‘คามุ คามุ’ รีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 14 ปี เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์-มาสคอต หวังชิงส่วนแบ่งตลาดชานม–กาแฟ ตั้งเป้าโต 10% และขยายครบ 300 สาขาภายใน 3 ปี

‘คามุ คามุ’ รีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 14 ปี เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์-มาสคอต หวังชิงส่วนแบ่งตลาดชานม–กาแฟ ตั้งเป้าโต 10% และขยายครบ 300 สาขาภายใน 3 ปี

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Nov 2025 | 01:00 PM
READ 164

ตลาดร้านเครื่องดื่มประเภทชานมในไทยเรียกได้ว่ายังคงคึกคักต่อเนื่อง ล่าสุดกับแบรนด์ คามุ คามุ (KAMU KAMU) ที่ประกาศปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้ง พร้อมเผยคอนเซ็ปต์ใหม่ “Spark Joy Everyday” ชูภาพลักษณ์สดใส ทันสมัย และเข้าถึงง่าย พร้อมเสริมทัพด้วยมาสคอต “น้องคามุ” และ “น้องเลม่อน” ที่เปิดตัวครั้งแรก และเปิดแฟล็กชิปสโตร์ 2 แห่ง เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคและขยายฐานคนรุ่นใหม่อย่างจริงจัง ท่ามกลางการแข่งขันตลาดชานม–กาแฟที่ร้อนแรง


    คามุ คามุ ก่อตั้งในปี 2554 โดย ทินกฤต และ รณิดา สินทัตตโสภณ ด้วยแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นและความตั้งใจมอบชาคุณภาพดีในราคาจับต้องได้ แบรนด์เติบโตต่อเนื่องจนมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลักของตลาดชานมไทย ขยายสาขาเกิน 190 แห่งทั่วประเทศ ด้วยจุดเด่นด้านวัตถุดิบสดใหม่ ผลิตแบบวันต่อวัน ปราศจากวัตถุกันเสีย พร้อมเอกลักษณ์ความ “Chewable Tea” ผ่านท็อปปิ้งที่หลากหลาย

    การรีแบรนด์ครั้งใหญ่นี้เกิดจากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติบโตสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงเปิดรับสิ่งใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัว


    ขณะเดียวกัน ตลาดชานมในประเทศไทยยังคงมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และขยายตัวเฉลี่ย 7% ต่อปี แม้จะเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้น แต่ คามุ คามุ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยยอดขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นกว่า 18% และยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและคุณภาพที่แบรนด์ยึดมั่นมาตลอด

    ทินกฤต สินทัตตโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คามุ คามุ จำกัด เผยว่า “ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา คามุ คามุ ยึดมั่นในการส่งมอบเครื่องดื่มคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทั้งอร่อย สดใหม่ และมีคุณภาพในทุกวัน เราให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ผลิตสดแบบวันต่อวัน และปราศจากวัตถุกันเสียในทุกขั้นตอน เพราะเราเชื่อว่านี่คือหัวใจสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ความมุ่งมั่นเหล่านี้สะท้อนอยู่ใน DNA ของแบรนด์คามุ คามุ ที่ยึดถือคุณภาพและความใส่ใจในทุกรายละเอียด จึงสามารถยืนหยัดเติบโตได้อย่างมั่นคงท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น และครองใจผู้บริโภคได้เสมอมา”

ทินกฤต สินทัตตโสภณ


    Brand DNA ของคามุ คามุ คือการผสานความเป็นญี่ปุ่นเข้ากับความเข้าใจในผู้บริโภคไทย ประกอบด้วย 4 แก่นสำคัญ ได้แก่ Genuine - ใส่ใจคุณภาพและคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน, Passionate - สะท้อนความหลงใหลในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ลูกค้า, Lively - ถ่ายทอดความสนุกและสร้างความประทับใจผ่านการบริการ, และ Dynamic - พร้อมปรับตัวให้ทันกับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้คือหัวใจที่หล่อหลอมให้คามุ คามุ เติบโตอย่างมั่นคง และเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่อยู่ในใจผู้บริโภคมาทุกยุค แม้จะมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาท้าทายอยู่ตลอดเวลา

    จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคของคามุ คามุ พบว่า คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Early Working Adults มีแนวโน้มบริโภคเครื่องดื่มแบบ Made-to-Order มากขึ้น เฉลี่ย 3–4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเติมพลังและสร้าง “โมเมนต์แห่งความสุขเล็กๆ” ระหว่างวัน พวกเขามองหาเครื่องดื่มที่มอบประสบการณ์ใหม่ ทั้งในรสชาติ กลิ่น และสัมผัส รวมถึงชื่นชอบเมนูที่มีความแปลกใหม่ ถ่ายรูปสวย และสะท้อนตัวตนของตนเอง

    ขณะเดียวกันเทรนด์ตลาดยังสะท้อนถึงความนิยมในเมนู ผลไม้ ชาชีส และเครื่องดื่มหลายเลเยอร์ ซึ่งให้ทั้งความสดชื่นและความหรูหราในเวลาเดียวกัน แนวคิด “Spark Joy Everyday” จึงถูกต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจให้คามุ คามุ พัฒนาเมนูใหม่ๆ ที่สะท้อนรสนิยมของผู้บริโภครุ่นใหม่ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แสวงหาความสุขในทุกแก้วที่ดื่ม


    โดยคามุ คามุ ได้พัฒนาและสร้างสรรค์เมนูใหม่กว่า 10 รายการ เพื่อตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาความแปลกใหม่และคุณภาพในเวลาเดียวกัน เช่น Flora Tea, มัทฉะชาโดะ, Chizu Brûlée พร้อมเปิดตัว วาราบิโมจิ ท็อปปิ้งใหม่ล่าสุด ที่ทำสดใหม่ทุกวัน และเดินหน้าแคมเปญตลาดเต็มรูปแบบ พร้อมอีเวนต์เปิดตัวที่มี “เพิร์ธ–แซนต้า” ร่วมสร้างสีสันให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภควัยรุ่นมากขึ้น

    “การรีแบรนด์เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปีนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตระยะยาว โดยมุ่งยกระดับแบรนด์ให้มีความสดใหม่ ทันสมัย และใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและมีอิทธิพลต่อเทรนด์การบริโภคในอนาคต

    “ขณะเดียวกัน เรายังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าเดิมที่เติบโตมากับเรา โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายสาขาเดิมอย่างน้อย 10% ต่อปี และเดินหน้าขยายสาขาจากกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มเฉลี่ยปีละ 30 สาขา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 300 แห่งภายใน 3 ปี พร้อมตั้งงบลงทุน 8 หลัก เพื่อขยายสาขาและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้คามุ คามุ เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำความตั้งใจของเราในการเป็นแบรนด์เครื่องดื่มคุณภาพที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคในทุกวันและอยู่ในใจผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน” ทินกฤต กล่าวเสริม


    การปรับโฉมแบรนด์ คามุ คามุ ครั้งใหญ่นี้ ได้มีการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ 2 สาขา ได้แก่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์การออกแบบเรียบหรู ใช้โทนสีทองเพิ่มความพรีเมียม แต่ยังคงเอกลักษณ์ความอบอุ่นและเข้าถึงง่ายในแบบของคามุ คามุ ภายในร้านยังมีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขา เช่น ไอศกรีมและเบเกอรี่

    ส่วนอีกสาขาคือ สาขาสินธร ทาวเวอร์ ภายใต้ชื่อ “KAMU Coffee Creation” จะเน้นการนำเสนอเมนูกาแฟสเปเชียลตี้เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าออฟฟิศ ใช้การตกแต่งโทนพรีเมียมและเมนูกาแฟที่แตกต่างจากสาขาอื่น แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ เครื่องดื่มคุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ โดยมีแผนต่อยอดเพื่อผลักดันการเติบโตของไลน์กาแฟในอนาคต

    นอกจากนี้ แบรนด์ยังเผยโฉมมาสคอต “น้องเลม่อน” เป็นครั้งแรกในงานอีเวนต์เปิดตัวการรีเฟรชแบรนด์เมื่อไม่นานมานี้ โดยปรากฏตัวร่วมกับ “น้องคามุ” ไอคอนประจำแบรนด์ เพื่อเพิ่มความสดใสและสร้างการจดจำในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของคามุ คามุ ในฐานะแบรนด์ที่อยู่ใกล้ชิดและเติบโตไปพร้อมกับคนทุกเจเนอเรชัน



ภาพ: คามุ คามุ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ครบรอบ 25 ปี 'นิตยาไก่ย่าง' ถอด 4 กลยุทธ์หนุนรายได้ธุรกิจปี 68 แตะ 1,000 ล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine