เมื่อ AI ทำให้เราเชื่อทุกอย่าง! Tellscore ชี้ยุค Trust Algorithm ครองโซเชียล ถึงเวลาเลิกไล่ยอดวิว

เมื่อ AI ทำให้เราเชื่อทุกอย่าง! Tellscore ชี้ยุค Trust Algorithm ครองโซเชียล ถึงเวลาเลิกไล่ยอดวิว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้มนุษย์ได้รับข้อมูลมากเกินไป และเชื่อโดยยังไม่ทันได้สงสัย การตั้งคำถามกำลังเป็นสิ่งที่ล้าหลัง ขณะที่การรุกคืบของ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่เว้นแม้แต่โลกโฆษณา ความเก่งกาจของ AI เริ่มเป็นอุปสรรคสำหรับคนทำงาน ‘สุวิตา จรัญวงศ์’ ซีอีโอ Tellscore แชร์มุมมองผ่านเวที Adman Award & Symposium 2025 ล้วงลึกถึงปัญหา พร้อมเสนอทางแก้ไข ชูคอนเทนต์สร้างสรรค์-คุณภาพ มากกว่ายอดวิว ยอดแชร์


ทำไมมนุษย์ถึงเชื่อใจ อัลกอริทึมที่มองไม่เห็น

    สุวิตา จรัญวงศ์ ซีอีโอ Tellscore เปิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI และบทบาทของอัลกอริทึมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหน้าฟีดโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่ามนุษย์กำลังถูก AI จัดสรรข้อมูลผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Trust Algorithm” หรือการเชื่อใจอัลกอริทึมอย่างเต็มใจ โดยไม่มีการตั้งคำถาม อัลกอริทึมนี้ได้กลายเป็นสิ่งชี้นำอารมณ์มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการรู้สึกดีกับสิ่งที่เห็นบนฟีด หรือแม้แต่การตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์


Trust Paradox ความไว้วางใจที่มาพร้อมกับการไม่เข้าใจ

    สุวิตาอธิบายถึงแนวคิด “Trust Paradox” โดยระบุว่า การไม่เข้าใจหลักการทำงานของอัลกอริทึม กลับนำมาสู่การเชื่อใจโดยปริยาย เมื่อคอนเทนต์บางอย่างถูกป้อนเข้าสู่หน้าฟีดของมนุษย์อย่างสม่ำเสมอ ความไว้วางใจย่อมเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ



วิวัฒนาการของอัลกอริทึม

    ซีอีโอ Tellscore เผยว่า ย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว อัลกอริทึมเริ่มต้นจากการเป็นเพียงกติกาบนโลกเว็บไซต์ แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาไปสู่ระบบการเรียนรู้ (Learning System) ที่ปรับปรุงตัวเองได้ในทุกชั่วโมง เป้าหมายหลักคือการปรับตัวเพื่อให้มนุษย์ใช้เวลาเลื่อนฟีดและหยุดดูคอนเทนต์เหล่านั้นนานขึ้นบนพื้นฐานของชุดข้อมูลที่ถูกเก็บไว้

    “ถ้า AI ตัดสินว่ามนุษย์จะได้เห็นคอนเทนต์อะไรในโซเชียล แล้ว AI จะเป็นตัวตัดสินว่าลูกหลานของเราจะเป็นใครในอนาคตด้วยหรือไม่” สุวิตา ตั้งคำถาม

    สุวิตา อธิบายระบบทำงานของอัลกอริทึมว่ามันจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลส่วนตัวของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เช่น เพศ อายุ และที่อยู่ ซึ่งเธอเรียกว่าเป็น “อาหารอันโอชะของอัลกอริทึม” พร้อมชวนคิดต่อว่า มนุษย์จะสามารถเปลี่ยน Input เหล่านี้ได้หรือไม่ โดยการเพิ่มข้อมูลที่สร้างสรรค์ หรือแม้กระทั่งพยายามทำให้การทำงานของอัลกอริทึมช้าลง และเปลี่ยนดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ได้หรือไม่

    “ความผิดส่วนหนึ่งอยู่ที่ User ด้วย เมื่อ AI ตั้งกติกาขึ้นมา แต่มนุษย์กลับเล่นตามโดยไม่มีการตั้งคำถามใดๆ” สุวิตา ย้ำ

    สุวิตา กล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเปรียบเสมือนสถาปนิกที่กำลังสร้างระบบความสนใจ ที่เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้ได้รับความสนใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถึงเวลา ‘บาลานซ์’ ระหว่างมนุษย์กับ AI แล้ว เราไม่ควรปล่อยให้ AI ตัดสินทุกอย่างแทนมนุษย์ และมนุษย์ควรสร้างคอนเทนต์ในยุคของมนุษย์เอง อย่าทำเพื่อยุคอัลกอริทึม ที่มุ่งเน้นแค่ยอดวิว ยอดขาย ความเร็ว และปริมาณ ซึ่งได้กลายเป็นสัญญาณร้ายไปแล้ว”

    “มนุษย์ต้องการมากกว่า 7 วินาที เพื่อตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ แต่เวลาโดยประมาณที่โซเชียลมีเดียกำหนดให้มนุษย์มีคือ 3-4 วินาทีเท่านั้น เวลากระชั้นชิดนี้ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจแบบฉับพลัน และทำให้มนุษย์ไม่เกิดความอยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป เพราะเราถูกป้อนคำตอบแบบสำเร็จรูปมาแล้ว” สุวิตากล่าว



    ทั้งนี้ ซีอีโอหญิงแห่ง Tellscore ได้แบ่งปัน 5 ข้อเสนอเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ไว้ว่า ควรมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวผู้บริโภคอย่างโปร่งใส, ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่แท้จริงมากกว่าปริมาณ, ให้ความสำคัญกับมนุษย์, ทำคอนเทนต์อย่างมีความรับผิดชอบ และให้เวลากับความปลอดภัยทางจิตวิทยา

    นอกจากนี้ เธอยังได้รวบรวมอีก 5 เคล็ดลับส่วนตัวที่ใช้แล้วได้ผลกับตัวเอง สำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ ได้แก่ ความจริงใจ, การวางทาร์เก็ตอย่างโปร่งใส โดยไม่นำข้อมูลของผู้อื่นมาใช้, สร้างข้อมูลเฉพาะบุคคล โดยยังคงความเป็นส่วนตัว, มีเป้าหมายอย่างสร้างสรรค์ และการควบคุมจริยธรรม AI

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำแห่ง Tellscore มองว่า AI ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญหน้าและอยู่ร่วมกับมันให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ รู้เท่าทัน และพร้อมปรับตัว นอกจากนี้ ในโลกของการแย่งชิง Engagement อย่างบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ใกล้ถึงตอนอวสานแล้ว และกำลังถูกแทนที่ด้วย “การเปลี่ยนแปลงโดยมุ่งเน้นสิ่งที่ดีกว่า”



ภาพ Adman Award



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ถอดแนวคิด 3 SME ไทย ‘Mizumi-เจี้ยนชา-นายอ้วนเย็นตาโฟ’ ต้องใช้ ‘ความกล้า’ หรือ ‘ความเชื่อ’

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine