ย้อนเส้นทาง ‘หงส์ไทย’ ยาดมสมุนไพรสุดไอคอนิกไวรัลทั่วโลกที่กวาดรายได้ไปมากกว่า 300 ล้าน และการเผชิญวิกฤตสำคัญอีกครั้ง เมื่อ อย. สั่งปิดโรงงาน 2 พื้นที่
กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงนี้ สำหรับกรณี ‘หงส์ไทย’ ยาดมสมุนไพรแบรนด์ดังที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไอคอนิกแห่งความเป็นไทยก็ว่าได้ ถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับตำรวจ ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) เข้าตรวจค้นโรงงานหงส์ไทย ใน 2 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และสมุทรสาคร หลังพบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ ยาดมสมุนไพรหงส์ไทย สูตร 2 (เลขทะเบียน G 309/62)
หลังจากนั้น อย.มีคำสั่งปิดโรงงานทั้ง 2 แห่ง และอายัดของกลางรวมประมาณ 2.4 ล้านชิ้น สาเหตุคือ สถานที่เหล่านี้ดำเนินการผลิตและบรรจุ โดยไม่มีใบอนุญาตผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรตามกฎหมาย โดยเป็น “สูตร 2” ประมาณ 400,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท

เรียกได้ว่าข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับสังคมพอสมควร เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘หงส์ไทย’ คือยาดมที่ใครหลายคนยกให้เป็นหนึ่งไอคอนิกของความเป็นไทย ไปจนถึงเป็น soft power หนึ่งของไทย หลังจากเหล่าคนดังระดับอินเตอร์คว้ายาดมกระปุกเขียวนี้ขึ้นมาดมออกสื่อ หงส์ไทยก็กลายเป็นเหมือนของฝากจากไทยระดับ The Must ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องซื้อกลับ
เส้นทางของหงส์ไทยเริ่มจาก ‘เก่ง-ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ ผู้บุกเบิกอาณาจักรหงส์ไทยเมื่อราว 20 ปีก่อน เขาค่อยๆ ปลุกปั้นสินค้าจากพิมเสนมาสู่อยาดมสมุนไพร จนกระทั่งธุรกิจเล็กๆ นี้กลายเป็นแบรนด์ที่มีคนใช้ทั่วโลก ด้วยกลิ่นสมุนไพรที่ผสานเสน่ห์แบบไทยแท้ และบรรจุภัณฑ์สุดคลาสสิก หงส์ไทยจึงกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ยากจะเลียนแบบ ทั้งในแง่ของกลิ่น และจิตวิญญาณของแบรนด์

จุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อ ลิซ่า BLACKPINK หยิบยาดมหงส์ไทยขึ้นมาถ่ายรูปลงอินสตาแกรม จนกลายเป็นไวรัลถล่มทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง Central Cee แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวอังกฤษ ก็เปิดเผยว่าเขาพกยาดมหงส์ไทยไว้ในกระเป๋าเสมอ เพื่อใช้สูดดมระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน นั่นทำให้ยาดมหงส์ไทยกลายเป็นสินค้าสุดไวรัล ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีล่าสุด (2565-2567) พบว่า
-ปี 2565 รายได้รวม 62,722,792 บาท กำไร 782,832 บาท
-ปี 2566 รายได้รวม 215,708,824 บาท กำไร 1,432,803 บาท
-ปี 2567 รายได้รวม 366,171,154 บาท กำไร 2,055,997 บาท
การเติบโตอย่างรวดเร็วในแง่ของดีมานด์ ทำให้ปีที่แล้ว บริษัทจึงได้จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 1 ไร่ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว จากเดิมมียอดผลิตอยู่ที่ประมาณ 50,000 กระปุกต่อวัน
เขาเคยให้สัมภาษณ์เผชิญวิกฤตมาแล้วถึง 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตด้านการบริหารคน, วิกฤตปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูงนานกว่า 30 เดือนในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด และวิกฤตพนักงานขายไร้มาตรฐาน แต่ในฐานะหัวเรือใหญ่ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคนำแบรนด์คู่ใจคนไทยกลับมาได้เสมอ
น่าติดตามว่า ... ครั้งนี้ ‘หงส์ไทย’ จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างไร
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : CATHY DOLL x MAENG เครื่องสำอางคอลเล็กชันพิเศษ collab เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังของ 'ลิซ่า' กระตุ้นยอดขาย 100 ล้าน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


