความเป็นส่วนตัวโดยที่ยังคงความสะดวกในการรับ-ส่งพัสดุ รวมถึงเป็นรหัสกลางที่จะทำให้การทำงานร่วมกันของหน่วยงานรัฐอีคอมเมิร์ซ และเอกชนเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมแพลตฟอร์ม การชำระเงิน COD การคืนพัสดุ หรือการตรวจสอบสถานะ และทำให้ไปรษณีย์ไทยรองรับงานต่อวันได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุน

    • ยกระดับบริการ Prompt Post โดยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Digital Postbox บริการตู้ไปรษณีย์ดิจิทัลส่วนบุคคล Passport Tracking บริการติดตามสถานะหนังสือเดินทาง Prompt Pass ระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ และ Prompt Vote ระบบการลงคะแนนเสียงออนไลน์รูปแบบใหม่ที่ไช้งานง่าย ปลอดภัย และมีระบบบันทึกผลที่น่าเชื่อถือ


    • การเพิ่มประสิทธิภาพของ Postman Cloud ที่เอื้อต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจ ผ่านการขยายกำลังคนในแต่ละพื้นที่ เช่น กลุ่มบุคลากรวัยเกษียณที่ยังคงมีความเชี่ยวชาญและความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในพื้นที่ เพื่อรองรับดีมานด์การเก็บข้อมูลและสำรวจทรัพย์ การเชื่อมโยงความต้องการของธุรกิจและลูกค้า รวมถึงการพัฒนาระบบไอที เอไอ ซอฟต์แวร์เพื่อนำมาวิเคราะห์และประมวลผลจากการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ชุดข้อมูลมีประสิทธิภาพและเกิดการนำไปใช้ในวงกว้าง

    ดร.ดนันท์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้าน Sustainnovation ไปรษณีย์ไทยยังมองโอกาสในการก้าวสู่ดิจิทัลเพิ่มเติมผ่านการร่วมลงทุนในรูปแบบ Joint Venture กับบริษัทเทคฯ ซึ่งมีการพูดคุยแล้วหลายราย และคาดว่าจะเห็นการ JV ในปีหน้าแน่นอน โดยจุดประสงค์ของการ JV คือการสร้าง tech engine เพื่อให้การทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านเทคโนโลยีของไปรษณีย์ไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ทั้งยังสามารถนำโปรดักต์ด้านนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นขยายไปสู่การสร้างรายได้ใหม่ในอนาคตด้วยได้



ภาพ: ไปรษณีย์ไทย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ค้าชายแดนไทย-ลาว มูลค่า 2.4 หมื่นล้าน! ‘ไปรษณีย์ไทย–ไปรษณีย์ลาว’ ลุย 5 ยุทธศาสตร์ หนุนโครงสร้าง ‘ระบบขนส่ง-การเงิน-คน-ข้อมูล’ ดันโอกาสเศรษฐกิจดิจิทัล ‘ไทย-ลาว-จีน’

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine